|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
10,0025,001,"<B>""และ""</B> หรือมิได้ประกอบก็ตาม ต้องประกอบกิริยานั้นเป็น "
|
|
10,0025,002,พหุวจนะเสมอ เพราะ จ ศัพท์ เป็นคำที่แสดงรวม ไม่ได้แยกเป็น
|
|
10,0025,003,"คน ๆ หรือสิ่ง ๆ เหมือน วา ศัพท์ ซึ่งแปลว่า <B>""หรือ""</B> ซึ่งแสดง"
|
|
10,0025,004,ว่าแยกเป็นคนละส่วน ฉะนั้น กิริยาศัพท์ของประธานที่ประกอบด้วย
|
|
10,0025,005,วา ศัพท์ ซึ่งเป็นเอกวจนะ ถึงแม้ว่าหลายตัว ก็คงเป็นเอกวจนะ
|
|
10,0025,006,อยู่นั่นเอง ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือน จ ศัพท์ ดังจะยกอุทาหรณ์เปรียบ
|
|
10,0025,007,เทียบดังต่อไปนี้ :-
|
|
10,0025,008,เทสนาวสาเน อุปาสโก จ สา จ อิตฺถี โสตาปตฺติผเล
|
|
10,0025,009,ปติฏฺหึสุ ในกาลเป็นที่จบลงแห่งเทศนา อุบาสกด้วย หญิงนั้นด้วย
|
|
10,0025,010,ดำรงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล. นี้หมายความรวมทั้ง ๒ คน คือ อุบาสก
|
|
10,0025,011,และหญิงนั้น จึงต้องใช้กิริยาเป็น พหุวจนะ.
|
|
10,0025,012,ภิกฺขุํ ปเนว อุทฺทิสฺส ราชา วา ราชโภคฺโว วา พฺราหฺมโณ วา
|
|
10,0025,013,คหปติโก วา ทูเตน จีวรเจตาปนํ ปหิเณยฺย อนึ่ง พระราชา หรือ
|
|
10,0025,014,ราชอมาตย์ พราหมณ์ หรือ คฤหบดี พึงส่งซึ่งทรัพย์สำหรับจ่าย
|
|
10,0025,015,จีวรไปด้วยทูตเจาะจงภิกษุ. นี้มิได้หมายความรวม แต่หมายคนใด
|
|
10,0025,016,คนหนึ่งในคนที่กล่าวถึงเหล่านั้น จึงต้องใช้กิริยาเป็น เอกวจนะ.
|
|
10,0025,017,กิริยาศัพท์ที่ตายตัว
|
|
10,0025,018,มีกิริยาศัพท์บางตัวที่คงรูปตายตัวเป็นเอกวจนะอยู่เสมอ ไม่มี
|
|
10,0025,019,เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ตัวประธานนั้นจะเป็นพหุวจนะก็ตาม กิริยาศัพท์
|
|
10,0025,020,นี้ได้แก่ อตฺถิ (มีอยู่) และนตฺถิ (ย่อมไม่มี) ซึ่งเป็นพวก อสฺ ธาตุ
|
|
10,0025,021,ประกอบด้วย ติ วิภัตติ เอกวจนะ แปลง ติ เป็น ตฺถิ จึงสำเร็จรูป
|
|
|