id
stringlengths
8
13
text
stringlengths
3
3.49M
source
stringclasses
30 values
metadata
dict
nonweb_87672
ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง กำหนดมูลค่าน้ำมันเตาที่ผลิตในราชอาณาจักรเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี (ฉบับที่ ๓๒/๒๕๕๖) ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง กำหนดมูลค่าน้ำมันเตาที่ผลิตในราชอาณาจัก ร เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี (ฉบับที่ ๓๒/๒๕๕๖) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘ (๑) วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๔ และโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหลักการ ตามหนังสือสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่กค ๐๓๐๒/๑๑๒๖ ลงวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ อธิบดีกรมสรรพสามิตออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง กำหนดมูลค่าน้ำมันเตาที่ผลิตในราชอาณาจักร เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี (ฉบับที่ ๓๑/๒๕๕๖) ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ข้อ ๒ กำหนดมูลค่าน้ำมันเตาที่ผลิตในราชอาณาจักรเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีไว้ ดังต่อไปนี้ (๑) น้ำมันเตาชนิดที่ ๑ ลิตรละ ๒๐.๘๖๙๒ บาท (๒) น้ำมันเตาชนิดที่ ๒ ลิตรละ ๑๙.๗๓๖๒ บาท (๓) น้ำมันเตาชนิดที่ ๓ ลิตรละ ๑๙.๒๒๔๓ บาท (๔) น้ำมันเตาชนิดที่ ๔ ลิตรละ ๑๘.๘๒๖๖ บาท (๕) น้ำมันเตาชนิดที่ ๕ ลิตรละ ๑๘.๘๔๙๗ บาท ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ สุจิตรา เลาหวัฒนภิญโญ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมสรรพสามิต เล่ม: ๑๓๐ หมวด: ๑๐๐ ง ประกาศ ณ: ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ หน้า: ๙
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:87673", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง กำหนดมูลค่าน้ำมันเตาที่ผลิตในราชอาณาจักรเพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี (ฉบับที่ ๓๒/๒๕๕๖)", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2556/D/100/9.PDF", "year": null }
nonweb_105103
ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดจันทบุรี เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งสมาคม "สมาคมเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ภาคตะวันออก People living with Hiv/Aids network Eastern Region Thailand" ประกาศนายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดจันทบุรี เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งสมาคม ด้วย นางสาวมาลินี เวชสุข นางกุลกานต์ จินตกานนท์ นายป้ญญา ชูศิริ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียน จัดตั้งสมาคมเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอ ดส์ ภาคตะวันออก People living with Hiv/Aids network Eastern Region Thailand ต่อนายทะเบียนสมาคมจังหวัดจันทบุรีมีใจความสำคัญตามข้อบังคับของสมาคม ดังนี้ ๑. ชื่อสมาคม “สมาคมเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ภาคตะวันออก People living with Hiv/Aids network Eastern Region Thailand” ๒. วัตถุประสงค์ของสมาคม คือ ๒.๑ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ในภาคตะวันออก มีคุณภาพชีวิตที่ดี และลดจำนวนผู้ติดเชื้อ รายใหม่ ๒.๒ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสโดยเฉพาะผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้เข้าถึงบริการการรักษาตามมา ตรฐาน ของกระทรวงสาธารณสุข ๒.๓ เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูล ข่าวสารด้านเอดส์ การประสานงาน ของผู้ทำงานดำ นเอดส์ โดยไม่หวังผลประโยชน์ใด ๆ ๒.๔ พัฒนาศักยภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป๋วยเอดส์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้สามาร ถ ทำงานเป็นแกนนำร่วมแก้ไขป้ญหาเอดส์ได้ ๒.๕ เป็นแกนนำประสานระหว่างผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ภาครัฐและองค์กรอื่น ๆ ในประเทศ และต่างประเทศ การดำเนินการไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ๓. สำนักงานใหญ่ของสมาคม ตั้งอยู่ที่ เลขที่ ๕๕/๓ ถนนเทศบาลสาย ๑ ตำบลยา ยร้า อำเภอท่าใหม่จังหวัดจันทบุรี ๒๒๑๒๐ หน้า ๑๑๑ ๔. การจัดการของสมาคมในวาระเริ่มแรก มีคณะกรรมการดำเนินงานดังรายนามต่อไปนี้ ๔.๑ นางสาวมาลินี เวชสุข นายกสมาคม ๔.๒ นายเสรี จินตกานนท์ อุปนายก คนที่ ๑ ๔.๓ นายอำนวย รุ่งสว่าง อุปนายก คนที่ ๒ ๔.๔ นางกุลกานต์ จินตกานนท์ นายทะเบียน ๔.๕ นายรุ่งโรจน์ น่วมเปรม ปฏิคม ๔.๖ นางสาวสำเนียง คนฑา ประชาสัมพันธ์ ๔.๗ นางสาวทับทิม เชื้อสุข เหรัญญิก ๔.๘ นายป้ญญา ชูศิริ เลขานุการ นายทะเบียนสมาคมประจำ จังหวัดจันทบุรี มีคำสั่งรับจ ดทะเบียนจัดตั้งสมาคมรายนี้แล้ว เลขทะเบียนลำดับที่ ๑/๒๕๖๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๒ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ พูนศักดิ์ วาณิชวิเศ ษกุล ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัด จันทบุรี นายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดจันทบุรี เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๗๗ ง ประกาศ ณ: ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๑๑๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:105104", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดจันทบุรี เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งสมาคม \"สมาคมเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ภาคตะวันออก People living with Hiv/Aids network Eastern Region Thailand\"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/D/077/T_0111.PDF", "year": null }
nonweb_120097
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ "มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ “มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ด้วย นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ข้อ ๓ - ๔, ๑๓ และ ๒๐ มีใจความ ดังนี้ ข้อ ๓ สำนักงานมูลนิธิตั้งอยู่เลขที่ ๘๖ ซอยลาดพร้าว ๑๑๐ แยก ๒ (สนธิวัฒนาแยก ๒) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๑๐ ข้อ ๔ วัตถุประสงค์ของมูลนิธินี้คือ ๔.๑ ส่งเสริมการศึกษา และเผยแพร่องค์ความรู้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน และให้การสนับสนุน ส่งเสริม ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็ง การมีส่วนร่วม ในการพัฒนาแก่ภาคประชาสังคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการขจัดความยากจน ความหิวโหย การลดความเหลื่อมล้ำ การปกป้องและการมีส่วนร่วม ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างสมดุลและยั่งยืนของระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ ที่ดิน ป๋าไม้ความหลากหลายทางชีวภาพ พลังงานสะอาด และอากาศ รวมตลอดถึง การส่งเสริม การสร้างสังคมให้เกิดสันติภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียม และความเป็นธรรม ๔.๒ ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรประชาชน กลุ่ม หรือเครือข่ายในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ๔.๓ เสริมสร้างและขยายการประสานงาน ประสานเครือข่ายขององค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรประชาชน ให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย ๔.๔ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน เพื่อให้เกิดความตระหนักและร่วมกันแก้ไขป้ญหา ตั้งแต่ระดับปฏิบัติถึงระดับนโยบายของประเทศ หน้า ๑๒๐ ๔.๕ เสริมสร้างความเข้าใจอันดีและก่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระหว่างภาคประชาชน ภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคีอื่น ๆ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือ ขององค์กรพัฒนาเอกชนไทยกับองค์กรต่างประเทศ ๔.๖ ดำเนินการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และให้คำปรึกษาแก่หน่วยงาน หรือคณะบุคคล ในกิจกรรมที่เป็นการสนับสนุนเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ รวมตลอดถึงในกิจกรรม ที่เป็นการสนับสนุนการพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ๔.๗ เพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขด้วยความเป็นกลางและไม่ให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองใด ข้อ ๑๓ กรรมการดำเนินงานมูลนิธิอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๔ ปี และเพื่อให้การดำเนินงาน ของมูลนิธิเป็นไปโดยต่อเนื่อง ให้คณะกรรมการมูลนิธิชุดแรก พ้นจากตำ แหน่งไม่เกินกึ่งหนึ่ง ของจำนวนคณะกรรมการ เมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบ ๒ ปี (ครึ่งหนึ่งของวาระการดำรงตำแหน่ง) โดยให้ถือว่าเป็นการออกตามวาระและให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ทดแทน โดยในการปรับเปลี่ยนกรรมการแต่ละท่าน ให้ผ่านการพิจารณาทบทวนในที่ประชุมคณะกร รมการ เพื่อพิจารณาว่าควรปรับออกหรือคงไว้เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนบุคลากรที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับ ประเด็นการดำเนินงานขององค์กร โดยการปรับออก หรือคงไว้ให้เป็นมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ในกรณีที่กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่งถึงคราวออกตามวาระ ให้กรรมการของมูลนิธิ ที่พ้นจากตำแหน่งถึงคราวออกตามวาระ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการ ของมูลนิธิต่อไป จนกว่ามูลนิธิจะได้รับ แจ้งการจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิที่ตั้งใหม่ ข้อ ๒๐ กรรมการและเลขานุการมูลนิธิมีหน้าที่ควบคุมกิจการและดำเนินการประจำของมูลนิธิ ติดต่อประสานงานทั่วไป รักษาระเบียบข้อบังคับของมูลนิธิ นัดประชุมกรรมการ และทำรายงานการประชุม ตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิ ทั้งนี้ ในการบริหารงานในสำนักงาน ตลอดจนการติดต่อประสานงานในกิจการของมูลนิธิ ให้กรรมการและเลขานุการ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการมูลนิธิ หน้า ๑๒๑ นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิรายนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พิริยะ ฉันทดิลก รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๓๔ ง ประกาศ ณ: ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๑๒๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:120098", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ "มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/D/034/T_0120.PDF", "year": null }
nonweb_84885
ประกาศคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เรื่อง มาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการจัดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เรื่อง มาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการจัดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ให้มีความเหมาะสม เป็นมาตรฐาน และสอดคล้องกับลักษณะการทำงานของสำนักงานศาลปกครอง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๕ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบมาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ และมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ กฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่ง และระดับตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๑ และมติคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง (ก.ขป.) ในคราว ประชุมครั้งที่ ๑๑๙ - ๘/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ก.ขป. จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เรื่อง มาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการจัดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกบัญชีมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง ประเภทอำนวยการ ตามบัญชีมาตรฐาน กำหนดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองท้ายประกาศคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เรื่อง มาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการจัดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒ และให้ใช้ บัญชีท้ายประกาศนี้แทน ประกาศ ณ วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง บัญชีมาตรฐานกำหนดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองท้ายประกาศคณะคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เรื่อง มาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการจัดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และ ระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ ----------------------- ------------------- ประเภทอำนวยการ ๒ สายงาน ๑. สายงานพนักงานคดีปกครอง ลำดับ ประเภทตำแหน่ง ชื่อตำแหน่งในการบริหารงาน ชื่อตำแหน่งในสายงาน ระดับ ๑ อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักงานศาล ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (พนักงานคดีปกครอง) สูง ๒ อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (พนักงานคดีปกครอง) สูง ๒. สายงานเจ้าหน้าที่บริหารงานศาลปกครอง ลำดับ ประเภทตำแหน่ง ชื่อตำแหน่งในการบริหารงาน ชื่อตำแหน่งในสายงาน ระดับ ๑ อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนัก เจ้าหน้าที่บริหารงานศาลปกครอง สูง ๒ อำนวยการ ผู้อำนวยการวิทยาลัย เจ้าหน้าที่บริหารงานศาลปกครอง สูง เล่ม: ๑๒๘ หมวด: ๗๒ ก ประกาศ ณ: ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ หน้า: ๑๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:84886", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เรื่อง มาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการจัดตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเข้าประเภทตำแหน่ง สายงาน และระดับตำแหน่งตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/A/072/10.PDF", "year": null }
nonweb_111144
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ "มูลนิธิแสงสิทธิการ (เพื่อคุณภาพชีวิต)" ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ “มูลนิธิแสงสิทธิการ (เพื่อคุณภาพชีวิต)” ด้วย นางปิยพร เสาร์สาร ผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ของมูลนิธิแสงสิทธิการ (เพื่อคุณภาพชีวิต) ข้อ ๓, ๖.๔, ๒๘, ๓๔ - ๓๗ และ ๔๓ มีใจความ ดังนี้ ข้อ ๓ สำนักงานของมูลนิธิตั้งอยู่ที่อาคาร ๖ ชั้น ๕ กรมอนามัย เลขที่ ๘๘/๒๒ หมู่ ๔ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ ข้อ ๖.๔ รายได้อันเกิดจากการจัดกิจกรรมซึ่งอยู่ภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ข้อ ๒๘ คณะกรรมการมูลนิธิจะต้องจัดให้มีการประชุมสามัญประจำปีทุก ๆ ปี อย่างน้อย ปีละ ๑ ครั้ง และต้องมีกรรมการมูลนิธิเข้าประชุมกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ข้อ ๓๔ ประธานกรรมการมูลนิธิ หรือรองประธานมูลนิธิในกรณีทำหน้าที่แทน มีอำนาจสั่งจ่ายเงิน ได้คราวละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท (หำหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติ จากคณะกรรมการมูลนิธิโดยเสียงข้างมาก เว้นแต่กรณีจำเป็นเร่งด่วนให้อยู่ในดุลพินิจของประธานกรรมการมูลนิธิ ที่จะอนุมัติให้จ่ายได้ แล้วต้องรายงานให้คณะกรรมการมูลนิธิทราบในการประชุมคราวต่อไป ข้อ ๓๕ เหรัญญิกมีอำนาจในการเก็บรักษาเงินสดได้ครั้งละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท (หำพันบาทถ้วน) ข้อ ๓๖ เงินสดของมูลนิธิต้องนำฝากกับธนาคาร หรือสถาบันการเงินอื่นใด ที่รัฐบาลค้ำประกัน หรือจะซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ จำกัด ที่มีธนาคารอาวัล ให้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการมูลนิธิก่อน บรรดาบัญชีรายรับ - รายจ่าย บัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน เอกสารสิทธิ์ ตลอดจนเอกสารใบสำคัญต่าง ๆ ของมูลนิธิให้เหรัญญิกเก็บรักษาไว้ที่กองคลัง กรมอนามัย ข้อ ๓๗ การสั่งจ่ายเงินโดยเช็คหรือตั๋วจ่ายเงินหรือการเบิกจากธนาคารจะต้องมีลายมือชื่อ ของบุคคลต่อไปนี้ข้อใดข้อหนึ่ง ลงนามทุกครั้งจึงจะเบิกจ่ายได้คือ (๑) ประธานกรรมการมูลนิธิกับเลขานุการหรือเหรัญญิก ร่วมกัน ๒ คน (๒) รองประธานกรรมการมูลนิธิกับเลขานุการหรือเหรัญญิก ร่วมกัน ๒ คน หน้า ๘๒ ข้อ ๔๓ ถ้ามูลนิธิต้องเลิกล้มไปโดยมติคณะกรรมการ หรือเหตุใดก็ตามทรัพย์สินทั้งหมดของมูลนิธิ ที่เหลืออยู่ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่กรมอนามัยเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิที่มีก่อนเลิกล้มไป นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิรายนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร้หนา ๘๓ เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๙๑ ง ประกาศ ณ: ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๘๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:111145", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ "มูลนิธิแสงสิทธิการ (เพื่อคุณภาพชีวิต)"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/D/091/T_0082.PDF", "year": null }
nonweb_118802
คำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ ๑๓/๒๕๖๔ เรื่อง ยกเลิกการห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด คำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 13/๒๕๖๔ เรื่อง ยกเลิกการห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตามที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการได้ใช้อำนาจตามมาตรา ๒๙/๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกคำสั่งที่ ๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง ห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC เป็นการชั่วคราว อันเนื่องมาจากปัจจุบันสถานการณ์ แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (Covid-19) ในประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจได้นำเข้า ผลิต หรือจำหน่ายสินค้าที่มีลักษณะเป็นโคมไฟฆ่าเชื้อโรคแบบพกพา กระเป๋าฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์ เครื่องดูดกำจัดไรฝุ่นด้วยรังสียูวี หรืออุปกรณ์ฆ่าเชื้อแบบพกพาในรูปแบบต่าง ๆ จำหน่ายให้กับผู้บริโภค เพื่อใช้ภายในบ้านเรือนหรืออาคารทั่วไป โดยอ้างสรรพคุณฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไรฝุ่น ป้องกัน เชื้อไวรัส Covid-19 ซึ่งจากข้อมูลที่สถาบันผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลของโทษของการใช้รังสี UVC ว่าหากมี การใช้รังสี UVC ในระบบเปิดหรือผู้บริโภคได้สัมผัส/กระทบรังสี UVC โดยตรง อาจเป็นสาเหตุ ของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังและเป็นอันตรายต่อดวงตาทำให้เกิดต้อกระจก ตำอักเสบ หรือจอประสาทตาเสื่อมก่อนวัยอันควรซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ และให้ผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งประสงค์จะขายหรือผลิต สั่งหรือนาเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายสินค้า หรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อจัดให้มีการทดสอบหรือพิสูจน์ว่าสินค้าหรืออุปกรณ์ ที่มีรังสี UVC ดังกล่าวไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค นั้น บัดนี้บริษัท แอลจี อี เลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ติดต่อสำนักงานคณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภคเพื่อจัดให้มีการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC จำนวน ๑ ประเภท ดังนี้ ประเภทกล่องฆ่าเชื้อหน้ากากฟอกอากาศ รุ่น PWKAUW01 ผลการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าประเภทดังกล่าว ปรากฏว่า การทดสอบขีดจำกัดอันตราย อันเนื่องมาจากการแผ่รังสีอุลตราไวโอเลตจากการเปิดรับแสงที่เกิดจากตำและผิวหนัง ความยาวคลื่น การแผ่รังสีและการทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C ผลการทดสอบเป็นไปตามเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๙/๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประธานกรรมการ ว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ โดยมติคณะกรรมการว่าด้วยความปล อดภัยของสินค้า หน้า ๔๐ และบริการ ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ จึงมีคำสั่งให้แก้ไขคำสั่ง คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ ๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง ห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC เป็นการชั่วคราว โดยให้ยกเลิกการห้ามขายสินค้า หรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน ๑ ประเภท คือ ประเภทกล่องฆ่าเชื้อหน้ากากฟอกอากาศ รุ่น PWKAUW01 ที่ขาย ผลิต สั่ง หรือนาเข้ามา ในราชอาณาจักรเพื่อขำ ยตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้เป็นต้นไป ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. ๒๕ วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ประธานกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๑๗๔ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๔๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:118803", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ ๑๓/๒๕๖๔ เรื่อง ยกเลิกการห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/174/T_0040.PDF", "year": null }
nonweb_120186
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อบัญญัติตำบลองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรตราข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง ว่าด้วยการควบคุม การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม องค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง โดยความเห็นชอบ ของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึงและนายอำเภอเชียรใหญ่จึงตราข้อบัญญัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง เรื่อง การควบคุม การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึงตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาข้อบัญญัติ ประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่ได้ตราไว้แล้ว ในข้อบัญญัตินี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบัญญัตินี้ ให้ใช้ข้อบัญญัตินี้แทน ข้อ ๔ ในข้อบัญญัตินี้ “การเลี้ยงสัตว์” หมายความว่า การมีสัตว์ไว้ในครอบครองและ ดูแลเอาใจใส่บำรุงรักษา ตลอดจนให้อาหารเป็นอาจิณ “การปล่อยสัตว์” หมายความว่า การสละการครอบครองสัตว์ หรือปล่อยให้อยู่ นอกสถานที่เลี้ยงสัตว์โดยปราศจากการควบคุม “เจ้าของสัตว์” หมายความรวมถึงผู้ครอบครองสัตว์ด้วย “สถานที่เลี้ยงสัตว์” หมายความว่า คอกสัตว์ กรงสัตว์ ที่ขังสัตว์ หรือสถานที่ในลักษณะอื่น ที่มีการควบคุมของเจ้าของสัตว์ “ที่หรือทางสาธารณะ” หมายความว่า สถานที่หรือทางซึ่งมิใช่เป็นของเอกชน และประชาชนสามารถใช้ประโยชน์หรือใช้สัญจรได้ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง หน้า ๕๖ ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพ ของประชาชนในท้องถิ่น หรือเพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์ให้พื้นที่ในเขตอำนาจ ขององค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึงเป็นเขตควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ ดังนี้ (๑) ให้พื้นที่ต่อไปนี้เป็นเขต ห้ามเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ประเภท ช้าง ม้า โค กระบือ สุกร แพะ แกะ หรือสัตว์อื่น ๆ โดยเด็ดขาด (๑.๑) ในพื้นที่สาธารณะ เช่น บริเวณถนนสาธารณะทุกสาย สนามกีฬา สนามเด็กเล่น วัด ศาลาประจำหมู่บ้านเป็นเขตห้ามเลี้ยงหรือปล่อยช้าง ม้า โค กระบือ สุกร แพะ แกะ หรือสัตว์อื่น ๆ (๑.๒) บริเวณสถานที่ราชการทุกแห่ง เช่น ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ข้อ ๖ ในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบสัตว์ในที่หรือทางสาธารณะอันเป็นการฝ๋าฝืนข้อ ๕ โดยไม่ปรากฏเจ้าของให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจกักสัตว์ดังกล่าวไว้เป็นเวลาอย่างน้อยสามสิบวัน เมื่อพ้นกำหนดแล้วยังไม่มีผู้ใดมาแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าของเพื่อรับสัตว์คืนให้สัตว์นั้นตกเป็นของ องค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง แต่ถ้าการกักสัตว์ ไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่สัตว์นั้นหรือสัตว์อื่น หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะจัดการขายหรือขายทอดตลาดสัตว์นั้นตามควรแก่กรณี ก่อนถึงกำหนดเวลาดังกล่าวก็ได้ เงินที่ได้จากการขายหรือขายทอดตลาดเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาด และค่าเลี้ยงดูสัตว์แล้วเก็บรักษาไว้แทนสัตว์ ในกรณีที่มิได้มีการขายหรือขายทอดตลาดสัตว์ตามวรรคหนึ่งและเจ้าของสัตว์มาขอรับสัตว์คืน ภายในเวลาตามวรรคหนึ่ง เจ้าของสัตว์ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงดูสัตว์ให้แก่องค์การบริหาร ส่วนตำบลเสือหึง ตามจำนวนที่ได้จ่ายจริงด้วย ในกรณีที่ปรากฏว่าสัตว์ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบนั้นเป็นโรคติดต่ออันอาจเป็นอันตราย ต่อประชาชนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจทำลายหรือจัดการตามที่เห็นสมควรได้ ข้อ ๗ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ในเขตอำนาจองค์การบริหาร ส่วนตำบลเสือหึง ในเรื่องใดหรือทุกเรื่องก็ได้ ข้อ ๘ ผู้ใดฝ๋าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในบทกำหนดโทษ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หน้า ๕๗ ข้อ ๙ นอกจากการเลี้ยงสัตว์ตามปกติวิสัยแล้ว เจ้าของสัตว์จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) จัดให้มีสถานที่เลี้ยงสัตว์ที่มั่นคงแข็งแรงตามความเหมาะสมแก่ประเภท และชนิดของสัตว์โดยมีขนาดเพียงพอแก่การดำรงชีวิตของสัตว์ มีแสงสว่า งและการระบายอากาศที่เพียงพอ มีระบบการระบายน้ำและกำจัดสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ (๒) รักษาสถานที่เลี้ยงสัตว์ให้สะอาดอยู่เสมอ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะเป็นประจำ ไม่ปล่อยให้เป็นที่สะสมหมักจนเกิดกลิ่นเหม็นรบกวนผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง (๓) เมื่อสัตว์ตายลงเจ้าของสัตว์จะต้องกำจัดซากสัตว์และมูลสัตว์ให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันมิให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงหรือสัตว์นำโรค ทั้งนี้ โดยวิธีที่ไม่ก่อเหตุรำคาญจากกลิ่น ควัน และไม่เป็นเหตุให้เกิดการปนเปื้อนของแหล่งน้ำ (๔) จัดให้มีการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคใน สัตว์เพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์ (๕) ให้เลี้ยงสัตว์ภายในสถานที่ของตน ไม่ปล่อยให้สัตว์อยู่นอกสถานที่เลี้ยงสัตว์ โดยปราศจากการควบคุม กรณีเป็นสัตว์ดุร้ายจะต้องเลี้ยงในสถานที่หรือกรงที่บุคคลภายนอกเข้าไปไม่ถึงตัวสัตว์ และมีป้ายเตือนให้ระมัดระวังโดยสังเกตได้อย่างชัดเจน (๖) ไม่เลี้ยงสัตว์ภายในสถานที่ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนด (๗) ควบคุมดูแลสัตว์ของตนมิให้ก่ออันตรายหรือเหตุรำคาญต่อผู้อื่น (๘) ปฏิบัติการอื่นใดตามคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข คำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น รวมทั้งข้อบังคับ ระเบียบ และคำสั่งขององค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง ข้อ ๑๐ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึงเป็นผู้รักษาการตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ นพภาพร ศรีแค นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง หน้า ๕๘ บัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ลำดับที่ประเภท ค่าธรรมเนียม (บาท/ปี) ๑ ๒ ๓ ๔ ค่าธรรมเนียมการปรับ ช้าง ค่าปรับเชือกละไม่เกิน ม้า โค กระบือ สุกร ค่าปรับตัวละไม่เกิน แพะ แกะ ล่อ ลา สุนัข ค่าปรับตัวละไม่เกิน สัตว์อื่น ๆ ค่าปรับตัวละไม่เกิน ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสัตว์แต่ละชนิด หรือแต่ละประเภท ๑,๐๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ตามจำนวนที่จ่ายจริงตามข้อ ๖ เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๒๓๘ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๕๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:120187", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสือหึง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/238/T_0056.PDF", "year": null }
nonweb_125581
ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดสุโขทัย เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งสมาคม [สมาคมกู้ภัยบางแก้วสุโขทัย] ประกาศนายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดสุโขทัย เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งสมาคม ด้วย ผู้เป็นสมาชิกของสมาคม ดังรายนามต่อไปนี้ ๑. นางสาวนภัส สุขเมือง ๒. นางสาวภัทรพรรณ สุขเมือง ๓. นางสาววทันยา พลอยเงิน ได้ร่วมกันยื่นคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม เพื่อให้มีฐานะเป็นนิติบุคคลต่อนายทะเบียน มีใจความสำคัญตามข้อบังคับ ดังนี้ ๑. ชื่อสมาคม “สมาคมกู้ภัยบางแก้วสุโขทัย” ๒. วัตถุประสงค์ของสมาคม ๒.๑ เพื่อดำเนินงานร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุ อุบัติเหตุทางจราจร รวมถึงเหตุด่วน และเหตุร้ายอื่น ๆ โดยทันที ๒๔ ชั่วโมง ตลอดจนรายงานรายละเอียด ๒.๒ เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทางด้านการจ ราจร รวมถึงด้านยานพาหนะ อาทิเช่น รถเสีย น้ำมันหมด ฯลฯ ๒.๓ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุ อุบัติภัย และเหตุร้ายต่าง ๆ ตามคำสั่งของศูนย์สั่งการวิทยุกู้ชีพโรงพยาบาลสุโขทัย รวมถึงการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เจ้าพนักงานฝ๋ายปกครอ ง เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี องค์การบริหารส่วนตำบลปากแคว และทุกหน่วยงาน ที่ร้องขอเพื่อทำการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ๒.๔ เพื่อประสานงานการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้านภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ๒.๕ ดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อการกุศล และองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อสาธารณประโย ชน์ ๒.๖ ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด หน้า ๑๘๙ ๓. สำนักงานใหญ่ของสมาคม ตั้งอยู่เลขที่ ๖/๑๐ หมู่ที่ ๑ ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ๔. คณะกรรมการของสมาคม ประกอบด้วย ๔.๑ นายภิญโญ งดงาม นายกสมาคม ๔.๒ นายจิรโรจน์ ภูวพัฒน์รวีกุล อุปนายกสมาคม ๔.๓ นายสินธุ์ชัย เอี่ยมสว่าง กรรมการ ๔.๔ นายสมชาย โตจริง กรรมการ ๔.๕ นายไพรัช กิ่งก้าน กรรมการ ๔.๖ นายพีรพล จันหอม ปฏิคม ๔.๗ นางสาววทันยา พลอยเงิน นายทะเบียน ๔.๘ นายชานนท์ บุญสวัสดิ์ ประชาสัมพันธ์ ๔.๙ นางสาวนภัส สุขเมือง เหรัญญิก ๔.๑๐ นางสาวภัทรพรรณ สุขเมือง เลขานุการ ๔.๑๑ นายพงศ์เทพ สาคร สื่อมวลชน นายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดสุโขทัย ได้มีคำสั่งให้รับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมรายนี้แล้ว เลขทะเบียนที่ ๒/๒๕๖๕ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ณัฏฐพงศ์ สุขวิสิฏฐ์ ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดสุโขทัย เล่ม: ๑๓๙ หมวด: ๖๗ ง ประกาศ ณ: ๐๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ หน้า: ๑๘๙
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:125582", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดสุโขทัย เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้งสมาคม [สมาคมกู้ภัยบางแก้วสุโขทัย]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/D/067/T_0189.PDF", "year": null }
nonweb_77900
ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง แบบตอบรับการแจ้งการฆ่าไก่ เป็ด และห่าน ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง แบบตอบรับการแจ้งการฆ่าไก่ เป็ด และห่าน ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๕ บังคับกับไก่ เป็ด และห่าน ในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๙ และมีผลบังคับใช้ นับแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ซึ่งตามมาตรา ๑๕ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์ และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๕ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแจ้งการฆ่าสัตว์ ออกหลักฐาน การรับแจ้งเป็นหนังสือให้แก่ผู้ที่ประสงค์จะฆ่าสัตว์ โดยกำหนดวันและเวลาในการฆ่าสัตว์ตามแบบ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ฉะนั้น อาศัยอำนาจตาม มาตรา ๑๕ ประกอบกับ มาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติควบคุม การฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงออกประกาศ กำหนดแบบตอบรับการแจ้งการฆ่าไก่ เป็ด และห่าน ไว้รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบท้ายนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ อดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ฯ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบบ ฆจส ...................... เล่มที่......... เลขที่................ ............. แบบตอบรับการแจ้งการฆ่าไก่ เป็ด และห่าน เขียนที่.......................... .................. ................ ............... วันที่..................เดือน................ .............พ.ศ................. ด้วยได้รับแจ้งจาก ......................... ................ ................ ..............อยู่บ้านเลขที่............... ............. หมู่ที่....................... ถนน .............................. .............. ..............ตำบล/ แขวง ...................... .............. .............. ............ อำเภอ / เขต.................. .................. ..................จังหวัด.............. ................ .............. .............ว่ามีความประสงค์จะฆ่า (......)ไก่จำนวน .............. .............ตัว (.......) เป็ด จำนวน ............. ..........ตัว (......) ห่าน จำนวน ............. ..........ตัว โดยนำสัตว์จากฟาร์ม/ผู้ประกอบการชื่อ.................. .................. ................ ................ ................ ................ ................ เลขที่.............หมู่ที่..........ตำบล.............. .............. .............อำเภอ ................ ..............จังหวัด................... .................. เลขทะเบียนฟาร์มมาตรฐาน ที่.............. .............. .............(ถ้ามี) กำหนดจับ วันที่...........เดือน..................พ.ศ........... เข้าฆ่าในโรงฆ่าสัตว์ชื่อ................ ................ ................ ................ ................ ................ ................ ............... .............. ใบอนุญาตตั้งโรงฆ่าสัตว์ โรงพักสัตว์ และการฆ่าสัตว์ (ฆจส .๒)ที่ .................. ................ .............. .............. ............. ตั้งอยู่เลขที่.................... ..................ตรอก / ซอย................ .............. ..............ถนน .................. .................. ................. ตำบล/ แขวง .............. .............. .............อำเภอ / เขต................ ................. ............... จังหวัด.................... ................... ในวันที่................เดือน.............. ..............พ.ศ....................... ตั้งแต่เวลา............ ..........น. ถึงเวลา .............. ........... น. พนักงานเจ้าหน้าที่รับทราบแล้ว และได้เรียกเงิน อากรการฆ่าสัตว์.................. ................... ............... บาท................... ..................สตางค์ ค่าธรรมเนียมโรงฆ่าสัตว์............... .............. ...........บาท.................... .................สตางค์ ค่าธรรมเนียมโรงพักสัตว์............... ............ ............บาท............... ............ ...........สตางค์ ลงชื่อ................................ ................ ................ผู้เก็บเงิน ลงชื่อ.................................. ................ ...............ผู้รับแจ้ง ตำแหน่งพนักงานเจ้าหน้าที่ …………………………………………………… …………………….. วันที่.................เดือน................... .................พ.ศ................. โรงฆ่าสัตว์................ ................ ................ .............. ............ พนักงานตรวจโรคสัตว์ตรวจแล้วเห็นว่า สัตว์ที่จะฆ่า/ เนื้อสัตว์ของสัตว์ที่ได้ฆ่า  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ที่จะใช้เนื้อสัตว์เป็นอาหาร พนักงานเจ้าหน้าที่จึง  อนุญาต  ไม่อนุญาต ให้ทำการฆ่าสัตว์ในวันที่..................เดือน.............. .............. .............พ.ศ.............. ..............เวลา.............. .............น. และได้ประทับตรารับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์แล้ว และอนุญาตให้นำเนื้อสัตว์ออกจากโรงฆ่าสัตว์ได้ ลงชื่อ.............................. ............................. พนักงานตรวจโรคสัตว์ ลงชื่อ.................................... ................................ พนักงานเจ้าหน้าที่ เล่ม: ๑๒๓ หมวด: ๑๐๔ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ หน้า: ๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:77901", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง แบบตอบรับการแจ้งการฆ่าไก่ เป็ด และห่าน ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๕", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2549/E/104/1.PDF", "year": null }
nonweb_90500
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน เพื่อให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ๑. ให้พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน ๒. ให้พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทน ปลัดกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เล่ม: ๑๓๑ หมวด: ๘๘ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หน้า: ๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:90501", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๗ เรื่อง การแต่งตั้งให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และให้รักษาราชการแทน", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/E/088/3.PDF", "year": null }
nonweb_77553
ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและพื้นที่ที่ต้องใช้มาตรค่าโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและพื้นที่ที่ต้องใช้มาตรค่าโดยสาร สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงคมนาคมได้ออกประกาศกระทรวงคมนาคม ฉบับประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เรื่อง กำหนดอัตราค่าโดยสารโดยมาตรค่าโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้าง บรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (รถแท็กซี่) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร นั้น โดยที่ป้จจุบันสภาพความเจริญทางสังคมและเศรษฐกิจพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับได้มีการจัดตั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขึ้นเป็นท่าอากาศยานนานาชาติขนาดใหญ่ซึ่งจะเปิด ให้บริการในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ทำให้เขตพื้นที่ที่ต้องใช้มาตรค่าโดยสารของรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ไม่เกินเจ็ดคน (TAXI -METER) ตามประกาศกระทรวงคมนาคมดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง ในป้จจุบัน จึงเห็นสมควรแก้ไขปรับปรุงการกำหนดอัตราค่าโดยสาร และเขตพื้นที่ที่ต้องใช้มาตรค่าโดยสาร สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนเสียใหม่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจ ตามความในข้อ ๑๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติ รถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงคมนาคม ฉบับประกาศ ณ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เรื่อง กำหนดอัตราค่าโดยสารโดยมาตรค่าโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ไม่เกินเจ็ดคน (รถแท็กซี่) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ข้อ ๒ อัตราค่าโดยสารให้เรียกเก็บ ดังนี้ ระยะทาง ๒ กิโลเมตรแรก ค่าโดยสาร ๓๕ บาท ระยะทางกิโลเมตรที่ ๒ ขึ้นไป ถึงกิโลเมตรที่ ๑๒ ค่าโดยสารกิโลเมตรละ ๔.๕๐ บาท ระยะทางกิโลเมตรที่ ๑๒ ขึ้นไป ถึงกิโลเมตรที่ ๒๐ ค่าโดยสารกิโลเมตรละ ๕ บาท ระยะทางกิโลเมตรที่ ๒๐ ขึ้นไป ค่าโดยสารกิโลเมตรละ ๕.๕๐ บาท กรณีรถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า ๖ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ค่าโดยสาร นาทีละ ๑.๒๕ บาท ข้อ ๓ การใช้อัตราค่าโดยสารตามข้อ ๒ ให้ใช้ในเขตพื้นที่ตามแนวถนนที่เชื่อมโยงระหว่าง จุดสิ้นสุดที่กำหนดไว้ดังต่อไปนี้ และให้ครอบคลุมถึงถนนสายย่อย ตรอก หรือซอยที่เชื่อมต่อออกไป จากแนวเขตและจุดสิ้นสุดดังกล่าวในรัศมีไม่เกิน ๒ กิโลเมตรด้วย (๑) ทิศเหนือ (ก) ถนนพหลโยธิน สิ้นสุดที่ศูนย์สรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค สาขารังสิต (ข) ถนนรังสิต-ปทุมธานีสิ้นสุดที่สะพานข้ามทางรถไฟ (ค) ถนนรังสิต-นครนายก สิ้นสุดที่คลองสาม (ง) ถนนติวานนท์ สิ้นสุดที่ทางแยกสวนสมเด็จย่า (๒) ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ก) ถนนลำลูกกา สิ้นสุดที่คลองสี่ (ข) ถนนสายไหม สิ้นสุดที่ทางแยกถนน กม. ๑๑ (ค) ถนนหทัยราษฎร์ สิ้นสุดที่ทางแยกถนนวัดคู้บอน (ง) ถนนนิมิตรใหม่สิ้นสุดที่วัดบัวแก้ว (๓) ทิศตะวันออก (ก) ถนนราษฎร์อุทิศ สิ้นสุดที่สถานีตำรวจนครบาลหนองจอก ถนนเลียบวารี (ข) ถนนบุรีภิรมย์ สิ้นสุดที่ทางแยกถนนสังฆสันติสุขตัดกับถนนอยู่วิทยา (ค) ถนนสุวินทวงศ์ สิ้นสุดที่ทางแยกสุวินทวงศ์ตัดกับถนนเชื่อมสัมพันธ์ และถนนฉลองกรุง (ง) ถนนหลวงแพ่ง สิ้นสุดที่ซอยหลวงแพ่ง ๑ (ซอยวัดพลมานีย์) (จ) ถนนราษฎร์อุทิศ สิ้นสุดที่หลักเขตกรุงเทพมหานคร (ถนนวัดกิ่งแก้ว) กับจังหวัดสมุทรปราการ (ฉ) ถนนกรุงเทพ -ชลบุรีสิ้นสุดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายใหม่) (๔) ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ก) ถนนบางนา -ตราด สิ้นสุดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ข) ทางด่วนบูรพาวิถีสิ้นสุดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ค) ถนนศรีนครินทร์ สิ้นสุดที่ทางแยกถนนเทพารักษ์ (๕) ทิศใต้ (ก) ถนนสุขุมวิท สิ้นสุดที่ตลาดสดปู๋เจ้าสมิงพราย และตามแนว ถนนปู๋เจ้าสมิงพรายจนถึงท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยา (ข) ถนนสุขสวัสดิ์ สิ้นสุดที่โรงเรียนราชประชาสมาสัย (ค) ถนนประชาอุทิศ สิ้นสุดที่ทางแยกถนนครุใน (ง) ถนนบางขุนเทียน สิ้นสุดที่ทางแยกวัดหัวกระบือ (จ) ถนนธนบุรี-ปากท่อ สิ้นสุดที่ทางแยกถนนวงแหวนรอบนอก (๖) ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ก) ถนนเอกชัย สิ้นสุดที่ทางแยกถนนบางบอน ๓ (ข) ถนนเพชรเกษม สิ้นสุดที่หลักเขตกรุงเทพมหานครกับจังหวัดนครปฐม (ค) ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา สิ้นสุดที่สถานีตำรวจนครบาลศาลาแดง (๗) ทิศตะวันตก (ก) ถนนปินเกล้า-นครชัยศรีสิ้นสุดที่ทางแยกถนนพุทธมณฑลสายสอง (ข) ถนนรัตนาธิเบศร์ สิ้นสุดที่ทางแยกที่ถนนรัตนาธิเบศร์บรรจบวงแหวนรอบนอก ข้อ ๔ สำหรับการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารนอกเหนือจากเขตพื้นที่ที่กำหนดไว้ในข้อ ๓ จะใช้อัตราค่าโดยสารตามข้อ ๒ หรือตามที่ตกลงราคากันก็ได้ ข้อ ๕ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ พลเอก ชัยนันท์ เจริญศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เล่ม: ๑๒๓ หมวด: ๑๓ ง ประกาศ ณ: ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ หน้า: ๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:77554", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและพื้นที่ที่ต้องใช้มาตรค่าโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI-METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2549/00181799.PDF", "year": null }
nonweb_144301
ประกาศนายทะเบียน เรื่อง การขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ครั้งที่ 10/2566 ประกาศนายทะเบียน เรื่อง การขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ 10/2566 โดยที่เป็นการสมควรขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ และข้อ ๑๘ แห่งระเบียบกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒ นายทะเบียน จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามระเบียบกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่ เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และกำหนดเลขทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน และเลขประจำของเจ้าของเรื่องของ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ดังต่อไปนี้ ลำดับ ชื่อศูนย์ ที่ตั้ง เลขทะเบียนศูนย์ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน เลขประจำของเจ้าของ เรื่องของศูนย์ไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทภาคประชาชน 1 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงตลาดพลู (02) เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลตลาดพลู เลขที่ 45 ซอยวุฒากาศ 1 ถนนวุฒากาศ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 150502 ยธ 0403 (กท 150502) 2 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงบางยี่เรือ (04) เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ เลขที่ 2 ถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 150304 ยธ 0403 (กท 150304) 3 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงอนุสาวรีย์ (06) เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เลขที่ 40 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 050206 ยธ 0403 (กท 050206) 4 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงบางแคเหนือ (03) เขตบางแค กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลหลักสอง เลขที่ 3 ซอยเพชรเกษม 98 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 400203 ยธ 0403 (กท 400203) หน้า ๒๖ ลำดับ ชื่อศูนย์ ที่ตั้ง เลขทะเบียนศูนย์ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน เลขประจำของเจ้าของ เรื่องของศูนย์ไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทภาคประชาชน 5 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงหลักสอง (03) เขตบางแค กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม เลขที่ 829 ซอยเพชรเกษม 63 แยก 1 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 400403 ยธ 0403 (กท 400403) 6 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงประเวศ (06) เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลอุดมสุข เลขที่ 306 ถนนรามคำแหง 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 320106 ยธ 0403 (กท 320106) 7 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลบางคอแหลม เลขที่ 4 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 240201 ยธ 0403 (กท 240201) 8 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงทับยาว(02) เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย เลขที่ 140 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 110502 ยธ 0403 (กท 110502) 9 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงหนองแขม (03) เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลหนองแขม เลขที่ 44 หมู่ที่ 8 ถนนบางบอน 5 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 230203 ยธ 0403 (กท 230203) 10 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงหนองค้างพลู (06) เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลหนองค้างพลู เลขที่ 22 ซอยเพชรเกษม 110 แยก 14-1-4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 230306 ยธ 0403 (กท 230306) 11 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงคู้ฝั่งเหนือ (03) เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลลำหิน เลขที่ 72 หมู่ที่ 8 แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 030603 ยธ 0403 (กท 030603) หน้า ๒๗ ลำดับ ชื่อศูนย์ ที่ตั้ง เลขทะเบียนศูนย์ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน เลขประจำของเจ้าของ เรื่องของศูนย์ไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทภาคประชาชน 12 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงบางกะปิ (02) เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน เลขที่ 3 ถนนกำแพงเพชร 7 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 170202 ยธ 0403 (กท 170202) ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖ เรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายทะเบียน เล่ม: 140 หมวด: 159 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 05/07/2023 หน้า: 26
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:144302", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียน เรื่อง การขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ครั้งที่ 10/2566", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D159S0000000002600.pdf", "year": null }
nonweb_137809
ประกาศกรมการศาสนา เรื่อง การรับรองวัดคาทอลิก [วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ (พาน)] ประกาศกรมการศาสนา เรื่อง การรับรองวัดคาทอลิก ด้วยมิซซังกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอให้รับรองวัดคาทอลิก ชื่อ วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ (พาน) ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒ หมู่ ๒ ถนนพหลโยธิน ตำบลเมืองพาน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ ต่อคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ จึงประกาศรับรอง วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ (พาน) เป็นวัดคาทอลิก ทะเบียนเลขที่ ๐๔๒/๒๕๖๕ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เล่ม: 140 หมวด: 6 ง ประกาศ ณ: 19/01/2023 หน้า: 33
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:137810", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกรมการศาสนา เรื่อง การรับรองวัดคาทอลิก [วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ (พาน)]", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D006N0000000003302.pdf", "year": null }
nonweb_95259
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เรื่อง ระบบประปาและเงื่อนไขการใช้น้ำประปา พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เรื่อง ระบบประปาและเงื่อนไขการใช้น้ำประปา พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖๘ (๑) แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหาร ส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกอบกับมาตรา ๑๖ (๔) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๖ ข้อ ๑๖ ข้อ ๒๑ วรรคสอง ข้อ ๒๒ และข้อ ๓๕ แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบริหารกิจการและการบำรุงรักษา ระบบประปาหมู่บ้าน พ.ศ. ๒๕๔๘ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามโดยความเห็นชอบของ สภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามและนายอำเภอจัตุรัส จึงตราข้อบัญญัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เรื่อง ระบบประปา และเงื่อนไขการใช้น้ำประปา พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามตั้งแต่วันที่ได้ประกาศไว้ โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามแล้วเจ็ดวัน ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เรื่อง ระบบประปาและเงื่อนไข การใช้น้ำประปา พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๔ บรรดาข้อบัญญัติ ระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่ได้ตราไว้แล้วในข้อบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบัญญัตินี้ให้ใช้ข้อบัญญัตินี้แทน ข้อ ๕ ในข้อบัญญัตินี้ “ผู้ใช้น้ำ” หมายความว่า บุคคลที่ได้ทำสัญญาใช้น้ำกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม หรือคณะกรรมการบริหารกิจการ และบำรุงรักษาระบบประปา “ระบบประปาหมู่บ้าน” หมายความว่า ระบบประปาซึ่งเป็นทรัพย์สินขององค์การบริหาร ส่วนตำบลบ้านขาม แต่ไม่หมายความรวมถึงระบบประปาที่อยู่ในความรับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง หรือกิจการประปาระบบหลักที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามจัดตั้งขึ้น เพื่อให้บริการประชาชนและอยู่ภายใต้การบริหารจัดการขององค์การบริหารส่วนบ้านขาม “หมู่บ้าน” หมายความว่า หมู่บ้านหรือชุมชนที่อยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ตามหลักเกณฑ์การแบ่งเขตการปกครองของกระทรวงมหาดไทย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาหมู่บ้าน ที่ได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกผู้ใช้น้ำประปาให้ทำหน้าที่บริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา “ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบ ประปาหมู่บ้าน “องค์การบริหารส่วนตำบล” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม “การงดจ่ายน้ำ” หมายถึง การงดจัดส่งหรือจำหน่ายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำจะเป็นด้วยลักษณะ หรือวิธีใดก็ตามที่ผู้ใช้น้ำจะไม่สามารถใช้น้ำได้ต่อไป “มาตรวัดน้ำ” หมายถึง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งให้กับผู้ใช้น้ำเพื่อวัดปริมาตรน้ำ “เครื่องกั้นน้ำ” หมายถึง ประตูน้ำที่ติดตั้งอยู่หน้ามาตรวัดน้ำ ซึ่งมีไว้สำหรับปิดและเปิดน้ำ “สมาชิกผู้ใช้น้ำ” หมายความว่า ผู้ที่ยื่นความประสงค์จะใช้น้ำประปาหมู่บ้านเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อคณะกรรมการ ข้อ ๖ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามเป็นผู้รักษาการตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๗ ระบบประปาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามเป็นทรัพย์สินขององค์การบริหาร ส่วนตำบลบ้านขาม ข้อ ๘ ระบบประปาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ถือเป็นสาธารณูปโภคของชุมชน ประชาชนมีสิทธิใช้น้ำประปาเทียมกันภายใต้ข้อบัญญัตินี้ ข้อ ๙ ระบบประปาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม อาจมอบให้คณะกรรมการบริหารกิจการ และบำรุงรักษาระบบประปาดำเนินการได้ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามเห็นสมควร ข้อ ๑๐ ผู้ใช้น้ำจะต้องไม่ทำการซ่อมแซม แก้ไข ดัดแปลง หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด กับมาตรวัดน้ำ เครื่องกั้นน้ำและท่ออุปกรณ์ภายนอกมาตรวัดน้ำเป็นอันขาด ข้อ ๑๑ การต่อท่อประปาจากท่อจ่ายน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามถึงที่ติดตั้ง มาตราวัดน้ำ รวมทั้งการติดตั้งมาตราวัดน้ำและเครื่องกั้นน้ำตลอดจนอุปกรณ์อื่น ๆ พร้อมทั้งกำหนดขนาดของ สิ่งของเหล่านั้น เป็นสิทธิและหน้าที่ของการประปาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามโดยเฉพาะ ผู้ใช้น้ำ หรือผู้หนึ่งผู้ใดจะกระทำมิได้ ข้อ ๑๒ บรรดาท่ออุปกรณ์ภายในมาตรวัดน้ำเป็นทรัพย์สินของผู้ใช้น้ำ ส่วนท่ออุปกรณ์เครื่องกั้นน้ำ ภายนอกมาตรวัดน้ำ รวมทั้งมาตรวัดน้ำเมื่อได้ทำการติดตั้งไว้แล้ว เป็นทรัพย์สินขององค์การบริหารส่วนตำบล หมวด ๒ บทบาท หน้าที่ของคณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา ข้อ ๑๓ ให้มีคณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา โดยเลือกตั้งจากสมาชิก ผู้ใช้น้ำของระบบประปาหมู่บ้านแห่งนั้น ๆ โดยมีจำนวนกรรมการตามที่สมาชิกผู้ใช้น้ำส่วนใหญ่กำหนด ทั้งนี้ต้องไม่น้อยกว่า ๗ คน และอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๒ ปีนับแต่วันเลือกตั้ง แต่จะดำรงตำแหน่ง ติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้ ข้อ ๑๔ ให้คณะกรรมการตามข้อ ๒๐ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการกิจการประปา ดังนี้ (๑) วางระเบียบข้อบังคับในการบริหารกิจการประปา โดยระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับ ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม และไม่ขัดต่อข้อบัญญัตินี้ (๒) บริหารกิจการประปาให้เป็นไปตามข้อบังคับ ให้เกิดความก้าวหน้าและบริการประชาชน ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ (๓) พิจารณาอนุญาตหรืองดจ่ายน้ำให้แก่สมาชิกผู้ใช้น้ำโดยคำนึงถึงประโยชน์ของกิจการประปา เป็นหลัก แต่การงดจ่ายน้ำให้แก่สมาชิกผู้ใช้น้ำต้องได้รับความเห็นชอบจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เว้นแต่กรณีการเอาน้ำประปาหมู่บ้านไปใช้โดยทุจริต (๔) จัดทำรายงานผลการดำเนินงานให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามทราบ (๕) ควบคุม ดูแล การทำงานของเจ้าหน้าที่ของกิจการประปา (๖) จัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการประปา ข้อ ๑๕ ให้มีคณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา คัดเลือกบุคคลเพื่อให้ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ของกิจการประปา โดยให้มีหน้าที่รับผิดชอบ ดูแลรักษาระบบประปาให้สามารถจ่ายน้ำประปาได้จัดเก็บค่าน้ำ จัดทำบัญชี และดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ข้อ ๑๖ ให้คณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา กำหนดค่าธรรมเนียม การขอใช้น้ำ ค่าปรับ ค่าติดตั้งมาตรวัดน้ำ ข้อ ๑๗ ให้คณะกรรมการกำหนดตัวบุคคลในคณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษา ระบบประปา เป็นผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงินของกิจการประปาหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยกว่าสองคน ข้อ ๑๘ บุคคลที่จะได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกผู้ใช้น้ำให้เป็นกรรมการ ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (๑ มีสัญชาติไทยและมีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีบริบูรณ์ (๒) มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นประจำ และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในหมู่บ้านหรือชุมชนนั้น ๆ ติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๘๐ วัน และเป็นสมาชิกผู้ใช้น้ำของกิจการประปาหมู่บ้านที่ตน จะดำรงตำแหน่งกรรมการ (๓) เป็นบุคคลที่ประกอบอาชีพสุจริตไม่ประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคม ข้อ ๑๙ บุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ต้องห้ามมิให้มีสิทธิได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกผู้ใช้น้ำ ให้เป็นกรรมการ คือ (๑) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (๒) หูหนวกและเป็นใบ้ซึ่งไม่สามารถอ่านและเขียนหนังสือได้ (๓) ติดยาเสพติดให้โทษ (๔) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ข้อ ๒๐ กรณีกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นใด นอกจากครบวาระน้อยกว่าหรือเท่ากับกึ่งหนึ่ง ให้มีการเลือกตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลงและให้ผู้ซึ่งได้รับเลือก แทนนั้นอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน กรณีตำแหน่งที่ว่างลงมีวาระที่เหลือไม่ถึง ๑๘๐ วันจะไม่จัดให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างก็ได้ ข้อ ๒๑ ในการประชุมคณะกรรมการต้องมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จึงเป็นองค์ประชุม ข้อ ๒๒ มติที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก หากคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานเป็นผู้ชี้ขาด และให้ถือว่าเป็นที่สุด ข้อ ๒๓ ในกรณีที่มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการให้ที่ปรึกษามีสิทธิเข้าร่วมประชุม และมีสิทธิแสดงความคิดเห็นใด ๆ ก็ได้ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงมติ ข้อ ๒๔ ให้ประธานกรรมการส่งรายงานการประชุมให้ผู้บริหารท้องถิ่นทราบภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันประชุม ข้อ ๒๕ กำหนดหน้าที่ในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาระบบประปาชำรุดเสียหายให้เป็นหน้าที่ ของคณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาในการซ่อมและบำรุงรักษา เว้นแต่กรณี ระบบประปาชำรุดเสียหายจนเกินความสามารถของคณะกรรมการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา ให้เป็นหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาให้ระบบประปา ใช้การได้เสมอ หมวด ๓ การขอติดตั้งประปาและเงื่อนไขการใช้น้ำ ข้อ ๒๖ ผู้มีความประสงค์ขอใช้น้ำต้องยื่นหนังสือขอใช้น้ำตามแบบที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม กำหนด ข้อ ๒๗ การต่อท่อภายนอกแยกจากท่อเมนเข้าบ้านผู้ใช้น้ำ จะต้องทำตามแบบที่องค์การบริหาร ส่วนตำบลบ้านขามกำหนด และผู้ขอติดตั้งประปาจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการขอใช้น้ำประปาตาม ท้ายข้อบัญญัตินี้ ข้อ ๒๘ การต่อท่อภายนอกและมาตรวัดน้ำเป็นหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ข้อ ๒๙ การต่อท่อภายในให้ผู้ใช้น้ำติดตั้งได้ตามความเหมาะสม ข้อ ๓๐ ผู้ใช้น้ำจะต้องใช้น้ำผ่านมิเตอร์วัดน้ำและเสียค่าน้ำประปาตามตารางอัตราค่าน้ำประปา ท้ายข้อบัญญัตินี้ ข้อ ๓๑ จำนวนน้ำที่ได้ใช้หรือสูญเสียสิ้นเปลืองไปเกิดขึ้นภายในมาตรวัดน้ำเข้าไป ไม่ว่าจะเป็น เพราะท่อชำรุดหรือด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ผู้ใช้น้ำยินยอมชำระค่าน้ำตามจำนวนที่ได้ใช้หรือสูญเสียสิ้นเปลือง ไปตามตัวเลขที่อ่านได้หรือคำนวณได้จากมาตรวัดน้ำ ข้อ ๓๒ กรณีที่มาตรวัดน้ำสูญหาย หรือมีเหตุอื่นอันไม่สามารถคำนวณน้ำที่ใช้หรือสูญเสีย ไปตามความเป็นจริงได้ผู้ใช้น้ำยินยอมให้คิดจำนวนน้ำตามที่ได้ใช้หรือสูญเสียไปตามวิธีการที่องค์การบริหาร ส่วนตำบลบ้านขามกำหนด ข้อ ๓๓ มาตราวัดจะต้องอยู่ในสถานที่ที่เปิดเผย พนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม สามารถตรวจสอบได้ผู้ใช้น้ำไม่มีสิทธิโยกย้ายไปติดตั้งที่อื่นก่อนได้รับความยินยอมจากองค์การบริหาร ส่วนตำบลบ้านขาม หมวด ๔ สิทธิหน้าที่ของผู้ใช้น้ำประปา ข้อ ๓๔ ผู้ใช้น้ำต้องชำระค่าน้ำ ค่าบริการอื่น ๆ และค่าเสียหายทันทีที่พนักงานขององค์การ บริหารส่วนตำบลบ้านขามได้นำใบเสร็จรับเงิน หรือใบแจ้งหนี้ขอเก็บเงิน มิฉะนั้นต้องนำเงินไปชำระ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามภายในเจ็ดวัน หากพ้นกำหนดแล้วผู้ใช้น้ำยังไม่นำเงินไปชำระ ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามจะงดจ่ายน้ำและดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อผู้ใช้น้ำไม่ต้องการใช้น้ำประปาจะต้องแจ้งเป็นหนังสือต่อองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เพื่อขอเลิกสัญญา ในกรณีไม่ใช่น้ำประปาและไม่แจ้งยกเลิกสัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ผู้ใช้น้ำ จะต้องจ่ายค่ารักษามาตรวัดน้ำตามบัญชีอัตราท้ายข้อบัญญัติ ข้อ ๓๕ ผู้ใช้น้ำที่ถูกงดจ่ายน้ำเพราะไม่ชำระหนี้ไม่ว่ากรณีใด ภายหลังแสดงความจำนงขอใช้น้ำ ตามเดิมอีก ต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ดังนี้ (๑) ถ้าผู้ใช้น้ำชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดภายในหนึ่งปีนับแต่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม งดการจ่ายน้ำองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามจะทำการติดตั้งมาตรวัดน้ำให้ใช้น้ำตามเดิม โดยผู้ใช้น้ำ จะต้องชำระค่าใช้จ่ายตามอัตราที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามกำหนด (๒) ถ้าผู้ใช้น้ำชำระหนี้ที่ค้างทั้งหมดเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม งดจ่ายน้ำแล้ว ผู้ใช้น้ำจะต้องยื่นคำขอใช้น้ำและชำระค่าใช้จ่ายในการติดตั้งประปาเช่นเดียวกับผู้ขอใช้น้ำรายใหม่ ข้อ ๓๖ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นผู้ใช้น้ำยินยอมให้พนักงานส่วนตำบลบ้านขาม ซึ่งมีหน้าที่เข้าไป ในที่ดินอาคาร หรือบริเวณสถานที่อันเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ใช้น้ำเพื่อตรวจสอบแก้ไขซ่อมแซมมาตรวัดน้ำ หรือท่ออุปกรณ์ในการส่งน้ำในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก พร้อมทั้งให้ความร่วมมืออำนวย ความสะดวกในการปฏิบัติงานของพนักงานดังกล่าวตามควรแก่กรณี ข้อ ๓๗ กรณีที่ปรากฏว่าลวดหรือวัตถุใดที่พนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามได้ทำการ ตีตราผนึกไว้ที่มาตรวัดน้ำ และหรือเครื่องกั้นน้ำรวมทั้งมาตรวัดน้ำเกิดแตกขาด ชำรุด เสียหายหรือสูญหายไป ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ใดก็ตาม ผู้ใช้น้ำจะแจ้งให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ทราบโดยเร็วที่สุดอย่างชำไม่เกินสามวัน เพื่อซ่อมแซมแก้ไข และผู้ใช้น้ำยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย รวมทั้ง การขาดประโยชน์อันอาจเกิดขึ้นกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามตามควรแก่กรณี ข้อ ๓๘ เมื่อผู้ใช้น้ำรื้อถอนอาคารหรือย้ายไปจากภูมิลำเนา โดยไม่ได้แจ้งเจตนาว่าจะครอบครองสิทธิ การใช้น้ำอยู่ต่อไป หรือโอนสิทธิการใช้น้ำให้ผู้อื่น หรือบอกเลิกสัญญาการใช้น้ำภายในกำหนดเจ็ดวัน นับแต่วันที่ได้รื้อถอนอาคาร หรือย้ายออกไปจากภูมิลำเนา ให้ถือว่าสละสิทธิการใช้น้ำ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะงดจ่ายน้ำหรือโอนสิทธิการใช้ให้แก่บุคคลอื่น ข้อ ๓๙ ผู้ขอใช้น้ำที่ยื่นคำร้องขอและชำระเงินค่าใช้จ่ายในการติดตั้งประปาไว้แล้ว แต่ปฏิเสธ ที่จะให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม วางท่อและติดตั้งมาตรวัดน้ำโดยไม่มีเหตุผลอันควร ภายใน เวลาที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามแจ้งให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรให้ถือว่าสละสิทธิการใช้น้ำ และยินยอมให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามริบเงินค่าใช้จ่ายในการติดตั้งประปา ยกเว้นเงินประกัน การใช้น้ำ ข้อ ๔๐ ถ้าผู้ใช้น้ำสงสัยว่ามาตรวัดน้ำคลาดเคลื่อน ขอให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ทำการตรวจสอบก็ได้ โดยยื่นความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม จะคิดจำนวนน้ำที่ใช้ไปตามข้อ ๓๒ แต่ถ้าผลการตรวจสอบปรากฏว่ามาตรวัดน้ำอยู่ในสภาพใช้การได้ ตามปกติผู้ใช้น้ำจะต้องเสียค่าใช้จ่ายตามอัตราที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามกำหนด ข้อ ๔๑ ผู้ใช้น้ำจะต้องไม่นำน้ำประปาที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามจ่ายให้ไปขาย หรือจำหน่ายจ่ายแจก เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม การขออนุญาตขายหรือจำหน่ายจ่ายแจกน้ำประปาตามวรรคหนึ่ง ผู้ขอจะต้องยื่นจำนงเป็น ลายลักษณ์อักษร เมื่อได้รับอนุญาตจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามแล้วจึงจะดำเนินการได้ ข้อ ๔๒ ผู้ขอใช้น้ำจะขอให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามติดตั้งท่อดับเพลิงภายในเขตสถานที่ ของผู้ใช้น้ำได้โดยผู้ขอจะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการติดตั้งตามอัตราที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามกำหนด และต้องใช้เฉพาะกรณีเกิดเพลิงไหม้เท่านั้น ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามจะได้ตีตราผนึกไว้ หากผู้ใช้น้ำมีความประสงค์จะทำการทดลองท่อน้ำดับเพลิงนั้นเป็นการครั้งคราว ต้องแจ้งให้ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามทราบล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน โดยเสียค่าใช้จ่ายตามปริมาตรน้ำ ที่คำนวณได้จากท่อดับเพลิงนั้น หากตราผนึกหรือลวดที่ใช้ร้อยตราผนึกแตกขาดชำรุดเสียหาย โดยการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด เว้นแต่การใช้น้ำตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ผู้ใช้น้ำต้องชดใช้ค่าเสียหายตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม กำหนด ข้อ ๔๓ ผู้ใช้น้ำจะไม่ใช้เครื่องสูบน้ำ หรือเครื่องมืออื่นใดสูบน้ำโดยตรงจากท่อจ่ายน้ำของ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม กรณีที่ผู้ใช้น้ำจากแหล่งอื่น เช่น น้ำฝน น้ำบาดาล ฯลฯ ผู้ใช้น้ำจะต้องต่อท่อแยกไว้ต่างหาก จากท่อจ่ายน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามและท่อภายใน หากผู้ใช้น้ำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามความในวรรคสอง องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามมีสิทธิ งดจ่ายน้ำ และผู้ใช้น้ำต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามกำหนด ข้อ ๔๔ ผู้ใช้น้ำจะต้องไม่ทำการปลูกสร้าง ต่อเติมโรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอื่น ปลูกต้นไม้หรือ กระทำการใด ๆ อันอาจเกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคต่อระบบการส่งน้ำประปา การบำรุงรักษามาตรน้ำ ตลอดจนท่อและอุปกรณ์ เว้นแต่ได้ทำความตกลงกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม หากผู้ใช้น้ำกระทำตามวรรคหนึ่ง โดยมิได้ทำความตกลงกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม ผู้ใช้น้ำยินยอมให้องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามทำการรื้อถอนมาตรวัดน้ำ ท่ออุปกรณ์หรือกระทำการใด ๆ ได้ตามควรแก่กรณีโดยไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย และผู้ใช้น้ำยินยอมเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการนั้น ข้อ ๔๕ กรณีผู้ใช้น้ำถึงแก่กรรม ทายาทหรือผู้มีกรรมสิทธิ์ในอาคารสถานที่นั้นประสงค์ จะได้รับสิทธิในการใช้น้ำต่อไป ให้แสดงความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เพื่อทำการโอนสิทธิการใช้น้ำภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ผู้ใช้น้ำถึงแก่กรรม มิฉะนั้นองค์การบริหาร ส่วนตำบลบ้านขามจะถือว่าสละสิทธิการใช้น้ำและจะงดการจ่ายน้ำ หรือโอนสิทธิการใช้น้ำให้แก่ผู้อื่น หมวด ๕ บทกำหนดโทษ ข้อ ๔๖ ผู้ใดกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อ ๒๗ ข้อ ๔๑ ข้อ ๓๗ และข้อ ๔๔ แห่งข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหำร้อยบาท ข้อ ๔๗ ผู้ใดต่อท่อประปาจากท่อจ่ายน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขามโดยไม่มีสิทธิ อันเป็นการฝ่าฝืนข้อ ๑๑ แห่งข้อบัญญัตินี้หรือใช้น้ำโดยไม่ผ่านมาตรวัดน้ำ หรือแก้ไขดัดแปลงมาตรวัดน้ำ ทำให้ปริมาตรวัดน้ำที่ใช้ไม่ตรงกับความเป็นจริงต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ข้อ ๔๘ ผู้ใดกระทำการซ่อมแซม แก้ไข ดัดแปลง หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เป็นการฝ่าฝืนข้อ ๑๐ แห่งข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ข้อ ๔๙ กรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งคณะกรรมการบริการกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาขึ้น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาหมู่บ้าน พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ หรือยังไม่มีระเบียบใช้บังคับในการบริหารกิจการประปาหมู่บ้านให้ใช้ข้อบังคับนี้แทนไปพลางก่อน ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เหลือ วิเศษคร้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม บัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เรื่อง ระบบประปาและเงื่อนไขการใช้น้ำประปา พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑. บัญชีอัตราค่าบำรุงรักษามาตรวัดน้ำ ขนาดมาตรวัดน้ำ (นิ้ว) ค่าบำรุงรักษามาตรน้ำต่อเดือน (บาท) ๑/๒ ๒๐ ๓/๔ ๓๐ ๑ ๓๕ ๑ -๑/๒ ๔๐ ๒ ๔๕ ๒ -๑/๒ ๕๐ ๓ ๕๕ ๔ ๖๐ ๖ ๖๕ หมายเหตุ ค่าบำรุงรักษามาตรวัดน้ำกรณีไม่มีการใช้น้ำ เดือนละ ๓๐ บาท ๒. ค่าธรรมเนียมการขอติดตั้งประปาต้องชำระค่าธรรมเนียม การขอใช้น้ำประปาตามอัตราที่องค์การ บริหารส่วนตำบลบ้านขามกำหนด ซึ่งจะจำแนกตามชนิดและขนาดของมาตราวัดน้ำที่ขอติดตั้งรายละเอียด ตามตาราง ขนาดมาตรวัดน้ำ (นิ้ว) ค่าประกันมาตรวัดน้ำ (บาท)ค่าประกันการใช้น้ำ (บาท) ๑/๒ ๓๐๐ ๔๐๐ ๓/๔ ๔๐๐ ๖๐๐ ๑ ๑,๐๐๐ ๑,๕๐๐ ๑ - ๑/๒ ๑,๕๐๐ ๓,๐๐๐ ๒ ๓,๐๐๐ ๔,๐๐๐ ๒ - ๑/๒ ๔,๐๐๐ ๔,๐๐๐ ๓ ๕,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ ๔ ๑๐,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ ๖ ๑๐,๐๐๐ ๒๑,๐๐๐ ๓. ตารางอัตราค่าน้ำประปาหมู่บ้าน (ไม่มีระบบกรองและระบบใส่สารเคมี) ช่วงการใช้น้ำ(ลูกบาศก์เมตร) ที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ (ลูกบาศก์เมตร) ๐-๕๐ ๖ ๕๑-๑๐๐ ๗ ๑๐๐ ขึ้นไป ๘ ๔.ตารางอัตราค่าน้ำประปาหมู่บ้าน (มีระบบกรองและระบบใส่สารเคมี) ช่วงการใช้น้ำ(ลูกบาศก์เมตร) ที่อยู่อาศัยและอื่นๆ(ลูกบาศก์เมตร/บาท) ๐-๕๐ ๘ ๕๑-๑๐๐ ๙ ๑๐๐ ขึ้นไป ๑๐ เล่ม: ๑๓๓ หมวด: ๑๖๕ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หน้า: ๑๖๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:95260", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม เรื่อง ระบบประปาและเงื่อนไขการใช้น้ำประปา พ.ศ. ๒๕๕๙", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/165/162.PDF", "year": null }
nonweb_102825
ประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ประจำปี พ.ศ. ๒๕ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพและวิธีการในการ คำนวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ (๒) ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พ.ศ. ๒๕๕๐ สำนักงานประกันสังคมจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 เงินสมทบสุทธิ หมายถึง เงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายสมทบเพื่อการ จ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ ข้อ 2 ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ประจำปี พ.ศ. ๒๕ ให้คำนวณจ่าย ในอัตราร้อยละ 3.61 (สามจุดหกหนึ่ง) ต่อปีของเงินสมทบสุทธิและผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕ เท่านั้น ข้อ 3 การคำนวณจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพและผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินสมทบ ในปี พ.ศ. ๒๕ ให้คำนวณจ่ายได้ต่อเมื่อสำนักงานประกันสังคมกำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทน ของปี พ.ศ. ๒๕ แล้ว ข้อ 4 ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๖๓ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๑๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:102826", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/063/18.PDF", "year": null }
nonweb_79438
ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง ปลดลูกหนี้จากล้มละลาย (ศาลจังหวัดนนทบุรี คดีหมายเลขแดงที่ ล. ๒๖/๒๕๓๓ นายไพโรจน์ ระวิพงษ์) ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง ปลดลูกหนี้จากล้มละลาย คดีหมายเลขแดงที่ล. ๒๖/๒๕๓๓ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดนนทบุรี ศาลจังหวัดนนทบุรี ขอแจ้งให้ทราบทั่วกันว่า ตามประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ ศาลได้พิพากษาให้นายไพโรจน์ ระวิพงษ์ ลูกหนี้ที่ ๒ เป็นบุคคลล้มละลาย นั้น บัดนี้ครบกำหนดระยะเวลา ๓ ปี นับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้นายไพโรจน์ ระวิพงษ์ ลูกหนี้ที่ ๒ เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว จึงให้ปลด นายไพโรจน์ ระวิพงษ์ จากการเป็นบุคคลล้มละลาย นับแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ อนุสรณ์ ปลั่งศรีสกุล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เล่ม: ๑๒๔ หมวด: ๒๕ ง ประกาศ ณ: ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า: ๓๓๙
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:79439", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง ปลดลูกหนี้จากล้มละลาย (ศาลจังหวัดนนทบุรี คดีหมายเลขแดงที่ ล. ๒๖/๒๕๓๓ นายไพโรจน์ ระวิพงษ์)", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/D/025/339.PDF", "year": null }
nonweb_139079
ประกาศสำนักงานสถิติแห่งชาติ เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดำเนินการในการสำราจตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2566 (ไตรมาสที่ 1 - 4) ประกาศสำนักงานสถิติแห่งชาติ เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดำเนินการในการสำรวจตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. ๒๕๖๖ (ไตรมาสที่ ๑ - ๔) ด้วยสำนักงานสถิติแห่งชาติ จะดำเนินการสำรวจตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. ๒๕๖๖ (ไตรมาสที่ ๑ - ๔) เพื่อต้องการทราบการใช้อินเทอร์เน็ต ใช้โทรศัพท์มือถือ และมีโทรศัพท์มือถือของประชาชน อายุ ๖ ปีขึ้นไป รวมถึงทราบจำนว นครัวเรือน ที่มีคอมพิวเตอร์ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต รูปแบบอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อในครัวเรือน และรายได้ ของครัวเรือน (รูปแบบอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อในครัวเรือน และรายได้ของครัวเรือน สำรวจเฉพาะ ไตรมาสที่ ๑) ที่สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านเท คโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ ประชาชนและครัวเรือนในประเทศ ซึ่งภาครัฐนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผน กำหนดนโยบาย และใช้เป็นทิศทางในการพัฒนาประเทศด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างตรงจุด ภาคเอกชนและประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ วิจัยในมิติต่าง ๆ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และกฎกระทรวง การสำรวจตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดำเนินการสำรวจตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. ๒๕๖๖ (ไตรมาสที่ ๑ - ๔) ดังต่อไปนี้ ๑. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ออกไป ทำการสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนส่วนบุคคล โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาขนาดกลาง (Tablet) ในการบันทึกข้อมูล ๒. รายละเอียดของแบบสอบถามและวิธีการบันทึกแบบสอบถาม รายละเอียดปรากฏตามแบบ “สำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในครัวเรือน พ.ศ. ๒๕๖๖ (ไตรมาสที่ ๑ - ๔)” ๓. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือน ตามคุ้มรวม ในวันที่ ๑ - ๑๒ ของเดือนมกราคม - ธันวาคม ๒๕๖๖ ๔. ข้อมูลอื่น ๆ ที่ประชาชนควรทราบ ๔.๑ ข้อมูลที่ได้จากสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. ๒๕๖๖ (ไตรมาสที่ ๑ - ๔) จะนำไปใช้ในการจัดทำสถิติวิเคราะห์ หรือวิจัย เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ต่อการเก็บภาษีบุคคล หรือภาษีอื่น ๆ และไม่เกี่ยวกับสถานภาพการอยู่อาศัยของ บุคคล หน้า ๑๑ ๔.๒ บุคคลซึ่งมีหน้าที่จะต้องให้ข้อมูลตามประกาศฉบับนี้หมายถึง สมาชิกของครัวเรือน ส่วนบุคคลที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลทุกจังหวัดทั่วประเทศที่ตกเป็นครัวเรือนตัวอย่าง ๔.๓ พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๘ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของ บุคคล ที่จะต้องให้ข้อมูลตามวิธีการที่กำหนดในประกาศนี้ผู้ใดไม่ให้ข้อมูล หรือไม่กรอกแบบสอบถาม ตามวิธีการที่กำหนดในประกาศนี้หรือไม่ส่งคืนแบบสอบถามที่ได้กรอกรายการแล้วแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ภายในระยะเวลาที่กำหนดในประกาศนี้หรือไม่ให้ความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ในการเข้าไป ในอาคารหรือที่ทำการของบุคคล ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลหรือกรอกแบบสอบถาม ในระหว่างเวลา พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาอื่นใดที่บุคคลซึ่งจะต้องให้ข้อมูลได้แจ้งให้ทราบ เพื่อสอบถาม ข้อมูลหรือดำเนินการ กรอกแบบสอบถาม หรือเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสามพันบาท ๔.๔ บุคคลซึ่งมีหน้าที่จะต้องให้ข้อมูลตาม ๔.๒ ที่จงใจให้ข้อมูลเป็นเท็จ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหำพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง ๔.๕ สำนักงานสถิติแห่งชาติ จะดำเนินการตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเคร่งครัด ตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นหลักประกันมิให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้ซึ่งต้องให้ข้อมูล โดยจะนำข้อมูลเฉพาะบุคคลหรือเฉพาะรายที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ไว้หรือกรอก แบบสอบถามไปใช้ในการจัดทำสถิติวิเคราะห์หรือวิจัยเท่านั้น หากพบว่า เจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน มีการฝ่าฝืนโดยนำข้อมูลเฉพาะบุคคลห รือเฉพาะรายไปเปิดเผยข้อมูลต่อบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติฉบับนี้หรือมิใช่กรณีเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือการพิจารณาคดี ที่ต้องหาว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือเปิดเผยต่อส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสถิติ วิเคราะห์ หรือวิจัย ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล และต้องไม่ระบุ หรือเปิดเผย ถึงเจ้าของข้อมูล หน่วยงานจะดำเนินการทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ผู้ฝ่าฝืนทันที ๔.๖ พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีอำนาจตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ในการเข้าไปในอาคารหรือที่ทำการของบุคคล ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลหรือกรอกแบบสอบถาม ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาอื่นใดที่บุคคลนั้นได้แจ้งให้ทราบเพื่อสอบถามข้อมูล หรือเป็นการกรอกแบบสอบถาม หรือเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ในการนี้บุคคลดังกล่าวต้องอำนวยความสะดวกแก่พนักงาน เจ้าหน้าที่ตามสมควร ทั้งนี้พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่ผู้ต้องให้ข้อมูล หรือผู้เกี่ยวข้องก่อนการสอบถามข้อมูลทุกครั้ง หน้า ๑๒ ๔.๗ บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่มีจุดตรวจสอบ ดังนี้ ประกาศ ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖ ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ตราประทับของหน่วยงาน และ ลายมือชื่อผู้มีอำนาจออกบัตร จุดตรวจสอบ วันออกบัตร วัน/เดือน/ปี บัตรหมดอายุ วัน/เดือน/ปี จุดตรวจสอบ เลขที่..../๒๕.. จุดตรวจสอบ บัตรประจำตัว พนักงานเจ้าหน้าที่หน้า ๑๓ เอกสารแนบท้าย ประกาศสำนักงานสถิติแห่งชาติ เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดำเนินการในการสารว จ ตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2566 (ไตรมาสที่ 1) 1. ภา ค............................................................. จัง ห วัด............................................................ 1-3 2. อ า เภ อ/ เข ต................................................. ต า บ ล/ แข ว ง..................................................... 4-7 3. บ้า น เล ข ที่....................... ถ น น.................................... ต ร อ ก/ ซ อ ย...................................... 8-11 4. ใน เข ต เท ศ บา ล EA...................................................................................................... 8-12 น อ ก เข ต เท ศ บา ล EA.................. ห มู่ที่.................. ชื่อ ห มู่บ้า น......................................... 13-14 5. ล า ดับ ที่ EA ตัว อ ย่า ง........................................................................................................... 15-18 6. ชุ ด EA ตัว อ ย่า ง............................................ ชุ ด ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง....................................19-21 เดือ น.............................................................. พ. ศ....................................................22-2513 7. ล า ดับ ที่ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง …............................. ป ระ เภ ท ส่ว น บุ ค ค ล26-28 8. จ า น ว น ส มา ชิก ใน ค รัว เรือ น ขั้น แจ ง นับ.................................................................................. ค น 29-30 9. จ า น ว น ส มา ชิก ใน ค รัว เรือ น ขั้น นับ จ ด.................................................................................... ค น 31-32 10. ชื่อ ผู้ต อ บ สัม ภา ษ ณ์.............................................................................................................. เบ อ ร์ โท ร......................................................... E-mail ………… .. ……………… ..... ………………… 11. ผ ล การ แจ ง นับ ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง นี้ (บัน ทึก ร หัส) ร หัส ร หัส 33-34 ขั้น นับ จ ด ขั้น แจ ง นับ ขั้น นับ จ ด ขั้น แจ ง นับ 1. เป็น ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง เป็น ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง ไป สำ ม ค รั้ง ไม่พ บ 1.1 มีค รัว เรือ น อำ ศัย อ ยู่ แจ ง นับ ได้ 11 ผู้ต อ บ สัม ภา ษ ณ์ 21 รื้อ ถ อ น ไฟ ไห ม้ 12 ไม่ ให้ค วา ม ร่ว ม มือ 22 เป็น บ้า น ว่า ง 13 หำ บ้า น ไม่พ บ 23 2. ไม่เป็น ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง แจ ง นับ ได้ 14 อื่น ๆ (ระ บุ)......................................... 24 (ค รัว เรือ น ให ม่อ ยู่แท น ค รัว เรือ น เดิม ที่ เป็น ตัว อ ย่า ง)ได้ข้อ มู ล ไม่ ได้ข้อ มู ลENUMส า ร ว จ การ มีการ ใช้ เท ค โน โล ยีสำ ร ส น เท ศ และ การ สื่อ สำ ร ใน ค รัว เรือ น ไตรมาส ที่ 1 (ม . ค . - มี . ค .) 2566 MEMBERS LISTINGREG CWT PSU_NO HH_NO TYPEMONTH_ YRAMP TMB VIL(แบ บ แจง นับ)สท ค .ลับ 159-165 ID_CODE 1 ID_CODE 2166 -1721EA AREA EA_SET SAMSET ร หัสพนัก งานแจงนับ ร หัสผู้ตรว จสอบIแผ่น ที่ Iร หัสแบบ (คัดล อ กจาก สรง . 3) 6 6 ใช้............................................................................................................ 1 มี ใช้ส่ว น ตัว :- ไม่ ใช้ :- ใช้ ………………………………………………………………… ..1 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone)........................................................ 1 ไม่มีค วา ม จ า เป็น/ ไม่ส น ใจ ……………… ... ……................2 (ถา ม ต่อ ไป) โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone).................................................. 2 ใช้ ไม่ เป็น/ ไม่มีค วา ม รู้ห รือ ทัก ษะ ใน การ ใช้........................................................................ 3 ไม่ ใช้ :- โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ทั้ง 2 ป ระ เภ ท.............................................................................. 3 ค่า ใช้จ่า ย เกี่ย ว กับ อิน เท อ ร์ เน็ต สู ง เกิน ไป 3 ไม่มีค วา ม จ า เป็น/ ไม่ส น ใจ ……………………………………………………………………………………… 2 ไม่มี ใช้ส่ว น ตัว (ใช้ร่ว ม กับ ค น ใน ค รัว เรือ น) :- เช่น ค่า บ ริการ เป็น ต้น......................................................... 4 ใช้ ไม่ เป็น ….. ………………………… .. ……………………… . ……3 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone)........................................................ 4 กัง ว ล เรื่อ ง ค วา ม เป็น ส่ว น ตัว ห รือ ค วา ม ป ล อ ด ภัย ……………………………………………5 ค่า ใช้จ่า ย เกี่ย ว กับ โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ สู ง เกิน ไป โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone).................................................. 5 ไม่มีสัญ ญา ณ อิน เท อ ร์ เน็ต ใน พื้น ที่ …………………… .. ….....6 เช่น ค่า บ ริการ ค่า เค รื่อ ง เป็น ต้น ………………………………… .. ……... 4 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ทั้ง 2 ป ระ เภ ท........................................................................... 6 ไม่ท รำ บ ว่า อิน เท อ ร์ เน็ต คือ อะ ไร......................................... 7 ไม่มีสัญ ญา ณ โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ใน พื้น ที่ …………………………… .. …………… 5 ไม่มี ใช้ส่ว น ตัว (ใช้จำ ก ที่อื่น) :- ไม่ ได้รับ อ นุ ญา ต ให้ ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต.................................................... 8 สัญ ญา ณ ไม่ชัด เจ น …………………………… .. …………… 6 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone)........................................................ 7 อื่น ๆ (ระ บุ).................................................................................... 0 อื่น ๆ (ระ บุ) ……….. …………………………… . ………… 7 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone).................................................. 8 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ทั้ง 2 ป ระ เภ ท........................................................................... 0 ที่มีระ บ บ ปฏิบัติการ เช่น Android , iOS, Windows Mobile เป็น ต้น สำ มา ร ถ ติด ตั้ง แอ ป พ ลิ เค ชัน (น อ ก เห นือ จำ ก แอ ป พ ลิ เค ชัน พื้น ฐา น ที่อ ยู่ ใน เค รื่อ ง) ส่ว น ให ญ่ แป้น พิม พ์ จะ อ ยู่ใน รู ป แบ บ ปุ่ม สัม ผัส ห น้า จ อ (touch screen keyboard) โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone) : โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ที่มี ค วา ม สำ มา ร ถ ใน ระ ดับ พื้น ฐา น เช่น การ รับ สำ ย- โท ร อ อ ก ถ่า ย รู ป การ รับ- ส่ง ข้อ ค วา ม ฟัง เพ ล ง เป็น ต้น ส่ว น ให ญ่ แป้น พิม พ์ จะ อ ยู่ใน รู ป แบ บ ปุ่ม ก ด (button keyboard) ห น้า จ อ มีข นำ ด เล็กการ มีการ ใช้ เท ค โน โล ยีสำ ร ส น เท ศ และ การ สื่อ สำ ร ใน ค รัว เรือ น (ถา ม เฉ พำะ ผู้มีอำ ยุ ตั้ง แต่ 6 ปีขึ้น ไป) " ระ ห ว่า ง 3 เดือ น ก่อ น วัน สัม ภา ษ ณ์ …(ชื่อ) … " ระ ห ว่า ง 3 เดือ น ก่อ น วัน สัม ภา ษ ณ์...(ชื่อ) … บัน ทึก ร หัส 1 ใน T2 เค ย ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต ห รือ ไม่" ใช้ โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ห รือ ไม่" "...(ชื่อ)... มีโท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ใช้ส่ว น ตัว ห รือ ไม่" บัน ทึก ร หัส (ข้า ม ไป ถา ม ส ด ม ภ์ T4)(ร ว ม การ ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต ผ่า น โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ด้ว ย) บัน ทึก ร หัส บัน ทึก ร หัส T1 T2 T3 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone) : โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ8 01 8 02 8 03 (1) อิน เท อ ร์ เน็ต บ ร อ ด แบ น ด์ แบ บ ป ระ จ า ที่ เช่น อิน เท อ ร์ เน็ต บ้า น เป็น ต้น (สำ ย ท อ ง แดง xDSL, สำ ย เค เบิล, สำ ย ใย แก้ว น า แส ง FTTX, สำ ย อื่น ๆ (เช่น Leased Line เป็น ต้น), ไร้สำ ย (เช่น Fixed Wireless Access เป็น ต้น), มี................................................................................................................................. 1 เข้า ถึง และ มีการ เชื่อ ม ต่อ ………………………………………… ... ….. … 1 อิน เท อ ร์ เน็ต ผ่า น ดำ ว เทีย ม (เช่น WIFI, fixed WiMAX เป็น ต้น)) ไม่มี............................................................................................................. 2 เข้า ถึง แต่ ไม่เชื่อ ม ต่อ :- โป ร ด ระ บุระ ดับ ค วา ม เร็ว ดำ ว น์ โห ล ด ข อ ง อิน เท อ ร์ เน็ต ที่ติด ตั้ง :- ไม่มีค วา ม จ า เป็น/ ไม่ส น ใจ........................................................... 2 ค วา ม เร็ว น้อ ย ก ว่า 30 Mbps ……………………………………………………………………………………………………… 1 สำ มา ร ถ ใช้จำ ก ที่อื่น ได้................................................................... 3 ค วา ม เร็ว ตั้ง แต่ 30 Mbps แต่น้อ ย ก ว่า 100 Mbps ………………………………………………………… .. 2 ค่า อุ ป ก ร ณ์ แพ ง...................................................................... 4 ค วา ม เร็ว ตั้ง แต่ 100 Mbps แต่น้อ ย ก ว่า 1 Gbps ………………………………………………………… .. 3 ค่า บ ริการ แพ ง...................................................................... 5 ค วา ม เร็ว ตั้ง แต่ 1 Gbps ขึ้น ไป ………………………………………………… . …………… .. ……. …………… .. 4 กัง ว ล เรื่อ ง ค วา ม เป็น ส่ว น ตัว ห รือ ค วา ม ป ล อ ด ภัย.....................................6 ไม่ท รำ บ/ ไม่แน่ ใจ …………………………………………… . …………… . ………………… . ………. …………… .. 5 มีบ ริการ อิน เท อ ร์ เน็ต แต่ ไม่ต ร ง ตำ ม ค วา ม ต้อ ง การ (2) อิน เท อ ร์ เน็ต บ ร อ ด แบ น ด์ แบ บ เค ลื่อ น ที่ เช่น อิน เท อ ร์ เน็ต บ น โท ร ศัพ ท์ เค ลื่อ น ที่ (เช่น คุ ณ ภา พ ค วา ม เร็ว เป็น ต้น)................................................. 7 เป็น ต้น (3G, 4G, 5G) อื่น ๆ (ระ บุ) …........................................................................ …… 8 ไม่สำ มา ร ถ เข้า ถึง (ไม่มีบ ริการ อิน เท อ ร์ เน็ต ใน พื้น ที่) …………………… ... …… 0 (1) (2) T4 T6 T7บัน ทึก ร หัส 1 ใน T5 " ค รัว เรือ น ข อ ง ท่า น เชื่อ ม ต่อ อิน เท อ ร์ เน็ต ใน รู ป แบ บ ใด บ้า ง"การ มีการ ใช้ เท ค โน โล ยีสำ ร ส น เท ศ และ การ สื่อ สำ ร ใน ค รัว เรือ น (ต่อ) (ถา ม เฉ พำะ หัว ห น้า ค รัว เรือ น ห รือ ผู้ที่สำ มา ร ถ ให้ค า ต อ บ ได้ ใน ค รัว เรือ น ส่ว น บุ ค ค ล) " ค รัว เรือ น ข อ ง ท่า น มีค อ ม พิว เต อ ร์ ห รือ ไม่" ค รัว เรือ น ข อ ง ท่า น สำ มา ร ถ เข้า ถึง และ มีการ เชื่อ ม ต่อ (ค อ ม พิว เต อ ร์ ใน ที่นี้ ได้ แก่ค อ ม พิว เต อ ร์ ตั้ง โต๊ะ (PC/Desktop) อิน เท อ ร์ เน็ต ห รือ ไม่" บัน ทึก ร หัส บัน ทึก ร หัส T5ค อ ม พิว เต อ ร์ พ ก พำ (Notebook /Laptop ,Netbook) (เชื่อ ม ต่อ โด ย อุป ก ร ณ์ เท ค โน โล ยี ใด ๆ ก็ ได้ และ ค อ ม พิว เต อ ร์ พ ก พำ ข นำ ด ก ลำ ง (Tablet)) เช่น ค อ ม พิว เต อ ร์ Tablet โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ เป็น ต้น)2 8 04 8 05 806 807เฉพาะ (1) ถ้า " ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต รู ป แบ บ นี้ " บัน ทึก ร หัส " 1-5 " " ไม่ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต รู ป แบ บ นี้ " บัน ทึก ร หัส " 0 " " ไม่ท ราบ / ไม่แน่ ใจ ว่า ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต รู ป แบ บ นี้ " บัน ทึก ร หัส " 9 " เฉพาะ (2) ถ้า " ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต รู ป แบ บ นี้ " บัน ทึก ร หัส " 1 " " ไม่ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต รู ป แบ บ นี้ " บัน ทึก ร หัส " 0 " " ไม่ทราบ / ไม่แน่ ใจ ว่า ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต รู ป แบ บ นี้ " บัน ทึก ร หัส " 9 " การ มีการ ใช้ เท ค โน โล ยีสำ ร ส น เท ศ และ การ สื่อ สำ ร ใน ค รัว เรือ น (ต่อ) (ถา ม เฉ พำะ หัว ห น้า ค รัว เรือ น ห รือ ผู้ที่สำ มา ร ถ ให้ค า ต อ บ ได้ ใน ค รัว เรือ น ส่ว น บุ ค ค ล) " ระ ห ว่า ง 12 เดือ น ก่อ น วัน สัม ภา ษ ณ์ค รัว เรือ น ข อ ง ท่า น มีรำ ย ได้ เท่า ไร" (บัน ทึก จ า น ว น ชิด ข วา) รำ ย ได้ข อ ง ค รัว เรือ น : " เงิน ห รือ สิ่ง ข อ ง" ที่ค รัว เรือ น ได้รับ มา จำ ก การ ท า งำ น ห รือ ผ ลิต เอ ง ห รือ จำ ก ท รัพ ย์ สิน ห รือ ได้รับ ค วา ม ช่ว ย เห ลือ จำ ก ผู้อื่น - รำ ย ได้ป ระ จ า ได้ แก่รำ ย ได้จำ ก การ ท า งำ น ห รือ ผ ลิต เอ ง เช่น - ค่า จ้า ง และ เงิน เดือ น (ร ว ม ค่า ต อ บ แท น อื่น ๆ ที่ ได้รับ จำ ก การ ท า งำ น) - รำ ย ได้จำ ก การ ป ระ ก อ บ ธุ ร กิจ อุ ต สำ ห ก ร ร ม วิชา ชีพ (ที่ ไม่ใช่การ เก ษ ต ร) (รำ ย รับ เบื้อ ง ต้น บ ว ก มูล ค่า สิน ค้า/ บ ริการ ข อ ง ธ ร กิจ ที่น า มา อุ ป โภ ค บ ริ โภ ค ใน ค รัว เรือ น ล บ ค่า ใช้จ่า ย ใน การ ด า เนิน การ) - รำ ย ได้จำ ก การ ป ระ ก อ บ การ เก ษ ต ร (มู ล ค่า ผ ล ผ ลิต ทั้ง ห ม ด ล บ ค่า ใช้จ่า ย ใน การ ด า เนิน การ) รำ ย ได้จำ ก แห ล่ง อื่น ๆ ที่ ไม่ ใช่จำ ก การ ท า งำ น เช่น เงิน บ า เห น็จ/ บ า นำ ญ เงิน ป ระ โย ช น์ ท ด แท น ต่า ง ๆ เงิน ช ด เช ย การ อ อ ก จำ ก งำ น เงิน และ สิ่ง ข อ ง ที่ ได้รับ ค วา ม ช่ว ย เห ลือ จำ ก บุค ค ล ภา ย น อ ก ค รัว เรือ น/ รัฐ/ อ ง ค์ ก ร ต่า ง ๆ รำ ย ได้จำ ก ท รัพ ย์ สิน และ การ ล ง ทุน ร ว ม (ป ระ เมิน) ค่า เช่า บ้า น ที่ค รัว เรือ น เป็น เจ้า ข อ ง และ อ ยู่เอ ง ห รือ ที่อ ยู่อำ ศัย ที่บุ ค ค ล อื่น ให้อ ยู่ฟ รี - รำ ย ได้ ไม่ป ระ จ า ได้ แก่ เงิน ที่ ได้รับ เป็น เงิน รำ ง วัล เงิน ถู ก ส ลำ ก กิน แบ่ง เงิน ม ร ด ก ข อ ง ข วัญ เงิน ที่ ได้รับ จำ ก การ ป ระ กัน สุ ข ภา พ อุ บัติเห ตุ ไฟ ไห ม้ห รือ ค่า นำ ย ห น้า (ใน ก ร ณีที่ ไม่ได้ป ระ ก อ บ เป็น ธุ ร กิจ) T83 80 8 819 เอกสารแนบท้าย ประกาศสำนักงานสถิติแห่งชาติ เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดำเนินการในการสารว จ ตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2566 (ไตรมาสที่ ๒ - ๔) 1. ภา ค............................................................. จัง ห วัด............................................................ 1-3 2. อ า เภ อ/ เข ต................................................. ต า บ ล/ แข ว ง..................................................... 4-7 3. บ้า น เล ข ที่....................... ถ น น.................................... ต ร อ ก/ ซ อ ย...................................... 8-11 4. ใน เข ต เท ศ บา ล EA...................................................................................................... 8-12 น อ ก เข ต เท ศ บา ล EA.................. ห มู่ที่.................. ชื่อ ห มู่บ้า น......................................... 13-14 5. ล า ดับ ที่ EA ตัว อ ย่า ง........................................................................................................... 15-18 6. ชุ ด EA ตัว อ ย่า ง............................................ ชุ ด ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง....................................19-21 เดือ น.............................................................. พ. ศ....................................................22-2513 7. ล า ดับ ที่ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง …............................. ป ระ เภ ท ส่ว น บุ ค ค ล26-28 8. จ า น ว น ส มา ชิก ใน ค รัว เรือ น ขั้น แจ ง นับ.................................................................................. ค น 29-30 9. จ า น ว น ส มา ชิก ใน ค รัว เรือ น ขั้น นับ จ ด.................................................................................... ค น 31-32 10. ชื่อ ผู้ต อ บ สัม ภา ษ ณ์.............................................................................................................. เบ อ ร์ โท ร......................................................... E-mail ………… .. ……………… ..... ………………… 11. ผ ล การ แจ ง นับ ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง นี้ (บัน ทึก ร หัส) ร หัส ร หัส 33-34 ขั้น นับ จ ด ขั้น แจ ง นับ ขั้น นับ จ ด ขั้น แจ ง นับ 1. เป็น ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง เป็น ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง ไป สำ ม ค รั้ง ไม่พ บ 1.1 มีค รัว เรือ น อำ ศัย อ ยู่ แจ ง นับ ได้ 11 ผู้ต อ บ สัม ภา ษ ณ์ 21 รื้อ ถ อ น ไฟ ไห ม้ 12 ไม่ ให้ค วา ม ร่ว ม มือ 22 เป็น บ้า น ว่า ง 13 หำ บ้า น ไม่พ บ 23 2. ไม่เป็น ค รัว เรือ น ตัว อ ย่า ง แจ ง นับ ได้ 14 อื่น ๆ (ระ บุ)......................................... 24 (ค รัว เรือ น ให ม่อ ยู่แท น ค รัว เรือ น เดิม ที่ เป็น ตัว อ ย่า ง)ได้ข้อ มู ล ไม่ ได้ข้อ มู ลENUMส า ร ว จ การ มีการ ใช้ เท ค โน โล ยีสำ ร ส น เท ศ และ การ สื่อ สำ ร ใน ค รัว เรือ น ไตรมาส ที่ 2 - 4 (เม . ย . - ธ . ค .) พ . ศ . 2566 MEMBERS LISTINGREG CWT PSU_NO HH_NO TYPEMONTH_ YRAMP TMB VIL(แบ บ แจง นับ)สท ค .ลับ 159-165 ID_CODE 1 ID_CODE 2166 -1721EA AREA EA_SET SAMSET ร หัสพนัก งานแจงนับ ร หัสผู้ตรว จสอบIแผ่น ที่ Iร หัสแบบ (คัดล อ กจาก สรง . 3) 6 6 ใช้............................................................................................................ 1 มี ใช้ส่ว น ตัว :- ไม่ ใช้ :- ใช้ ………………………………………………………………… ..1 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone)........................................................ 1 ไม่มีค วา ม จ า เป็น/ ไม่ส น ใจ ……………… ... ……................2 (ถา ม ต่อ ไป) โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone).................................................. 2 ใช้ ไม่ เป็น/ ไม่มีค วา ม รู้ห รือ ทัก ษะ ใน การ ใช้........................................................................ 3 ไม่ ใช้ :- โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ทั้ง 2 ป ระ เภ ท.............................................................................. 3 ค่า ใช้จ่า ย เกี่ย ว กับ อิน เท อ ร์ เน็ต สู ง เกิน ไป 3 ไม่มีค วา ม จ า เป็น/ ไม่ส น ใจ ……………………………………………………………………………………… 2 ไม่มี ใช้ส่ว น ตัว (ใช้ร่ว ม กับ ค น ใน ค รัว เรือ น) :- เช่น ค่า บ ริการ เป็น ต้น......................................................... 4 ใช้ ไม่ เป็น ….. ………………………… .. ……………………… . ……3 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone)........................................................ 4 กัง ว ล เรื่อ ง ค วา ม เป็น ส่ว น ตัว ห รือ ค วา ม ป ล อ ด ภัย ……………………………………………5 ค่า ใช้จ่า ย เกี่ย ว กับ โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ สู ง เกิน ไป โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone).................................................. 5 ไม่มีสัญ ญา ณ อิน เท อ ร์ เน็ต ใน พื้น ที่ …………………… .. ….....6 เช่น ค่า บ ริการ ค่า เค รื่อ ง เป็น ต้น ………………………………… .. ……... 4 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ทั้ง 2 ป ระ เภ ท........................................................................... 6 ไม่ท รำ บ ว่า อิน เท อ ร์ เน็ต คือ อะ ไร......................................... 7 ไม่มีสัญ ญา ณ โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ใน พื้น ที่ …………………………… .. …………… 5 ไม่มี ใช้ส่ว น ตัว (ใช้จำ ก ที่อื่น) :- ไม่ ได้รับ อ นุ ญา ต ให้ ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต.................................................... 8 สัญ ญา ณ ไม่ชัด เจ น …………………………… .. …………… 6 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone)........................................................ 7 อื่น ๆ (ระ บุ).................................................................................... 0 อื่น ๆ (ระ บุ) ……….. …………………………… . ………… 7 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone).................................................. 8 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ทั้ง 2 ป ระ เภ ท........................................................................... 0 ที่มีระ บ บ ปฏิบัติการ เช่น Android , iOS, Windows Mobile เป็น ต้น สำ มา ร ถ ติด ตั้ง แอ ป พ ลิ เค ชัน (น อ ก เห นือ จำ ก แอ ป พ ลิ เค ชัน พื้น ฐา น ที่อ ยู่ ใน เค รื่อ ง) ส่ว น ให ญ่ แป้น พิม พ์ จะ อ ยู่ใน รู ป แบ บ ปุ่ม สัม ผัส ห น้า จ อ (touch screen keyboard) โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ปุ่ม ก ด (Feature Phone) : โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ที่มี ค วา ม สำ มา ร ถ ใน ระ ดับ พื้น ฐา น เช่น การ รับ สำ ย- โท ร อ อ ก ถ่า ย รู ป การ รับ- ส่ง ข้อ ค วา ม ฟัง เพ ล ง เป็น ต้น ส่ว น ให ญ่ แป้น พิม พ์ จะ อ ยู่ใน รู ป แบ บ ปุ่ม ก ด (button keyboard) ห น้า จ อ มีข นำ ด เล็ก T1 T2 T3 โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ แบ บ ส มา ร์ ท โฟ น (Smart Phone) : โท ร ศัพ ท์ มือ ถือบัน ทึก ร หัส (ข้า ม ไป ถา ม ส ด ม ภ์ T4)(ร ว ม การ ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต ผ่า น โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ด้ว ย) บัน ทึก ร หัส บัน ทึก ร หัสการ มีการ ใช้ เท ค โน โล ยีสำ ร ส น เท ศ และ การ สื่อ สำ ร ใน ค รัว เรือ น (ถา ม เฉ พำะ ผู้มีอำ ยุ ตั้ง แต่ 6 ปีขึ้น ไป) " ระ ห ว่า ง 3 เดือ น ก่อ น วัน สัม ภา ษ ณ์ …(ชื่อ) … " ระ ห ว่า ง 3 เดือ น ก่อ น วัน สัม ภา ษ ณ์...(ชื่อ) … บัน ทึก ร หัส 1 ใน T2 เค ย ใช้อิน เท อ ร์ เน็ต ห รือ ไม่" ใช้ โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ห รือ ไม่" "...(ชื่อ)... มีโท ร ศัพ ท์ มือ ถือ ใช้ส่ว น ตัว ห รือ ไม่"1 8 01 8 02 8 03 มี................................................................................................................................. 1 เข้า ถึง และ มีการ เชื่อ ม ต่อ ………………………………………… ... ….. …1 ไม่มี............................................................................................................. 2 เข้า ถึง แต่ไม่ เชื่อ ม ต่อ :- ไม่มีค วา ม จ า เป็น/ ไม่ส น ใจ........................................................... 2 สำ มา ร ถ ใช้จำ ก ที่อื่น ได้................................................................... 3 ค่า อุ ป ก ร ณ์แพ ง...................................................................... 4 ค่า บ ริการ แพ ง...................................................................... 5 กัง ว ล เรื่อ ง ค วา ม เป็น ส่ว น ตัว ห รือ ค วา ม ป ล อ ด ภัย.....................................6 มีบ ริการ อิน เท อ ร์ เน็ต แต่ไม่ต ร ง ตำ ม ค วา ม ต้อ ง การ (เช่น คุณ ภา พ ค วา ม เร็ว เป็น ต้น)................................................. 7 อื่น ๆ (ระ บุ) …........................................................................ …… 8 ไม่สำ มา ร ถ เข้า ถึง (ไม่มีบ ริการ อิน เท อ ร์ เน็ต ใน พื้น ที่) …………………… ... …… 0 T4บัน ทึก ร หัส บัน ทึก ร หัส T5ค อ ม พิว เต อ ร์ พ ก พำ (Notebook /Laptop ,Netbook) (เชื่อ ม ต่อ โด ย อุ ป ก ร ณ์เท ค โน โล ยี ใด ๆ ก็ ได้ และ ค อ ม พิว เต อ ร์ พ ก พำ ข นำ ด ก ลำ ง (Tablet)) เช่น ค อ ม พิว เต อ ร์ Tablet โท ร ศัพ ท์ มือ ถือ เป็น ต้น)การ มีการ ใช้ เท ค โน โล ยีสำ ร ส น เท ศ และ การ สื่อ สำ ร ใน ค รัว เรือ น (ต่อ) (ถา ม เฉ พำะ หัว ห น้า ค รัว เรือ น ห รือ ผู้ที่สำ มา ร ถ ให้ค า ต อ บ ได้ ใน ค รัว เรือ น ส่ว น บุ ค ค ล) " ค รัว เรือ น ข อ ง ท่า น มีค อ ม พิว เต อ ร์ ห รือ ไม่" ค รัว เรือ น ข อ ง ท่า น สำ มา ร ถ เข้า ถึง และ มีการ เชื่อ ม ต่อ (ค อ ม พิว เต อ ร์ ใน ที่นี้ ได้ แก่ค อ ม พิว เต อ ร์ ตั้ง โต๊ะ (PC/Desktop) อิน เท อ ร์ เน็ต ห รือ ไม่"2 8 04 8 05 เล่ม: 140 หมวด: 44 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 23/02/2023 หน้า: 11
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:139080", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักงานสถิติแห่งชาติ เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดำเนินการในการสำราจตัวอย่างการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2566 (ไตรมาสที่ 1 - 4)", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D044S0000000001100.pdf", "year": null }
nonweb_81440
ประกาศกรมสุขภาพจิต เรื่อง โครงสร้างและการจัดหน่วยงาน อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของกรมสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกาศกรมสุขภาพจิต เรื่อง โครงสร้างและการจัดหน่วยงาน อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของกรมสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการที่จะทำให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ของทางราชการ และเพื่อให้ประชาชนสามารถแสดงความ คิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องกับความเป็นจริง อันเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นรัฐบาล โดยประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงสมควรประกาศโครงสร้างและการจัดหน่วยงาน อำนาจหน้าที่วิธีดำเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของกรมสุขภาพจิต ดังนี้ ข้อ ๑ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มีภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาการ ด้านสุขภาพจิต โดยมีการศึกษา วิจัย พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี ดำเนินการ ส่งเสริมป้องกัน บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพจิตใจ เพื่อให้ประชาชนมีความตระหนักและ สามารถดูแลสุขภาพจิตของตนเอง ครอบครัวและชุมชนได้รวมทั้งสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพจิตที่มี คุณภาพ มาตรฐานและเป็นธรรม โดยมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๑.๑ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการส่งเสริม ป้องกัน บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสุขภาพจิตของประชาชน ๑.๒ กำหนดและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานในการส่งเสริม ป้องกัน บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพด้านสุขภาพจิตของประชาชน ๑.๓ ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านสุขภาพจิตให้แก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ๑.๔ จัดให้มีบริการเพื่อรองรับการส่งต่อผู้ป๋วยด้านสุขภาพจิตที่มีป้ญหารุนแรง ยุ่งยากและซับซ้อน ๑.๕ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานด้านสุขภาพจิตและจิตเวช แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งบุคลากรอื่นของภาครัฐและภาคเอกชน ๑.๖ พัฒนาระบบและกลไกการดำเนินงานให้เป็นไปตามกฎหมายที่อยู่ในความ รับผิดชอบ ๑.๗ ประสานงานและร่วมมือในด้านวิชาการสุขภาพจิตกับองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ ๑.๘ ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสุขภาพจิต หรือตามที่กระทรวงหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ข้อ ๒ กรมสุขภาพจิต มีโครงสร้างหน่วยงานภายในสังกัดดังต่อไปนี้ ๒.๑ สำนักงานเลขานุการกรม ๒.๒ กองการเจ้าหน้าที่ ๒.๓ กองคลัง ๒.๔ กองแผนงาน ๒.๕ สำนักสุขภาพจิตสังคม ๒.๖ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต ๒.๗ โรงพยาบาลศรีธัญญา ๒.๘ สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ๒.๙ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ๒.๑๐ โรงพยาบาลสวนปรุง ๒.๑๑ โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ๒.๑๒ โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ๒.๑๓ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ ๒.๑๔ โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ ๒.๑๕ โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ๒.๑๖ โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ ๒.๑๗ โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ ๒.๑๘ โรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ ๒.๑๙ โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ ๒.๒๐ สถาบันราชานุกูล ๒.๒๑ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ๒.๒๒ โรงพยาบาลยุวประสารทไวทโยปถัมภ์ ๒.๒๓ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ๒.๒๔ - ๒.๓๖ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑ - ๑๓ ๒.๓๗ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๕ ๒.๓๘ กลุ่มตรวจสอบภายใน ๒.๓๙ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ๒.๔๐ ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ๒.๔๑ กลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ๒.๔๒ สำนักงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ข้อ ๓ อำนาจหน้าที่ที่สำคัญของส่วนราชการกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มีดังนี้ ๓.๑ สำนักงานเลขานุการกรม มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑.๑ ปฏิบัติงานสารบรรณของกรม ๓.๑.๒ ดำเนินการเกี่ยวกับงานช่วยอำนวยการและงานเลขานุการของกรม ๓.๑.๓ ดำเนินงานเกี่ยวกับอาคารสถานที่ยานพาหนะ และงานสวัสดิการ ของกรม ๓.๑.๔ ดำเนินงานอื่นใดที่มิได้กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการใด ของกรมสุขภาพจิต ๓.๑.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๒ กองการเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๒.๑ จัดระบบงานและการบริหารงานบุคคลของกรม ๓.๒.๒ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่ เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๓ กองคลัง มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๓.๑ ดำเนินการเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี การงบประมาณ และการพัสดุ ของกรม ๓.๓.๒ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๔ กองแผนงาน มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๔.๑ จัดทำและประสานแผนงาน แผนปฏิบัติการของกรมให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เป็นไปตามเป้าหมาย แนวทางและแผนปฏิบัติราชการกระทรวง รวมทั้งเร่งรัด ติดตาม และประเมินผล การปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดกรม ๓.๔.๒ ติดต่อและประสานงานกับองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศเกี่ยวกับความร่วมมือและความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต ๓.๔.๓ เป็นศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศของกรม ๓.๔.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๕ สำนักสุขภาพจิตสังคม มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๕.๑ พัฒนาพฤติกรรมสุขภาพจิตของประชาชนและของสังคม ๓.๕.๒ ส่งเสริม เผยแพร่ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนด้านพฤติกรรม สุขภาพจิต ๓.๕.๓ พัฒนาสื่อและระบบการให้บริการข้อมูลด้านพฤติกรรมสุขภาพจิต ๓.๕.๔ ค้นคว้าและพัฒนามาตรการ กระบวนการหรือเทคโนโลยีที่เหมาะสม ในทางสังคมจิตวิทยา เพื่อการส่งเสริมและป้องกันป้ญหาพฤติกรรมสุขภาพจิตของประชาชนและสังคม ๓.๕.๕ สนับสนุนและร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพจิตของประชาชนและสังคม ๓.๕.๖ ประชาสัมพันธ์การปฏิบัติงานของกรม เผยแพร่กิจกรรมความรู้ ความก้าวหน้าและผลงานของกรม ๓.๕.๗ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๖ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๖.๑ พัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางด้านส่งเสริม ป้องกัน และการให้ ความช่วยเหลือผู้มีป้ญหาสุขภาพจิต ๓.๖.๒ พัฒนาเทคนิคการถ่ายทอดเทคโนโลยีและแนวทางในการเพิ่ม ศักยภาพการดำเนินงานสุขภาพจิตของบุคลากรที่ปฏิบัติงานสุขภาพจิตในหน่วยงานสังกัดกระทรวง สาธารณสุขและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๖.๓ พัฒนาเกณฑ์มาตรฐานและระบบการดำเนินงานส่งเสริม ป้องกันและ การให้ความช่วยเหลือผู้มีป้ญหาสุขภาพจิต ๓.๖.๔ พัฒนาเครื่องมือที่เกี่ยวกับการประเมินสถานภาพทางสุขภาพจิต ในระดับของบุคคลของกลุ่มและของสถาบัน ๓.๖.๕ พัฒนาเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการด้านส่งเสริม ป้องกันและ การให้ความช่วยเหลือผู้มีป้ญหาสุขภาพจิต รวมทั้งการให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการแก่เครือข่าย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๖.๖ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๗ โรงพยาบาลศรีธัญญา มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๗.๑ ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวช ๓.๗.๒ ส่งเสริม พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๗.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มีป้ญหา สุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวช ๓.๗.๔ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานเฉพาะทำงด้านการ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งบุคลากรอื่นของภาครัฐ และภาคเอกชน ๓.๗.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๘ สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๘.๑ ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านนิติจิตเวชและสุขภาพจิตภาวะ วิกฤต ๓.๘.๒ ส่งเสริม พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านนิติจิตเวชและสุขภาพจิตภาวะวิกฤตแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๘.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มีป้ญหา สุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านนิติจิตเวชและสุขภาพจิต ภาวะวิกฤต ๓.๘.๔ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานเฉพาะทำงด้านนิติจิตเวช และสุขภาพจิตภาวะวิกฤตแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งบุคลากรอื่นของภาครัฐ และภาคเอกชน ๓.๘.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๙ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๙.๑ ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านจิตเวชศาสตร์และประสาทจิต เวชศาสตร์ ๓.๙.๒ ส่งเสริม พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านจิตเวชศาสตร์และประสาทจิตเวชศาสตร์แก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๙.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มีป้ญหา สุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยาก หรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านจิตเวชศาสตร์และประสาท จิตเวชศาสตร์ ๓.๙.๔ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานเฉพาะทำงด้านจิตเวช ศาสตร์และประสาทจิตเวชศาสตร์แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งบุคลากรอื่นของภาครัฐ และภาคเอกชน ๓.๙.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๐ โรงพยาบาลสวนปรุง มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๐.๑ ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวช ๓.๑๐.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๐.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทางจิตเวช ๓.๑๐.๔ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานเฉพาะทำงด้านการ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งบุคลากรอื่นของภาครัฐ และภาคเอกชน ๓.๑๐.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๑ โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๑.๑ บริการดูแลสุขภาพจิต โดยเน้นการบำบัดรักษาฟื้นฟูในระดับตติยภูมิ แก่ผู้ป๋วยจิตเวชที่ยุ่งยากซับซ้อน หรืออาการรุนแรง ๓.๑๑.๒ ป้องกันป้ญหาสุขภาพจิตประชาชนในกลุ่มเสี่ยง ๓.๑๑.๓ วิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมวิทยาการด้านสุขภาพจิต และถ่ายทอดองค์ความรู้ ๓.๑๑.๔ เสริมสร้างศักยภาพของชุมชนและการบริการสุขภาพจิตของ เครือข่ายสุขภาพ ๓.๑๑.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๒ โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๒.๑ ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวช ๓.๑๒.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๒.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทางจิตเวช ๓.๑๒.๔ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานเฉพาะทำงด้านการ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งบุคลากรอื่นของภาครัฐ และภาคเอกชน ๓.๑๒.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๓ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๓.๑ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวช ๓.๑๓.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านสุขภาพจิตและจิตเวชแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๓.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านการสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๓.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๔ โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๔.๑ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๔.๒ ส่งเสริม พัฒนา ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านสุขภาพจิตและจิตเวช แก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๔.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๔.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๕ โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๕.๑ ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านจิตเวชศาสตร์ ๓.๑๕.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางด้าน สุขภาพจิตและจิตเวชแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๕.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน ๓.๑๕.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๖ โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๖.๑ ให้บริการด้านการบำบัดรักษา ส่งเสริม ป้องกัน และฟื้นฟู สมรรถภาพแก่ผู้มีป้ญหาสุขภาพจิตและผู้ป๋วยโรคทางจิตเวช โดยเน้นในระดับตติยภูมิ ๓.๑๖.๒ ส่งเสริม สนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้กับบุคลากร หน่วยงาน ในหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ด้านส่งเสริม ป้องกัน บำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ งานสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๖.๓ สนับสนุนส่งเสริมการศึกษา และฝกอบรม ความรู้สุขภาพจิตและ จิตเวช ๓.๑๖.๔ เป็นศูนย์การพัฒนาวิชาการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวช ๓.๑๖.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๗ โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๗.๑ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานงานองค์ความรู้ และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๗.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านสุขภาพจิตและจิตเวชแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๗.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๗.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๘ โรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๘.๑ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๘.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านสุขภาพจิตและจิตเวชแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๘.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๑๘.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๑๙ โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๑๙.๑ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านจิตเวชศาสตร์ ๓.๑๙.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านจิตเวชแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๙.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้มี ป้ญหาสุขภาพจิตที่รุนแรง ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านจิตเวชศาสตร์ ๓.๑๙.๔ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานเฉพาะทำงด้านจิตเวช ศาสตร์แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งบุคลากรอื่นของภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๑๙.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๒๐ สถาบันราชานุกูล มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๒๐.๑ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เพื่อพัฒนาเกี่ยวกับมาตรฐานของงาน องค์ความรู้และเทคโนโลยี รวมทั้งรูปแบบการให้บริการเฉพาะทำงด้านการบำบัด รักษาและฟื้นฟู สมรรถภาพผู้ป๋วยป้ญญาอ่อน ๓.๒๐.๒ ส่งเสริม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป๋วยป้ญญาอ่อนแก่หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ๓.๒๐.๓ ให้บริการตรวจ วินิจฉัย บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้ป๋วยป้ญญาอ่อนเพื่อพัฒนาวิชาการเฉพาะทำงด้านการบำบัด รักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป๋วยป้ญญาอ่อน ๓.๒๐.๔ ให้การเพิ่มพูนความรู้และทักษะการปฏิบัติงานเฉพาะทำงด้านการ บำบัด รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป๋วยป้ญญาอ่อนแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขรวมทั้ง บุคลากรอื่นของภาครัฐและภาคเอกชน ๓.๒๐.๕ เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านพันธุศาสตร์การแพทย์และ ป้ญญาอ่อนของกระทรวงสาธารณสุข ๓.๒๐.๖ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๒๑ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๒๑.๑ พัฒนาวิชาการที่เหมาะสมด้านสุขภาพจิตเด็ก วัยรุ่นและ ครอบครัว สำหรับประชาชน สนับสนุนกรมสุขภาพจิตนำไปเผยแพร่ ๓.๒๑.๒ ส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายกรมสุขภาพจิตให้มีความรู้และทักษะ ด้านส่งเสริมป้องกันสุขภาพจิตเด็ก วัยรุ่น และครอบครัว ๓.๒๑.๓. พัฒนางานวิชาการส่งเสริมป้องกัน สุขภาพจิตเด็ก วัยรุ่นและ ครอบครัว ๓.๒๑.๔ สร้างต้นแบบงานบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพจิตเด็ก วัยรุ่นและ ครอบครัว ๓.๒๑.๕ สนับสนุนการให้บริการทางการแพทย์และฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ บุคคลป้ญญาอ่อนอย่างครบวงจรแก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ๓.๒๑.๖ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๒๒ โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๒๒.๑ ให้บริการผู้ป๋วยนอกแก่เด็กและวัยรุ่น ทั้งเพศชายและเพศหญิง ในด้านการตรวจวินิจฉัย รักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมทั้งการสร้างความผูกพันรักใคร่ในครอบครัว เน้นในด้านการป้องกันป้ญหาจิตเวชในเด็กที่อยู่ในความปกครองเลี้ยงดูจากผู้ใหญ่ที่ป๋วยทางจิตประสาท ๓.๒๒.๒ ให้บริการผู้ป๋วยในแก่เด็กที่มีป้ญหาทางจิตเวชทั้งเพศชายและ เพศหญิง อายุไม่เกิน ๑๕ ปี รวมทั้งทำจิตบำบัดครอบครัวทุกราย โดยใช้หลักการให้ความรู้ด้วยการ ฝกอบรมพ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อให้ร่วมรับผิดชอบและสามารถช่วยเด็กแต่ละครอบครัวด้วยตนเอง ๓.๒๒.๓ ดำเนินการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและติดตามประเมินผล เพื่อนำผล ที่ได้มาปรับปรุงทั้งทางด้านการป้องกันและการรักษา ช่วยเหลือเด็กผู้ป๋วยทางจิตเวชอย่างเหมาะสมและ มีประสิทธิภาพ เพื่อลดจำนวนบุคคลป้ญญาอ่อนและผู้ป๋วยทางจิตเวชผู้ใหญ่ซึ่งเป็นภาระทางสังคมและ ประเทศ ๓.๒๒.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๒๓ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๒๓.๑ ให้คำปรึกษาทางพันธุกรรม การตรวจการได้ยิน ๓.๒๓.๒ การตรวจวิเคราะห์โครโมโซม การตรวจคลื่นสมอง ๓.๒๓.๓ การบำบัดทางจิตวิทยา การฝกทักษะและการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ๓.๒๓.๔ การฟื้นฟูสมรรถภาพ การศึกษาพิเศษ บริการสุขภาพจิตชุมชน ๓.๒๓.๕ ประสานความร่วมมือด้านสุขภาพจิต และพัฒนาการเด็ก กับองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและต่างประเทศ ๓.๒๓.๖ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๒๔ - ๓.๓๖ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑ - ๑๓ และศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๕ มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ ๑. ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตชุมชน ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ๒. พัฒนาวิชาการด้านส่งเสริมและป้องกันป้ญหาสุขภาพจิต รวมทั้งเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพจิตในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ๓. ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านสุขภาพจิตแก่หน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ๔. บริหารการพัฒนาและร่วมจัดทำแผนแก้ป้ญหาสุขภาพจิตในเขตพื้นที่ ที่รับผิดชอบ ๕. นิเทศ และติดตามผลการปฏิบัติงานสุขภาพจิต ในเขตพื้นที่ ที่รับผิดชอบ ๖. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๓๘ กลุ่มตรวจสอบภายใน มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๓๘.๑ ผู้ตรวจสอบภายในในส่วนกลาง รับผิดชอบตรวจสอบราชการ บริหารส่วนกลางที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในส่วนกลาง ภูมิภาคหรือต่างประเทศ ๓.๓๘.๒ ผู้ตรวจสอบภายในของจังหวัด รับผิดชอบตรวจสอบราชการ บริหารส่วนภูมิภาค ในกรณีที่ส่วนราชการในส่วนกลางมีหน่วยงานในสังกัดตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค หัวหน้าส่วนราชการในส่วนกลางอาจมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการแทนตามระเบียบ เกี่ยวกับว่าด้วยการบริหารงบประมาณ ระเบียบว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ระเบียบว่าด้วยการพัสดุ ระเบียบเกี่ยวกับการเงินหรือระเบียบอื่น ๆ ของทางราชการ โดยให้ผู้ตรวจสอบภายในตาม (๒) เป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบเฉพาะในส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการแทน ๓.๓๘.๓ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๓๙ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๓๙.๑ พิจารณา เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าส่วนราชการ เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบบริหารภายในกรม /กระทรวง ให้สอดคล้องกับแนวทางของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ซึ่งครอบคลุมถึงการปรับบทบาท ภารกิจ และโครงสร้าง ส่วนราชการ การปรับกลไกวิธีการบริหารราชการ วิธีการปฏิบัติงานของข้าราชการ ระบบบุคลากร ภายในกรม /กระทรวง และการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม ค่านิยม ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ๓.๓๙.๒ ติดตามประเมินผลและจัดทำรายงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบ บริหารราชการในกรม /กระทรวง ๓.๓๙.๓ ประสานและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานกลางต่าง ๆ และ หน่วยงานภายในกรม /กระทรวง เพื่อให้การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบบริหารราชการบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๓.๓๙.๔ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๔๐ ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๔๐.๑ จัดวางระบบข้อมูลข่าวสารด้านยาเสพติดในความรับผิดชอบของ กรมสุขภาพจิต ๓.๔๐.๒ ประสาน เร่งรัด ติดตาม และประมวลผลข้อมูลการดำเนินงาน ด้านยาเสพติดของหน่วยงานในสังกัดกรมสุขภาพจิต ๓.๔๐.๓ นำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานยาเสพติดที่เป็นป้จจุบันในพื้นที่ ของศูนย์ (War room) ๓.๔๐.๔ ประสานการดำเนินงานระหว่างกรมสุขภาพจิตและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ๓.๔๐.๕ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๔๑ กลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๔๑.๑ ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย ร่วมมือหรือประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญ จากองค์กรต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ดำเนินการพัฒนานโยบาย กลยุทธ์ รูปแบบ วิธีการที่เกี่ยวข้องกับงานสุขภาพจิตและจิตเวช ๓.๔๑.๒ ให้คำปรึกษา เสนอแนะการพัฒนาระบบงานสุขภาพจิตและจิตเวช โดยใช้ความชำนาญการ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ทั้งเฉพาะตัวและเฉพาะกลุ่ม ๓.๔๑.๓ เป็นผู้นำกลุ่มผู้ปฏิบัติการหรือผู้ให้บริการที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และความชำนาญงานสูงเพื่อสนองความต้องการในการแก้ไขป้ญหาสุขภาพจิตในพื้นที่ ทั่วทั้งประเทศ ๓.๔๑.๔ ศึกษา วิเคราะห์ ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลแผนงาน โครงการ งานหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประมวลผลความก้าวหน้า ป้ญหาอุปสรรคและจัดทำ ข้อเสนอแนะในการแก้ไขป้ญหาหรือริเริ่มปรับเปลี่ยนแนวทางวิธีการในการดำเนินงานให้บรรลุผลดี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยนำเสนออธิบดีพิจารณาสั่งการ ๓.๔๑.๕ ดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง แก่บุคคลทั่วไป และให้คำปรึกษาหรือนิเทศงานแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านปฏิบัติการ ในพื้นที่ ๓.๔๑.๖ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย ๓.๔๒ สำนักงานโครงการ TO BE NUMBER ONE มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ๓.๔๒.๑ ผลิตและพัฒนาองค์ความรู้เทคโนโลยีเพื่อการป้องกันและแก้ไข ป้ญหายาเสพติด โดยเน้นกลุ่มเสี่ยง คือ วัยรุ่นและเยาวชน ๓.๔๒.๒ ถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ให้กับเยาวชน ๓.๔๒.๓ พัฒนาเทคนิคการถ่ายทอดเทคโนโลยีและแนวทางในการดำเนิน กิจกรรมสำหรับกลุ่มแกนนำอาสาสมัครเยาวชนในชุมชน ๓.๔๒.๔ พัฒนารูปแบบและกระบวนการการป้องกันและแก้ไขป้ญหา ยาเสพติด โดยการจัดตั้งศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น ศูนย์เพื่อนใจวัยทำงานและการจัดทำ TO BE NUMBER ONE ๓.๔๒.๕ พัฒนาเครือข่ายสมาชิกและแกนนำอาสาสมัครทั่วประเทศเพื่อการ ป้องกันและแก้ไขป้ญหายาเสพติด ๓.๔๒.๖ พัฒนาระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลเครือข่ายสมาชิกและ แกนนำเพื่อป้องกันและแก้ไขป้ญหายาเสพติด ๓.๔๒.๗ จัดกิจกรรมรณรงค์และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อเปลี่ยนค่านิยม และสร้างจิตสำนึกไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน (TO BE NUMBER ONE) ๓.๔๒.๘ ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่น ที่เกี่ยวข้องในลักษณะบูรณาการความร่วมมือในโครงการ TO BE NUMBER ONE ข้อ ๔ สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของกรมสุขภาพจิต มี ๔๒ แห่ง ดังนี้คือ ๔.๑ สำนักงานเลขานุการกรม ที่ตั้งอาคาร ๓ ชั้น ๒ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๒๒๒ - ๓ ,๐ ๒๕๘๙ ๙๘๗๕ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๖๙ ๔.๒ กองการเจ้าหน้าที่ที่ตั้งอาคาร ๒ ชั้น ๒ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๙๘ ,๐ ๒๙๕๑ ๑๓๗๒ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๗๑ ๔.๓ กองคลัง ที่ตั้งอาคาร ๓ ชั้น ๓ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๔๐ ๐ ๒๕๘๙ ๖๔๖๐ , ๐ ๒๕๘๙ ๑๔๑๙ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๗๗ , ๐ ๒๙๕๑ ๐๓๗๙ ๔.๔ กองแผนงาน ที่ตั้งอาคาร ๓ ชั้น ๔ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๒๖ ๐ ๒๕๘๙ ๙๘๗๕ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๘๑ ๔.๕ สำนักสุขภาพจิตสังคม ที่ตั้งอาคาร ๒ ชั้น ๓ และชั้น ๕ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๕๗๐ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๖๘ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๖๕ ๔.๖ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต ที่ตั้งอาคาร ๒ ชั้น ๓ และชั้น ๔ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๙๒๒๐ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๘๕ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๘๔ และห้องสมุดกรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๖๐ - ๑ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๘๔ ๔.๗ โรงพยาบาลศรีธัญญา ที่ตั้ง ๔๗ หมู่ ๔ ถนนติวานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ ๐ ๒๕๒๕ ๒๓๓๓ - ๕, ๐ ๒๕๒๕ ๐๙๘๑ โทรสาร ๐ ๒๕๒๖ ๒๘๙๔ ๔.๘ สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๒๓ หมู่ ๔ ถนนพุทธมณฑลสาย ๔ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ โทรศัพท์ ๐ ๒๘๘๙ ๙๐๖๖ โทรสาร ๐ ๒๘๘๙ ๙๐๘๓ ๔.๙ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ที่ตั้ง ๑๑๒ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพ โทรศัพท์ ๐ ๒๔๓๗ ๐๒๐๐ -๓ โทรสาร ๐ ๒๔๓๗ ๗๐๙๒ ๔.๑๐ โรงพยาบาลสวนปรุง ที่ตั้ง ๑๓๑ ถนนช่างหล่อ ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๒๘ ๐๒๒๘ - ๔๖ โทรสาร ๐ ๕๓๒๗ ๑๐๘๔ ๔.๑๑ โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ที่ตั้ง ๒๑๒ ถนนแจ้งสนิท ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โทรศัพท์ ๐ ๔๕๓๑ ๒๕๕๐ -๔ โทรสาร ๐ ๔๕๓๑ ๒๕๔๗ ๔.๑๒ โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ที่ตั้ง ๒๙๘ ถนนธราธิบดี ตำบลท่าข้าม อำเภอ พุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ ๐ ๗๗๓๑ ๑๕๐๘ , ๐ ๗๗๓๑ ๑๓๖๔ โทรสาร ๐ ๗๗๒๔ ๐๕๖๕ ๔.๑๓ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๑๖๙ ถนนชาตะผดุง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โทรศัพท์ ๐ ๔๓๒๒ ๗๔๒๒ โทรสาร ๐ ๔๓๒๒ ๔๗๒๒ ๔.๑๔ โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๔๗๒ ถนนไทรบุรี ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โทรศัพท์ ๐ ๗๔๓๑ ๓๘๒๔ , ๐ ๗๔๓๒ ๔๘๖๘ -๙ โทรสาร ๐ ๗๔๓๒ ๓๒๐๒ ๔.๑๕ โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๘๖ ถนนช้างเผือก ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โทรศัพท์ ๐ ๔๔๓๔ ๒๖๖๖ - ๗๕ โทรสาร ๐ ๔๔๓๔ ๒๖๗๗ ๔.๑๖ โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๒ หมู่ ๔ ตำบลท่าน้ำอ้อย อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โทรศัพท์ ๐ ๕๖๒๖ ๗๒๘๑ - ๘ โทรสาร ๐ ๕๖๒๖ ๗๑๑๖ ๔.๑๗ โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๒๑๐ หมู่ ๑ ถนนนครพนาม - ท่าอุเทน ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โทรศัพท์ ๐ ๔๒๕๙ ๓๑๐๓ - ๔ ๐ ๔๒๕๙ ๓๑๑๐ - ๒ โทรสาร ๐ ๔๒๕๙ ๓๑๐๙ ๔.๑๘ โรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๔๔๐ หมู่ ๔ ตำบลนาอาน อำเภอเมือง จังหวัดเลย โทรศัพท์ ๐ ๔๒๘๑ ๔๘๙๓ - ๕ โทรสาร ๐ ๔๒๘๑ ๔๘๙๑ ๔.๑๙ โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๑๗๖ หมู่ ๓ ตำบลหนองน้ำใส อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว โทรศัพท์ ๐ ๓๗๒๖ ๑๗๙๕ -๙ โทรสาร ๐ ๓๗๒๖ ๑๗๙๘ ๔.๒๐ สถาบันราชานุกูล ที่ตั้ง ๔๗๓๗ ถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๕ ๔๖๐๑ - ๕ โทรสาร ๐ ๒๒๔๘ ๒๙๔๔ ๔.๒๑ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๗๕/๑ ถนนพระราม ๖ เขตพญาไท กรุงเทพ โทรศัพท์ ๐ ๒๓๕๔ ๘๓๐๕ - ๗ โทรสาร ๐ ๒๓๕๔ ๑๘๔๕ ๔.๒๒ โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ ที่ตั้ง ๖๑ ซอยเทศบาล ๑๙ ถนน สุขุมวิท จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐ ๒๓๘๔ ๓๓๘๑ - ๓ โทรสาร ๐ ๒๓๙๔ ๑๘๔๕ ๔.๒๓ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ที่ตั้ง ๑๙๖ หมู่ ๑๐ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๘๙ ๐๒๓๘ -๔๔ โทรสาร ๐ ๕๓๑๒ ๑๑๘๕ ๔.๒๔ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑ ที่ตั้งอาคารอเนกประสงค์ ชั้น ๒ โรงพยาบาลศรีธัญญา อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ ๐ ๒๕๒๗ ๗๖๒๐ - ๒ (โทรสาร ต่อ ๑๑) ๔.๒๕ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๒ ที่ตั้งอาคาร ๒ ชั้น ๕ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๗๒ , ๐ ๒๕๘๙ ๓๒๘๒ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๙๗ ๔.๒๖ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๓ ที่ตั้งอาคาร ๑ ชั้น ๔ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๐๓๔ - ๖ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๙๔ ๔.๒๗ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๔ ที่ตั้งอาคาร ๒ ชั้น ๕ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๕๗ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๗๔ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๔๔ ๔.๒๘ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๕ ที่ตั้ง ๘๖ ถนนช้างเผือก ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โทรศัพท์ ๐ ๔๔๒๕ ๖๗๒๙ โทรสาร ๐ ๔๔๒๕ ๖๗๓๐ ๔.๒๙ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๖ ที่ตั้ง ๘๖ ถนนชาตะผดุง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โทรศัพท์ ๐ ๔๓๓๒ ๗๖๔๐ - ๑ โทรสาร ๐ ๔๓๓๒ ๗๖๔๒ ๔.๓๐ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๗ ที่ตั้ง ๒๑๒ ถนนแจ้งสนิท อำเภอเมือง จังหวัด อุบลราชธานี โทรศัพท์ ๐ ๔๕๓๑ ๕๑๗๕ , ๐ ๔๕๒๘ ๑๐๔๙ โทรสาร ๐ ๔๕๒๘ ๕๖๗๒ ๔.๓๑ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๘ ที่ตั้ง ๒ หมู่ ๔ ถนนท่าน้ำอ้อย อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โทรศัพท์ ๐ ๕๖๒๖ ๗๒๘๙ - ๙๐ โทรสาร ๐ ๕๖๒๖ ๗๔๐๕ ๔.๓๒ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๙ ที่ตั้ง ๒ หมู่ ๔ ถนนท่าน้ำอ้อย อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โทรศัพท์ ๐ ๕๖๒๖ ๗๔๔๖ , ๐ ๕๖๒๖ ๗๒๙๒ โทรสาร ๐ ๕๖๒๖ ๗๒๙๑ ๔.๓๓ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๐ ที่ตั้ง ๑๓๑ ถนนช่างหล่อ ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๒๘ ๐๕๕๖ , ๐ ๕๓๒๗ ๖๑๕๓ โทรสาร ๐ ๕๓๒๐ ๓๖๗๖ ๔.๓๔ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๑ ที่ตั้ง ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ ๐ ๗๗๒๔ ๐๖๕๖ - ๗, ๐ ๗๗๒๔ ๐๖๕๖ โทรสาร ๐ ๗๗๒๔ ๐๖๕๘ ๔.๓๕ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๒ ที่ตั้ง ๔๗๒ ถนนไทรบุรี ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โทรศัพท์ ๐ ๗๔๓๒ ๔๗๘๐ , ๐ ๗๔๓๒ ๔๗๘๒ - ๓ โทรสาร ๐ ๗๔๓๒ ๔๗๘๑ ๔.๓๖ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๓ ที่ตั้งอาคาร ๑ ชั้น ๔ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๘๙ ๕๑๘๑ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๐๔๐ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๔๘ ๔.๓๗ ศูนย์สุขภาพจิตที่ ๑๕ ที่ตั้ง ๗๔๒ โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ (อาคารศัลยกรรมประสาท ชั้น ๓) ถนนไทรบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โทรศัพท์ ๐ ๗๔๓๐ ๗๒๘๑ - ๒ โทรสาร ๐ ๗๔๓๐ ๗๒๘๓ ๔.๓๘ กลุ่มตรวจสอบภายใน ที่ตั้งอาคาร ๓ ชั้น ๒ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๔๔๗ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๓๖ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๙๐ ๔.๓๙ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ที่ตั้งอาคาร ๒ ชั้น ๒ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๕๑ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๙๒ โทรสาร ๐ ๒๕๘๙ ๐๙๗๔ ๔.๔๐ ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ที่ตั้งอาคาร ๓ ชั้น ๓ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๐๔๗ , ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๖๗ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๓๑ ๔.๔๑ กลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ตั้งอาคาร ๑ ชั้น ๓ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๐๔๓ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๔๐ ๔.๔๒ สำนักงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่ตั้งอาคาร ๒ ชั้น ๓ กรมสุขภาพจิต โทรศัพท์ ๐ ๒๕๙๐ ๘๑๘๑ -๒ โทรสาร ๐ ๒๙๕๑ ๑๓๗๔ ประกาศ ณ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑ อภิชัย มงคล รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมสุขภาพจิต เล่ม: ๑๒๕ หมวด: ๑๘๘ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หน้า: ๓๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:81441", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกรมสุขภาพจิต เรื่อง โครงสร้างและการจัดหน่วยงาน อำนาจหน้าที่ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารของกรมสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/188/31.PDF", "year": null }
nonweb_141312
ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก โดยที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้มีการผลิต หรือนำเข้าสินค้าหน้ากากอนามัยเพื่อขาย สำหรับให้ผู้บริโภคได้ใช้เป็นอุปกรณ์ในการป้องกันหรือ กรองอนุภาคขนาดเล็ก ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้หมอก ควัน ในการดำรงชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมากขึ้น และหลากหลาย เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง หน้ากากคาร์บอน โดยผู้ประกอบธุรกิจมีการใช้ ข้อความบนฉลากสินค้าที่แสดงสรรพคุณของสินค้า ในลักษณะข้อความที่อวดอ้างว่ามีสรรพคุณ ป้องกันเชื้อโรคได้ดังนั้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจ เลือกซื้อสินค้า และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค จึงเห็นสมควรกำหนดให้หน้ากากอนามัย เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก อาศัยอำนาจตามมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้ “หน้ากากอนามัย” หมายความว่า หน้ากากที่ผลิตจากวัสดุประเภทต่าง ๆ สำหรับใช้ ปิดจมูก ปาก เพื่อป้องกันหรือกรองอนุภาคขนาดเล็ก ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้หมอก ควัน รวมถึงหน้ากากที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ตามกฎหมาย ว่าด้วยเครื่องมือแพทย์ ข้อ ๒ ให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ข้อ ๓ ฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากตามข้อ ๒ จะต้องระบุข้อความ รูป รอยประดิษฐ์ หรือภาพตามความเหมาะสม แล้วแต่กรณี แต่ข้อความนั้นจะต้องตรงต่อความเป็นจริง ไม่ก่อให้เกิด ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาระสำคัญของสินค้านั้น และต้องเป็นภาษาไทยหรือภาษาไทยกำกับภาษาต่างประเทศ เพื่ออธิบายให้เข้าใจความหมายของรูป รอยประดิษฐ์ หรือภาพ ที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อ ๔ ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากที่ผลิตขึ้นเพื่อการส่งออก และไม่ขายในประเทศไทย ข้อ ๔ ฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลาก จะต้องระบุ ดังต่อไปนี้ (๑) ชื่อประเภทหรือชนิดของสินค้าที่แสดงให้เข้าใจได้ว่าสินค้านั้นคืออะไร (๒) ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้ผลิตเพื่อขาย ในประเทศไทย (๓) ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อขาย หน้า ๔๒ (๔) กรณีที่เป็นสินค้านำเข้าให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิตด้วย (๕) สถานที่ตั้งของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือของผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย (๖) ขนาดหรือมิติ หรือปริมาณ หรือปริมาตร หรือน้ำหนักของสินค้านั้น แล้วแต่กรณี สำหรับหน่วยที่ใช้จะใช้ชื่อเต็มหรือชื่อย่อ หรือสัญลักษณ์แทนก็ได้ (๗) ส่วนประกอบของหน้ากากอนามัย (๘) ชนิดของวัสดุที่ใช้ในการกรอง (๙) จำนวนชั้นกรอง (๑๐) ข้อความว่า “หน้ากากอนามัยที่ไม่ใช้ทางการแพทย์ หรือ Non - Medical Mask” (๑๑) วิธีใช้และวัตถุประสงค์ในการใช้ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าสินค้านั้นใช้เพื่อสิ่งใด (๑๒) ข้อแนะนำในการใช้ เพื่อความถูกต้องในการใช้ที่ให้ประโยชน์แก่ผู้บริโภค เช่น ใช้ครั้งเดียว ไม่ควรใช้ซ้ำ เว้นแต่เป็นหน้ากากอนามัยที่ผลิตและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (๑๓) คำเตือน หรือข้อห้ามใช้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้สินค้าได้อย่างปลอดภัย เช่น ควรใช้ หน้ากากอนามัยโดยบุคคลคนเดียวเท่านั้นและไม่ควรใช้ร่วมกับคนอื่น ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวต้องใช้ ตัวอักษรขนาดใหญ่กว่าตัวอักษรอื่น และต้องใช้สีตัดกับสีพื้น โดยต้องสามารถเห็นและอ่านได้อย่างชัดเจน แตกต่างจากข้อความอื่น (๑๔) วัน เดือน ปีที่ผลิต เว้นแต่ไม่สามารถระบุวันเดือนปีที่ผลิตที่ชัดเจนได้ ให้ระบุเฉพาะ สัปดาห์และปีที่ผลิต หรือเดือนและปีที่ผลิตได้ เพื่อให้เข้าใจในประโยชน์ของคุณภาพหรือคุณสมบัติ ของสินค้านั้น (๑๕) วัน เดือน ปีที่หมดอายุ หรือวัน เดือน ปีที่ควรใช้ก่อน วัน เดือน ปี ที่ระบุนั้น ให้ระบุเฉพาะในกรณีที่เป็นสินค้าที่มีอายุการใช้งาน เพื่อให้เข้าใจในประโยชน์ของคุณภาพหรือคุณสมบัติ ของสินค้านั้น (๑๖) ราคา โดยระบุหน่วยเป็นบาท และจะระบุหน่วยเป็นเงินสกุลอื่นไว้ด้วยก็ได้ การแสดงข้อความใน (๑๔) และ (๑๕) ให้แสดงโดยเรียงลำดับ วัน เดือน ปี ทั้งนี้ อาจแสดง “เดือน” เป็นตัวเลขหรือตัวอักษรก็ได้สำหรับ “ปี” ให้ระบุเป็น “พ.ศ.” หรือ “ค.ศ.” ก็ได้ กรณีที่มีการแสดงวัน เดือน ปี ไม่เรียงตามลำดับ ต้องมีข้อความหรือตัวอักษรที่สื่อให้ผู้บริโภค เข้าใจอย่างชัดเจนถึงวิธีการแสดงข้อความดังกล่าว กำกับไว้ด้วย การแสดงข้อความในฉลากสินค้าต้องให้เห็นและอ่านได้ชัดเจน ขนาดของตัวอักษรที่ใช้ จะต้องสัมพันธ์กับขนาดของพื้นที่ฉลาก และขนาดความสูงของตัวอักษรจะต้องไม่น้อยกว่า ๒ มิลลิเมตร เว้นแต่กรณีที่ฉลากที่มีเนื้อที่น้อยกว่า ๓๕ ตารางเซนติเมตร ขนาดความสูงของตัวอักษรจะต้อง ไม่น้อยกว่า ๑.๕ มิลลิเมตร หน้า ๔๓ ข้อ ๕ ในกรณีที่ไม่อาจแสดงฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากอย่างถูกต้องตามที่ระบุไว้ในข้อ ๓ และข้อ ๔ รวมไว้ในตำแหน่งที่เดียวกัน เช่น ไม่อาจแสดงไว้ที่สินค้าได้ทั้งหมด ก็ให้แสดงข้อความ รูป รอยประดิษฐ์หรือภาพ อย่างหนึ่งอย่างใด ไว้ในส่วนหนึ่งส่วนใดที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุหรือหีบห่อ บรรจุสินค้า หรือสอดแทรกหรือรวมไว้กับสินค้าหรือภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุสินค้า หรือในเอกสาร หรือคู่มือสำหรับใช้ประกอบกับสินค้า หรือป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุหรือ หีบห่อบรรจุสินค้านั้น แต่เมื่อรวมการแสดงฉลากไว้ทุกแห่งแล้ว ต้องสามารถเห็นและอ่า นได้ชัดเจน เว้นแต่ข้อความฉลากสินค้าที่ระบุไว้ในข้อ ๔ (๑๐) ให้แสดงไว้ที่ตัวสินค้า หรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อ บรรจุสินค้า ข้อ ๖ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖ ธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ ประธานกรรมการว่าด้วยฉลาก เล่ม: 140 หมวด: 108 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 10/05/2023 หน้า: 42
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:141313", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก เรื่อง ให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D108S0000000004200.pdf", "year": null }
nonweb_118239
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง "มูลนิธิสินเหลือ" ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิสินเหลือ” ด้วย นายถนอม สินเหลือ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิสินเหลือ ต่อนายทะเบียน มูลนิธิกรุงเทพมหานคร มีใจความสำคัญตามข้อบังคับของมูลนิธิ ดังนี้ ๑. มูลนิธิชื่อ “มูลนิธิสินเหลือ” ๒. วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ คือ ๒.๑ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุในเขตชุมชนเมือง ๒.๒ เพื่อพัฒนาชุมชนที่ด้อยโอกาส และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับสังคมไทย ๒.๓ เพื่อส่งเสริม และพัฒนาการศึกษาให้กับเด็ก และเยาวชนที่ด้อยโอกาส ๒.๔ เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อการกุศล และองค์กรสาธารณประโยชน์ เพื่อสาธารณประโยชน์ ๒.๕ ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด ๓. สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิตั้งอยู่ เลขที่ ๑๑ ซอยราษฎร์บูรณะ ๖ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ๔. ทรัพย์สินของมูลนิธิมีทุนเริ่มแรก คือ เงินสด จำนวน ๒๐๐ ,๐๐๐ บาท (สองแสนบาทถ้วน) ๕. การจัดการของมูลนิธิในวาระเริ่มแรก มีคณะกรรมการดำเนินงานดังรายนามต่อไปนี้ ๕.๑ นายถนอม สินเหลือ ประธานกรรมการ ๕.๒ นางสาวเสาวลักษณ์ สินเหลือ รองประธานกรรมการ คนที่ ๑ ๕.๓ พระมหายุทธนา ธีรยุทฺโธ รองประธานกรรมการ คนที่ ๒ ๕.๔ นายชัยวุฒิ สุขสัมฤทธิ์ กรรมการ ๕.๕ นางสาวอริสรา อุดมวรกุล กรรมการและเหรัญญิก ๕.๖ นายอมรศักดิ์ สินเหลือ กรรมการและเลขานุการ หน้า ๕๑ นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิรายนี้แล้ว เลขทะเบียน ลำดับที่กท ๓๑๑๐ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๖ ง ประกาศ ณ: ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๕๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:118240", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง "มูลนิธิสินเหลือ"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/D/006/T_0051.PDF", "year": null }
nonweb_140973
ประกาศกรมการศาสนา เรื่อง การรับรองวัดคาทอลิก [วัดแม่พระฟาติมา (บางวัว)] ประกาศกรมการศาสนา เรื่อง การรับรองวัดคาทอลิก ด้วยมิซซังกรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอให้รับรองวัดคาทอลิก ชื่อ วัดแม่พระฟาติมา (บางวัว) ตั้งอยู่เลขที่ ๔๕ หมู่ ๑๒ ซอยสมัครนรการ ถนนบางนา - ตราด ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ต่อคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ จึงประกาศรับรอง วัดแม่พระฟาติมา (บางวัว) เป็นวัดคาทอลิก ทะเบียนเลขที่ ๐๑๒/๒๕๖๖ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เล่ม: 140 หมวด: 32 ง ประกาศ ณ: 27/04/2023 หน้า: 12
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:140974", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกรมการศาสนา เรื่อง การรับรองวัดคาทอลิก [วัดแม่พระฟาติมา (บางวัว)]", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D032N0000000001200.pdf", "year": null }
nonweb_144700
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ เรื่อง การจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2562 ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ เรื่อง การจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรตราข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ ว่าด้วยการจัดการมูลฝอยทั่วไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๓ และมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ โดยความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จและนายอำเภอสำโรงทาบ จึงตราข้อบัญญัติไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ เรื่อง การจัดการ มูลฝอยทั่วไป พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในข้อบัญญัตินี้ “มูลฝอยทั่วไป” หมายความว่า เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร เศษสินค้า เศษวัตถุ ถุงพลาสติก ภาชนะที่ใส่อาหาร เถ้า มูลสัตว์ ซากสัตว์ หรือสิ่งอื่นใดที่เก็บกวาดจากถนน ตลาด ที่เลี้ยงสัตว์หรือที่อื่น แต่ไม่รวมถึงมูลฝอยติดเชื้อ มูล ฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน และสิ่งของที่ไม่ใช้แล้ว หรือของเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงาน ของเสียจากวัตถุดิบ ของเสียที่เกิดขึ้นจาก กระบวนการผลิต ของเสียที่เป็นผลิตภัณฑ์เสื่อมคุณภาพ ของเสียอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน “มูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่” หมายความว่า มูลฝอยทั่วไปที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรือนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ เช่น แก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติก “มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน” หมายความว่า มูลฝอยที่เป็นพิษ หรืออันตรายจากชุมชนตามกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด “มูลฝอยติดเชื้อ” หมายความว่า มูลฝอยติดเชื้อตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัด มูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. ๒๕๔๕ หน้า ๓๓๘ “มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายต่อชุมชน” หมายความว่า มูลฝอยที่เป็นพิษ หรือเป็นอันตรายจากกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชนที่เป็นวัตถุหรือปนเปื้อนสารที่มีคุณสมบัติเป็นสารพิษ สารไวไฟ สารออกซิไดซ์ สารเปอร์ไซต์ สารระคายเคือง สารกัดกร่อน สารที่เกิดปฏิกิริยาได้ง่ายสาร ที่เกิดระเบิดได้สารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมสารที่สิ่งอื่นใดที่อาจก่อหรือมีแนวโน้ม ที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม แต่ไม่รวมถึงมูลฝอยทั่วไป มูลฝอยติดเชื้อ กากกัมมันตรังสี และของเสียอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน “การจัดการมูลฝอยทั่วไป” หมายความว่า กระบวนการดำเนินการตั้งแต่การเก็บ ขน และกำจัดขยะมูลฝอยทั่วไป “น้ำชะมูลฝอย” หมายความว่า ของเหลวที่ไหลชะผ่านหรือของเหลวที่ออกมาจากมูลฝอย ซึ่งอาจประกอบด้วยสารละลายหรือสารแขวนลอยผสมอยู่ “อาคารอยู่อาศัยรวม” หมายความว่า อาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารที่ใช้เป็น ที่อยู่อาศัยสำหรับหลายครอบครัว โดยแบ่งออกเป็นหน่วยแยกจากกันสำหรับแต่ละครอบครัว “ผู้ที่ก่อให้เกิดมูลฝอยทั่วไป” หมายความว่า ประชาชน เจ้าของหรือผู้ครอบครอง อาคารที่พักอาศัย ธุรกิจร้านค้า สถานประกอบการ สถานบริการ โรงงานอุตสาหกรรม ตลาด สถาบันต่าง ๆ และสถานที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดมูลฝอยทั่วไป “ราชการส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ “เจ้าพนักงานสาธารณสุข” หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ปฏิบัติการตามพระรา ชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๔ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๕ การจัดการมูลฝอยทั่วไปในเขตราชการ ส่วนท้องถิ่นเป็นอำนาจของราชการส่วนท้องถิ่น ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ราชการส่วนท้องถิ่นอาจร่วมกับหน่วยงานของรัฐหรือราชการ ส่วนท้องถิ่นอื่นดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกันก็ได้หน้า ๓๓๙ ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรราชการท้องถิ่นอาจมอบให้บุคคลดำเนินการขน หรือกำจัดมูลฝอยทั่วไปแทน ภายใต้การควบคุมดูแลราชการส่วนท้องถิ่นหรืออาจอนุญาตให้บุคคลใดเป็นผู้ดำเนินกิจการรับทำการขน หรือกำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการก็ได้ บทบัญญัติตามข้อนี้มิให้ใช้บังคับกับการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ ใช้แล้วซึ่งต้องจัดการ ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน แต่ให้ผู้ดำเนินกิจการโรงงานที่มีสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วและผู้ดำเนินกิจการ รับทำการขนหรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วดังกล่าวแจ้งดำเนินกิจการเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ข้อ ๖ ในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะมอบให้บุคคลอื่นดำเนินการขนมูลฝอยทั่วไปแทน หรือจะอนุญาตให้บุคคลใดดำเนินกิจการขนมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกำหนดเขตพื้นที่ที่ราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้บุคคลอื่น ดำเนินการขนมูลฝอยทั่วไปแทนหรือเขตพื้นที่การอนุญาตให้บุคคลใดดำเนินกิจการขนมูลฝอยทั่วไป โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณี และเผยแพร่ ให้ประชาชนทราบ ข้อ ๗ ห้ามมิให้ผู้ใดถ่าย เท ทิ้ง หรือทำให้มีขึ้นในที่หรือทางสาธารณะซึ่งมูลฝอยทั่วไป นอกจากถ่าย เท ทิ้ง หรือกำจัด ณ สถานที่หรือตามวิธีที่ราชการส่วนท้องถิ่นกำหนดหรือจัดให้ ให้ราชการส่วนท้องถิ่นจัดให้มีสถานที่ถ่าย เท หรือทิ้งมูลฝอยทั่วไปในที่หรือทางสาธารณะ หรือกำหนดให้มีวิธีกำจัดมูลฝอยทั่วไปตามที่กำหนดไว้ตามข้อบัญญัตินี้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๘ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือราชการส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานของรัฐหรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน และบุคคลซึ่งราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ดำเนินการขนและกำจัดมูลฝอยทั่วไป ภายใต้การควบคุมดูแลของราชการส่วนท้องถิ่น รวมทั้งบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ให้ดำเนินกิจการรับทำการขนและกำจัดมูลฝอยทั่วไป โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณี ต้องดำเนินการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดย ได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณี ต้องดำเนินการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอยทั่วไป ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามข้อบัญญัตินี้รวมทั้งกฎกระทรวงและประกาศ กระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หน้า ๓๔๐ ในการจัดการมูลฝอยทั่วไปต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ควบคุมกำกับในการจัดการมูลฝอยทั่วไป อย่างน้อยสองคนโดยให้มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หมวด ๒ หลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการเกี่ยวกับสุขลักษณะในการจัดการมูลฝอยทั่วไป ส่วนที่ ๑ การเก็บมูลฝอยทั่วไป ข้อ ๙ เพื่อประโยชน์ในการเก็บข้อมูลฝอยทั่วไป ให้ผู้ซึ่งก่อให้เกิดมูลฝอยคัดแยกมูลฝอย อย่างน้อยเป็นมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน โดยให้คัดแยกมูลฝอย นำกลับมาใช้ใหม่ออกจากมูลฝอยทั่วไปด้วย ข้อ ๑๐ ถุงสำหรับบรรจุมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ต้องเป็นถุงพลาสติก หรือถุงที่ทำจากวัสดุอื่นที่มีความเหนียว ทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่รั่วซึม ขนาดเหมาะสม และสามารถ เคลื่อนย้ายได้สะดวก (๑) ถุงสำหรับบรรจุมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ต้องเป็นถุงพลาสติก หรือถุงที่ทำจากวัสดุอื่นที่มีความเหนียว ทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ไม่รั่วซึม ขนาดเหมาะสม และสามารถ เคลื่อนย้ายได้สะดวก (๒) ภาชนะสำหรับบรรจุมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ต้องเป็นถุงพลาสติก หรือถุงที่ทำจากวัสดุอื่นที่มีความเหนียว ทน ทาน ไม่รั่วซึม มีฝาปิดมิดชิด สามารถป้องกันสัตว์ และแมลงพาหะนำโรคได้ขนาดเหมาะสมสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก และง่ายต่อการถ่ายและเทมูลฝอย ถุงหรือภาชนะสำหรับบรรจุมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ตามวรรคหนึ่ง ให้ระบบข้อความที่ทำให้เข้าใจว่า เป็นมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีขนาดและสีของข้อความที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ข้อ ๑๑ ให้ผู้ซึ่งก่อให้เกิดมูลฝอยบรรจุมูลฝอยทั่วไปหรือมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ในถุง หรือภาชนะบรรจุในกรณีบรรจุในถุงต้องบรรจุในปริมาณที่เหมาะสมและมัดหรือปิดปากถุงให้แน่น เพื่อป้องกันการหกหล่นของมูลฝอยดังกล่าว กรณีบรรจุในภาชนะบรรจุต้องบรรจุในปริมาณที่เหมาะสม และมีการทำความสะอาดภาชนะบรรจุนั้นเป็นประจำสม่ำเสมอ หน้า ๓๔๑ ข้อ ๑๒ ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารอยู่อาศัยรวม อาคารชุด หอพัก หรือโรงแรม ที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่แปดสิบห้องขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าสี่พันตารางเมตรขึ้นไป หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารสถานประกอ บการ สถานบริการ โรงงานอุตสาหกรรม ตลาด หรือสถานที่ใด ๆ ที่มีปริมาณมูลฝอยทั่วไปตั้งแต่สองลูกบาศก์เมตรต่อวัน จัดให้มีที่พักรวมมูลฝอยทั่วไป ภาชนะรองรับมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่หรือภาชนะรองรับที่มีขนาดใหญ่ตามความเหมาะสม หรือตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ข้อ ๑๓ ที่พักรวมมูลฝอยทั่วไปต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นอาคารหรือเป็นห้องแยกเป็นสัดส่วนเฉพาะที่มีการป้องกันน้ำฝนหรือภาชนะ รองรับมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุมูลฝอยได้ไม่น้อยกว่าสองวัน (๒) มีพื้นและผนังของอาคารหรือห้องแยกตาม (๑) ต้องเรียบมีการป้องกันน้ำซึม หรือน้ำเข้าทำด้วยวัสดุที่ทนทำนทำความสะอาดง่ายสามารถป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรค และมีการระบายอากาศ (๓) มีรางหรือท่อระบายน้ำเสียหรือระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อรวบรวมน้ำเสียไปจัดการ ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (๔) มีประตูกว้างเพียงพอให้สามารถเคลื่อนย้ายมูลฝอยได้โดยสะดวก (๕) มีการกำหนดขอบเขตบริเวณที่ตั้งสถานที่พักรวมมูลฝอยทั่วไป มีข้อความ ที่มีขนาดเห็นได้ชัดเจนว่า “ที่พักรวมมูลฝอยทั่วไป” และมีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ที่พักรวมมูลฝอยทั่วไปต้องตั้งอยู่ในสถานที่สะดวกต่อการเก็บรวบรวมและขนถ่ายมูลฝอยทั่วไป และอยู่ห่างจากแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและสถานที่ประกอบหรือปรุงอาหารตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น กำหนดโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ข้อ ๑๔ ภาชนะรองรับมูลฝอย ทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) ทำจากวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย มีความแข็งแรงทนทานไม่รั่วซึมมีฝาปิดมิดชิด สามารถป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรคได้ขนาดเหมาะสมสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกและ ง่ายต่อการถ่าย และเทมูลฝอย หน้า ๓๔๒ (๒) มีข้อความว่า “มูลฝอยทั่วไป” หรือ มูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่” แล้วแต่กรณี และมีขนาดและสีของข้อความที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ข้อ ๑๕ ภาชนะรองรับมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ซึ่งมีปริมาตร ตั้งแต่สองลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีความแข็งแรงทนทานไม่รั่วซึมมีลักษณะปิดมิดชิดสามารถป้องกันสัตว์ และแมลงพาหะนำโรคได้สะดวก ต่อการขนถ่ายมูลฝอยและสามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย มีระบบรวบรวมและป้องกันน้ำชะมูลฝอยไหลปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม (๒) มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ภาชนะรองรับมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่เหมาะสม สะดวกต่อการขนย้ายและไม่กีดขวางเส้นทางจราจร แยกเป็นสัดส่วนเฉพาะพื้นฐานเรียบ มั่นคง แข็งแรง ทำความสะอาดง่าย มีรางหรือท่อระบายน้ำทิ้งหรือระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อรวบรวมน้ำเสียไปจัดการ ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ห่างจากแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและสถานที่ประกอบหรือปรุงอาหาร ตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ข้อ ๑๖ ให้ราชการส่วนท้องถิ่นจัดให้มีภาชนะรองรับมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ หรือภาชนะรองรับมูลฝอยทั่วไปและมูลฝอยกลับมาใช้ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ในที่หรือทางสาธารณะตามความเหมาะสม ข้อ ๑๗ ราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานของรัฐหรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกันบุคคลซึ่งราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ดำเนินการเก็บมูลฝอยทั่วไป ภายใต้การควบคุมดูแลของราชการส่วนท้องถิ่น และบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ให้ดำเนินกิจการรับทำการเก็บมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณีต้องจัดให้มีผู้ปฏิบัติงานซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวมและคัดแยกขยะมูลฝอยทั่วไป และจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมสำหรับผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว ผู้ปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง ต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีและได้รับความ รู้ด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยในการทำงาน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนด โดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ข้อ ๑๘ ในกรณีที่ราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่นที่ดำเนินการภาย ใต้ข้อตกลงร่วมกัน บุคคลซึ่งราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ดำเนินการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยทั่วไปภายใต้การควบคุมดูแลของราชการส่วนท้องถิ่น และบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาต จากเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณี ที่จัดให้มีสถานที่คัดแยกขยะมูลฝอยทั่วไป ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) เป็นพื้นที่เฉพาะ มีขนาดเพียงพอ เหมาะสมสามารถรองรับมูลฝอยทั่วไป ที่จะนำเข้ามาคัดแยกได้ (๒) มีแสงสว่างเพียงพอสามารถมองเห็นวัตถุต่าง ๆ ได้ชัดเจน (๓) มีการระบายอากาศเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน (๔) จัดให้มีห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือที่สะอาด เพียงพอสำหรับการใช้งาน และชำระล้างร่างกาย (๕) มีการป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรค (๖) มีการป้องกันฝุ๋นละออง กลิ่น เสียง ความสั่นสะเทือน หรือการดำเนินการ ที่อาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (๗) จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย และมีการบำรุงรักษาให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา (๘) มีระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย และน้ำ ทิ้งที่ระบายออกสู่ภายนอกเป็นไป ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ในกรณีวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มชุมชนดำเนินการคัดแยกมูลฝอยในลักษณะที่ไม่เป็นการคำ หรือแสวงหากำไรต้องแจ้งราชการส่วนท้องถิ่นที่วิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มชุมชนนั้นตั้งอยู่ และให้ราชการส่วนท้องถิ่น กำกับดูแลการดำเนินการให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะ ข้อ ๑๙ ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการหรือผู้ครอบครองโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นแหล่งกำเนิดมูลฝอยทั่วไป ทิ้งสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงานของเสียจากวัตถุ ดิบ ของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ของเสียที่เป็นผลิตภัณฑ์เสื่อมคุณภาพ และของเสียอันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ปะปนกับมูลฝอยทั่วไป หน้า ๓๔๔ ส่วนที่ ๒ การขนมูลฝอยทั่วไป ข้อ ๒๐ ราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานของรัฐหรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน บุคคลซึ่งราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ดำเนินการขนมูลฝอยทั่วไป ภายใต้การควบคุมดูแลของราชการส่วนท้องถิ่น และบุคคลซึ่งได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานท้องถิ่น ดำเนินกิจการรับทำการขนมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอ บแทนด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณี ต้องจัดให้มีผู้ปฏิบัติงานซึ่งทำหน้าที่ขนมูลฝอยทั่วไป และจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ที่เหมาะสำหรับผู้ปฏิบัติงานดังกล่าวอุปกรณ์หรือเครื่องมือป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน อุปกรณ์หรือเครื่องมือป้องกันอัคคีภัย ตลอดจนเครื่องมือปฐมพยาบาลไว้ประจำรถขนมูลฝอยทั่วไปด้วย ผู้ปฏิบัติงานขนมูลฝอยทั่วไปตามวรรคหนึ่งต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี และผ่านการฝกอบรม ให้มีความรู้ด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ข้อ ๒๑ การดำเนินการขนมูลฝอยทั่วไปต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้แยกขนมูลฝอยตามประเภท หรือกำหนดวันในการขนตามประเภทของมูลฝอย หรือตามที่ราชการส่วนท้องถิ่นกำหนด (๒) ใช้ยานพาหนะขนมูลฝอยทั่วไปที่มีลักษณะตามที่กำหนดในข้อบัญญัตินี้ และต้องมีการทำความสะอาด ยานพาหนะ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการขนมูลฝอยทั่วไป และบริเวณ ที่จอดเก็บยานพาหนะเป็นประจำทุกวัน (๓) ต้องจัดให้มีสถานที่ล้างยานพาหนะ รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการขน มูลฝอยทั่วไปที่มีลักษณะเป็นพื้นเรียบ แข็งแรง ทนทาน มีความลาดเอียง น้ำไม่ท่วมขัง ทำความสะอาดง่าย มีรางหรือท่อระบายน้ำเสียหรือระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อรวบรวมน้ำเสียไปจัดการตามที่กฎหมายกำหนด และมีการป้องกันเหตุรำคาญและผลกระทบต่อสุขภาพ (๔) บริเวณที่จอดเก็บยานพาหนะขนมูลฝอยทั่วไปมีขนาดกว้างขวางเพียงพอ มีราง หรือท่อระบายน้ำเสียจาการล้างยานพาหนะเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย เว้นแต่อาคารที่ไม่ถูกบังคับ ให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย (๕) ต้องมีมาตรการควบคุมกำกับการขนมูลฝอยทั่วไป เพื่อป้องกันการลักลอบทิ้ง หน้า ๓๔๕ ข้อ ๒๒ ยานพาหนะขนมูลฝอยทั่วไปต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) ตัวถังบรรจุมูลฝอยทั่วไปมีความแข็งแรงทนทาน ไม่รั่วซึม มีลักษณะปกปิด เป็นแบบที่ง่ายต่อการบรรจุขนถ่าย และทำความสะอาด ระดับตัวถังไม่สูงเกินไปหรืออยู่ระดับที่ปลอดภัย ต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานขณะขนถ่ายมูลฝอยทั่วไป (๒) มีการป้องกันหรือมีการติดตั้งภาชนะรองรับน้ำจากมูลฝอย เพื่อมิให้รั่วไหล ตลอดการปฏิบัติงาน และนำน้ำเสียจากมูลฝอยไปบำบัดในระบบบำบัดน้ำเสีย (๓) มีสัญลักษณ์หรือสัญญาณไฟติดไว้ประจำยานพาหนะชนิดไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ และสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เปิดให้สัญญาณขณะปฏิบัติงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ กรณีบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งได้รับมอบจากราชการส่วนท้องถิ่นให้เป็นผู้ดำเนินการขนหรือกำจัด มูลฝอยทั่วไปแทนภายใต้การดูแลของราชการส่วนท้องถิ่น ให้บุคคลหรือนิติบุคคลนั้นแสดงชื่อราชการ ส่วนท้องถิ่นด้วยตัวหนังสือที่มีขนาดสามารถมองเห็นได้ชัดเจนไว้ที่ภายนอกตัวถังด้านข้างทั้งสองด้าน ของยานพาหนะขนมูลฝอยทั่วไปพร้อมกับแสดงแผ่นป้ายขนาดที่มองเห็นได้ชัดเจนโดยให้ระบุวิธีการ ที่ราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้บุคคลนั้นนำไปส่งกำจัดและระบุชื่อ ที่อยู่หมาย เลขโทรศัพท์ของบุคคล หรือนิติบุคคลนั้นไว้ที่ยานพาหนะขนมูลฝอยทั่วไปในบริเวณที่บุคคลภายนอกสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน กรณีบุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งได้รับอนุญาต ให้ผู้ได้รับอนุญาตแสดงชื่อบุคคลหรือบุคคล เลขที่ใบอนุญาตของบริษัทด้วยตัวหนังสือที่มีขนาดสามารถมองเห็นได้ชัดเจนไว้ที่ภายนอกตัวถังด้านข้าง ทั้งสองข้างของยานพาหนะมูลฝอยทั่วไป พร้อมกับแสดงแผ่นป้ายขนาดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ระบุชื่อ ที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลหรือนิติบุคคลนั้นไว้ที่ยานพาหนะมูลฝอยทั่วไปในบริเวณ ที่บุคคลภายนอกสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ข้อ ๒๓ ในกรณีที่มีความจำเป็น ราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่นที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน บุคคลซึ่งราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ ดำเนินการเก็บและขนมูลฝอยทั่วไปภายใต้การควบคุมดูแลของราชการส่วนท้องถิ่น และบุคคลซึ่งได้รับอนุญา ต จากเจ้าพนักงานส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินกิจการรับทำการเก็บและขนมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณี อาจจัดให้มีสถานีขนถ่ายมูลฝอยทั่วไปก็ได้ สถานที่ขนถ่ายมูลฝอยทั่วไปตามวรรคหนึ่งต้อ งมีลักษณะและการขนถ่ายที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีลักษณะเป็นอาคาร มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณมูลฝอยทั่วไปที่ต้องพักรอการขนถ่าย มีการป้องกันน้ำซึมหรือน้ำเข้า มีการระบายอากาศ และแสงสว่างที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน (๒) มีการป้องกันสัตว์ และแมลงพาหะนำโรค ฝุ๋นละออง กลิ่น เสียง ความสั่นสะเทือน หรือการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๓) มีระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย และน้ำทิ้งที่ระบายออกสู่ภายนอกเป็นไป ตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งตา มกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่อาคารที่ไม่ถูกบังคับให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย ส่วนที่ ๓ การกำจัดมูลฝอยทั่วไป ข้อ ๒๔ ราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานของรัฐหรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน บุคคลซึ่งราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยทั่วไป ภายใต้การควบคุมดูแลของราชการส่วนท้องถิ่น และบุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ให้ดำเนินกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการ แล้วแต่กรณี ต้องจัดให้มีผู้ปฏิบัติงานซึ่งทำหน้าที่กำจัดมูลฝอยทั่วไป และจัดให้มี อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมสำหรับผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว อุปกรณ์หรือเครื่องมือป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน อุปกรณ์หรือเครื่องมือป้องกันอัคคีภัยตลอดจนเครื่องมือปฐมพยาบาลติดตั้งไว้ ในบริเวณสถานที่กำจัดมูลฝอยทั่วไปด้วย ผู้ปฏิบัติหน้าที่กำจัดมูลฝอยทั่วไปตามวรรคหนึ่งต้องรับการตรวจสุขภาพประจำปี และผ่านการฝกอบรม ให้มีความรู้ด้านสุข อนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนด โดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ข้อ ๒๕ การกำจัดมูลฝอยทั่วไปต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) กำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยวิธีใดวิธีหนึ่งตามที่กำหนดในข้อบัญญัตินี้ โดยให้ศึกษา ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ก่อนทำการก่อสร้างระบบกำจัดมูลฝอยทั่วไป และมีมาตรการควบคุม กำกับการดำเนินงานกำจัดมูลฝอยทั่วไปในแต่ละวิธีให้เป็นไปตามสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม หน้า ๓๔๗ (๒) ไม่นำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงาน ของเสียจากวัตถุดิบ ของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ของเสียทีเป็นผลิตภัณฑ์เสื่อมคุณภาพ และของเสียอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน มูลฝอยติดเชื้อ และมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตราย จากชุมชนมากำจัดร่วมกับมูลฝอยทั่วไป ข้อ ๒๖ การกำจัดมูลฝอยทั่วไปให้ดำเนินการตามวิธีหนึ่งวิธีใด ดังต่อไปนี้ (๑) การฝ้งกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล (๒) การเผาในเตาเผา (๓) การหมักทำปุยและการหมักทำก๊าซชีวภาพ (๔) การกำจัดแบบผสมผสาน (๕) วิธีอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนด ข้อ ๒๗ การฝ้งกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีสถานที่ตั้งเหมาะสม มีบริเวณเพียงพอในการฝ้งกลบโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เหตุรำคาญ หรือความเสียหายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นด้วย (๒) มีพื้นที่แนวกันชนโดยรอบภายในอาณาเขตของสถานที่ฝ้งกลบมูลฝอยทั่วไป เพื่อจัดเป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ถนน รางระบายน้ำผิวดิน เพื่อลดป้ญหาด้านทัศนียภาพจากการฝ้งกลบ และป้ญหากลิ่นรบกวน (๓) มีระบบป้องกันการปนเปื้อนของน้ำใต้ดินจากน้ำชะมูลฝอย โดยมีการบดอัดก้นบ่อ ด้านล่างและด้านข้างให้แน่นและปูด้วยแผ่นวัสดุกันซึม (๔) มีระบบการรวบรวมน้ำชะมูลฝอยจากก้นบ่อเพื่อส่งไปยังระบบบำบัดน้ำเสีย ที่สามารถป้องกันการปนเปื้อนน้ำใต้ดิน และมีกระบวนการบำบัดน้ำชะมูลฝอยให้ได้มาตรฐานน้ำทิ้ง ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๕) มีการใช้ดินหรือวัสดุอื่นกลบทับทุกครั้งที่มีการนำมูลฝอยทั่วไปไปฝ้งกลบ และปิดการฝ้งกลบเมื่อบ่อฝ้งกลบเต็ม โดยปิดทับหน้าบ่อฝ้งกลบด้วยดินหนาอย่างน้อยหกสิบเซนติเมตร หรือวัสดุอื่นที่เหมาะสม เพื่อป้องกันกลิ่นการปลิวของมูลฝอย ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลง พาหะนำโรค รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวด ล้อม หน้า ๓๔๘ (๖) มีการป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรค ฝุ๋นละออง กลิ่น เสียง ความสั่นสะเทือน หรือการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๗) ต้องมีระบบรวบรวมและระบายก๊าซออกจากหลุมฝ้งกลบ และมีระบบเผาทำลายก๊า ซ หรือมีระบบการนำก๊าซไปใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น (๘) มีบ่อสำหรับตรวจสอบการปนเปื้อนของน้ำใต้ดิน และในระหว่างการดำเนินการฝ้งกลบ ให้รายงานการตรวจสอบคุณภาพน้ำต่อราชการส่วนท้องถิ่นด้วย ข้อ ๒๘ การเผาในเตาเผาต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษา ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีสถานที่ตั้งเหมาะสม มีขนาดพื้นที่เหมาะสมกับกระบวนการเผามูลฝอยทั่วไป มีการระบบระบายอากาศและแสงสว่างที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน (๒) มีที่พักรวมมูลฝอยทั่วไปที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะตามข้อบัญญัตินี้ (๓) มีพื้นที่แนวกันชนโดยรอบภายในอาณาเขตของสถานที่เผามูลฝอยทั่วไป เพื่อจัดเป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ถนน รางระบายน้ำผิวดิน เพื่อลดป้ญหาด้านทัศนียภาพจากการเผา และป้ญหากลิ่นรบกวน (๔) ต้องเผามูลฝอยทั่วไปที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่าแปดร้อยห้าสิบองศาเซลเซียส และมีระบบควบคุมคุณภาพอากาศที่ปล่อยออกจากปล่องเตาเผามูลฝอยทั่วไปให้ได้มาตรฐานควบคุม การปล่อยทิ้งอากาศเสียจากเตาเผามูลฝอยตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๕) มีการป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรค ฝุ๋นละออง กลิ่น เสียง ความสั่นสะเทือน หรือการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๖) มีการบำบัดน้ำเสียจากระบบกำจัด และน้ำเสียใด ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใน สถานที่กำจัดให้ได้มาตรฐานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๗) มีพื้นที่สำหรับเก็บเถ้าหนักที่มีการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบ ในการนำเถ้าหนักไปกำจัดเป็นประจำ โดยใช้วิธีการฝ้งกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitary LandFill) ที่มีการป้องกันน้ำซะขี้เถ้าปนเปื้อนแหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน หรือมีระบบการนำเถ้าหนักไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น (๘) มีพื้นที่สำหรับเก็บเถ้าลอยที่มีการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบ ในการนำเถ้าลอยออกไปกำจัดเป็นประจำ โดยใช้วิธีการฝ้งกลบอย่างปลอดภัย (Secured Landfill) ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือมีระบบการนำเถ้าลอยไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ข้อ ๒๙ การหมักทำปุยและการหมักทำก๊าซชีวภาพ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องผลการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะ ดังต่อไปนี้ (๑) มีสถานที่ตั้งเหมาะสม (๒) มีระบบการคัดแยกมูลฝอยทั่วไปเพื่อนำมาห มักทำปุยหรือทำก๊าซชีวภาพ ซึ่งอาจมีอาคารที่มีขนาดพื้นที่เหมาะสม และมีการระบายอากาศและแสงสว่างที่เพียงพอต่อการคัดแยกดังกล่าว (๓) มีระบบบำบัดกลิ่นมูลฝอยทั่วไปภายในอาคารคัดแยกขยะมูลฝอยทั่วไป (๔) มีการป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรค ฝุ๋นละออง กลิ่น เสียง ความสั่นสะเทือน หรือการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๕) มูลฝอยทั่วไปจากการคัดแยกส่วนที่หมักทำปุยหรือหมักทำก๊าซชีวภาพไม่ได้ ต้องมีระบบการกำจัด หรือส่งไปกำจัดโดยวิธีการฝ้งกลบอย่างถูกหลักสุ ขาภิบาลหรือการเผาในเตาเผา หรืออาจมีการนำมูลฝอยทั่วไปที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ไปใช้ประโยชน์ (๖) ต้องบำบัดน้ำชะมูลฝอยทั่วไป น้ำเสียจากสถานที่คัดแยก และสถานที่หมักทำปุย หรือทำก๊าซชีวภาพให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๗) กรณีหมักทำก๊าซชีวภาพ บ่อ หมักต้องเป็นระบบปิด มีการนำก๊าซชีวภาพไปใช้ประโยชน์ และมีระบบเผาก๊าซทิ้งกรณีระบบการใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพหยุดทำงาน ข้อ ๓๐ การกำจัดแบบผสมผสานโดยใช้วิธีการกำจัดมูลฝอยทั่วไปมากกว่าหนึ่งวิธี ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และสุขลักษณะของแต่ละวิธีที่กำห นดตามข้อบัญญัตินี้ หมวด ๓ ใบอนุญาต ข้อ ๓๑ ห้ามมิให้ผู้ใดดำเนินกิจการรับทำการขน หรือกำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หน้า ๓๕๐ ข้อ ๓๒ ผู้ใดประสงค์จะเป็นผู้ดำเนินกิจการรับทำการขน หรือกำจัดมูลฝอยทั่วไปโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการในเขตราชการส่วนท้องถิ่นจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาต ตามแบบที่องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จกำหนด พร้อมกับเอกสารและหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) สำเนาบัตรประจำตัว (ประชาชน /ข้าราชการ /พนักงานรัฐวิสาหกิจ /อื่น ๆ ระบุ..................) (๒) สำเนาใบอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๓) อื่น ๆ ตามที่ราชการส่วนท้องถิ่นประกาศกำหนดและเผยแพร่ให้ประชาชนทราบ ข้อ ๓๓ เมื่อได้รับคำขอรับใบอนุญาตหรือคำขอต่ออายุใบอนุญาต ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ตรวจสอบความถูกต้องของคำขอและความครบถ้วนของเอกสารหลักฐานทันที กรณีไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งต่อผู้ยื่นคำขอให้แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ในขณะนั้นให้จัดทำบันทึกความบกพร่องและรายการเอกสารหรือหลักฐานยื่นเพิ่ม เติมภายในระยะเวลา ที่กำหนดโดยให้เจ้าหน้าที่และผู้ยื่นคำขอลงนามไว้ในบันทึกนั้นด้วย เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องออกใบอนุญาตหรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผล ให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับคำขอซึ่งมีรายละเอียดถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนด ในข้อบัญญัตินี้ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่อาจออกใบอนุญาตหรือยังไม่อาจมีคำสั่งไม่อนุญาตได้ ภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน แต่ต้องมีหนังสือแจ้งการขยายเวลาและเหตุจำเป็นแต่ละครั้งให้ผู้ขออนุญาตทราบก่อนสิ้นกำหนดเวลา ตามวรรคสองหรือตามที่ได้ขยายเวลาไว้แล้วนั้น แล้วแต่กรณี ทั้งนี้หากเจ้าพนักงานท้องถิ่นพิจารณา ยังไม่แล้วเสร็จให้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคำขอทราบถึงเหตุแห่งความล่าช้าทุกเจ็ดวันจนกว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ พร้อมสำเนาแจ้ง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ทราบทุกครั้ง ข้อ ๓๔ ผู้ใดได้รับอนุญาตต้องมารับใบอนุญาตภายในสิบห้า วัน (หรือตามที่เห็นสมควร) นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควรและได้แจ้ง ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบแล้ว ข้อ ๓๕ บรรดาใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตที่ออกให้ตามข้อบัญญัตินี้ให้มีอายุหนึ่งปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต และให้ใช้ได้เพียงในเขตอำนาจของราชการส่วนท้องถิ่นเท่านั้น หน้า ๓๕๑ การขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอพร้อมกับ เสียค่าธรรมเนียมแล้วให้ประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต ข้อ ๓๖ ผู้ได้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบกิจการตลอดเวลาที่ประกอบกิจการ ข้อ ๓๗ ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาต ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด ตามแบบที่องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จกำหนด การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีใบอนุญาตสูญหาย ให้ผู้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตนำสำเนาบันทึก การแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แห่งท้องที่ที่ใบอนุญาตสูญหายมาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ประกอบด้วย (๒) ในกรณีใบอนุญาตถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระที่สำคัญให้ผู้ยื่นคำขอรับ ใบแทนใบอนุญาตนำใบอนุญาตเดิมเท่าที่เหลืออยู่มาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นประกอบด้วย ข้อ ๓๘ ในกรณีที่ปรากฏว่า ผู้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง ตามบทแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวง หรือข้อบัญญัตินี้หรือเงื่อนไข ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเรื่องที่กำหนดไว้เกี่ยวกับการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาตข้อบัญญัตินี้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้ภายในเวลาที่เห็นสมควรแต่ต้องไม่เกินสิบห้าวัน ข้อ ๓๙ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาต (๑) ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปและมีเหตุที่จะต้องถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตอีก (๒) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๓) ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวงหรือข้อบัญญัตินี้หรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเรื่องที่กำหนดไว้ เกี่ยวกับการประกอบกิจการตามที่ ได้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้และการไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องนั้น หน้า ๓๕๒ ก่อให้เกิดอันตรายอ ย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชนหรือมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะส ม กับการดำรงชีพของประชาชน ข้อ ๔๐ คำสั่งพักใช้ใบ อนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้รับ ใบอนุญาตทราบในกรณีที่ไม่พบผู้รับใบอนุญาต หรือผู้รับใบอนุญาตไม่ยอมรับคำสั่งดังกล่าว ให้ส่งคำสั่ง โดยทางไปรษณีย์ตอบรับหรือให้ปิดคำสั่งนั้นไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงาน ของผู้รับใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นได้รับทราบคำสั่งแล้วตั้งแต่เวลาที่คำสั่งไปถึง หรือวันปิดคำสั่ง แล้วแต่กรณี ข้อ ๔๑ ผู้ถูกสั่งเพิกถอน ใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการที่ถูกเพิกถอน ใบอนุญาตอีกไม่ได้จนกว่าจะพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หมวด ๔ ค่าธรรมเนียมและค่าปรับ ข้อ ๔๒ เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ใด ๆ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่การให้บริการ ขนมูลฝอยทั่วไปของราชการส่วนท้องถิ่น หรือเขตพื้นที่ที่ราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน จะต้องมาเสียค่าธรรมเนียมการให้บริการขนและกำจัดมูลฝอยทั่วไปแก่ราชการส่วนท้องถิ่นตามอัตราที่กำหนดไว้ ท้ายข้อบัญญัตินี้ ข้อ ๔๓ ผู้ใดรับใบอนุญาตต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตตามอัตราที่กำหนดไว้ ท้ายข้อบัญญัตินี้ในวันที่มารับใบอนุญาตสำหรับกรณีที่ เป็นการขอรับใบอนุญาตครั้งแรกหรือก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ สำหรับกรณีที่เป็นขอต่ออายุใบอนุญาต ตลอดเวลาที่ยังดำเนินกิจการนั้น ถ้ามิได้เสียค่าธรรมเนียม ภายในเวลาที่กำหนด ให้ชำระค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ เว้นแต่ผู้รับใบอนุญาตจะได้บอกเลิกการดำเนินกิจการนั้นก่อนถึงกำหนดการเสียค่าธรรมเนียมครั้งต่อไป ในกรณีผู้มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งค้างชำระค่าธรรมเนียมติดต่อกันเกินว่าสองครั้ง ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดการดำเนินกิจการไว้จนกว่าจะได้เสียค่าธรรมเนียมและค่าปรับ จนครบจำนวน ข้อ ๔๔ บรรดาค่าธรรมเนียมและค่าปรับตามข้อบัญญัตินี้ ให้เป็นรายได้ของราชการส่วนท้องถิ่น หมวด ๕ ค่าบริการขั้นสูง ข้อ ๔๕ ผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็น ผู้ดำเนินกิจการตามข้อบัญญัตินี้จะพึงเรียกเก็บค่าบริการจาก ผู้ใช้บริการได้ไม่เกินอัตราค่าบริการขั้นสูงตามที่กำหนดไว้ท้ายข้อบัญญัตินี้ หมวด ๖ บทกำหนดโทษ ข้อ ๔๖ ผู้ใดฝ๋าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษ ตามที่กำหนดไว้ในบทกำ หนดโทษแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ . ๒๕๓๕ ประกาศ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓ นาครินทร์ สาทิพจันทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ หน้า ๓๕๔ บัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล เสม็จ เรื่อง การจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2562 ลำดับที่รายการ ค่าธรรมเนียม (บาท/เดือน) 1 ค่าธรรมเนียมการให้บริการขน กำจัด และการออกใบอนุญาต 1. ค่าเก็บและขนมูลฝอยทั่วไป 1.1 ค่าเก็บและขนมูลฝอยทั่วไป เป็นรายเดือน (1) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร (2) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 500 ลิตร ให้คิดเป็นหน่วยทุกๆ 20 ลิตร ในอัตราต่อหน่วย (เศษไม่เกิน 10 ลิตร ให้คิดเป็นครึ่งหน่วย เศษเกิน 10 ลิตร ให้คิดเป็นหนึ่งหน่วย) (3) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 500 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร (4) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหน่วย ทุกๆ 1 ลูกบาศก์เมตร ในอัตราต่อหน่วย (เศษไม่เกินครึ่งลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นครึ่งหน่วย เศษเกินครึ่งลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหนึ่งหน่วย) 1.2 ค่าเก็บและขนขยะมูลฝอยทั่วไป เป็นครั้งคราว (1) กรณีที่มีปริมาณไม่เกิน 500 ลิตร (2) กรณีที่มีปริมาณเกิน 500 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร (3) กรณีที่มีปริมาณ 1 ลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหน่วย ทุกๆ 1 ลูกบาศก์เมตร ในอัตราต่อหน่วย (เศษไม่เกินครึ่งลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นครึ่งหน่วย เศษเกินหนึ่งลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหนึ่งหน่วย) เดือนละ 30 บาท หน่วยละ 40 บาท เดือนละ 1,000 บาท หน่วยละ 2,000 บาท ครั้งละ 100 บาท ครั้งละ 200 บาท ครั้งละ 200 บาท 2. ค่ากำจัดมูลฝอยทั่วไป 2.1 ค่ากำจัดมูลฝอยทั่วไป เป็นรายเดือน (1) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร (2) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 500 ลิตร ให้คิดเป็นหน่วยทุกๆ 20 ลิตร ในอัตราต่อหน่วย (เศษไม่เกิน 10 ลิตร ให้คิดเป็นครึ่งหน่วย เศษเกิน 10 ลิตร ให้คิดเป็นหนึ่งหน่วย) (3) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 500 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร (4) กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร 2.2 ค่ากำจัดมูลฝอยทั่วไป เป็นครั้งคราว (1) กรณีที่มีปริมาณไม่เกิน 500 ลิตร (2) กรณีที่มีปริมาณเกิน 500 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร (3) กรณีที่มีปริมาณเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหน่วย ทุก ๆ 1 ลูกบาศก์เมตร ในอัตราต่อหน่วย เดือนละ 30 บาท เดือนละ 40 บาท เดือนละ 1,000 บาท เดือนละ 2,000 บาท หน่วยละ 100 บาท หน่วยละ 200 บาท หน่วยละ 250 บาท - ๒ - ลำดับที่รายการ ค่าธรรมเนียม (บาท/เดือน) (เศษไม่เกินครึ่งลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นครึ่งหน่วย เศษเกินครึ่งลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหนึ่งหน่วย) 2.3 ค่ากำจัดมูลฝอยทั่วไป กรณีสถานที่ที่พักนักท่องเที่ยวให้คิดเพิ่มในอัตรา 2 บาท/ต่อคน/ต่อวัน 3. ค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัด มูลฝอยทั่วไป โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ (1) รับทำการขนมูลฝอยทั่วไป (2) รับทำการกำจัดมูลฝอยทั่วไป 2,000 บาท 2,000 บาท เล่ม: 140 หมวด: 170 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 14/07/2023 หน้า: 338
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:144701", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็จ เรื่อง การจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2562", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D170S0000000033800.pdf", "year": null }
nonweb_99274
ประกาศนายทะเบียนสมาคมจังหวัดเชียงราย เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม "สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดเชียงราย" ประกาศนายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดเชียงราย เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ของสมาคม ด้วย นางงามนิตย์ ราชกิจ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำจังหวัดเชียงราย ดังนี้ ข้อ ๕ สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ณ หมู่บ้านกรรัฐ เลขที่ ๖๙๓/๔๒ หมู่ที่ ๒๔ ถนนสันโค้งหลวง ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ๕๗๐๐๐ โทร. ๐๕๒-๐๒๑๙๕๐ ๐๘๙-๗๕๕-๔๗๑๑ หมวด ๒ วัตถุประสงค์ ข้อ ๖ วัตถุประสงค์ของสมาคม ๖.๑ เพื่อเทิดทูนและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ ในฐานะพระมิ่งแม่แห่งชาติ ๖.๒ เพื่อเป็นศูนย์รวมของแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดเชียงราย ที่จะดำเนินกิจกรรม อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคมและประชาชน ๖.๓ เพื่อเผยแพร่พระคุณและบทบาทของแม่ที่มีต่อครอ บครัว สังคม และประเทศชาติ ๖.๔ เพื่อให้ลูกได้สำนึกพระคุณและบทบาทของแม่และตระหนักในหน้าที่ของลูกที่มีต่อแม่ ตลอดจนได้แสดงความกตัญูกตเวทีต่อแม่เพื่อทำให้แม่ได้รับความสุขและความอบอุ่น ๖.๕ เพื่อให้ผู้เป็นแม่ได้สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของคนใน ฐานะของแม่ ในการสั่งสอนอบรมดูแลลูก และยกย่องแม่ดีเด่นและลูกที่มีความกตัญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ๖.๖ เพื่อช่วยเหลือแม่ผู้ยากไร้ในจังหวัดเชียงราย ๖.๗ เพื่อรักษาวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาติไทยให้คงอยู่ตลอดไป ๖.๘ เพื่อเป็นตัวแทนของสมาชิกในการติดต่อและร่วมมือประสานงานกับองค์การ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ๖.๙ การดำเนินงานของสมาคมไม่มุ่งหวังผลกำไรและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หน้า ๑๗๘ ๗.๑ สมาชิกสามัญ ได้แก่ แม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดเชียงราย ที่ได้รับประกาศเกียรติคุณ แม่ดีเด่นแห่งชาติ จากสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ ที่สมัครเป็นสมาชิกสามัญ และแม่ดีเด่นจังหวัดเชียงราย ที่เป็นกรรมการของสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดเชียงราย ๗.๒ สมาชิกสมทบ ได้แก่ แม่ดีเด่นประจำจังหวัดเชียงรายและบุคคลทั่วไปที่สมัครเป็นสมาชิกสมทบ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดเชียงราย ข้อ ๙ ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม ๙.๑ สมาชิกสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียนเป็นครั้งแรก ๕๐ บาท ค่าบำรุงสมาคมเป็นรายปี ๆ ละ ๑๐๐ บาท หรือค่าบำรุงตลอดชีพเป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท ๙.๒ สมาชิกสมทบ จะต้องเสียค่าลงทะเบียนเป็นครั้งแรก ๕๐ บาท ค่าบำรุงสมาคมเป็นรายปี ๆ ละ ๑๐๐ บาท หรือค่าบำรุงตลอดชีพเป็นเงิน ๕๐๐ บาท ๙.๓ สมาชิกกิตติมศักดิ์ ไม่ต้องชำระค่าสมาชิก ข้อ ๑๕ ให้มีคณะกรรมการ คณะหนึ่งทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคม มีจำนวนอย่างน้อย ๑๕ คน อย่างมากไม่เกิน ๒๐ คน ประชุมใหญ่เลือกตั้งกันเองเป็นนายกสมาคม ๑ คน และอุปนายก สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ ให้นายกเป็นผู้แต่งตั้งผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ เข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ของสมาคมตามที่กำหนดไว้ซึ่งตำแหน่งของกรรมการสมาคมมีตำแหน่งและหน้าที่ โดยสังเขป ดังต่อไปนี้ ข้อ ๒๑ คณะกรรมการจะต้องประชุมกัน ๒ เดือน/ครั้ง หรือเรียกประชุมเมื่อมีภารกิจเร่งด่วน ทั้งนี้ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคม ข้อ ๒๕ คณะกรรมการจะต้องจัด ให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ ๑ ครั้ง ของทุกปี ข้อ ๒๗ การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้สมาชิกได้ทราบ และการแจ้งจะต้องเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุวัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ วัน และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของสมาคม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่หน้า ๑๗๙ ข้อ ๓๒ การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการเงินสดของ สมาคม ถ้ามี ให้นำฝากไว้ธนาคารในจังหวัดเชียงราย นายทะเบียนสมาคมประจำ จังหวัดเชียงราย ได้มีคำสั่งรับจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ สมาคมรายนี้แล้ว ตามทะเบียนเลขที่ ๑๗/๒๕๕๔ ตั้งแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๒ และมาตรา ๘๔ แห่งประมวลกฎ หมายแพ่งและพาณิชย์ จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ประเสริฐ จิตต์พลีชีพ นายอำเภอเมืองเชียงราย รักษาราชการแทนปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดเชียงราย เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๘๕ ง ประกาศ ณ: ๐๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๑๗๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:99275", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสมาคมจังหวัดเชียงราย เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม \"สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดเชียงราย\"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/D/085/T_0178.PDF", "year": null }
nonweb_105416
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. ๑๔๔/๒๕๖๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๘๖/๒๕๖๒ ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายประกอบ พึ่งพวก ผู้ถูกกล่าวหา] (อม.๓๐) คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่อม. ๑๔๔/๒๕๖๑ คดีหมายเลขแดงที่อม. ๘๖/๒๕๖๒ ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ ๑๘ เดือน เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ร้อง นายประกอบ พึ่งพวก ผู้ถูกกล่าวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจย ื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๔, ๑๑๙ ระหว่าง ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พิเคราะห์คำร้อง เอกสารประกอบคำร้อง และคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องเรียกพยานมาไต่สวน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๖ ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่ โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางศิริ พึ่งพวก คู่สมรส ได้แก่รถแทร็กเตอร์ยี่ห้อฟอร์ด หมายเลขทะเบียน ตค - ๐๐๔๒ ชัยนาท และไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นายโอกาส พึ่งพวก บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้แก่ที่ดินโฉนด เลขที่ ๙๗๖๐ ตำบลเด่นใหญ่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๒ งาน ๙๙ ตารางวา มูลค่า ๕๖๐,๔๐๕ บาท โดยผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา ยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่ก่อนยื่นคำร้องคดีนี้ผู้ร้องเคยยื่นคำร้อง ขอให้ศาลวินิจฉัยลงโทษผู้ถูกกล่าวหาในความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่ และศาลนี้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ เป็นคดีหมายเลขดำที่อม. ๔๕/๒๕๖๑ คดีหมายเลขแดงที่อม. ๑๔๑/๒๕๖๑ พิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่ ลงโทษจำคุก ๒ เดือน และปรับ ๘,๐๐๐ บาท ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่ ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่ และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจาก ตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่นับแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี รวม ๒ กระทง เป็นจำคุก ๔ เดือน และปรับ ๑๖,๐๐๐ บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก ๒ เดือน และปรับ ๘,๐๐๐ บาท รอการลงโทษ ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องขอให้ลงโทษ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๑๑๙ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด แม้ขณะผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้ ปรากฏว่ามีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งมีผลให้ใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ โดยมาตรา ๓ ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทำตามคำร้อง เป็นความผิดอยู่ โดยมีบทกำหนดโทษทางอาญาตามมาตรา ๑๖๗ ระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกำหนดมาตรการบังคับทางการเมืองในมาตรา ๘๑ โดยบัญญัติว่า “... ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคำพิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุด ปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลา ไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้” และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด มีบทกำหนดโทษทางอาญา ตามมาตรา ๑๑๙ ระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกำหนดมาตรการบังคับทางการเมืองในมาตรา ๓๔ วรรคหนึ่ง โดยบัญญัติว่า “...ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหา ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ...” และวรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามวรรคหนึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนวันที่ความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระยะเวลาห้าปีตามวรรคหนึ่งให้นับแต่วันที่ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว” ดังนี้ โทษทางอาญา ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังจึงไม่แตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และต้องใช้ กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดบังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ สำหรับมาตรการ บังคับทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๘๑ ประกอบมาตรา ๑๑๔ วรรคสาม มิใช่มาตรการบังคับทางการเมือง ตามกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๔ บังคับแก่คดีนี้ เพราะหากบังคับใช้ตามกฎหมาย ที่บัญญัติในภายหลังกระทำความผิดย่อมเป็นการขัดต่อหลักนิติธรรม เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหา ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลและตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ บัญญัติว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายความว่า ... (๗) ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น และผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และผู้ร้องออกประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๔ ข้อ ๔ (๗) (ข) กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ซึ่งมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา แม้ต่อมาผู้ร้องออกประกาศคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ แก้ไขเพิ่มเติมประกาศฉบับเดิม แต่ประกาศฉบับใหม่ ยังคงกำหนดให้รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ถูกกล่าวหา จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔ มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้อง ภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับตำแหน่ง วันพ้นจากตำแหน่ง และวันที่พ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๓ ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางศิริ พึ่งพวก คู่สมรส และทรัพย์สินของ นายโอกาส พึ่งพวก บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุ อันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ ผู้ใช้อำนาจรัฐ จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก องค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่มีผลห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๔ วรรคสอง และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดี หมายเลขแดงที่อม. ๑๔๑/๒๕๖๑ ไปแล้วจึงไม่จำต้องมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่อีก นอกจากนี้การกระทำของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิด ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ ด้วย พิพากษาว่า นายประกอบ พึ่งพวก ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเด่นใหญ่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๓ ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๔ วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑๙ จำคุก ๒ เดือน และปรับ ๘,๐๐๐ บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ เดือน และปรับ ๔,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. นายโสฬส สุวรรณเนตร์ นายวุฒิชัย หรูจิตตวิวัฒน์ นายวิบูลย์ แสงชมภู นายสมเกียรติ ตั้งสกุล นางอโนชา ชีวิตโสภณ นางพนมวรรณ ทองวิทูโกมาลย์ นายนิยุต สุภัทรพาหิรผล นางนวลน้อย ผลทวีนายพิศล พิรุณ เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๙๖ ก ประกาศ ณ: ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๔๗
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:105417", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน [คดีหมายเลขดำที่ อม. ๑๔๔/๒๕๖๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๘๖/๒๕๖๒ ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายประกอบ พึ่งพวก ผู้ถูกกล่าวหา]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/096/T_0047.PDF", "year": null }
nonweb_146028
ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดนนทบุรี เรื่อง การขอจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด [สมาคมบ้านธนารักษ์นนทบุรี] ประกาศนายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดนนทบุรี เรื่อง การขอจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด ด้วย นางปรานี นันทิทรรภ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการขึ้นใหม่ทั้งชุดของ สมาคมบ้านธนารักษ์นนทบุรี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ณ เลขที่อาคาร ๕ ชั้น ๑ ถนนติวานนท์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ๑๑๐๐๐ ดังนี้ ๑. นายธเนศ ชิตเพชร นายกสมาคม ๒. นางนฎา กล้วยไม้อุปนายก คนที่ ๑ ๓. นายสมพร วัชรสินธุ์ อุปนายก คนที่ ๒ ๔. นายปริญญา ภาณุเวศย์ อุปนายก คนที่ ๓ ๕. นางสาวอารีย์ ชื่นวัฒนา เหรัญญิก ๖. นายธีรวัฒน์ จันทรหนู นายทะเบียน ๗. นางอัจฉรา คงประสิทธิ์ ปฏิคม ๘. นายพรเจริญ ศิริมานะกุล ประชาสัมพันธ์ ๙. นายธนวัฒน์ สุขสวัสดิ์ กรรมการด้านช่างและการก่อสร้าง ๑๐. นายปพน จันทร์เรือง กรรมการด้านอื่น ๆ นายทะเบียนสมาคมประจำ จังหวัดนนทบุรี ได้อนุญาตให้จดทะเบียนการแต่งตั้งการเปลี่ยนแปลง กรรมการของสมาคมรายนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๕ แห่งประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ทศพล เผื่อนอุดม ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดนนทบุรี เล่ม: 140 หมวด: 74 ง ประกาศ ณ: 28/09/2023 หน้า: 127
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:146029", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดนนทบุรี เรื่อง การขอจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด [สมาคมบ้านธนารักษ์นนทบุรี]", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D074N0000000012700.pdf", "year": null }
nonweb_121999
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดร้อยเอ็ด เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิ [มูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น วัดประชาคมวนาราม] ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ จังหวัดร้อยเอ็ด เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ “มูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น วัดประชาคมวนาราม” ด้วย พระสุรศักดิ์ ขันธรักษา ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น วัดประชาคมวนาราม ดัง นี้ หมวดที่ ๒ วัตถุประสงค์ ข้อ ๔ วัตถุประสงค์ของมูลนิธินี้คือ ๔.๖ เพื่อปกครอง ดูแล ให้การช่วยเหลือวัดสาขาวัดพระอาจารย์ศรี มหาวี โร ที่มูลนิธิได้ขึ้นทะเบียนไว้ใน หมวดที่ ๕ ข้อที่ ๑๑ หมวดที่ ๕ การดำเนินงานของคณะกรรมการของมูลนิธิ ข้อ ๑๑ วิธีเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิ โดยทั่วไปให้ปฏิบัติ ดังนี้ ให้ที่ประชุมใหญ่ฝ๋ายสงฆ์ ซึ่งประกอบไปด้วยพระสงฆ์วัดประชาคมวนาราม (ป๋ากุง) จำนวน ๒๐ รูป ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสวัดประชาคมวนาราม (ป๋ากุง) และเจ้าอาวาสวัด หรือสำนักสงฆ์สาขาพระอาจารย์ศรี มหาวีโร หรือผู้รับมอบอำนาจ จำนวน ๑๓๒ วัด ดังมีรายนามต่อไปนี้ (๑) วัดบ้านก่อ ม.๑๓ บ.ก่อ ต.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐ (๒) วัดป๋าสิริมหาวัน ม. ๗ บ.โนนขวาง ต.หนองใหญ่อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕ ๐๐๐ (๓) วัดราชวนาราม ม. ๑๐ บ.ราชธานี ต.ราชธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๗๐ (๔) วัดลำชีศรีวนาราม ม. ๔ บ.หนองหวาย - วังยางลำชี ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ๔๖๑๓๐ (๕) วัดป๋าโนนเหล่าเอี้ยง ๑๑๓ ม.๒ บ.ดอนทราย ต.หนองใหญ่อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐ หน้า ๑๗๑ (๖) วัดป๋าศรีพัฒนาวนาราม ม. ๓ บ.หนองไฮ ต.สวนจิก อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐ (๗) วัดสวรรค์สามัคคีธรรม ม. ๙ บ.โนนสวรรค์ ต.รอบเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐ (๘) วัดป๋าศรีเลิงชัย ๖๖ ม.๖ บ.บาก ต.ผักแว่น อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐ (๙) วัดป๋าศรีสมเด็จ ม. ๑๓ บ.ก่อ ต.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐ (๑๐) วัดป๋าคางฮุง ๑๒๙ ม.๑ บ.คางฮุง ต.ผักแว่น อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๐๐๐ (๑๑) วัดป๋าศรีแสงธรรม ม. ๕ บ.ดงดิบ ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ๓๔๒๒๐ (๑๒) วัดกตปุญโญอินทราราม ม. ๑๙ บ.ใหม่น้ำพุ ต.รอบเมือง อ.หนองพ อก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๑๓) วัดเจดีย์ชัยมงคล ม. ๖ บ.ท่าสะอาด ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๑๔) วัดป๋าดอนแก้ว ม. ๖ บ.ไก่ป๋า ต.หนองพอก อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๗๐ (๑๕) วัดยางน้อยสามัคคี ม. ๖ ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ๔๖๑๒๐ (๑๖) วัดป๋าห้วยเรือ ม.๙ ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ๓๔๒๒๐ (๑๗) วัดผาพยอม ม. ๖ บ.แวง ต.หนองสูงใต้อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ๔๙๑๖๐ (๑๘) วัดถ้ำผาน้ำทิพย์ ม. ๒ บ.โคกกลาง ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๑๙) วัดคำน้ำจำก ม. ๖ บ.ท่าสะอาด ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๒๐) วัดป๋าหนองแข้ดง ม. ๓ บ.หนองแข้ดง ต.บึงงาม อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๒๑) วัดป๋าสุวรรณบรรพต ม. ๘ บ.เหล่าโพนงาม ต.ภูเขาทอง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๒๒) วัดป๋าคำโพนสูง ม. ๙ บ.คำโพนสูง ต.กก โพธิ์ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๒๓) วัดป๋าหนองเม็ก ม. ๔ บ.หนองเม็ก ต.โคกสว่าง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๑๐ (๒๔) วัดภูถ้ำนก ม. ๑ บ.พังแดง ต.พังแดง อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ๔๙๑๔๐ (๒๕) วัดภูแผงม้า ม. ๗ บ.ทรัพย์เจริญ ต.ศรีแก้ว อ.เลิงนกทำ จ.ยโสธร ๓๕๑๒๐ (๒๖) วัดป๋าหนองเดิ่น - ชุมพร ม.๑๐ บ.หนองเดิ่น ต.ชุมพร อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๕๐ (๒๗) วัดป๋าศรีรัตนาราม ม. ๙ บ.หนองสองห้อง ต.เมยวดี อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๕๐ หน้า ๑๗๒ (๒๘) วัดป๋าหนองตุ - หนองแวง ม.๓ บ.หนองแวง ต.บัวมาศ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ๔ ๔๑๓๐ (๒๙) วัดป๋ามหาวีระสามัคคยาราม ม. ๗ บ.น้อยหัวงัว ต.หนองแสง อ.วา ปีปทุม จ.มหาสารคาม ๔๔๑๒๐ (๓๐) วัดมหาวีระอุทการาม ม. ๕ บ.หนองใต้ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ๔๔๑๒๐ (๓๑) วัดหนองไผ่ม.๒ บ.หนองไผ่ต.ลานสะแก อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ๔๔๑๑๐ (๓๒) วัดป๋าศรีสว่างพัฒนา ๑๐๙ ม.๑๒ บ.หัวนา ,สว่าง ต.หนองจิก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ๔๔๑๓๐ (๓๓) วัดป๋าคำผักกูด ม. ๖ บ.หนองเสียว ต.นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ๔๔๑๒๐ (๓๔) วัดกู่แก้ว ม.๒๐ บ.ขามเรียง ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ๔๔๑๕๐ (๓๕) วัดป๋าโคกช้าง ม. ๑๑ บ.โคกช้าง ต.แคน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ๔๔๑๒๐ (๓๖) วัดถ้ำมโหฬาร ม.๑๓ บ.น้อยสุขใจ ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย ๔๒๑๙๐ (๓๗) วัดภูหินกอง ม. ๒ บ.ภูหินกอง ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย ๔๒๑๙๐ (๓๘) วัดป๋าศรีภูหอ ม.๗ บ .สวนปอ ต.แก่งศรีภูมิ อ.ภูหลวง จ.เลย ๔๒๒๓๐ (๓๙) วัดเหล่าหลวง ม. ๑ บ.อุ่มเม่า ต.เหล่าหลวง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๕๐ (๔๐) วัดศรีประชาพัฒนาราม ม. ๓ บ.เหล่าล้อ ต.ศรีโคตร อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๘๐ (๔๑) วัดป๋าศรีนิโคธาราม ม. ๓ บ.น้ำคำ ต.โนนสวรรค์ อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๙๐ (๔๒) วัดป๋าบ้านดู่ - ฝายใหญ่ม.๔ บ.ดู่ใหญ่ต.หนองแวง อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๙๐ (๔๓) วัดป๋าวังใหญ่ม. ๓ บ.เขวาใหญ่ต.โนนสว่าง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๕๐ (๔๔) วัดป๋าชัยมงคล ม.๔ บ.อีเม้ง ต .หนองแวง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๕๐ (๔๕) วัดป๋าหนองตาเย็น ม. ๙ บ.โนนน้อย ต.ดอกกล้ำ อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๙๐ (๔๖) วัดป๋าขวัญเมือง ๓๐๕ ม.๗ ต.ขวัญเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ (๔๓) วัดป๋าน้ำคำน้อย ม. ๑๕ บ.น้ำคำน้อย ต.น้ำคำใหญ่อ. เมืองยโสธร จ.ยโสธร ๓๕๐๐๐ (๔๘) วัดศรีอินทราประชาวนาราม ม. ๖ บ.นาเมือง ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ หน้า ๑๗๓ (๔๙) วัดป๋าศรีวนาราม ๒๒ ม.๕ - ๑๓ บ.หัน ต.ขวาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ (๕o) วัดป๋าศรีสระพังทอง ม. ๓ บ.โนนปลาขาว ต.นาแซง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ (๕๑) วัดป๋าหนองแสงนาแซงวนาราม ม. ๑๐ บ.โนนสวรรค์ ต.นาแซง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ (๕๒) วัดป๋าโพธิ์สวรรค์ ม. ๔ ต.โพธิ์ทอง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ (๕๓) วัดป๋าวิเวกวนาราม ๒๕๓/๘ บ.หวาย ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ (๕๔) วัดป๋าศรีอินทร์เมืองไพร ม.๓ บ.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๒๐ (๕๕) วัดป๋าพุทธาวาส ม. ๔ บ.ตาแหลว ต.นาใหญ่อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๓๐ (๕๖) วัดป๋ามหามงคลสตราราม ม. ๑๕ บ.ตาหยวก ต.ทุ่งหลวง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๓๐ (๕๗) วัดป๋าศรีดอนกลาง ม. ๘ บ.ผำใหญ่ต.เมืองสรวง อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๒๐ (๕๘) วัดป๋าธรรมาวาส ม. ๙ บ.ดอนก่อ ต.ทุ่งศรีเมือง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๓๐ (๕๙) วัดป๋าศรีประชารังสรรค์ ม. ๑๐ บ.ด่าน ต.ด่าน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ๓๓๑๖๐ (๖๐) วัดป๋าศรีบัวทอง ม.๑ บ.หนองหัวดง ต.ศิลาลาด อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ๓๓๑๖๐ (๖๑) วัดศิลาลาด ม. ๑๑ บ.สงยาง ต.กุง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ๓๓๑๖๐ (๖๒) วัดป๋าโพธิ์ศรี ม. ๘ บ.โพธิ์ศรี ต.สระแก้ว อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๔๐ (๖๓) วัดบ้านหนองบัว ม. ๔ บ.หนองบัว ต.โคกสว่าง อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๔๐ (๖๔) วัดศรีเจริญ ม. ๑๑ บ.ศรีเจริญ ต.ดูกอึ่ง อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๔๐ (๖๕) วัดป๋าสุจิณโณ ม. ๑๑ บ.ขี้เหล็ก ต.ห้วยหินลาด อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๓๐ (๖๖) วัดศรีนาชมวนาราม ม. ๙ บ.นาชม ต.แสนสุข อ.พนมไพร จ .ร้อยเอ็ด ๔๕๑๔๐ (๖๗) วัดป๋าน้ำคำพัฒนา ม. ๙ บ.น้ำคำ ต.หัวช้าง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๓๐ (๖๘) วัดป๋าศรีโพธิ์ทอง ม. ๑๕ บ.หนองชมพู ต.หนองฮี อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๔๐ (๖๙) วัดป๋าศรีคำสูง ม.๖ บ.คำสูง ต.โคกสว่าง อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๔๐ (๗๐) วัดป๋าศรีรัตนาราม ม. ๑๑ บ.บกขี้ยาง ต.หัวช้าง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ๓๓๑๓๐ (๗๑) วัดป๋าคำโพนทอง ม. ๑๓ บ.คำโพนทอง ต.สามขา อ.กุ ฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ๔๖๑๑๐ หน้า ๑๗๔ (๗๒) วัดป๋าศรีโพธิ์ชัย ม.๑ ๐ บ.หนองแสง ต.บัวคำ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๓๐ (๗๓) วัดป๋าศรีธนบัวคำ ม. ๘ บ.บัวคำใต้ต.บัวคำ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๓๐ (๗๔) วัดถ้ำภูมวย ม.๑๑ บ.นางาม ต.คำพอุง อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๓๐ (๗๕) วัดป๋าจตุคามสามัคคี ม. ๒ บ.หนองหูลิง ต.เชียงใหม่อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๒๓๐ (๗๖) วัดป๋าศรีโพนทอง ม.๒ บ.แวงใต้ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๗๗) วัดป๋าดอนม่วย ม. ๑๐ บ.ดอนม่วย ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๗๘) วัดป๋าบ้านวังยาว ม. ๘ บ.วังสามัคคี อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๗๙) วัดป๋าศรีดงกลาง ม. ๑๑ บ.ดงกลาง ต.โคกกกม่วง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๘๐) วัดสุขสมบูรณ์ ม. ๑๑ บ.สุขสมบูรณ์ ต.คำนาดี อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๘๑) วัดป๋ามหาวโนทยาน ม. ๑๓ บ.คำผักกูด ต.โพธิ์สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๘๒) วัดป๋าศรีสองห้อง ม. ๘ บ.หนองสองห้อง ต.โคกสูง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๘๓) วัดป๋าอุดมธรรม ม. ๑๓ ต.โคกกกม่วง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๘๔) วัดป๋าหนองแสงทุ่ง ม. ๘ บ.หนองแสงทุ่ง ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๘๕) วัดป๋าศรีแสนพัน ม. ๑๐ บ.สี่แยก ต.นาอุดม อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ๔๕๑๑๐ (๘๖) วัดศรีญาณสังวร ม.๗ บ.ทับศิลา ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ๗๑๑๙๐ (๘๗) วัดถ้ำโพธิญาณ ม.๗ บ.พุนกกระจอก ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ๗๑๐๐๐ (๘๘) ที่พักสงฆ์ห้วยช้างเผือก ม. ๔ บ.ไร่ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ๗๑๑๘๐ (๘๙) วัดพระพุทธบาทผาเรือ ม. ๑๑ บ.ผาเรือ ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย ๕๗๑๑๐ (๙o) วัดโป๋งถืบสามัคคีธรรม ม. ๑๒ บ.โป๋งถืบ ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ๕ ๐๑๑๐ (๙๑) วัดดอนห้วยปี บ.ผาเด็ง ต.ป๋าแป อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๕๐ (๙๒) วัดศรีเทพนฤมิตรวนาราม ม .๑๒ บ.เคี่ยมงาม ต.ลำนาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ๘ ๐๓๖๐ หน้า ๑๗๕ (๙๓) วัดพุทธาราม ม. ๑๐ บ.ท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร ๘๖๑๓๐ (๙๔) วัดเกาะช้าง ม. ๒ บ.เกาะช้าง ต.เกาะพยาม อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ๘๕๐๐๐ (๙๕) วัดโต๊ะโมะ ๑๓๑ ม.๓ บ.โต๊ะโมะ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ๙๖๑๒๐ (๙๖) วัดดังรัง ม.๑๒ บ.คุ้มสังข์ ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ๔๔๑๔๐ (๙๗) วัดสถานสงเคราะห์คนชรา ๑๐๕ ม.๕ ต.หนองปลิง อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม ๙๔๐๐๐ (๙๘) วัดป๋าโนนม่วง ๓๔๗ ม. ๑๒ บ.โนนม่วง ต.ศิลา อ.เมือง ขอนแก่น จ.ขอนแก่น ๔ ๐๐๐๐ (๙๙) วัดป๋ากุดศรีกลาง ม. ๑๖ บ.ป๋าจั่น ต.ลาดพัฒนา อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม ๙๔๐๐๐ (๑๐๐) วัดหนองหญ้าปล้อง ม. ๗ บ.หนองหญ้าปล้อง ต.ยอดแก อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ๔๖๓๒๐ (๑๐๑) วัดป๋าศรีประชาวนาราม ม. ๓ บ.มะค่า ต.มะค่า อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ๔๔๑๕๐ (๑๐๒) วัดป๋าคำแคนใต้ม.๑๒ บ.คำแคนใต้อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ๔๐๑๖๐ (๑๐๓) วัดป๋าสามัคคีธรรม ม. ๑ บ.ขามเฒ่า ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม ๔๘๐๐๐ (๑๐๔) วัดป๋านันทวัน ม. ๑๑ บ.นาโดน ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม ๔๘๐๐๐ (๑๐๕) วัดป๋าศรีสมพร บ.น้อยหนองเค็ม ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม ๔๘๐๐๐ (๑๐๖) วัดศรีสำราญธรรม ม. ๑๓ บ.โนนสำราญ ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ๔๓๑๑๐ (๑๐๗) วัดป๋าศรีทองอินทร์ ม. ๒ บ.เหล่า ต.บ้านเหล่า อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ๔๗๒๙๐ (๑๐๘) วัดป๋านาดอกไม้ ๒๐๗ ม.๘ บ.นาดอกไม้ต.กุตาไก้อ.ปลาปาก จ.นครพนม ๔๘๑๖๐ (๑๐๙) วัดเขาไทรสายัณห์ ม.๑๓ บ.โปร่งประทุน ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ๓๐๑๓๐ (๑๑๐) วัดพระศรีชัยมงคล ม. ๑๕ บ.ไร่ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ๓๐๑๓๐ (๑๑๑) วัดเขาหัวแหวน ม. ๖ บ.โคกสะอาด ต.อรพิมพ์ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ๓๐๒๕๐ (๑๑๒) วัดเขาจอมทอง ม. ๕ บ.ตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ๓๐๒๕๐ (๑๑๓) วัดเขาวังเทพสถิต ม. ๑๓ บ.วังตะพาบ ต.โคกปรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ๖๗๑๓๐ (๑๑๔) วัดสันติพัฒนา บ.สันติพัฒนา ต.โป๋งน้ำร้อน อ.โป๋งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ๒๒๑๔๐ หน้า ๑๗๖ (๑๑๕) วัดป๋าดงมะไฟ ม. ๘ บ.ดงมะไฟ ต.มะเกลือใหม่อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ๓๐๑๗๐ (๑๑๖) ที่พักสงฆ์ถ้ำเมตตา ม. ๗ บ.ไทยเดิม ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ๓๐๑๓๐ (๑๑๗) วัดป๋าสตึกพัฒนา ม.๑๗ บ.นิคมสมบูรณ์ ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๕๐ (๑๑๘) วัดป๋าสนามชัย ม. ๑๗ บ.สนามชัย ต.สนามชัย อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๕๐ (๑๑๙) วัดป๋าศรีหญ้าคา ม. ๖๐ บ.ใหม่ศรีสุข ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๕๐ (๑๒๐) วัดป๋าใหม่ศรีสุข (นาจรวย) ม.๑๓ บ.ลิ้นเกีย ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๕๐ (๑๒๑) วัดป๋าโนนสมบูรณ์ ม. ๙ บ.โนนสมบูรณ์ ต.แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๕๐ (๑๒๒) วัดป๋าแสงอินทร์ ม. ๕ บ.แสงอินทร์ ต.กระเบื้อง อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ๓๒๑๙๐ (๑๒๓) วัดป๋าสโรรักษ์ ม.๗ บ.โนนเพกา ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๙๐ (๑๒๔) วัดสักทองบ้านหนองไทร ม. ๑๐ บ.หนองไทร ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๙๐ (๑๒๕) วัดป๋าชำหนองแวง ม. ๒ บ.หนองแวง ต.ตลาดไทร อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ๓๐๒๗๐ (๑๒๖) วัดป๋าโนนสมบูรณ์ (เสม็ด) ม.๑๑ บ.โนนสมบูรณ์ ต.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๕๐ (๑๒๗) วัดป๋าศรีอุดมธรรม ม. ๓ บ.จิกใหญ่ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๙๐ (๑๒๘) ที่พักพระป๋าศรีอินทรารักษาใจ ม. ๕ บ.โนนสมบูรณ์ ต.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ๓๑๑๓๐ (๑๒๙) สำนักสงฆ์พุทธธรรมาราม Ngao Tam Yuen Long Hong Kong (๑๓๐) วัดรัตนประทีปวิหาร Wat Rattanaprateep Vihara ๔๕ Smith Street Thebarton,AdelaideSa. ๕o๓๑ (๑๓๑) วัดศรีรัตนวนาราม (Wat Sri Rattana Wanaram - Thai Forest Monastery Inc.) ๑o๕B Whitehead Rd.,Mylor,SA ,AUSTRALIA (๑๓๒) วัดศรีอินทราอตุลา เมืองครอว์ลีย์ ประเทศสหราชอาณาจักร WAT SRI INTRA ATULA Copthorne Bank,Copthorne, Crawley, RH ๑๐ ๓JD, U.K. หน้า ๑๗๗ รวมจำนวนพระสงฆ์ทั้งสิ้น ๑๕๒ รูป เป็นคณะกรรมการเลือกตั้งฝ๋ายสงฆ์ มีหน้าที่เลือกตั้ง คณะกรรมการมูล นิธิและการลงมติเลือกตั้งจะต้องมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวน คณะกรรมการเลือกตั้งฝ๋ายสงฆ์ทั้งหมด มติเลือกตั้งต้องประกอบด้วย คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สองในสาม ของจำนวนคณะกรรมการเลือกตั้งฝ๋ายสงฆ์ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนั้น หมวดที่ ๖ อำนาจหน้าที่คณะกรรมการมูลนิธิ ข้อ ๑๗ ประธานกรรมการมูลนิธิ มีอำนาจหน้าที่ดังนี้ ๑๗.๖ ตรากฎระเบียบเกี่ยวกับการปกครองวัดสาขาวัดพระอาจารย์ศรี มหาวีโร ๑๗.๗ แต่งตั้ง และถอดถอน คณะสงฆ์ผู้ปกครองวัดสาขาวัดพระอาจารย์ศรี มหาวีโร นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดร้อยเอ็ด ได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิรายนี้แล้ว ตามทะเบียนเลขที่รอ ๙๕๐ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เจนเจตน์ เจนนาวิน ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดร้อยเอ็ด เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๘๓ ง ประกาศ ณ: ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๑๗๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:122000", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดร้อยเอ็ด เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิ [มูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น วัดประชาคมวนาราม]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/D/083/T_0171.PDF", "year": null }
nonweb_110460
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง จดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิ [มูลนิธิแพทย์น้ำเงิน - ขาว สู่ชุมชน] ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ จังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง จดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ “มูลนิธิแพทย์น้ำเงิน -ขาว สู่ชุมชน” ด้วย นายอำนาจ อยู่สุข ประธานกร รมการมูลนิธิ และคณะกรรมการมูลนิธิแพทย์น้ำเงิน -ขาว สู่ชุมชน ได้ขอจดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิแพทย์น้ำเงิน -ขาว สู่ชุมชน ดังนี้ คณะกรรมการมีมติแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิแพทย์น้ำเงิน -ขาว สู่ชุมชน ใหม่ความว่า ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมูลนิธิแพทย์น้ำเงิน -ขาว สู่ชุมชน” ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๒ ให้แก้ไขความในข้อ ๔ ของข้อบังคับมูลนิธิแพทย์น้ำเงิน -ขาว สู่ชุมชน และให้ใช้ข้อความ ต่อไปนี้แทน ข้อ ๔ วัตถุประสงค์ของมูลนิธินี้คือ ๔.๑ ดำเนินการเพื่อการสาธารณสุ ขและสาธารณประโยชน์ หรือร่วมมือกับองค์กร การกุศลอื่น ๆ เพื่อการสาธารณสุข และสาธารณประโยชน์ ๔.๒ สนับสนุนโครงการด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองดี มีทักษะงาน และมีคุณธรรม ๔.๓ ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ ได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิรายนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๖ บรรพ ๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๕๗ ง ประกาศ ณ: ๐๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๘๕
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:110461", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง จดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิ [มูลนิธิแพทย์น้ำเงิน - ขาว สู่ชุมชน]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/D/057/T_0085.PDF", "year": null }
nonweb_112188
คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ ๙๘๒/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม [พล.อ.พลภัทร วรรณภักตร์] คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 982/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๘ วรรคสอง ซึ่งให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งบุคคล ซึ่งเห็นสมควรตามเหตุผลในทางการเมืองเป็น ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ได้ ฉะนั้น จึงแต่งตั้งให้พลเอก พลภัทร วรรณภักตร์ นายทหารนอกราชการ เป็น ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ตั้งแต่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. 25 ๖๒ สั่ง ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๒๓๖ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๑๕
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:112189", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ ๙๘๒/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม [พล.อ.พลภัทร วรรณภักตร์]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/236/T_0015.PDF", "year": null }
nonweb_111402
ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง การรับรองสถาบันที่จัดการศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์การรับรองโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง และการกำหนดหน่วยคะแนน พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง การรับรองสถาบันที่จัดการศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์ การรับรองโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง และการกำหนดหน่วยคะแนน พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ แห่งข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยการศึกษาต่อเนื่อง เพื่อการต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ สภาการพยาบาลโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสภาการพยาบาล ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ให้ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง การจัดการศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์ ของหน่วยงานที่มิได้เป็นสถาบันหลักหรือสถาบันสมทบ พ.ศ. ๒๕๔๘ (๒) ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง การรับรอ งสถาบันที่จัดการศึกษาต่อเนื่อง สาขาพยาบาลศาสตร์ การรับรองหลักสูตรและ/หรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องและการกำหนดหน่วยคะแนน พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๒ บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อกำหนด หรือกฎอื่นใด ซึ่งขัดหรือแย้งกับประกาศนี้ ให้ใช้ประกาศนี้แทน ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “การศึกษาต่อเนื่อง” หมายความว่า การฝึกอบรมระยะสั้นที่จัดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนา ศักยภาพผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และ ให้หมายความถึงกิจกรรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถทางวิชาชีพหรือวิชาการ หรือมีส่วนร่วม ในการพัฒนาบุคลากรหรือพัฒนาวิชาชีพ “ศูนย์” หมายความว่า ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์ “สถาบัน” หมายความว่า สถาบันที่สภาการพยาบาลรับรองให้จัดการศึกษาต่อเนื่องเพื่อการ ต่ออายุใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ “หน่วยคะแนน” หมายความว่า จำนวนนับของกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องซึ่งตีค่าเป็น หน่วยคะแนนหรือเครดิตตามเกณฑ์ที่สภาการพยาบาลกำหนด “สมาคมการพยาบาลเฉพาะทาง” หมายความว่า สมาคมการพยาบาลเฉพาะทางที่จัดการศึกษา ต่อเนื่องใน ๕ กลุ่มหลัก ได้แก่กลุ่มการพยาบาลทางคลินิก กลุ่มการพยาบาลเวชปฏิบัติ กลุ่มการผดุงครรภ์ กลุ่มการจัดการทางการพยาบาล กลุ่มการศึกษาพยาบาล ข้อ ๔ สถาบันที่จัดการศึกษาต่อเนื่อง แบ่งเป็น ๔.๑ สถาบันหลัก ๔.๒ สถาบันสมทบ หน้า ๒๒ ข้อ ๕ สถาบันหลัก คือ สถาบันที่สามารถจัดหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่อง ตามลักษณะของสถาบัน ดังนี้ ๕.๑ สภาการพยาบาล ๕.๒ สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ๕.๓ สถาบันการศึกษาที่ทำการสอนหลักสูตรการศึกษาวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ที่ได้รับการรับรองสถาบันการศึกษาจากสภาการพยาบาล ๕.๔ กองการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข และกองการพยาบาลสาธารณสุข/ สำนักการพยาบาล กรุงเทพมหานคร หรือชื่ออื่นที่เทียบเท่า ๕.๕ ฝ่ายการพยาบาล หรือกลุ่มการพยาบาล หรือชื่ออื่นที่เทียบเท่า ในสถานพยาบาล ที่มีเตียงรับผู้ป่วยมากกว่า ๕๐๐ เตียงขึ้นไป หรือฝ่ายการพยาบาลในสถานพยาบาลที่ให้บริการ ผู้ป่วยเฉพาะโรค หรือเฉพาะสาขา ข้อ ๖ สถาบันหลัก จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ ๖.๑ มีหน่วยงานหรือคณะกรรมการรับผิดชอบการจัดโครงการหรือกิจกรรม การศึกษาต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำ ๖.๒ มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถเชื่อมต่อกับศูนย์ได้ ๖.๓ มีการจัดประชุมวิชาการประจำปีอย่างต่อเนื่อง ๖.๔ สถาบันที่สมัครเป็นสถาบันหลักใหม่ ให้จัดประชุมวิชาการประจำปีร่วมกับ สถาบันหลักที่สภาการพยาบาลให้การรับรอง อย่างน้อย ๑ ครั้ง และจัดประชุมวิชาการอื่น ๆ อีกอย่างน้อย ๑ ครั้ง ข้อ ๗ สถาบันหลักมีหน้าที่ ๗.๑ วางแผนการบริหารจัดการ ในการขอการรับรองโครงการหรือกิจกรรม การศึกษาต่อเนื่องและการกำหนดหน่วยคะแนน ๗.๒ จัดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องที่ได้รับการรับรองจากศู นย์ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง และมีการประเมินการจัดการศึกษาต่อเนื่องของตนเอง ๗.๓ ออกหลักฐานรับรองการผ่านการฝึกอบรมในโครงการหรือกิจกรรมการศึกษา ต่อเนื่อง ๗.๔ จัดระบบและบันทึกหน่วยคะแนนของผู้ผ่านการฝึกอบรมในโครงการหรือ กิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องที่สถาบันจัด ลงในระบบที่ศูนย์กำหนด ภายใน ๓๐ วัน ๗.๕ บริหารจัดการโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๗.๖ จัดทำรายงานประจำปีการจัดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องที่สถาบันจัด หน้า ๒๓ ข้อ ๘ สถาบันสมทบ คือ สถาบันที่สามารถจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องได้ตามลักษณะ ของสถาบัน ดังนี้ ๘.๑ ฝ่ายการพยาบาลในสถานพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไม่น้อยกว่า ๓๐๐ เตียง ๘.๒ สมาคมการพยาบาลเฉพาะทาง ๘.๓ สถาบันการศึกษา ฝ่ายการพยาบาล หรือหน่วยงานที่มีลักษณะตามข้อ ๔ ที่ประสงค์จะสมัครเป็นสถาบันสมทบ ๘.๔ ฝ่ายการพยาบาลในสถานพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไม่น้อยกว่า ๑๒๐ เตียง ซึ่งจัดการฝึกอบรมเฉพาะบุคลากรภายในหน่วยงาน ข้อ ๙ สถาบันสมทบ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ ๙.๑ มีคณะกรรมการรับผิดชอบการจัดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ประสานงานกับศูนย์ ๙.๒ มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถเชื่อมต่อกับศูนย์ได้ ๙.๓ มีการจัดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง เป็นประจำ ๙.๔ สถาบันที่สมัครเป็นสถาบันสมทบใหม่ ให้จัดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษา ต่อเนื่อง ร่วมกับสถาบันหลัก/สถาบันสมทบที่สภาการพยาบาลให้การรับรอง อย่างน้อย ๒ ครั้ง ข้อ ๑๐ สถาบันสมทบ มีหน้าที่ ๑๐.๑ วางแผนการบริหารจัดการในการขอการรับรองโครงการหรือกิจกรรม การศึกษาต่อเนื่องและการกำหนดหน่วยคะแนน ๑๐.๒ จัดกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องที่ได้รับการรับรองจากศูนย์ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง และมีการประเมินการจัดการศึกษาต่อเนื่องของตนเอง ๑๐.๓ ออกหลักฐานรับรองการผ่านการฝึกอบรมในโครงการหรือกิจกรรมการศึกษา ต่อเนื่อง ๑๐.๔ จัดระบบการบันทึกหน่วยคะแนนของผู้ผ่านการฝึกอบรมในโครงการหรือ กิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องที่สถาบันจัดในระบบที่ศูนย์กำหนด ภายใน ๓๐ วัน ๑๐.๕ จัดทำรายงานประจำปีการจัดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง ที่สถาบันจัด ข้อ ๑๑ ขั้นตอนการขอการรับรองสถาบัน ๑๑.๑ สถาบันที่ประสงค์จะขอสมัครเป็นสถาบันหลัก หรือสถาบันสมทบ ให้ยื่นคำขอ ต่อศูนย์ตามระบบที่สภาการพยาบาลกำหนด พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมและหลักฐานต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ ในคำขอ หน้า ๒๔ ๑๑.๒ คณะกรรมการศูนย์การศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์ สภาการพยาบาล จะเป็นผู้พิจารณาให้การรับรอง กรณีที่ให้การรับรอง ศูนย์จะกำหนดรหัสสถาบันหลักหรือรหัส สถาบันสมทบให้ แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้สถาบันทราบ ข้อ ๑๒ ให้สถาบันที่ได้รับการรับรองดำเนินการ ดังนี้ ๑๒.๑ คณะกรรมการที่รับผิดชอบในการจัดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง ของสถาบัน ต้องศึกษาคู่มือ/กระบวนการในการขอรับรองโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องตามที่ ศูนย์กำหนด ๑๒.๒ การเสนอขอการรับรองโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง จะต้องยื่น ขอการรับรองต่อศูนย์ก่อนดำเนินการ ๑๒.๓ การขอการรับรองกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง จัดได้ไม่เกิน ๔ รุ่นในการขอ การรับรองแต่ละครั้ง ทั้งนี้ โครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง ที่ได้รับการรับรองจากศูนย์แล้ว ให้ดำเนินกิจกรรมภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่ศูนย์ให้การรับรอง ข้อ ๑๓ โครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องที่เสนอเพื่อขอการรับรอง ต้องมีลักษณะ ดังนี้ ๑๓.๑ มีสาระ/เนื้อหา เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และขีดความสามารถของพยาบาล ด้านการปฏิบัติการพยาบาล การศึกษาพยาบาล และวิชาการที่เกี่ยวข้อง ๑๓.๒ มีวิทยากรหลัก ประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพที่มีความรู้และสมรรถนะ เหมาะสมกับสาระในโครงการหรือกิจกรรม ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของจำนวนชั่วโมงที่จัดโครงการ หรือกิจกรรม ข้อ ๑๔ กิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง แบ่งได้เป็น ๔ ประเภท ดังนี้ ๑๔.๑ กิจกรรมประเภทที่ ๑ การเพิ่มพูนความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ หรือวิชาการ ๑๔.๒ กิจกรรมประเภทที่ ๒ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนาบุคลากร หรือพัฒนาวิชาชีพ ๑๔.๓ กิจกรรมประเภทที่ ๓ การเข้าศึกษาในหลักสูตรการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ในระดับบัณฑิตศึกษา ๑๔.๔ กิจกรรมประเภทที่ ๔ การฝึกอบรมในหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทาง หรือวุฒิบัตร ข้อ ๑๕ การคิดหน่วยคะแนนการศึกษาต่อเนื่อง มีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑๕.๑ การเข้าร่วมฟังบรรยาย อภิปราย สัมมนา อบรม ฟื้นฟูวิชาการ และ การอบรมเชิงปฏิบัติการ ให้คิด ๑ ชั่วโมง เท่ากับ ๑ หน่วยคะแนน หน้า ๒๕ ๑๕.๒ การประชุมวิชาการทางการพยาบาลในต่างประเทศให้คิดหน่วยคะแนน ตามหน่วยคะแนนที่ได้รับจากองค์กรวิชาชีพการพยาบาลของรัฐหรือของประเทศนั้น ถ้าไม่มีหน่วยคะแนนตามวรรคต้น ให้แสดงหลักฐานรับรองการผ่านการประชุม/ อบรม พร้อมกำหนดการประชุมวิชาการให้ศูนย์พิจารณา เพื่อเทียบเคียงหน่วยคะแนน ๑๕.๓ การประชุมวิชาการด้านการแพทย์ หรือทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนาวิชาชีพที่รับผิดชอบจากหน่วยงานที่สภาการพยาบาลไม่ได้ให้การรับรองเป็นสถาบัน ที่จัดการศึกษาต่อเนื่อง ให้คิด ๑ ชั่วโมง เท่ากับ ๑ หน่วยคะแนน แต่รวมแล้ว ต้องไม่เกิน ๑๐ หน่วยคะแนน ของการต่ออายุใบอนุญาตในแต่ละครั้ง ให้สมาชิกยื่นคำขอพิจารณาหน่วยคะแนน รายบุคคล โดยแสดงหลักฐานรับรองการผ่านการประชุมพร้อมกำหนดการประชุมให้ศูนย์พิจารณา เพื่อเทียบเคียงหน่วยคะแนน ๑๕.๔ การศึกษาหรือเรียนรู้ด้วยตนเองจากหนังสือ/เอกสารทางวิชาการของ สภาการพยาบาล ทั้งที่จัดทำเป็นรูปเล่มหรืออิเลคโทรนิกส์และทำแบบทดสอบได้ตามเกณฑ์ ได้ ๒ หน่วยคะแนน ต่อ ๑ บทเรียน/บทความ ๑๕.๕ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนาบุคลากร หรือพัฒนาวิชาชีพ ให้คิดหน่วยคะแนน ดังนี้ ๑๕.๕.๑ การตีพิมพ์บทความวิจัยทางการพยาบาล ในวารสารทางการพยาบาล หรือวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง ที่ปรากฏในฐานข้อมูล TCI , ISI หรือ Scopus (๑) วารสารนานาชาติ ชื่อแรก : เรื่องละ ๑๕ หน่วยคะแนน ชื่ออื่น : เรื่องละ ๕ หน่วยคะแนน (๒) วารสารภาษาไทย ชื่อแรก : เรื่องละ ๕ หน่วยคะแนน ชื่ออื่น : เรื่องละ ๓ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๒ การแต่งตำรา หรือหนังสือทางการพยาบาลสำหรับพยาบาล ภาษาไทยหรือภาษาอัง กฤษ ไม่น้อยกว่า ๘๐ หน้า (ขนาด A4) ต่อ ๑ เล่ม ผู้แต่งตำรา/หนังสือทั้งเล่ม ได้ ๕๐ หน่วยคะแนน ผู้แต่งบางบทได้บทละ ๕ หน่วยคะแนน บรรณาธิการกลั่นกรองตำรา/หนังสือ ได้เล่มละ ๑๐ หน่วยคะแนน (กรณีบรรณาธิการมากกว่า ๑ คน ให้เฉลี่ยคะแนนตามสัดส่วน การกลั่นกรองตำรา/หนังสือ) หน้า ๒๖ ๑๕.๕.๓ การเสนอผลงานทางวิชาการ ทั้งการนำเสนอปากเปล่า หรือ การนำเสนอโดยโปสเตอร์ (๑) ในการประชุมระดับนานาชาติ ชื่อแรก : เรื่องละ ๑๐ หน่วยคะแนน ชื่ออื่น : เรื่องละ ๕ หน่วยคะแนน (๒) ในการประชุมระดับชาติ ชื่อแรก : เรื่องละ ๕ หน่วยคะแนนชื่ออื่น : เรื่องละ ๒ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๔ การตรวจสอบเครื่องมือวิจัย เรื่องละ ๒ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๕ การกลั่นกรองโครงร่างงานวิจัย การตรวจสอบคุณภาพงานวิจัย การทำหน้าที่กรรมการพิจารณาจริยธรรมงานวิจัย เรื่องละ ๕ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๖ การอ่านผลงานเพื่อประเมินตำแหน่งทางวิชาการ หรือเพื่อเลื่อนระดับ ความก้าวหน้าของตำแหน่ง รายละ ๑๐ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๗ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกสถาบันในการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ เรื่องละ ๕ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๘ วิทยากร หรือผู้อภิป รายร่วม ในโครงการหรือกิจกรรมการศึกษา ต่อเนื่องที่สภาการพยาบาลให้การรับรอง คนละ ๕ หน่วยคะแนน ต่อ ๑ ชั่วโมงการบรรยาย โดยหน่วยคะแนนรวมทั้งหมดไม่เกิน ๕๐ หน่วยคะแนน ต่อโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง แต่ละครั้ง ๑๕.๕.๙ พยาบาลพี่เลี้ยงสำหรับนักศึกษาพยาบาลในหลักสูตรต่าง ๆ ที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้คิดหน่วยคะแนนตามภาคการศึกษา ระบบการศึกษาไตรภาค (๑๒ สัปดาห์) ๑ ภาคการศึกษา คิดเป็น ๔ หน่วยคะแนน ระบบการศึกษาทวิภาค (๑๕ สัปดาห์) ๑ ภาคการศึกษา คิดเป็น ๕ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๑๐ พยาบาลวิชาชีพที่ทำหน้าที่อาจารย์พิเศษสอนภาคปฏิบัติ ในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาสาขาพยาบาลศาสตร์ ๘ ชั่วโมง การฝึกปฏิบัติได้ ๒ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๑๑ การสอนในหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทาง / วุฒิบัตร (๑) ภาคทฤษฎี ๑ ชั่วโมงการบรรยายได้ ๕ หน่วยคะแนน (๒) ภาคปฏิบัติ ๘ ชั่วโมงการฝึกปฏิบัติได้ ๒ หน่วยคะแนน หน้า ๒๗ ๑๕.๕.๑๒ การสร้างสื่อการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองด้านการพยาบาล เช่น บทความวิชาการ บทความวิชาการ online , e-learning , e -book etc. พร้อมแบบทดสอบ ชื่อแรก ๕ หน่วยคะแนน ชื่ออื่น ๓ หน่วยคะแนนต่อ ๑ บทเรียน/บทความ ๑๕.๕.๑๓ โครงการบริการวิชาการ/วิชาชีพสำหรับประชาชน หรือโครงการ สร้างสรรค์ระบบหรือกิจกรรมการให้บริการที่ไม่ใช่งานประจำ โครงการละ ๕ หน่วยคะแนนต่อคน ๑๕.๕.๑๔ นวัตกรรมการบริการพยาบาลและสุขภาพ ที่ได้รับการจดลิขสิทธิ์ ผู้ผลิตหลัก เรื่อง/ชิ้นละ ๑๐ หน่วยคะแนน ผู้ผลิตรอง เรื่อง/ชิ้นละ ๕ หน่วยคะแนน ๑๕.๕.๑๕ การศึกษาในหลักสูตรการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ในระดับ บัณฑิตศึกษา ศึกษาไปแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ภาคการศึกษาปกติ ได้ ๕๐ หน่วยคะแนน ต่อการศึกษา หนึ่งหลักสูตร ๑๕.๕.๑๖ การศึกษาในหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ในระดับบัณฑิตศึกษา ศึกษาไปแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ภาคการศึกษา ได้ ๑๐ หน่วยคะแนน ต่อการศึกษาหนึ่งหลักสูตร ๑๕.๕.๑๗ การฝึกอบรมในหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทาง / วุฒิบัตร ได้ ๕๐ หน่วยคะแนนต่อหนึ่งหลักสูตร ข้อ ๑๖ หน่วยคะแนนการศึกษาต่อเนื่อง เพื่อการต่ออายุใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ การพยาบาลและการผดุงครรภ์ ต้องเป็นหน่วยคะแนนที่เก็บสะสมในระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ออกใบอนุญาตฯ จนถึงวันที่ใบอนุญาตฯ หมดอายุ และหน่วยคะแนนสะสมดังกล่าว จะใช้ต่ออายุ ใบอนุญาตฯ ได้เพียงครั้งเดียว ข้อ ๑๗ ขั้นตอนการขอการรับรองโครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง สถาบันหลัก หรือสถาบันสมทบ ที่ได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาลจะต้องยื่น คำขอการรับรองโครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องต่อศูนย์ พร้อมด้วยหลักฐานต่าง ๆ ตามแบบ ที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด ก่อนดำเนินการไม่น้อยกว่า ๔๕ วัน ข้อ ๑๘ ศูนย์จะเป็นผู้พิจารณาให้การรับรองโครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง กรณีที่ให้การรับรองจะกำหนดรหัสโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง และจำนวนหน่วยคะแนน และแจ้งผลการพิจารณาให้สถาบันทราบ ข้อ ๑๙ โครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง ที่ได้รับการรับรองจากศูนย์แล้ว หากมี การเปลี่ยนแปลงกำหนดการหรือวิทยากร ต้องแจ้งให้ศูนย์พิจารณาก่อนดำเนินการจัดกิจกรรม หน้า ๒๘ สถาบันที่ได้รับการรับรองจากสภาการพยาบาล ก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ สามารถดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องได้จนถึงวันที่ครบวาระการรับรอง ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ รองศาสตราจารย์ ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๙๗ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๒๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:111403", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง การรับรองสถาบันที่จัดการศึกษาต่อเนื่องสาขาพยาบาลศาสตร์การรับรองโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง และการกำหนดหน่วยคะแนน พ.ศ. ๒๕๖๒", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/097/T_0022.PDF", "year": null }
nonweb_119292
ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และอำเภอกาบัง ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และอำเภอกำบัง ตามที่ได้มีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก -ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน ตามประกาศลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถขยายผลการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหา ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแร ง รวมทั้งสามารถ คุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น แต่ปรากฏว่ายังคงมีการก่อเหตุการณ์ร้ายแรง เพื่อสร้างสถานการณ์ อีกทั้งยังพบแหล่งหลบซ่อนและซ่องสุมกำลังพลเพื่อเตรียมก่อเหตุ อันเป็น ผลสืบเนื่องมาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีความประสงค์ที่จะก่อให้เกิด ความเสียหายร้ายแรงด้วยการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชน ผู้บริสุทธิ์ โดยมุ่งหวังให้เกิดการเกรงกลัวอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัย ของประชาชนจนไม่อาจดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข จึงสมควรขยายระยะเวลาในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อให้เกิด ความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินทั้งของรัฐและของบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องใช้มาตรการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ในการแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก -ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และอำเภอกำบัง ออกไปอีกเป็นเวลาสามเดือน ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๑๒๙ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๕๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:119293", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และอำเภอกาบัง", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/129/T_0050.PDF", "year": null }
nonweb_86142
ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง ลักษณะเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียน (ฉบับที่ ๗๕/๒๕๕๓) ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง ลักษณะเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียน (ฉบับที่ ๗๕/๒๕๕๓) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖๒ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนดลักษณะเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียนของ บริษัท ซันชายเจริญ อินเตอร์ฟู๊ด จำกัด ดังต่อไปนี้ เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียน ตามทะเบียนที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับจดไว้ เลขที่ ๒๕๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เป็นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียน เป็นสิ่งผนึกภาชนะฝาเกลียว ทำด้วยพลาสติกเป็นรูปวงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒.๘ เซนติเมตร พื้นด้านหน้าฝาสีแดงและสีขาว ตรงกลางฝาพื้นสีแดงมีอักษรภาษาอังกฤษสีดำขอบเงาสีขาว คำว่า “ ” ถัดออกมาโดยรอบมีอักษรภาษาไทยและตัวเลขสีขาว คำว่า “เครื่องดื่มดังว่าฮิตโคล่า ปริมาตรสุทธิ 500 มล. ผลิตโดย บริษัท ซันชายเจริญ อินเตอร์ฟู๊ด จำกัด” ถัดออกมาโดยรอบพื้นสีขาว ด้านข้างฝาโดยรอบพื้นสีขาว รูปลักษณะฝา “ ” เพื่อนำไปผนึกบรรจุเครื่องดื่มดังว่าฮิตโคล่า ปริมาตรสุทธิ ๕๐๐ มล. เท่านั้น ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ สมณีย์ มงคลโภชน์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและพัฒนาการจัดเก็บภาษี ๑ ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมสรรพสามิต เล่ม: ๑๒๘ หมวด: ๑๑๒ ง ประกาศ ณ: ๐๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หน้า: ๖๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:86143", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง ลักษณะเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียน (ฉบับที่ ๗๕/๒๕๕๓)", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/D/112/61.PDF", "year": null }
nonweb_92060
ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญ [จำนวน ๕ ราย ๑. นายสรศักดิ์ เพียรเวช ฯลฯ] ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญ ดังนี้ ๑. นายสรศักดิ์ เพียรเวช ให้พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) ตำแหน่งเลขที่ ๙ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (นักบริหารสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๓ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๒. นางสาวสุกัญญา หอมชื่นชม ให้พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้าน ระบบงานนิติบัญญัติ (วิทยากรทรงคุณวุฒิ) ตำแหน่งเลขที่ ๒๐๘๔ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (นักบริหารสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๒๑๔๒ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๓. นางพรพิศ เพชรเจริญ ให้พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านต่างประเทศ (นักวิเท ศสัมพันธ์ ทรงคุณวุฒิ) ตำแหน่งเลขที่ ๑๓ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (นักบริหารสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๗ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๔. นายอนุวัต ตันติวงศ์ ให้พ้นจากตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (นักบริหารสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๒๑๔๒ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ (วิทยากรทรงคุณวุฒิ) ตำแหน่งเลขที่ ๑๑ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๕. นายอภิชาติ คำทอง ให้พ้นจากตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (นักบริหารสูง) ตำแหน่งเลขที่ ๗ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) ตำแหน่ง เลขที่ ๒๐๘๖ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤ ศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เล่ม: ๑๓๒ หมวด: ๓๓๙ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ หน้า: ๒๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:92061", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญ [จำนวน ๕ ราย ๑. นายสรศักดิ์ เพียรเวช ฯลฯ]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/339/23.PDF", "year": null }
nonweb_89225
ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง ที่ ๒๙/๒๕๕๖ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน [สหภาพแรงงานพนักงานที เอส อี] ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง ที่ ๒๙/๒๕๕๖ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน ขอประกาศว่านายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง ได้รับจดทะเบียนสหภาพแรงงานตามความใน มาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ เลขทะเบียนที่กธ. ๑๑๓๘ วันรับจดทะเบียน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ชื่อ สหภาพแรงงานพนักงานที เอส อี วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้าง ๒. ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างและระหว่าง ลูกจ้างด้วยกัน ที่ตั้งสำนักงาน เลขที่ ๖๔ ซอยนวมินทร์ ๗๔ แยก ๓-๘-๑๔ แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ผู้เริ่มก่อการ ๑. นายทนงค์ แมดขุนทด ๒. นายสมชาย ไชยศิริ ๓. นายศราวุธ สิงห์ทอง ๔. นายทิวา มุกขุนทด ๕. นายสมจิตร พลเยี่ยม ๖. นายสุเทพ เสือนุ่ม ๗. นายสุรชัย ผันพิมาย ๘. นายชาตรี พรมภักดี ๙. นายคมสัน ดีพิมาย ๑๐. นางสาวเจษฎา เค้าสา ๑๑. นายไชยทัต มหัตกุล ประกาศ ณ วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ พานิช จิตร์แจ้ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง เล่ม: ๑๓๑ หมวด: ๑ ง ประกาศ ณ: ๐๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หน้า: ๒๘๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:89226", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง ที่ ๒๙/๒๕๕๖ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน [สหภาพแรงงานพนักงานที เอส อี]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/D/001/280.PDF", "year": null }
nonweb_94715
ประกาศศาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง คำสั่งให้ นายอุทัย ไชยกุฉิน เป็นคนสาบสูญ ประกาศศาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง คำสั่งให้นายอุทัย ไชยกุฉิน เป็นคนสาบสูญ คดีหมายเลขดำที่ ๑๒๗๘/๒๕๕๙ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๖๕๑/๒๕๕๙ ด้วย พนักงานอัยการคุ้มครองสิท ธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดนครราชสีมา ผู้ร้อง ยื่นคำร้องว่า ได้รับคำร้องจาก นางสาวอรวรรณ ไชยกุฉิน ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับ นายอุทัย ไชยกุฉิน มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ ๓๗ หมู่ ๑๒ ตำบลหนอ งพอก อำเภอหนองพอก จังหวัด ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ นายอุทัยเป็นพนักงานจ้างเหมาของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ พักอาศัยอยู่ณ บ้านพักของหน่วยงาน อันเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่ง ได้เดินทางออกจากหน่วยพิทักษ์อุทยาน แห่งชาติเขาใหญ่นำทางไปกับลูกหาบ เข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้หายตัวไป คาดว่าจะพลัดหลงในป๋า ภายหลังจากนั้น นายอุทัยไม่เคยกลับบ้านหรือที่พักหรือติดต่อผู้ใด และไม่มีผู้ใดทราบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่นับถึงป้จจุบันเป็นเวลาเกินกว่า ๕ ปี จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ นายอุทัยเป็นคนสาบสูญ ศาลไต่สวนแล้วได้ความว่า นายอุทัย ไชยกุฉิน ได้ไปจากภูมิลำเนาอันเป็นที่อยู่อาศัย ไม่รู้ว่า ไปอยู่ที่ใดและมีชีวิตอยู่หรือไม่ โดยไม่กลับมายังภูมิลำเนาอันเป็นที่อยู่อาศัย นับแต่พ.ศ. ๒๕๕๓ ตลอดมา ซึ่งเป็นระยะเวลานานกว่า ๕ ปีแล้ว จึงมีคำสั่งว่า นา ยอุทัย ไชยกุฉิน เป็นคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๑ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ สรชา แสงวิรุณ ผู้พิพากษา เล่ม: ๑๓๓ หมวด: ๑๑๔ ง ประกาศ ณ: ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หน้า: ๒๗
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:94716", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศศาลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง คำสั่งให้ นายอุทัย ไชยกุฉิน เป็นคนสาบสูญ", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/D/114/27.PDF", "year": null }
nonweb_109629
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เป็นการสมควรตราข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง ว่าด้วยการควบคุมการเลี้ยง หรือปล่อยสัตว์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและอ งค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติมประกอบกับมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ องค์การบริหารส่วนตำบลบางยางโดยเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางยางและนายอำเภอกระทุ่มแบน จึงตราข้อบัญญัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง เรื่อง การควบคุม การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบางยางตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๓ บรรดาข้อบัญญัติ ประกำ ศ ระเบียบ หรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่ได้ตราไว้แล้วในข้อบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบัญญัตินี้ให้ใช้ข้อบัญญัตินี้แทน ข้อ ๔ ในข้อบัญญัตินี้ “การเลี้ยงสัตว์” หมายความว่า การมีสัตว์ไว้ในครอบครองและดูแลเอาใจใส่บำรุงรักษา ตลอดจนให้อาหารเป็นอาจิณ “การปล่อยสัตว์” หมายความว่า การสละการครอบครองสัตว์ หรือปล่อยให้อยู่นอกสถานที่ เลี้ยงสัตว์โดยปราศจากการควบคุม “เจ้าของสัตว์” หมายความรวมถึงผู้ครอบครองสัตว์ด้วย “สถานที่เลี้ยงสัตว์” หมายความว่า คอกสัตว์ กรงสัตว์ ที่ขังสัตว์ หรือสถานที่ในลักษณะอื่น ที่มีการควบคุมของเจ้าของสัตว์ หน้า ๑๓๘ “สิ่งปฏิกูล” หมายความว่า อุจจาระหรือป้สสาวะ และหมายความรวมถึงสิ่งอื่นใด ซึ่งเป็นสิ่งโสโครกหรือมีกลิ่นเหม็น “ที่หรือทางสาธารณะ” หมายความว่า สถานที่หรือทางซึ่งมิใช่เป็นของเอกชนและประชาชน สามารถใช้ประโยชน์หรือ ใช้สัญจรได้ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง “เจ้าพนักงานสาธารณสุข” หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งได้รับแต่งตั้งจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๕ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน ในท้องถิ่นหรือเพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์ ให้พื้นที่ในเขตอำนาจขององค์การบริหาร ส่วนตำบลบางยางเป็นเขตควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ ดังนี้ (๑) ให้พื้นที่ในเขตอำนาจขององค์การบริหารส่วนตำบลบางยางเป็นเขตห้ามเลี้ยง หรือปล่อยสัตว์ประเภทสัตว์ต้องห้ามเลี้ยงหรือครอบครองตามกฎหมายอื่น ๆ โดยเด็ดขาด (๒) ให้สัตว์ดังต่อไปนี้เป็นสัตว์ที่ต้องมีการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ในเขตอำนาจ ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง ดังนี้ (๒.๑) ช้าง (๒.๒) ม้า (๒.๓) โค (๒.๔) กระบือ (๒.๕) สุกร (๒.๖) แพะ (๒.๗) แกะ (๒.๘) ห่าน (๒.๙) เป็ด (๒.๑๐) ไก่ (๒.๑๑) นก หน้า ๑๓๙ (๒.๑๒) สุนัข (๒.๑๓) แมว (๒.๑๔) สัตว์ป๋าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป๋าซึ่งได้รับ การอนุญาต จากทางราชการ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจกำหนดประเภทและชนิดสัตว์ที่ต้องควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ เพิ่มเติม ทั้งนี้ โดยอาจควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์เฉพาะในเขตท้องที่ใดท้องที่หนึ่งหรือเต็มพื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง ข้อ ๖ นอกจากการเลี้ยงสัตว์ตามปกติวิสัยแล้ว เจ้าของสัตว์ตามข้อ ๕ (๒) ต้องปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) จัดให้มีสถานที่เลี้ยงสัตว์ที่มั่นคงแข็งแรงตามความเหมาะสมแก่ประเภทและชนิดของสัตว์ และมีขนาดเพียงพอแก่การดำรงชีวิตของสัตว์ มีแสงสว่างและการระบายอากาศที่เพียงพอ มีระบบระบายน้ำ และบำบัดของเสียที่เกิดขึ้นอย่างถูกสุขลักษณะ (๒) รักษาสถานที่เลี้ยงสัตว์ให้สะอาดอยู่เสมอ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะเป็นประจำ ไม่ปล่อยให้เป็นที่สะสมหมัก หมมจนเกิดกลิ่นเหม็นรบกวนผู้อยู่บริเวณใกล้เคียง (๓) เมื่อสัตว์ตายลงเจ้าของสัตว์จะต้องกำจัดซากสัตว์และมูลสัตว์ให้ถูกสุขลักษณะ ในกรณีที่สัตว์ตายลงโดยมิทราบสาเหตุ หรือต้องสงสัยว่าเป็นโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชน ให้เจ้าของสัตว์แจ้งเจ้าพนักงานสาธารณสุ ขภายใน ๒๔ ชั่วโมง เพื่อป้องกันโรคหรืออันตรายที่อาจเกิดมาจาก ซากสัตว์นั้น (๔) จัดให้มีการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในสัตว์ เพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์ (๕) ให้เลี้ยงสัตว์ภายในสถานที่เลี้ยงสัตว์ของตน ไม่ปล่อยให้อยู่นอกสถานที่เลี้ยงสัตว์ โดยปราศจากการควบคุม กรณีเป็นสัตว์ดุร้ายจะต้องเลี้ยงในสถานที่เลี้ยงสัตว์ที่บุคคลภายนอกเข้าไปไม่ถึงตัว และมีป้ายเตือนให้ระมัดระวังโดยสังเกตได้อย่างชัดเจน (๖) ควบคุมดูแลสัตว์ของตนมิให้ก่ออันตรายหรือเหตุรำคาญแก่ผู้อื่น ไม่ก่อให้เกิด มลพิษต่อสิ่งแวดล้อม (๗) หำมทำการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ ในบริเวณที่หรือทางสาธารณะ วัด และสถานที่ ราชการในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง หน้า ๑๔๐ ข้อ ๗ ในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบสัตว์ในที่หรือทางสาธารณะอันเป็นการฝ๋าฝืนข้อบัญญัตินี้ โดยไม่ปรากฏเจ้าของ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจกักสัตว์ดังกล่าวไว้เป็นเวลาอย่างน้อยสามสิบวัน เมื่อพ้นกำหนดแล้วยังไม่มีผู้ใดมาแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าของเพื่อรับสัตว์คืนให้สัตว์นั้นตกเป็นของ องค์การบริหารส่วนตำบลบางยางแต่ถ้าการกักสัตว์ไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่สัตว์นั้นหรือสัตว์อื่น หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะจัดการขายหรือขายทอดตลาดสัตว์นั้นตามควร แก่กรณีก่อนถึงกำหนดเวลาดังกล่าวก็ได้ เงินที่ได้จากการขายหรือขายทอดตลาดเมื่อหักค่าใช้จ่ายในการขาย หรือขายทอดตลาดและค่าเลี้ยงดูสัตว์แล้ว ให้เก็บรักษาไว้แทนสัตว์ ในกรณีที่มิได้มีการขายหรือขายทอดตลาดสัตว์ตามวรรคหนึ่ง และเจ้าของสัตว์มาขอรับสัตว์คืน ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง เจ้าของสัตว์ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงดูให้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง ตามจำนวนที่ได้จ่ายจริงด้วย ในกรณีที่ปรากฏว่าสัตว์ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบนั้นเป็นโรคติดต่ออันอาจเป็นอันตรายต่อประชาชน ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจทำลายหรือจัดการตามที่เห็นสมควรได้ ข้อ ๘ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ในเขตอำนาจของ องค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง ในเรื่องใดหรือทุกเรื่องก็ได้ ข้อ ๙ ผู้ใดฝ๋าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในบทกำหนดโทษ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๑๐ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางยางรักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เศกสรรค์ ฮีสวัสดิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๒๓๒ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๑๓๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:109630", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๑", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/232/T_0138.PDF", "year": null }
nonweb_90203
ประกาศสำนักงานกลางทะเบียนสมาคมการค้า ที่ ๒๒/๒๕๕๗ เรื่อง อนุญาตให้จัดตั้งสมาคมการค้า [จำนวน ๓ สมาคม ๑. สมาคมการค้าผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคมเพื่อคนพิการไทย ฯลฯ] ประกาศสำนักงานกลางทะเบียนสมาคมการค้า ที่ ๒๒/๒๕๕๗ เรื่อง อนุญาตให้จัดตั้งสมาคมการค้า สำนักงานกลางทะเบียนสมาคมการค้า ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า นายทะเบียนสมาคมการค้า ประจำกรุงเทพมหานคร ได้อนุญาตให้จัดตั้งสมาคมการค้า ตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ จำนวน ๓ สมาคม มีรายละเอียดสังเขป ดังนี้ ๑. ใบอนุญาตเลขที่ ๕๓/๒๕๕๗ ทะเบียนเลขที่ ๐๑๐๙๕๕๗๐๐๐๕๕๓ ออกให้ณ วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ชื่อ สมาคมการค้าผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคมเพื่อคนพิการไทย วัตถุประสงค์ ส่งเสริมการประกอบวิสาหกิจประเภทที่ เกี่ยวกับการส่งเสริมคนพิการ ในภาคการผลิต ภาคการค้าและภาคการบริการ ที่ตั้งสำนักงาน เลขที่ ๑๐๙๑ /๒๔๑ อาคารซิตี้ลิงค์ ห้องซี ชั้น ๙ ซอยเพชรบุรี ๓๕ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ ๒. ใบอนุญาตเลขที่ ๕๕/๒๕๕๗ ทะเบียนเลขที่ ๐๑๐๙๕๕๗๐๐๐๕๖๑ ออกให้ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ ชื่อ สมาคมการค้าวัสดุเกษตรจีน - ไทย วัตถุประสงค์ ส่งเสริมการประกอบวิสาหกิจประเภทที่เกี่ยวกับการค้าวัสดุเกษตร ที่ตั้งสำนักงาน เลขที่ ๘๐ /๑๐ ถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๒๐ ๓. ใบอนุญาตเลขที่ ๕๖/๒๕๕๗ ทะเบียนเลขที่ ๐๑๐๙๕๕๗๐๐๐๕๗๐ ออกให้ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ ชื่อ สมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย วัตถุประสงค์ ส่งเสริมการประกอบธุรกิจคอลเซ็นเตอร์และพัฒนาระบบคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งสำนักงาน เลขที่ ๑๓๐/๑ ถนนเทศบาลนิมิตเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐ ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ วิชัย โภชนกิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายทะเบียนกลางสมาคมการค้า เล่ม: ๑๓๑ หมวด: ๑๓๖ ง ประกาศ ณ: ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หน้า: ๓๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:90204", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักงานกลางทะเบียนสมาคมการค้า ที่ ๒๒/๒๕๕๗ เรื่อง อนุญาตให้จัดตั้งสมาคมการค้า [จำนวน ๓ สมาคม ๑. สมาคมการค้าผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคมเพื่อคนพิการไทย ฯลฯ]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/D/136/30.PDF", "year": null }
nonweb_86222
ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดตำแหน่ง การแต่งตั้ง การย้าย และการอุทธรณ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ช. (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดตำแหน่ง การแต่งตั้ง การย้าย และการอุทธรณ์ เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ช. (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดตำแหน่ง การแต่งตั้ง การย้าย และการอุทธรณ์เกี่ยวกับ การบริหารงานบุคคลของข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลของสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๗ มาตรา ๑๑๐ มาตรา ๑๑๐/๑ และมาตรา ๑๑๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการบริหารงานทั่วไป การแบ่งส่วนราชการ การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน และการดำเนินการอื่น รวมทั้งการกำหนดตำแหน่งตำแหน่ง ระดับ เงินเดือน เงินประจำ ตำแหน่งของข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดตำแหน่ง การแต่งตั้ง การย้าย และการอุทธรณ์เกี่ยวกับ การบริหารงานบุคคลของข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ช. (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มเติมความในข้อ ๑๙ ของประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดตำแหน่ง การแต่งตั้ง การย้าย และการอุทธรณ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้ “(๔) ในการพิจารณาตามข้อ ๑๕ (๓) และ (๔) หากเห็นสมควร เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจแต่งตั้งให้ผู้ได้รับการคัดเลือกรักษาราชการแทนในตำแหน่งที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อทดลองปฏิบัติ หน้าที่ราชการก่อนแต่งตั้งเป็นระยะเวลาไม่เกินหกเดือนก็ได้ ในกรณีนี้ ให้เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ของผู้นั้น แล้วรายงานผลต่อเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในสิบห้าวันทำการนับแต่วันครบกำหนด ระยะเวลาการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ เมื่อพิจารณารายงานของคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติ หน้าที่ราชการแล้ว หากเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นสมควรแต่งตั้ง ให้การแต่งตั้งมีผลย้อนหลัง ได้ไม่ก่อนวันที่รักษาราชการแทนในตำแหน่งนั้น หากเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นเป็นอย่างอื่น ให้สั่งให้ผู้ได้รับการคัดเลือกพ้นจากการรักษาราชการแทน แล้วดำเนินการตามข้อ ๑๕ (๔) ต่อไป” ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เล่ม: ๑๒๘ หมวด: ๖๐ ก ประกาศ ณ: ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หน้า: ๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:86223", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดตำแหน่ง การแต่งตั้ง การย้าย และการอุทธรณ์เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ช. (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/A/060/8.PDF", "year": null }
nonweb_118432
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑๕ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 15 เพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 กระทรวงการคลังขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 20 (1) และมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการบริหาร หนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561 ได้ดำเนินการกู้เงิน เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยการจำห น่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 15 ซึ่งมีเงื่อนไขและสาระสำคัญ ดังนี้ 1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 15 วงเงิน 4,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.1 พันธบัตรรัฐบาลนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ (Re-open) พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งที่ 2 (LB716A) ทำให้วงเงินรวมของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นนี้เป็น 31,588 ล้านบาท (ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2564) 1.2 พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอายุคงเหลือ 50.05 ปี โดยจะไถ่ถอนครั้งเดียวทั้งจำนวน ในวันที่ 17 มิถุนายน 2614 และไม่มีการไถ่ถอนก่อนครบกำหนด หากวันไถ่ถอนตรงกับวันหยุด ธนาคารแห่งประเทศไทยให้เลื่อนวันไถ่ถอนเป็นวันทำการถัดไป 1.3 พันธบัตรรัฐบาลนี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.500 ต่อปี ชำระปีละ 2 ครั้ง ในวันที่ 17 มิถุนายน และ 17 ธันวาคม ของทุกปี สำหรับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะจ่าย ณ วันไถ่ถอน พันธบัตรรัฐบาล หากวันครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยตรงกับวันหยุดธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เลื่อนไปจ่าย ในวันทำการถัดไป โดยไม่นับวันหยุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าวเข้ารวมเพื่อคำนวณ ดอกเบี้ยในงวดที่ถึงกำหนดจ่ายดอกเบี้ย ยกเว้นการจ่ายดอกเบี้ยงวดสุดท้ายให้คำนวณดอกเบี้ยจนถึง วันก่อนวันไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลที่เลื่อนออกไป 2. วิธีการจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล มีดังนี้ 2.1 วิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน (Competitive Bidding : CB) ซึ่งผู้ที่ได้รับ การจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกัน 2.2 วิธีการเสนอซื้อ (Non Competitive Bidding : NCB) ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 20 ของวงเงินจำหน่ายโดยวิธีการเสนอประมูลอัตราผลตอบแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดสรรพันธบัตรรัฐบาล ได้แก่สหกรณ์ หน้า ๗ 3. การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลตามนัยข้อ 2 ดำเนินการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 จำนวน 4 ,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ดังนี้ วันที่จำหน่าย วันที่ชำระเงิน วิธีการ จำหน่าย วงเงิน จำหน่าย (ล้านบาท) จำนวนเงิน ที่ได้รับ (บาท) ส่วนเพิ่ม/ (ส่วนลด) (บาท) ดอกเบี้ยจ่าย รับล่วงหน้า (บาท) อัตรา ผลตอบแทนเฉลี่ย (ร้อยละต่อปี) 9 มิถุนายน 2564 11 มิถุนายน 2564 CB 3,950 3,463,876,105.45 -484,500,602 .55 -1,623,292.00 2.9728 NCB 50 43,845,059.50 -6,134,392.50 -20,548.00 รวม 4,000 3,507,721,164.95 -490,634,995 .05 -1,643,840.00 4. กระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และตัวแทนการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาล โดยกำหนดค่าธรรมเนียมในการจัดการในอัตราร้อยละ 0.03 ของราคาพันธบัตรรัฐบาลที่จำหน่ายได้ดอกเบี้ยที่จ่ายและเงินต้นพันธบัตรที่จ่ายคืน ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕ จำเริญ โพธิยอด รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๑๘๗ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๗
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:118433", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑๕", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/187/T_0007.PDF", "year": null }
nonweb_100282
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน [กระทรวงการต่างประเทศ ๑. นายวศิน เรืองประทีปแสง ๒. นายธานี แสงรัตน์] ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวง การต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ดังนี้ ๑. นายวศิน เรืองประทีปแสง ตำแหน่ง กงสุลใหญ่สถานกงสุลใหญ่ณ นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๒. นายธานี แสงรัตน์ ตำแหน่ง กงสุลใหญ่สถานกงสุลใหญ่ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พระราชสาส์นตราตั้ง ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๒๙๙ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:100283", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน [กระทรวงการต่างประเทศ ๑. นายวศิน เรืองประทีปแสง ๒. นายธานี แสงรัตน์]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/299/T_0002.PDF", "year": null }
nonweb_145502
ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๒ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย นั้น บัดนี้หัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตยไทยได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณี ที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๖ มีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนี้ ข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ ด้วยที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๖ มีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖” ข้อ ๒ ข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทยนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบ จากที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคสังคมประชาธิปไตยไทยเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๓ ของข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ข้อ ๒๓ นโยบายด้านการปฏิรูปสื่อ ๑. เน้นการศึกษา ทบทวนการสัมปทาน สัญญาสัมปทาน คลื่นความถี่ วิทยุโทรทัศน์ของรัฐ ที่ถูกเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมต่อรัฐ สังคม และประชาชน จัดระเบียบ การสัมปทานใหม่ให้เป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน ๒. การดำเนินงานการใช้คลื่นโทรทัศน์สาธารณะ (Free TV) พร้อมกับ การจัดทำแผนแม่บทและการจัดระเบียบรูปแบบการนำเสนอตามประเด็นเนื้อหา (Issue Based) เช่น โทรทัศน์ช่องสาระและบันเทิง ช่องกีฬาและสันทนาการ ช่องประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่กิจกรรมภาครัฐ ช่องการศึกษาและการเรียนรู้ช่องเพื่อการพัฒนาประชาสังคมและชุมชนท้องถิ่น เป็นต้น หน้า ๘๖ ๓. จัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารแห่งชาติ เพื่อจัดระบบและสนับสนุน การบริหารสารสนเทศกลางของประเทศ สนับสนุนให้เกิดการใช้ช่องทางสื่อใหม่ ๆ (New Media) เช่น วิทยุออนไลน์ (Radio Online) โทรทัศน์ออนไลน์ (TV Online) เว็บไซต์ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น เพื่อเปิดช่องทางการสื่อสารให้ประชาชนได้เกิดการเรียนรู้และควบคุมไม่ให้มีการเผยแพร่อินเทอร์เน็ต ที่ไม่เหมาะสมกับสังคมไทยโดยมุ่งเน้นเปิดช่องทาง การสื่อสารให้ประชาชนได้เกิดการเรียนรู้ เสริมสร้างศักยภาพ ของสังคม ชุมชน ท้องถิ่น ให้มีเครื่องมือการเรียนรู้ ๔. ดำเนินการจัดตั้งอาสาสมัครนักสื่อสารชุมชน ให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกตำบล เพื่อทำหน้าที่กระตุ้นการเรียนรู้ปรับเปลี่ยนสถานะพลเมืองผู้ตื่นรู้ (Active Citizen) จากการเป็นเพียงผู้รับสาร (Receptor) มาเป็นผู้ที่สามารถส่งสาร (Sender) ทำให้เกิดการสื่อสารส องทาง อีกทั้งยังทำหน้าที่ กระตุ้นภาคประชาชนในการมีส่วนร่วมในทางการเมือง และการเฝ้าระวังทางสังคม ๕. ดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ เกี่ยวกับการสื่อสารมวลชน ที่ล้าหลัง หรือเป็นอุปสรรคต่อการใช้เสรีภาพของสื่อมวลชน การใช้สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และสิทธิอื่น ๆ ของประชาชน” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๒๗ ของข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ ๑๒๗ สมาชิกพรรคต้องชำระค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคปีละไม่น้อยกว่า ยี่สิบบาท แบบตลอดชีพไม่น้อยกว่าสองร้อยบาท เพื่อประโยชน์ในการนับรอบระยะเวลาการชำระค่าบำรุงพรรคประจำปีของสมาชิก ให้ถือว่ารอบระยะเวลาการชำระค่าบำรุงพรรคประจำปีของปีที่สมาชิกได้ชำระค่าบำรุงพรรคเป็นครั้งแรกสิ้นสุดลง ในวันสิ้นปีปฏิทินของปีเดียวกันนั้น และให้เริ่มต้นนับรอบระยะเวลาการชำระค่าบำรุ งพรรคประจำปี ของปีถัดไปใหม่ โดยให้เริ่มต้นนับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคมและสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ของปีเดียวกัน ทั้งนี้สมาชิกอาจชำระค่าบำรุงพรรคประจำปีของปีถัดไปภายในกรอบระยะเวลาดังกล่าว เมื่อใดก็ได้” จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วัน ที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายทะเบียนพรรคการเมือง เล่ม: 140 หมวด: 70 ง ประกาศ ณ: 14/09/2023 หน้า: 86
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:145503", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D070N0000000008600.pdf", "year": null }
nonweb_95294
ประกาศการประปาส่วนภูมิภาค เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ประกาศการประปาส่วนภูมิภาค เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตร การประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ เพื่อให้พันธบัตรการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ สมบูรณ์ตามที่กำหนดในข้อ ๑๒ แห่งประกาศการประปาส่วนภูมิภาค เรื่อง การออกพันธบัตรการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค จึงแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้มีรายชื่อ ดังต่อไปนี้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ๑. นางภรวดีตาปสนันทน์ ๒. นางสาวประภาภรณ์ ถนอมวงศ์ทัย ๓. นางวิภา ผดุงชีวิต ๔. นางพรวิมล เหรียญมหาสาร ๕. นายอัครเดช ดาวเงิน ๖. นางแก้วกัลยา อุทัยธีระโกเมน ๗. นายสิงห์ชัย บุณยโยธิน ๘. นางสุธาศินีนิมิตกุล ๙. นางศรีสกุล รังสิกุล ๑๐. นางประไพพรรณ เชื้อสุวรรณ ๑๑. นายองอาจ สุขุมาลวรรณ์ ๑๒. นายชาญชัย บุรถาวร ๑๓. นายสมชาย เลิศลาภวศิน ๑๔. นางทัศนีย์ ตั้งพัฒนาศิริ ๑๕. นายชนัช เทียมมณีเนตร ๑๖. นายธีรเมธ พุทธนารัตน์ ๑๗. นางสุรีรัตน์ ลัคนานิตย์ ๑๘. นายสัญญา จันทวดี ๑๙. นายวีระวุฒิ โภคาวัฒนา ๒๐. นายเอนก อิงวิยะ ๒๑. นายประจวบ เกลี้ยงเกิด ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ รัตนา กิจวรรณ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค เล่ม: ๑๓๓ หมวด: ๖๔ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หน้า: ๓๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:95295", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศการประปาส่วนภูมิภาค เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/064/38.PDF", "year": null }
nonweb_98597
ประกาศศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เรื่อง คำสั่งให้ นายแกะ จันเพ็ง เป็นคนสาบสูญ ประกาศศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เรื่อง คำสั่งให้นายแกะ จันเพ็ง เป็นคนสาบสูญ คดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๓๙๘/๒๕๖๑ คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๖๕๕/๒๕๖๑ ด้วย พนักงานอัยการจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ร้อง อยู่สำนักงานอัยการจังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลนี้ว่าผู้ร้องได้รับคำ ร้องจาก นายเด่นชัย จันเพ็ง ขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายแกะ จันเพ็ง ตั้งบ้านเรือนอยู่บ้านเลขที่ ๗๗/๗ หมู่ที่ ๑๔ ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอ ท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ เกินกว่า ๕ ปี ติดต่อกัน โดยไม่มีใครรู้แน่ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เป็นคนสาบสูญ บัดนี้ศาลได้ไต่สวนแล้ว ได้ความว่า นายแกะ จันเพ็ง ได้ไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลา ๕ ปี จึงมีคำสั่งให้นายแกะ จันเพ็ง เป็นคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โภคิน ตรีสมุทร์ ผู้พิพากษา เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๗๐ ง ประกาศ ณ: ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๑๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:98598", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เรื่อง คำสั่งให้ นายแกะ จันเพ็ง เป็นคนสาบสูญ", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/D/070/T16.PDF", "year": null }
nonweb_98912
ประกาศกรมทรัพยากรธรณี เรื่อง ให้ซากดึกดำบรรพ์เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน [รหัสประจำซากดึกดำบรรพ์ THF ๒๕๖๑๒๐๐๒๑๔ ชื่อซากดึกดำบรรพ์ เกาะมุกเกีย โซลิตา (Komukia solita)] ประกาศกรมทรัพยากรธรณี เรื่อง ให้ซากดึกดำบรรพ์เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และข้อ ๔ (๒) แห่งประกาศคณะกรรมการคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ เรื่อง หลักเกณฑ์ การประกาศเป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนและเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะกรรมการคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ เรื่อง หลักเกณฑ์ การประกาศเป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียนและเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ประกาศให้ซากดึกดำบรรพ์ รหัสประจำซากดึกดำบรรพ์ THF ชื่อซากดึกดำบรรพ์ เกาะมุกเกีย โซลิตา (Komukia solita) สกุล/ประเภท สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง หน่วยหิน กลุ่มหินแก่งกระจาน อายุ ช่วงยุคเพอร์เมียนตอนต้น ประมาณ ๒๙๘ - ๒๗๒ ล้านปี ลักษณะ รูปพรรณ สัณฐาน รูปพิมพ์ด้านในฝาท้องและฝาหลังของแบรคิโอพอด (Internal mould of ventral and dorsal valves) ขนาด กว้าง ๒๓.๐๓ มม. ยาว ๑๗.๑๗ มม. หนา ๖.๙๔ มม. น าหนัก ๓.๒๕ กรัม สถานที่ที่พบ เกาะมุก ตำบล เกาะลิบง อำเภอ กันตัง จังหวัด ตรัง ชื่อผู้ค้นพบ คณะวิจัยร่วม การลำดับชันหินและบรรพชีวินวิทยา โดยกรมทรัพยากรธรณี ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย วันเดือนปีที่พบ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ เจ้าของ/หรือผู้ครอบครอง กรมทรัพยากรธรณี ตามรูปถ่ายแนบท้ายประกาศนี้ เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน ทังนี ตังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สมหมาย เตชวาล รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี หน้า ๒๗ รูปถ่ายซากดึกดำบรรพ์ รหัสประจำซากดึกดำบรรพ์ THF ๒๕๖๑ ๒ ๐๐๒๑๔ รูปพิมพ์ด้านในฝาท้องและฝาหลังของแบรคิโอพอด เกาะมุกเกีย โซลิตา มุมมองด้านหน้า มุมมองด้านหลัง มุมมองด้านบน มุมมองด้านล่าง มุมมองด้านซ้าย มุมมองด้านขวา แท่งมาตราส่วน = ๑ ซม. เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๓๐๗ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๒๗
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:98913", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกรมทรัพยากรธรณี เรื่อง ให้ซากดึกดำบรรพ์เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ขึ้นทะเบียน [รหัสประจำซากดึกดำบรรพ์ THF ๒๕๖๑๒๐๐๒๑๔ ชื่อซากดึกดำบรรพ์ เกาะมุกเกีย โซลิตา (Komukia solita)]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/307/T_0027.PDF", "year": null }
nonweb_122732
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด - ๑๙) ที่ ๑๒/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓) คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๑๒/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓) ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ขยาย ระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๕/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๗/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาต รำ ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๑) ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๘/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๒) ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการขยาย ระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว และตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ (๒) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับ การปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหาร หน้า ๖ สถานการณ์โควิด - 19 จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงาน เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคแนบท้ายคำสั่งโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 หน้า ๗ มาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์การดำเนินการในสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ ๑๒/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ (๕) ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจและมีกำหนดเว ลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน (๕.๔) กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำ ยานพาหนะ หรือ แรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ ซึ่งต้องเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่าง ประเทศทางน้ำ เฉพาะกรณีเรือที่ไม่มีสัญชาติไทย เพื่อปฏิบัติภารกิจ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการปิโตรเลียม หรือภารกิจอื่นใดบนยานพาหนะ หรือสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล สิ่งปลูกสร้างในทะเล หรือภารกิจเกี่ยวเนื่อง ตามที่กระทรวงคมนาคม (โดยกรมเจ้าท่า) กำหนด มาตรการป้องกันโรค หน่วยงานผู้รับผิดชอบ มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ๑) ให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้ - หนังสือแสดงการเป็นผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำ ยานพาหนะ หรือ แรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ พร้อมระบุเวลาที่จะเข้ามา และออกจากราชอาณาจักร และความจำเป็นที่ต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ รวมถึงรายละเอียดข้อมูลของผู้รับผิดชอบการปฏิบัติภารกิจ ของยานพาหนะ (อาทิ เจ้าของยานพาหนะ ผู้รับสัมปทาน คู่สัญญากับเอกชนผู้รับสัมปทาน คู่สัญญาช่วง หรือหน่วยงานรัฐผู้รับผิดชอบ ในการอนุมัติ อนุญาตหรือกำกับดูแล การปฏิบัติภารกิจ ในทะเล) ที่สามารถติดต่อได้ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจของยานพาหนะ - กรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด - 19 ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร ในวงเงินไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ - หลักฐานยืนยันหรือหลักฐานที่แสดง สถานะของยานพาหนะ แผนการเดินทาง ก่อน-ระหว่าง-และหลังเข้ามาปฏิบัติภารกิจ ซึ่งรวมถึงจุดที่มีการ จอดเทียบท่าเป็นครั้งสุดท้าย (Last port) ก่อนเข้ามาในราชอาณาจักร รวมทั้งชื่อสกุล ทั้งหมดของผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำ ยานพาหนะ แรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ หรือหลักฐานอื่นใด ตามที่กระทรวงคมนาคม (โดยกรมเจ้าท่า) และ ศูนย์อำนวยการรักษา ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกำหนด - กระทรวงคมนาคม (โดย กรมเจ้าท่า) และศูนย์อำนวยการ รักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ทะเล ออกคู่มือเกณฑ์การปฏิบัติ การตรวจสอบเอกสารที่ ใช้ในการ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ได้แก่หนังสือ แสดงการเป็น ผู้ควบคุมยานพาหนะ กรมธรรม์ ประกันภัย หลักฐานยืนยันหรือ หลักฐานที่แสดงสถานะของ ยานพาหนะรวมถึงแผนการเดินทาง หลักฐานการทำสัญญากับ - ๒ - มาตรการป้องกันโรค หน่วยงานผู้รับผิดชอบ - ผลการตรวจหาเชื้อโรค โควิด-19 ของผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำ ยานพาหนะ หรือ แรงงานหรือบุคคล อื่นใดทุกคน ที่ยืนยันว่าไม่มี เชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR ก่อนโดยสารมากับยานพาหนะ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ของประเทศ/พื้นที่ต้นทางที่เป็น จุดเทียบท่า ครั้งสุดท้าย (Last port) ประกอบกับให้มีผลการตรวจวัดไข้ประจำวัน ๒) ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ผู้เดินทาง ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ของประเทศ/พื้นที่ต้นทาง ที่เป็นจุดเทียบท่าครั้งสุดท้าย (Last port) ก่อนออกเดินทาง (Exit screening) โรงพยาบาล คู่ปฏิบัติการ และ การประเมินความพร้อมของ ผู้เดินทางก่อนเดินทางตาม มาตรการที่กำหนด - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ คณะทำงานประจำช่องทางเข้าออก ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำกับติดตามการ ตรวจสอบเอกสารและการเข้ารับ การกักกัน รวมทั้งตรวจสอบและ ประเมินผลการใช้ระบบติดตาม หรือแอปพลิเคชันให้เป็นไปตาม มาตรการที่ทางราชการกำหนด - กระทรวงสาธารณสุขออกคู่มือ หลักเกณฑ์ หรือแนวทางเกี่ยวกับ สถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับ การกักกัน และ การตรวจหาเชื้อ โรคโควิด - 19 สำหรับผู้เดินทาง ตลอดจนกำกับติดตามการคัดกรอง อาการป่วย การตรวจหาเชื้อ โรค โควิด - 19 และการประเมินผลการ ปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันโรค - กระทรวงพลังงาน (โดย กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ) ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์มาตรการเมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร ๑) ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจ และวัดไข้ผู้เดินทาง ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (Entry screening) ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคม (โดยกรมเจ้าท่า) และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกำหนด ๒) ให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคม (โดยกรมเจ้าท่า) และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกำหนด ๓) ให้ใช้ระบบติดตามหรือแอปพลิเคชันตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อเฝ้าระวังหรือติดตามอาการ ระหว่างที่เข้ารับการกักกันหรือระหว่าง การปฏิบัติภารกิจ ๔) ให้เจ้าของยานพาหนะ ผู้รับสัมปทาน คู่สัญญากับเอกชนผู้รับสัมปทาน หรือคู่สัญญาช่วง มีหน้าที่ในการ กำกับดูแลให้ผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือแรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ เฝ้าระวังอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ก่อนเข้าปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง รวมทั้งให้กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ในพื้นที่เฉพาะระหว่างยานพาหนะกับสถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล หรือสิ่งปลูกสร้างในทะเล ๕) กรณียานพาหนะที่ไม่มีบุคคลภายนอก (ยกเว้นพนักงานเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรของโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ) ขึ้นไปบนยานพาหนะตลอด ระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจ และผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือแรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ ไม่ได้ลงจากเรือ หรือจอดเทียบท่า ให้เจ้าของยานพาหนะ ผู้รับสัมปทาน คู่สัญญากับเอกชนผู้รับสัมปทาน หรือคู่สัญญาช่วง ของยานพาหนะดังกล่าว ต้องมีหนังสือ ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่มีการรับบุคคลภายนอกขึ้นไปบนยานพาหนะตลอดระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจ จึงสามารถดำเนินการ เข้าปฏิบัติภารกิจในราชอาณาจักรทางน้ำหรือพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียม หรือ กรณียานพาหนะที่คาดว่ามีบุคคลภายนอก (ยกเว้นพนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือบุคลากรของโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ) ขึ้นไปบนยานพาหนะในเวลาหนึ่งเวลาใดระหว่างห้วงเวลาการปฏิบัติ ภารกิจ หรือภายหลังการปฏิบัติภารกิจ ที่อาจมีการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลภายนอก ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT – PCR ทันที จำนวน ๑ ครั้ง เมื่อผลการตรวจหาเชื้อยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด - 19 และไม่มีอาการทางเดินหายใจ จึงให้ดำเนินการเข้าปฏิบัติภารกิจ ในราชอาณาจักรทางน้ำหรือพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียม รวมทั้ง อนุญาตให้รับบุคคลภายนอกขึ้นไปบนยานพาหนะเพื่อปฏิบัติภารกิจต่อไป ทั้งนี้ต้องมี มาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงสาธารณสุข และทางราชการกำหนด - ๓ - มาตรการป้องกันโรค หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ๖) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการที่ผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือ ต้องเข้ารับการกักกัน ให้เจ้าของยานพาหนะ ผู้รับสัมปทาน คู่สัญญากับเอกชนผู้รับสัมปทาน หรือคู่สัญญาช่วง เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ๗) กรณีที่พบว่าผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือแรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาห นะ ติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรคโควิด - 19 ให้เจ้าของยานพาหนะ ผู้รับสัมปทาน คู่สัญญากับเอกชนผู้รับสัมปทาน หรือคู่สัญญาช่วง เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยดำเนินการ ดังนี้ ๗.๑) หากประสงค์จะนำบุคคลที่ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ โรคโควิด - 19 ขึ้นมารักษาพยาบาลบนฝั่ง ให้ดำเนินการขออนุญาตต่อคณะกรรมการ โรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อนำผู้ติดเชื้อโรคโควิด - 19 ดังกล่าวไปดูแลรักษาภายใต้ การดำเนินการของโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ และให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ เจ้าพนักงานโรคติดต่อ ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อย่างเคร่งครัด สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดต้องได้รับการกักตัวบนเรือเป็นเวลาอย่างน้อย ๑๔ วัน โดยต้องได้รับการตรวจโดยวิธี RT – PCR ในวันที่ ๑ วันที่ ๖ – ๗ และวันที่ ๑๒ – ๑๓ ตามลำดับ นับจากวันที่ตรวจพบ ผู้ติดเชื้อโรคโควิด - 19 ๗.๒) หากไม่ประสงค์จะนำบุคคลที่ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ โรคโควิด - 19 ขึ้นมารักษาพยาบาลบนฝั่ง ให้ยานพาหนะจอดลอยลำอยู่ณ จุดกักกันโรค ตามที่กระทรวงคมนาคม (โดยกรมเจ้าท่า) และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกำหนด โดยแยกกักผู้ติดเชื้อบนเรือ และ กักกันผู้สัมผัสใกล้ชิดเป็นเวลาอย่างน้อย ๑๔ วัน และต้องได้รับการตรวจโดยวิธี RT – PCR ในวันที่ ๑ วันที่ ๖ – ๗ และวันที่ ๑๒ – ๑๓ ตามลำดับ นับจากวันที่ตรวจพบ ผู้ติดเชื้อโรคโควิด - 19 ให้ทุกคนบนยานพาหนะ ที่เหลือเข้ารับการกักกันบนเรือและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่ทางราชการกำหนด ๘) ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องมีการปฏิบัติภารกิจร่วมกันระหว่างบุคคลบนยานพาหนะกับบุคคลที่เดินทางมาจากฝั่ง ให้ผู้รับสัมปทาน ผู้รับจ้างเหมา หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้รับสัมปทาน กำกับดูแลการปฏิบัติภารกิจของบุคคลต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และ คำแนะนำด้านสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติภารกิจ ทั้งนี้หากเป็นไปได้ ให้พิจารณาแบ่งพื้นที่การทำงาน ระหว่างกัน เพื่อลดการสัมผัสและโอกาสเสี่ยงของการติดเชื้อโรคโควิด - 19 ๙) สำหรับกรณีที่ผู้ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะ หรือแรงงานซึ่งเดินทางมากับยานพาหนะ ประสงค์ลงจากเรือเพื่อมาขึ้นฝั่ง ภายหลังเสร็จจากการปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการปิโตรเลียมหรือ ภารกิจอื่นใดบนยานพาหนะ สถานที่ผลิตปิโตรเลียมในทะเล หรือสิ่งปลูกสร้างในทะเล ให้ เจ้าของยานพาหนะ ผู้รับสัมปทาน คู่สัญญากับเอกชนผู้รับสัมปทาน หรือคู่สัญญาช่วง ดำเนินการให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์การ ลดลูกเรือ ซึ่งกระทรวงคมนาคม (โดยกรมเจ้าท่า) กำหนด และดำเนินการตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคตามที่กระทรวง สาธารณสุข และทางราชการกำหนด ของชาติทางทะเล ดำเนินการกำกับ ติดตาม และควบคุมดูแลการ ดำเนินการของ ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ประจำ ยานพาหนะ หรือแรงงานซึ่งเดินทางมากับ ยานพาหนะ รวมถึงเจ้าของเรือ ผู้รับสัมปทาน คู่สัญญากับเอกชน ผู้รับสัมปทาน หรือคู่สัญญาช่วง และนิติบุคคลหรือบุคคลอื่นใด ที่เกี่ยวข้องกับกิจการปิโตรเลียม ภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ให้เป็นไปตามมาตรการด้าน สาธารณสุขในการป้องกันและ ควบคุมโรค - หน่วยงานที่รัฐผู้รับผิดชอบในการ อนุมัติอนุญาต หรือกำกับดูแลการ ปฏิบัติภารกิจ ของยานพาหนะ ร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษา ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ดำเนินการกำกับติดตาม และ ควบคุมดูแลการดำเนินการของ ควบคุมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ ประจำยานพาหนะ ผู้โดยสาร หรือ บุคคลอื่นใดบนยานพาหนะ ให้เป็นไปตามมาตรการด้าน สาธารณสุขในการป้องกันและ ควบคุมโรค มาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร - ให้ตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT-PCR กรณีประเทศ/พื้นที่ปลายทางกำหนด โดยให้ผู้เดินทางหรือหน่วยงานต้นสังกัดของผู้เดินทาง เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย - สำหรับบุคคลที่เดินทางกลับ ขึ้นฝั่งภายหลังเสร็จภารกิจและมีกำหนดเดินทางโดยอากาศยานเพื่อออกนอกราชอาณาจักร ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ กระทรวงคมนาคม (โดยกรมเจ้าท่า) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขกำหนด เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๒๐๐ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:122733", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด - ๑๙) ที่ ๑๒/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๓)", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/200/T_0006.PDF", "year": null }
nonweb_114885
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด - ๑๙) ที่ ๒/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ 2/๒๕๖ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นคราวที่ ๙ จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น เพื่อให้การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ตามแนวทางการจัดเข ตพื้นที่สถานการณ์ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ (๒) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 โดยคำแนะนำของ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข และศูนย์บริหำ รสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกำหนด ฯ สำหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนด เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่งนี้ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. ๒๕ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 หน้า ๔๙ บัญชีรายชื่อจังหวัดที่กำ หนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ที่ ๒/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ----------------------- พื้นที่ควบคุม ๑. จังหวัดกาญจนบุรี ๒. จังหวัดจันทบุรี ๓. จังหวัดฉะเชิงเทรา ๔. จังหวัดชลบุรี ๕. จังหวัดตราด ๖. จังหวัดตาก ๗. จังหวัดนครนายก ๘. จังหวัดนครปฐม ๙. จังหวัดปราจีนบุรี ๑๐. จังหวัดเพชรบุรี ๑๑. จังหวัดระยอง ๑๒. จังหวัดราชบุรี ๑๓. จังหวัดลพบุรี ๑๔. จังหวัดสมุทรสงคราม ๑๕. จังหวัดสระแก้ว ๑๖. จังหวัดสระบุรี ๑๗. จังหวัดสิงห์บุรี ๑๘. จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๙. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒๐. จังหวัดอ่างทอง รวมทั้งสิ้น ๒๐ จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง ๑. จังหวัดกำแพงเพชร ๒. จังหวัดชัยนาท ๓. จังหวัดชัยภูมิ ๔. จังหวัดชุมพร ๕. จังหวัดนครราชสีมา ๖. จังหวัดนครสวรรค์ ๗. จังหวัดนราธิวาส - ๒ - ๘. จังหวัดบุรีรัมย์ ๙. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๑๐. จังหวัดพังงา ๑๑. จังหวัดเพชรบูรณ์ ๑๒. จังหวัดยะลา ๑๓. จังหวัดระนอง ๑๔. จังหวัดสงขลา ๑๕. จังหวัดสุโขทัย ๑๖. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑๗. จังหวัดอุทัยธานี รวมทั้งสิ้น ๑๗ จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวัง ๑. จังหวัดกระบี่ ๒. จังหวัดกาฬสินธุ์ ๓. จังหวัดขอนแก่น ๔. จังหวัดเชียงราย ๕. จังหวัดเชียงใหม่ ๖. จังหวัดตรัง ๗. จังหวัดนครพนม ๘. จังหวัดนครศรีธรรมราช ๙. จังหวัดน่าน ๑๐. จังหวัดบึงกาฬ ๑๑. จังหวัดปัตตานี ๑๒. จังหวัดพะเยา ๑๓. จังหวัดพัทลุง ๑๔. จังหวัดพิจิตร ๑๕. จังหวัดพิษณุโลก ๑๖. จังหวัดแพร่ ๑๗. จังหวัดภูเก็ต ๑๘. จังหวัดมหาสารคาม ๑๙. จังหวัดมุกดาหาร ๒๐. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๒๑. จังหวัดยโสธร ๒๒. จังหวัดร้อยเอ็ด - ๓ - ๒๓. จังหวัดลำปาง ๒๔. จังหวัดลำพูน ๒๕. จังหวัดเลย ๒๖. จังหวัดศรีสะเกษ ๒๗. จังหวัดสกลนคร ๒๘. จังหวัดสตูล ๒๙. จังหวัดสุรินทร์ ๓๐. จังหวัดหนองคาย ๓๑. จังหวัดหนองบัวลำภู ๓๒. จังหวัดอำนาจเจริญ ๓๓. จังหวัดอุดรธานี ๓๔. จังหวัดอุตรดิตถ์ ๓๕. จังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งสิ้น ๓๕ จังหวัด ----------------------- เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๒๒ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๔๙
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:114886", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด - ๑๙) ที่ ๒/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/022/T_0049.PDF", "year": null }
nonweb_82006
กระทู้ถามที่ ๒๖๒ ร. เรื่อง การปรับผิวจราจรทางหลวงชนบทหมายเลข สน. ๒๐๑๘ ให้เป็นผิวลาดยางตลอดสาย ของ นายจุมพฏ บุญใหญ่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทู้ถามที่ ๒๖๒ ร. สภาผู้แทนราษฎร ๒๔ เมษายน ๒๕๕๑ เรื่อง การปรับผิวจราจรทางหลวงชนบทหมายเลข สน. ๒๐๑๘ ให้เป็นผิวลาดยางตลอดสาย กราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ข้าพเจ้าขอตั้งกระทู้ถาม ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดังต่อไปนี้ ทางหลวงชนบทหมายเลข สน. ๒๐๑๘ แยกทางหลวงหมายเลข ๒๒ (กม. ๑๒๕ +๙๐๐) เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง ๑๐ หมู่บ้าน ในตำบลไร่ตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณนานิคม ตำบลแร่ ตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนครระยะทางตลอดสาย ๒๑,๖๓๒ กิโลเมตร สภาพ ผิวจราจรยังเป็นลูกรัง ๓,๓๐๙ กิโลเมตร ส่วนช่วงระยะทางที่ผิวจราจรเป็นทางลาดยางก็แตกร้าว เป็นหลุม เป็นบ่อ ชำรุดเสียหายมาก ประกอบกับเส้นทางดังกล่าวประชาชนใช้ขนสินค้าทางการเกษตร ออกสู่ตลาด เพราะไม่สามารถใช้เส้นทางเลียบคลองของเขื่อนน้ำอูนได้ เป็นเหตุให้ประชาชนผู้ใช้ถนน เพื่อนำสินค้าทางการเกษตรออกสู่ตลาด หรือใช้สัญจรไปมาในระหว่างสองอำเภอดังกล่าวได้รับ ความเดือดร้อนมาก จึงขอเรียนถามว่า ๑. กระทรวงคมนาคมได้เคยมีการสำรวจวางแผนงานเพื่อปรับผิวจราจรทางหลวงชนบท สายดังกล่าวให้เป็นผิวลาดยางตลอดสายหรือไม่ขอทราบรายละเอียด ๒. งบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ รัฐบาลจะจัดงบประมาณเพื่อปรับผิวจราจรเป็น ผิวลาดยางจนตลอดสายได้หรือไม่ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเหตุใด ๓. หากรัฐบาลสามารถจัดงบประมาณปรับผิวจราจรเป็นทางลาดยางได้จะซ่อมแซมผิวจราจร ลาดยางในส่วนที่ชำรุดเสียหายไปในคราวเดียวกันได้หรือไม่ และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อใด ขอทราบรายละเอียด ขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง จุมพฏ บุญใหญ่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชาชน จังหวัดสกลนคร คำตอบกระทู้ถามที่ ๒๖๒ ร. ของ นายจุมพฏ บุญใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนคร พรรคพลังประชาชน เรื่อง การปรับผิวจราจรทางหลวงชนบทหมายเลข สน. ๒๐๑๘ ให้เป็นถนนผิวลาดยางตลอดสาย ข้าพเจ้า นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขอตอบกระทู้ถามของท่าน สมาชิกผู้มีเกียรติ เรื่อง การปรับผิวจราจรทางหลวงชนบทหมายเลข สน. ๒๐๑๘ ให้เป็นถนนผิวลาดยาง ตลอดสาย ดังนี้ ๑. กระทรวงคมนาคมโดยกรมทางหลวงชนบท มีนโยบายที่จะยกระดับมาตรฐานทางหลวง ชนบทในความรับผิดชอบทุกสายทั่วประเทศให้เป็นผิวจราจรลาดยางตลอดทั้งสาย ซึ่งรวมถึงถนนสาย สน. ๒๐๑๘ ด้วย โดยจะทยอยดำเนินการตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนและกำลังเงินงบประมาณ ประจำปีที่ได้รับจัดสรร เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านงบประมาณ ๒. ตามแผนงานของกรมทางหลวงชนบทได้กำหนดที่จะดำเนินการยกระดับมาตรฐานทางสาย สน. ๒๐๑๘ ให้เป็นผิวจราจรลาดยางตลอดสายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทจัดทำโครงการยกระดับมาตรฐาน ทางหลวงชนบท (ถนนปลอดฝุ๋น) ซึ่งเป็นโครงการลาดยางทางหลวงชนบทในความรับผิดชอบ ทั่วประเทศที่ยังเป็นผิวจราจรลูกรังระยะทางประมาณ ๗,๐๐๐ กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จภายใน ๒ ปี โดยจัดหางบประมาณจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ หากโครงการได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการ การก่อสร้างผิวจราจรลาดยางถนนสายดังกล่าว ก็จะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วกว่าแผนงานที่ได้ กำหนดไว้ตามที่กล่าวข้างต้น ๓. การซ่อมแซมผิวจราจรลาดยางส่วนที่ชำรุดเสียหาย ไม่ควรจะต้องรอดำเนินการในคราว เดียวกับการก่อสร้างผิวจราจรลาดยาง เนื่องจากการซ่อมแซมผิวจราจรลาดยางจะต้องดำเนินการ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยพิจารณาถึงสภาพความเสียหายของผิวจราจรลาดยางและโครงสร้าง คันทางตามหลักเกณฑ์การบำรุงรักษาทางสำหรับการซ่อมแซมผิวจราจรลาดยางถนนสาย สน . ๒๐๑๘ กรมทางหลวงชนบทจะได้ตรวจสอบสภาพความเสียหายและดำเนินการตามหลักเกณฑ์การบำรุงรักษาทาง หากปรากฏว่าถึงระยะเวลาที่จะต้องซ่อมแซมหรือมีความเสียหายมากจำเป็นต้องซ่อมแซมโดยด่วน จะได้บรรจุเข้าแผนงานบำรุงรักษาทางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ต่อไป เล่ม: ๑๒๕ หมวด: ๑๘๕ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หน้า: ๔๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:82007", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "กระทู้ถามที่ ๒๖๒ ร. เรื่อง การปรับผิวจราจรทางหลวงชนบทหมายเลข สน. ๒๐๑๘ ให้เป็นผิวลาดยางตลอดสาย ของ นายจุมพฏ บุญใหญ่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/185/46.PDF", "year": null }
nonweb_95291
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม จังหวัดสระบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อกำหนด เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม จังหวัดสระบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ (๑) และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ คณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระบุรี จึงได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดทำแผนผังโครงการ และวิธีการในการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการ จัดสรรที่ดินกลาง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อกำหนดนี้เรียกว่า “ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม จังหวัดสระบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ข้อกำหนดนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความใน (๑) ของ ๑๓.๖ ของข้อ ๑๓ แห่งข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๑) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในของท่อระบายน้ำขนาดเล็กสุดไม่ต่ำกว่า ๖๐ เซนติเมตร ยกเว้นถนนสายรองที่ปลายตันมีความยาวไม่เกิน ๑๐๐ เมตร ให้ใช้ท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ไม่ต่ำกว่า ๔๐ เซนติเมตรได้หรือในกรณีระบบการระบายน้ำเสียแยกจากระบบระบายน้ำฝน” ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความใน ๑๔.๒ ของข้อ ๑๔ แห่งข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “๑๔.๒ ระบบบำบัดน้ำเสีย จะเป็นประเภทระบบบำบัดน้ำเสียอิสระเฉพาะที่ดินแต่ละแปลงย่อย หรือประเภทระบบบำบัดกลางที่รวมน้ำเสียมาบำบัดเป็นจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้ในที่ดินแต่ละแปลง และแต่ละระบบเหล่านั้น จะใช้วิธีหรือขบวนการบำบัดแบบใด วิธีใด ให้แสดงให้ปรากฏในแผนผัง และรายการคำนวณทางวิชาการ ที่ตรวจสอบรับรองจากวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ หากเป็นประเภทระบบบำบัดน้ำเสียอิสระ กำหนดให้มีการติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน ที่มีขนาดความจุ ตั้งแต่ ๑,๖๐๐ ลิตร ในที่ดินแต่ละแปลง” ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน ๒๑.๒ ของข้อ ๒๑ แห่งข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “๒๑.๒ ให้จัดทำทางเดินและทางเท้ายกระดับ ขอบทางเดินและทางเท้าต้องเป็นคันหิน สูงระหว่าง ๐.๑๒ ถึง ๐.๑๕ เมตร เพื่อประโยชน์ในการสัญจรหรือความปลอดภัย จุดที่เป็น ทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยให้ลดคันหินลง โดยทำเป็นทางลาดให้รถยนต์เข้าออกได้ทางเดินและทางเท้า ส่วนที่เป็นทางเข้าออกนี้ ให้ทำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แอสฟัลต์ติกคอนกรีต คอนกรีตเสริมเหล็ก ลาดด้วยแอสฟัลต์ หรือปูทับด้วยวัสดุอื่น หรือลาดยางแอสฟัลต์รองด้วยชั้นวัสดุพื้นทางที่มีความหนา และบดอัดจนมีความแน่น ตามมาตรฐานที่หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนด ยกเว้นถนนด้านที่ใช้เป็น ทางเข้าออกสู่ที่ดินแปลงย่อยประเภทบ้านแฝด หรือบ้านแถว จะไม่ทำเป็นทางเท้ายกระดับก็ได้” ให้ไว้ณ วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ วิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ประธานกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดสระบุรี เล่ม: ๑๓๓ หมวด: ๖๔ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หน้า: ๕๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:95292", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม จังหวัดสระบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/064/50.PDF", "year": null }
nonweb_89602
ระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมฝ่ายส่งเสริมจริยธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ ระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมฝ่ายส่งเสริมจริยธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยที่เป็นการสมควรให้มีการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วย คณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมฝ่ายส่งเสริมจริยธรรม ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๗ และมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๓ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยคณะอนุกรรมการ ตุลาการศาลยุติธรรมฝ่ายส่งเสริมจริยธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๗) ในข้อ ๑๓ แห่งระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมฝ่ายส่งเสริมจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๕๕ “(๗) ให้คำแนะนำแก่ข้าราชการตุลาการที่มีข้อสังเกตในการปฏิบัติราชการ และติดตามประเมินผล เพื่อรายงานต่อ ก.ต.” ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา ประธานกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เล่ม: ๑๓๑ หมวด: ๔๓ ก ประกาศ ณ: ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ หน้า: ๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:89603", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมฝ่ายส่งเสริมจริยธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/A/043/1.PDF", "year": null }
nonweb_108167
ประกาศศาลจังหวัดสว่างแดนดิน เรื่อง สาบสูญ [นายสมคิด แสงนิล] ประกาศศาลจังหวัดสว่างแดนดิน เรื่อง สาบสูญ คดีแพ่งหมายเลขดำที่พ. ๙๘๖/๒๕๖๑ คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๒๗๗/๒๕๖๑ ด้วย คดีระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และบังคับคดีจังหวัดสกลนคร (สาขาสว่างแดนดิน) ผู้ร้อง เรื่อง สาบสูญ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า นายสมคิด แสงนิล เป็นคนสาบสูญ ศาลไต่สวนแล้วได้ความว่า นายสมคิด แสงนิล ไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ชัดว่านายสมคิดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านไป ถึงวันที่ผู้ร้องมายื่นคำร้อง เกินกว่า ๕ ปีแล้ว จึงมีคำสั่งว่า นายสมคิด แสงนิล เป็นคนสาบสูญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๑ วรรคหนึ่ง ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ศุภราช ภูมิพงศ์ ผู้พิพากษา เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๕ ง ประกาศ ณ: ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๒๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:108168", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศศาลจังหวัดสว่างแดนดิน เรื่อง สาบสูญ [นายสมคิด แสงนิล]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/D/005/T_0023.PDF", "year": null }
nonweb_137773
คำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 57/2565 เรื่อง ยกเลิกการห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท โซล-เอ็น เทค จำกัด คำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ ๕๗/๒๕๖๕ เรื่อง ยกเลิกการห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท โซล-เอ็น เทค จำกัด ตามที่คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการได้ใช้อำนาจตามมาตรา ๒๙/๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกคำสั่งที่ ๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง ห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC เป็นการชั่วคราว อันเนื่องมาจากปัจจุบันสถานการณ์ แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (Covid-19) ในประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจได้นำเข้า ผลิต หรือจำหน่ายสินค้าที่มีลักษณะเป็นโคมไฟฆ่าเชื้อโรคแบบพกพา กระเป๋าฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์ เครื่องดูด กำจัดไรฝุ่นด้วยรังสียูวี หรืออุปกรณ์ฆ่าเชื้อแบบพกพาในรูปแบบต่าง ๆ จำหน่ายให้กับผู้บริโภค เพื่อใช้ภายในบ้านเรือนหรืออาคารทั่วไป โดยอ้างสรรพคุณฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไรฝุ่น ป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19 ซึ่งจากข้อมูลที่สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และราชวิทยาลัย จักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลของโทษของการใช้รังสี UVC ว่าหากมีการใช้รังสี UVC ในระบบเปิดหรือผู้บริโภคได้สัมผัส/กระทบรังสี UVC โดยตรง อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และเป็นอันตรายต่อดวงตาทำให้เกิดต้อกระจก ตำอักเสบ หรือจอประสาทตาเสื่อมก่อนวัยอันควร ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ และให้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งประสงค์จะขายหรือผลิต สั่งหรือนาเข้ามา ในราชอาณาจักรเพื่อขายสินค้า หรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภคเพื่อจัดให้มีการทดสอบหรือพิสูจน์ว่าสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ดังกล่าวไม่เป็นอันตราย ต่อผู้บริโภค นั้น บัดนี้บริษัท โซล-เอ็น เทค จำกัด ได้ติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อจัดให้มีการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC จำนวน ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. ประเภทตู้ฆ่าเชื้อโรคสำหรับอุปกรณ์ UV Care 254 ยี่ห้อ โซล-เอ็น รุ่น UV-B10 ๒. ประเภทตู้ฆ่าเชื้อโรคสำหรับอุปกรณ์ UV Care 254 ยี่ห้อ โซล-เอ็น รุ่น UV-FX4 ผลการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าประเภทดังกล่าว ปรากฏว่า การทดสอบขีดจำกัดอันตราย อันเนื่องมาจากการแผ่รังสีอุลตราไวโอเลตจากการเปิดรับแสงที่เกิดจากตำและผิวหนัง ความยาวคลื่น การแผ่รังสีและการทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C ผลการทดสอบเป็นไปตามเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ อาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๙/๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประธานกรรมการ ว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ โดยมติคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ หน้า ๔๘ ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ จึงมีคำสั่งให้แก้ไขคำสั่ง คณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ ๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง ห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC เป็นการชั่วคราว โดยให้ยกเลิกการห้ามขายสินค้า หรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท โซล-เอ็น เทค จำกัด จำนวน ๒ ประเภท คือ (๑) ประเภท ตู้ฆ่าเชื้อโรคสำหรับอุปกรณ์ UV Care 254 ยี่ห้อ โซล-เอ็น รุ่น UV-B10 และ (๒) ประเภท ตู้ฆ่าเชื้อโรคสำหรับอุปกรณ์ UV Care 254 ยี่ห้อ โซล-เอ็น รุ่น UV-FX4 ที่ขาย ผลิต สั่ง หรือนาเข้ามา ในราชอาณาจักรเพื่อขายตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้เป็นต้นไป ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖ ทวี เกศิสำอาง ประธานกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ เล่ม: 140 หมวด: 12 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 18/01/2023 หน้า: 48
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:137774", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 57/2565 เรื่อง ยกเลิกการห้ามขายสินค้าหรืออุปกรณ์ที่มีรังสี UVC ของบริษัท โซล-เอ็น เทค จำกัด", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D012S0000000004802.pdf", "year": null }
nonweb_111754
ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดสถานที่เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดสถานที่เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออกประกาศกำหนดให้สถานที่ของราชการ เป็นสถานที่เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด โดยวิธีการไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวอย่างเข้มงวด ตามมาตรา ๒๓ วรรคสาม (๒) เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ เพิ่มเติมอีก ๑ แห่ง ได้แก่กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๒๑ รักษาพระองค์ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๗๖ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๑๗
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:111755", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดสถานที่เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/076/T_0017.PDF", "year": null }
nonweb_117742
ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ โดยที่พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนดให้มีแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเพื่อกำหนดกรอบและทิศทางการบริหารงานภาครัฐและการจัดทำ บริการสาธารณะในรูปแบบของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศ มีการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกัน ระหว่างหน่วยงานของรัฐ และมีกรอบการพัฒนาและแผนการดำเนินงานของประเทศ โดยให้ คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลจัดทำแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารงาน และการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จึงออกประกาศเรื่องแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แผนพัฒนา รัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ตามที่แนบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๔ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ และต้องจัดทำหรือปรับปรุงแผนปฏิบัติการหรือแผนงานของหน่วยงานของรัฐ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล พร้อมทั้งส่งแผนปฏิบัติการหรือแผนงานดังกล่าวให้สำนักงาน พัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ทราบด้วย ข้อ ๕ ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ดำเนินการประสานงาน แนะนำ และให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานของรัฐในการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ประกาศ ณ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หน้า ๓๒ 2แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของปรัะเทัศไทัย พั.ศ 2563-2565 ฉบับัประกาศราชกิจจานุเบักษา จัดพิมพิ์และเผยแพิร่โดย สำานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การัมหาชน) (สำพัรั.) ชั้�น 17 อาคาร่บางกอกไทยทาวเวอร่์ เลขท่ � 108 ถนนร่างนำ �า แขวงถนนพิญาไท เขตร่ำชั้เทว่กรุ่งเทพิฯ 10400 โทร่ศัพิท์: 0 2612 6000 โทร่สาร่: 0 2612 6011, 0 2612 6012 อ่เมล: [email protected] 3 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)แผนุพัฒนุารัฐบัาลดิจิทัล ของประเทัศไทัย พั.ศ. 2563-2565 ฉบับัประกาศราชกิจจานุเบักษา สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 4 ในภาวะปัจจุบัน แรงขับัเคลื่�อนการ เปัลื่�ยนแปัลื่งทางเศรษฐกิจแลื่ะสังคม (Driving Force) สั่งผลื่ให้การดำาเนินงานภาครัฐขัอง ปัระเทศไทยม่ความจำาเปั็นท่�จะต้องม่การปัรับัตั้วเพื่�อ รองรับักับัยุคขัองการเปัลื่�ยนผ่านทางด้ำานเทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่ (Digital Disruption) ท่�เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่เขั้ามา ม่บัทบัาท แลื่ะทดำแทนการทำางานขัองบัุคคลื่รวมถึง เทคโนโลื่ย่แบับัดาั�งเดาิม ซึ่�งม่ความสัอดำคลื้องกับั การเปัลื่�ยนพื่ฤติ้กรรมการบัริโภค แลื่ะการรับับัริการ ขัองปัระชาชนท่�ม่แนวโน้มจะเปัลื่�ยนไปัดำาเนินธุรกรรม ต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่เพืิ่�มขัึ�นอย่างก้าวกระโดำดำ การเปัลื่�ยนแปัลื่งพื่ฤติ้กรรมทางเศรษฐกิจ แลื่ะสังคม ดำังท่�ได้ำกลื่าวมาน่�ได้ำถึูกเร่งรัดำ (Catalyst) การเปัลื่�ยนแปัลื่งยิ�งขัึ�นไปัเม่�อเกิดำสัถึานการณ์การ ระบัาดำขัองโรค Covid-19 ในช่วงปัลื่ายปัี 2562 มาจนถึงปัจจุบันท่�ทำาให้เกิดำปัรากฏการณ์ทางสังคม ท่�เร่ยกว่า “ความปักติ้ให้ม่” ห้ร่อ New Normal ท่�ปัระชาชนจะต้องเว้นระยะห่างแลื่ะห้ลื่กเลื่�ยงการ เผชิญห้นำ ทำาให้ความจำาเปั็น (Demand) ขัอง เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่เพืิ่�มขัึ�นกว่าช่วงก่อนห้นำท่�จะเกิดำ การระบัาดำขัองโรค จากสัถึานการณ์ น่� ทำาให้ห้น่วย งานภาครัฐท่�ม่ห้นำท่�ในการให้บัริการปัระชาชนจะ ต้องเร่งรัดำการปัรับัเปัลื่�ยนรูปัแบับัแลื่ะวิธุ่การให้ บัริการจากการให้บัริการโดำยต้รงกับัปัระชาชน ต้อง เปัลื่�ยนมาให้บัริการผ่านช่องทางดำิจิทัลื่มากยิ�งขัึ�น ซึ่�ง การจะดำาเนินการให้บัริการภาครัฐสัามารถึให้บัริการ ผ่านช่องทางดำิจิทัลื่อย่างเต็้มรูปัแบับัได้ำนั�น ห้น่วย งานภาครัฐจำาเปั็นท่�จะต้องดำาเนินมาต้รการต่าง ๆ เช่น การปัรับัเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ภาครัฐให้เปั็นดำิจิทัลื่ (Digitization) การบัูรณ์าการบัริการแลื่ะขั้อมูลื่ ภาครัฐ เพื่�อท่�จะให้ห้น่วยงานภาครัฐสัามารถึให้บัริการ ผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ได้ำอย่างเบั็ดำเสัร็จแลื่ะไร้รอยต่อ (Seamless) นอกจากการให้บัริการต่อปัระชาชนแลื้วนั�นสัถึานการณ์ ขัองการระบัาดำขัองโรค Covid-19 ทำาให้ ห้น่วยงานภาครัฐขัองไทยจาเปั็นท่�จะต้องปัรับัรูปัแบับั วิธุ่การทำางาน เช่น การลื่ดำจำานวนบัุคลื่ากรท่�จะต้อง ทำางานท่�สัำานักงาน ห้ร่อการห้ลื่กเลื่�ยงการปัระชุม ณ์ สัถึานท่�ใดำท่�ห้นึ�งเปั็นการเฉพื่าะ ทำาให้ห้น่วยงาน ภาครัฐม่ความจำาเปั็นต้องนำาเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่มา ปัรับัใช้ในการทำางานขัองห้น่วยงานภาครัฐ เพื่�อให้การ ทำางานขัองห้น่วยงานภาครัฐม่ความสัะดำวกแลื่ะ คลื่องตั้วมากขัึ�น ในการปัรับัเปัลื่�ยนการให้บัริการ แลื่ะการ ทำางานขัองห้น่วยงานภาครัฐดำังท่�ได้ำกลื่าวมาน่� แสัดำง ให้เห็้นถึงปัรากฏการณ์ ขัองการเปัลื่�ยนรูปัแบับัการ ทำางาน (Digital Transformation) ขัองห้น่วยงาน ภาครัฐ เพื่�อให้สัอดำรับักับับัริบัททางเศรษฐกิจแลื่ะ สังคมท่�เปัลื่�ยนแปัลื่งไปัทั�งน่� รัฐบัาลื่ได้ำเลื็่งเห็้นความ สัำาคัญขัองการปัรับัเปัลื่�ยนรูปัแบับัการทำางานแลื่ะ การให้บัริการภาครัฐ จึงได้ำม่การกำาห้นดำให้สัำานักงาน พืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (องค์การมหำชน) ดำาเนินการ จัดำทำาแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ. 2563-2565 เพื่�อสันับัสันุนการปัรับัเปัลื่�ยน รูปัแบับัการทำางานแลื่ะการให้บัริการภาครัฐ ขัองปัระเทศไทย ซึ่�งเปั็นไปัต้ามเจต้นารมณ์ ขัอง พื่ระราชบัญญัติ้การบัริหำรงานแลื่ะการให้บัริการ ภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่พื่.ศ.2562 รวมไปัถึง แผนยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้แผนแม่บัทยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ แผนปัฏิรูปัปัระเทศ โดำยเฉพื่าะแผนการปัฏิรูปัปัระเทศ ว่าด้ำวยการบัริหำรราชการแผ่นดำิน ท่�ได้ำม่การปัรับั เปั้าห้มายในเร่�องขัองความปักติ้ให้ม่ในห้น่วยงาน ภาครัฐขัองปัระเทศไทย อ่กทั�ง แผนดำิจิทัลื่เพื่�อ เศรษฐกิจแลื่ะสังคมท่�มุ่งจะพืั่ฒนาให้ปัระเทศไทย ม่การเติ้บัโต้ทางด้ำานเศรษฐกิจดำิจิทัลื่จนนำาไปัสัู่ การพืั่ฒนาท่�ยั�งย่นบทสรุปผู้�บรุิหารุ 5 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) ซึ่�งจากการศึกษาทบัทวนการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่ขัองปัระเทศชั �นนำาท่�ได้ำรับัการยอมรับัในระดาับั นานาชาติ้การพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย แลื่ะการจัดาปัระชุมเชิงปัฏิบัติ้การร่วมกับัภาคสั่วน ท่�เก่�ยวขั้องทำาให้สัามารถึจัดาทำา แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ. 2563-2565 ซึ่�งม่วิสัย ทัศน์ “รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ เปัิดำเผย เช่�อมโยง แลื่ะร่วมกัน สัร้างบัริการท่�ม่คุณ์ค่าให้ปัระชาชน”แลื่ะได้ำม่การ กำาห้นดำยุทธุศาสัต้ร์สัำาห้รับัการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ภายใต้ แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ฯ ฉบับัน่� จำานวน 4 ยุทธุศาสัต้ร์ รวมกรอบังบัปัระมาณ์เบั่�องต้นสัำาห้รับั แผนดำังกลื่าว จำานวน 6,500 ลื้านบัาท ซึ่�งให้ความ สัำาคัญ ใน 6 ปัระเดา็น ได้ำแก่การศึกษา, สัุขัภาพื่แลื่ะ การแพื่ทย์, การเกษต้ร, ความเห้ลื่�อมลื่ำาทางสัิทธุิ สัวัสัดิำการปัระชาชน, การม่สั่วนร่วม โปัร่งใสั แลื่ะ ต้รวจสัอบัได้ำขัองปัระชาชน, การสั่งเสัริมวิสัาห้กิจ ขันาดากลื่างแลื่ะขันาดาย่อม (SME) ปัระกอบัด้ำวย ซึ่�งยุทธุศาสัต้ร์การพืั่ฒนารัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่ทั�ง 4 ยุทธุศาสัต้ร์ดำังท่�กลื่าวมาน่� มุ่งห้วังให้นำาไปัสัู่เปั้าห้มายขัองปัระเทศ ในด้ำาน “การลดความเหล่�อมลำาในการ เข้าถึงบริการและสวัสดิการข้องประชาชน การเพิ่�มขี้ดความสามาร ถึทางการแข่งขั้น ให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจข้นาดกลาง และข้นาดย่อมข้องไทย่การสร้างให้เกิด ความโปร่งใสในการทำางานข้องภาครัฐ ที�ประชาชนสามารถึตรวจสอบได้ และการ สร้างการมีส่วนร่วมข้องประชาชนในการ ขั้บเคล่�อนนโย่บาย่สาคัญข้องประเทศ” ยุ่ทธศาสตร์ที� 1 ย่กระดับคุณภาพิ่การให้ บริการแก่ประชาชนด้วย่เทคโนโลยี่ดิจิทัล ซึ่�งปัระกอบัไปัด้ำวย 4 มาต้รการ 7 แผนงาน 17 โครงการ ยุ่ทธศาสตร์ที� 2 อำานวย่ความสะดวกภาค ธุรกิจไทย่ด้วย่เทคโนโลยี่ดิจิทัล ซึ่�งปัระกอบั ไปัด้ำวย 5 มาต้รการ 6 แผนงาน 8 โครงการ ยุ่ทธศาสตร์ที� 3 ผู้ลักดันให้เกิดธรรมาภิบาล ข้อม้ลภาครัฐในทุกกระบวนการทำางาน ข้องภาครัฐ ซึ่�งปัระกอบัไปัด้ำวย 3 มาต้รการ 4 แผนงาน 11 โครงการ ยุ่ทธศาสต ร์ที� 4 พิั่ฒนากลไกการมีส่วน ร่วมข้องทุกภาคส่วน ร่วมขั้บเคล่�อนรัฐบาล ดิจิทัล ซึ่�งปัระกอบัไปัด้ำวย 3 มาต้รการ 3 แผนงาน 5 โครงการ ดังนั�น แผู้นพิั่ฒนารัฐบาลดิจิทัล ข้องประเทศไท ย่พิ่.ศ. 2563-2565 ฉ บับนี� จึงมี วัตถึุประสงค์ 5 ประการ ได้แก่ • เพื่�อบูรณาการการดำาเนินิงานิร่วมกันิระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชนิ และประชาชนิ • เพื่�อให้มีกรอบูการขับูเคล่�อนิกิจกรรม/ โครงการที่�ชัดำเจนิม่งสู่จ่ดำหมายเดาียวกันิ • เพื่�อกาหนิดำกรอบูการขับูเคล่�อนิการบูรณาการ รัฐบูาลดาิจิทีั่ลที่�สู่ำาคัญ สู่ำาหรับูกำาหนิดำประเดา็นิ แผนิบูรณาการประจำาปีงบูประมาณ • เพื่�อกาหนิดำห นิ่วยงานิหลักและห นิ่วยงานิรอง ในิการขับูเคล่�อนิประเดา็นิที่�เกี�ยวขั้อง พื่ร้อม กรอบูงบูประมาณในิการดำาเนินิงานิ • เพื่�อเป็นิกรอบูแนิวที่างให้หนิ่วยงานิภาครัฐ จัดำที่ำาแผนิการดำาเนินิงานิที่�สู่อดำคล้องกับู พื่ระราช บูัญญัติการบูริหารงา นิและการให้ บูริการภาครัฐผ่านิระบูบูดำิจิทีั่ล พื่.ศ. 2562 6สารุบัญ ที่�มาและความ สู่ำาคัญขัอง แผนิพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัองประเที่ศไที่ย ความสู่อดำคล้องเช่�อมโยงกับูนิโยบูาย และแผนิระดาับูชาติที่�เกี�ยวขั้อง วิเคราะห์สู่ถานิการณ์ขัองการพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ล การพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ขัองปัระเทศไทยแลื่ะต่างปัระเทศ ปัระเดา็นความท้าทายในการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ สู่าระสู่ำาคัญขัองแผนิพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัอง ประเที่ศไที่ย พื่.ศ. 2563-2565 เปั้าห้มายขัองแผนแลื่ะตั้วช่�วัดำความสัำาเร็จ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 1 ยกระดาับัคุณ์ภาพื่การให้บัริการแก่ ปัระชาชนด้ำวยเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 2 อำานวยความสัะดำวกภาคธุรกิจไทย ด้ำวยเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 3 ผลืั่กดำันให้เกิดำธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ ภาครัฐในทุกกระบัวนการทำางานขัองรัฐ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 4 พืั่ฒนากลื่ไกการม่สั่วนร่วมขัองทุก ภาคสั่วน ร่วมขับัเคลื่�อนรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่1 2 3 412 20 21 40 44 46 64 80 88 98 7 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)แนิวที่างการขับูเคล่�อนิแผนิพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ล นิยามอักษรย่อ บูรรณานิ่กรม ภาคผนวก ภาคผนวก 1 รายช่�อบัริการผ่านแพื่ลื่ต้ฟอร์มบัริการ ภาครัฐ (Common Platform) ภาคผนวก 2 รายชื่�อหน่วยงาน่ภาครัฐที่�จะต้อง ดำาเนิ่น่การเปิดำเผยข้อมูลภาครัฐผ่าน่ศูน่ย์ข้อมูลเปิดำ ภาครัฐและแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐ ผ่าน่ศูน่ย์กลาง แลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐ ภาคผนวก 3 คำาอธิบายตั้วชื่�วัดำรายยุที่ธิศูาสต้ร์ ภาคผนวก 4 รายการมูาต้รฐาน่หลักเกณฑ์ คู่มู่อ และกฎหมูายที่�เก่�ยวข้อง ภาคผนวก 5 คำาสั�งแต่งตั้�งคณะที่ำางาน่จัดาที่ำา (ร่าง) แผน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลข้องปิระเที่ศูไที่ย พั.ศู. 2563-2565104 5 6 7 8110 114 119 122 128 132 135 8 ท่�มาและความสำาคัญของ แผู้นพัฒนารุัฐบาลดิจิทัล ของปรุะเทศไทย พั.ศ. 2563-2565 1 9 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) ในปัจ จุบันกระแสัขัองการเปัลื่�ยนแปัลื่งจากเทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่ (Digital Disruption) ต่อการให้บัริการแลื่ะการดำาเนิน ธุรกรรมต่าง ๆ ม่ความสัำาคัญต่อการดำาเนินช่วิต้ขัองปัระชาชน แลื่ะการปัระกอบักิจการต่าง ๆ มากยิ�งขัึ�นอย่างก้าวกระโดำดำ ดำังจะเห็้นได้ำจากผลื่สัำารวจจำานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต้ในปัระเทศไทย ม่มากกว่า 47.5 ลื้านคน จากผลื่สัำารวจในปัี 2562 คิดำเปั็น ร้อยลื่ะ 71.5 ขัองปัระชากรทั �งห้มดำในปัระเทศไทย ซึ่�งสัอดำคลื้องกับั รายงานการจัดาทำาดำัชน่รัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ ขัององค์การ สัห้ปัระชาชาติ้ (UN e-Government Index) ในปัี 2563 ท่�ได้ำม่ การรายงานจานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต้บัรอดำแบันดำ์ผ่าน อุปักรณ์สั่�อสัารเคลื่�อนท่�อยู่ในระดาับัสัูง ซึ่�งทำาให้การดำาเนิน ธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลื่น์ การชำาระค่าสัินคำแลื่ะบัริการ การซึ่�อสัินคำแลื่ะบัริการ การสั�งอาหำร รวมถึงการรับับัริการจาก ภาครัฐม่สัดำสั่วนท่�เพืิ่�มมากขัึ�น การเปัลื่�ยนแปัลื่งทางด้ำานเศรษฐกิจแลื่ะสังคมดำังท่� กลื่าวมาน่� สั่งผลื่ให้ภาคสั่วนต่าง ๆ จะต้องม่การปัรับัตั้วให้ สัอดำรับักับัพื่ฤติ้กรรมขัองผู้รับับัริการท่�เปัลื่�ยนแปัลื่งไปัต้ลื่อดำจน การระบัาดำขัองโรคไวรัสั Covid-19 ท่�ทำาให้สังคมเขั้าสัู่ยุคขัอง ความปักติ้ให้ม่ (New Normal) ต้ามแผนการปัฏิรูปัปัระเทศ ด้ำานการบัริหำรราชการแผ่นดำินท่� จะต้องดำาเนินการให้สัอดำรับั กับัพื่ฤติ้กรรมขัองผู้คนจะต้องเว้นระยะห่าง แลื่ะลื่ดำการ สัมผัสัร่างกายระห้ว่างกัน ยิ�งทำาให้ความจำาเปั็นขัองการนำา เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่มาใช้งานสัำาห้รับัการให้บัริการเพืิ่�มมากขัึ�น โดำยเฉพื่าะอย่างยิ�งการให้บัริการภาครัฐ ซึ่�งท่�ผ่านมาผู้รับั บัริการมักจะต้องไปัรับับัริการยังสัถึานท่�ให้บัริการซึ่�งม่ความ แออัดำ ดำังจะเห็้นได้ำจากบัริการท่�สัำาคัญอย่างบัริการทาง ด้ำานสัุขัภาพื่ในสัถึานบัริการขัองภาครัฐท่�ม่ผู้เขั้ารับับัริการ จำานวนมาก แลื่ะจะต้องใช้เวลื่านานในการรอเขั้ารับับัริการ สั่งผลื่ให้ผู้รับับัริการเสั่ยเวลื่าในการปัระกอบัอาช่พื่อ่กทั�ง ยังม่ความเสั่�ยงท่�จะเกิดำการแพื่ร่ระบัาดำขัองโรคได้ำง่ายขัึ�น นอกจากผ ลื่กระทบัทางสังคมแลื่ะสัุขัภาพื่แลื้วนั�นผลื่กระทบั ทางเศรษฐกิจก็อยู่ในสัภาวะวิกฤต้ท่�ภาครัฐม่ความจำาเปั็น เร่งด่ำวนท่�จะต้องแก้ไขัปัญหำเศรษฐกิจขัองปัระเทศ โดำยเฉพื่าะ อย่างยิ�งการสั่งเสัริมการลื่งทุนแลื่ะการสันับัสันุนการปัระกอบัที่�มาและความสำาคัญของ (ร่าง) แผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 1 / การขัองวิสัาห้กิจขันาดากลื่างแลื่ะขันาดาย่อม ซึ่�งห้มายรวมไปัถึงผู้ ปัระกอบัการรายย่อย ห้ร่อผู้ปัระกอบัการอิสัระ ท่�ม่ความอ่อนไห้ว ต่อการเปัลื่�ยนแปัลื่งทางเศรษฐกิจสัูง โดำยจากรายงานความ ยาก-ง่ายในการปัระกอบักิจการในปัระเทศไทยขัองธุนาคารโลื่ก (Ease of Doing Businesses) ในปัี 2020 ซึ่�งพื่บัว่า ปัระเทศไทยยังต้องม่การปัรับัปัรุงในขั�นต้อนแลื่ะกระบัวนการ ในการปัระกอบักิจการต่าง ๆ เช่น การขัอใบัอนุญาต้ก่อสัร้าง การค้าชายแดำน การจดำทะเบั่ยนทรัพื่ย์สัิน เปั็นต้น ซึ่�งเทคโนโลื่ย่ แลื่ะนวัต้กรรมดิำจิทัลื่สัามารถึเขั้ามาช่วยอำานวยความสัะดำวก แลื่ะ ลื่ดำต้นทุนให้กับัผู้ปัระกอบัการ จะสัามารถึช่วยให้ภาพื่รวมขัอง การค้า แลื่ะการลื่งทุนขัองปัระเทศขัยายตั้วเพืิ่�มขัึ�นอ่กครั�ง สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) จากบัริบัทขัองการเปัลื่�ยนแปัลื่งทางเศรษฐกิจแลื่ะ สังคมท่�กลื่าวมาน่� ทำาให้ภาครัฐเลื็่งเห็้นความจำาเปั็นท่�จะต้อง ม่การปัรับัเปัลื่�ยนรูปัแบับัการให้ห้น่วยงานภาครัฐ ซึ่�งรวมทั�ง การให้บัริการแลื่ะกระบัวนการทำางานให้อยู่ในรูปัแบับัดิำจิทัลื่ (Digital Transformation) เพื่�อรองรับักับัพื่ฤติ้กรรมแลื่ะ สัถึานการณ์ในความต้องการรับับัริการผ่านช่องทางออนไลื่น์ ขัองปัระชาชนแลื่ะภาคธุรกิจมากยิ�งขัึ�น ซึ่�งการท่�จะทำาให้ การปัรับัเปัลื่�ยนรูปัแบับัน่�อย่างเปั็นรูปัธุรรม รัฐบัาลื่จึงได้ำม่ การต้ราพื่ระราชบัญญัติ้การบัริหำรงานแลื่ะการให้บัริการ ภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่พื่.ศ. 2562 ซึ่�งได้ำม่การกำาห้นดำให้ ม่การจัดำทำาแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย เพื่�อ รองรับัการดำาเนินการปัรับัเปัลื่�ยนกระบัวนการให้บัริการ แลื่ะการทำางานขัองภาครัฐให้สัอดำคลื้องกับัยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ แผนปัฏิรูปัปัระเทศ แผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจแลื่ะสังคม แห่งชาติ้ แลื่ะแผนดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐ กิจแลื่ะสังคม ด้ำวยเห้ตุ้น่� สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่จึงได้ำดำาเนินการ จัดำทำา แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ. 2563-2565 โดำยม่วัต้ถึุปัระสังค์ดำังต่อไปัน่� เพื่�อบัูรณ์าการการดำาเนินงานร่วมกันระห้ว่างภาครัฐ ภาคเอกชนแลื่ะปัระชาชน 11 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) แผน พืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ. 2563-2565 ฉบับัน่�ปัระกอบัไปัด้ำวย กำรอธุิบัายความ สัอดำคลื้องต้ามนโยบัายแลื่ะแผนระดาับัชาติ้ท่�เก่�ยวขั้อง ได้ำแก่ แผนยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ 20 ปัี แผนแม่บัทภายใต้ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ แผนปัฏิรูปัปัระเทศ แผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้ ฉบับัท่� 12 แลื่ะแผนดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคม การวิเคราะห้์ สัถึานการณ์ ขัองการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่สัาระสัำาคัญขัอง แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ. 2563-2565 แลื่ะแนวทางการขับัเคลื่�อนขัองแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ เพื่�อเปั็นกรอบัแนวทางให้ห้น่วยงานภาครัฐดำาเนินการ ปัรับัเปัลื่�ยนสัู่การเปั็นองค์กรดำิจิทัลื่อย่างเต็้มรูปัแบับั 1. 2. 3. 4. 5.เพื่�อบูรณาการ การดำาเนินิงานิร่วมกันิระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชนิ และประชาชนิ เพื่�อให้มีกรอบูการขับูเคล่�อนิกิจกรรม/ โครงการที่�ชัดำเจนิม่งสู่จ่ดำหมายเดาียวกันิ เพื่�อกาหนิดำกรอบูการขับูเคล่�อนิการบูรณาการ รัฐบูาลดาิจิทีั่ลที่�สู่ำาคัญ สู่ำาหรับูกำาหนิดำประเดา็นิ แผนิบูรณาการประจำาปีงบูประมาณ เพื่�อกาหนิดำหนิ่วยงานิหลักและหนิ่วยงานิรอง ในิการขับูเคล่�อนิประเดา็นิที่�เกี�ยวขั้อง พื่ร้อม กรอบูงบูประมาณในิการดำาเนินิงานิ เพื่�อเป็นิกรอบูแนิวที่างให้หนิ่วยงานิภาครัฐ จัดำที่ำาแผนิการดำาเนินิงานิที่�สู่อดำคล้องกับู พื่ระราชบูัญญัติการบูริหารงานิและการให้ บูริการภาครัฐผ่านิระบูบูดำิจิทีั่ล พื่.ศ. 2562ที่�มาและความสำาคัญของ (ร่าง) แผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 1 / วัตถุประสงค์ 12 2 ที่ามกลางกระแสู่ขัองการเปลี �ยนิแปลงทีั่ �งที่าง ด้ำานิเศรษฐกิจ สูั่งคม และสูิ่ �งแวดาล้อม ที่ำาให้รัฐบูาลไที่ย ได้ำมีความติระหนิักถึงกระแสู่ขัองการขับูเคล่�อนิ (Driving Force) ที่�จะติ้องนิำาไปสู่การเป ลี�ยนิแปลง ติ่าง ๆ ทีั่�งในิระยะสูั่ �นิและระยะยาว จึงที่ำาให้ รัฐบูาลได้ำกำาหนิดำแนิวที่างสู่ำาหรับูการพืั่ฒนิา ประเที่ศในิระยะยาว โดายได้ำมีการ กำาหนิดำ แผนิย่ที่ธศาสู่ติร์ชาติ 20 ปี เพื่�อเป็นิกรอบู แนิวที่างในิการพืั่ฒนิาประเที่ศและเพื่�อให้บูรรล่ เป้าหมายในิระยะยาวนิี � จึงได้ำมีการกำาหนิดำแนิวที่าง การพืั่ฒนิาในิระยะกลาง และระยะสูั่ �นิ ได้ำแก่ แผนิแม่บูที่ภายใติ้ย่ที่ธศาสู่ติร์ชาติ 20 ปี แผนิปฏิรูป ประเที่ศ แผนิพืั่ฒนิาเศรษฐกิจและสูั่งคมแห่งชาติ นิอกจากนิี � จากการที่�กระแสู่ที่างเศรษฐ กิจ และสูั่งคม ดำิจิทีั่ลมีแนิวโนิ้มที่�จะพืั่ฒนิาและเติบูโติมากยิ �งขัึ�นิ จึงได้ำมีการจัดาที่ำาแผนิดำิจิทีั่ลเพื่�อเศรษฐกิจ และ สูั่งคม เพื่�อรองรับูการพืั่ฒนิาดำังกล่าว และ การพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลเป็นิสู่วนิหนิึ �งขัองเป้าหมาย ในิการพืั่ฒนิาเศรษฐกิจและสูั่งคมดำิจิทีั่ล ดำังนิั�นิ ความสู่อดำคล้องและเช่�อมโยงติ่อแผนิ และนิโยบูาย ระดาับูชาติติ่าง ๆ มีรายละเอียดำดัำงติ่อไปนิี �ความสอดิคล� อง เชื่�อมโยงกับ หนโยบาย และแผู้นรุะดิับชื่าติ ท่�เกั่�ยวข�อง 13 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) นโยบายและแผู้นรุะดิับชื่าติรุะดิับท่� 1 ไดิ�แกั่ แผู้นยุทธศาสติรุ์ชื่าติ 20 ปีซึ่�งม่เป้าหมายในกัารุพัฒนา ปรุะเทศ ให� ปรุะเทศชื่าติมั�นคง ปรุะชื่าชื่นม่ความสุข เศรุษฐกัิจิพัฒนาอย่างติ่อเน่�อง สังคมเป็นธรุรุม และฐานทรุัพัยากัรุธรุรุมชื่าติยั�งย่น ซึ่�งแบ่งออกัเป็น 6 ยุทธศาสติรุ์โดิยม่ยุทธศาสติรุ์ท่� แผู้นพัฒนารุัฐบาล ดิจิทัลฯ สามารุถนำาไปส่ความสำาเรุ็จิของแผู้นจิำานวน 5 ยุทธศาสติรุ์ ไดิ� แกั่ ย่ที่ธศาสู่ติร์ชาติด้ำานิการสู่ร้างความสู่ามารถในิการ แขั่งขันิม่แนวทางขัองการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ท่�จะ ต้อบัสันองต่อการพืั่ฒนาอุต้สัาห้กรรมแลื่ะบัริการแห่งอนำคต้ การพืั่ฒนาโครงสัร้างพื่�นฐาน เช่�อมไทย เช่�อมโลื่ก แลื่ะการ พืั่ฒนาเศรษฐกิจบันพื่�นฐานผู้ปัระกอบัการยุคให้ม่ เพื่�อ สัร้างเสัริมขั่ดำความสัามารถึในการแขั่งขัน การพืั่ฒนาเศรษฐกิจ แลื่ะการกระจายรายได้ำย่ที่ธศาสู่ติร์ชาติด้ำานิการปรับูสู่มด่ำลและพืั่ฒนิาระบูบูการ บูริหารจัดาการภาครัฐ ซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่สัามารถึ ท่�จะดำาเนินการเพื่�อ ต้อบัสันองต่อการให้บัริการท่�ยึดำปัระชาชน เปั็นศูนย์กลื่าง การบัริหำรงานแบับับัูรณ์าการ การปัรับัปัรุง ขันาดำขัองภาครัฐให้เลื็่กลื่งเห้มาะสัมกับัภารกิจ รวมไปัถึงการ พืั่ฒนาภาครัฐให้ม่ความทันสัมัย ม่บัุคลื่ากรท่�เปั็นคนด่ำ แลื่ะ ม่ความสัามารถึ แลื่ะภาครัฐจะต้องม่ความโปัร่งใสัในการ ดำาเนินงาน เพื่�อมุ่งสัู่ปัระสัิทธุิภาพื่การบัริหำรจัดำการ แลื่ะ การเขั้าถึงการให้บัริการขัองภาครัฐ1.1 1.21.4 1.51.31. ย่ที่ธศา สู่ติร์ชาติด้ำานิการสู่ร้างโอกา สู่และความเสู่มอภาค ที่างสูั่งคม ม่แนวทางในการดำาเนินการเพื่�อต้อบัสันองต่อการ ลื่ดำความเห้ลื่�อมลื่ำา สัร้างความเปั็นธุรรมในทุกมิติ้การกระจาย ศูนย์กลื่างความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคมแลื่ะเทคโนโลื่ย่ แลื่ะ การเสัริมสัร้างพื่ลืั่งทางสังคม เพื่�อมุ่งสัู่ความเท่าเท่ยม แลื่ะความ เสัมอภาคขัองสังคม ย่ที่ธศาสู่ติร์ชาติด้ำานิการพืั่ฒนิาและเสู่ริมสู่ร้างศักยภาพื่ ที่รัพื่ยากรมนิ่ษย์ ม่แนวทางในการสันับัสันุนการปัฏิรูปั กระบัวนการเร่ยนรู้ท่�ต้อบัสันองต่อการเปัลื่�ยนแปัลื่ง ในศต้วรรษท่� 21 แลื่ะการเสัริมสัร้างให้คนไทยม่สัุขัภาวะท่�ด่ำ เพื่�อมุ่งสัู่การพืั่ฒนาทรัพื่ยากรมนุษย์ขัองปัระเทศ ย่ที่ธศาสู่ติร์ชาติด้ำานิความ มั�นิคง ม่แนวทางในการปั้องกัน แลื่ะแก้ไขัปัญหำท่�ม่ผลื่กระทบัต่อความมั�นคง แลื่ะการพืั่ฒนา ศักยภาพื่ขัองปัระเทศให้พื่ร้อมเผชิญภัยคุกคามท่�กระทบัต่อ ความมั�นคงขัองชาติ้สัำาห้รับัปัระเดา็นขัองความปัลื่อดำภัยไซึ่เบัอร์ (Cyber Security) แลื่ะการปั้องกันภัยคุกคามทางเทคโนโลื่ย่ท่� ม่โอกาสัเกิดำขัึ�นได้ำในอนำคต้ความสำอดิคล้องเชื่ �อมโยงกับนโยบายและแผนร่ะดิับชื่าติที่ �เกั่�ยวข้อง CHAPTER 2 / 14นุโยบัายและแผนุระดิับัชาติระดิับัทั่� 2 ปรุะกัอบดิ� วย แผู้นแม่บท ภายใติ�ยุทธศาสติรุ์ชื่าติท่�กัารุพัฒนารุัฐบาลดิจิทัลม่ความ เกั่�ยวข�อง 5 ปรุะเดิ็นจิากั 23 ปรุะเดิ็น แผู้นปฏิรุ้ปปรุะเทศ จิำานวน 4 ดิ�านจิากั 13 ดิ�าน แผู้นพัฒนาเศรุษฐกัิจิและสังคม แห่งชื่าติฉบับท่� 12 ม่ความเกั่�ยวข�องจิำานวน 5 ยุทธศาสติรุ์ จิากัทั�งหมดิ 10 ยุทธศาสติรุ์ โดิยม่รุายละเอ่ยดิดิังติ่อไปน่ � 2 แผนิแม่บูที่ภายใติ้ย่ที่ธศาสู่ติร์ชาติซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ จะสัามารถึต้อบัสันองต่อแนวทางการพืั่ฒนาปัระเทศต้าม แผนแม่บัทภายใต้ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ในปัระเดา็นการบัริการ ปัระชาชนแลื่ะปัระสัิทธุิภาพื่ภาครัฐ ปัระเดา็นอุต้สัาห้กรรม แลื่ะ บัริการแห่งอนำคต้ปัระเดา็นโครงสัร้างพื่�นฐานระบับัโลื่จิสัติ้กสั์ แลื่ะดำิจิทัลื่ปัระเดา็นความเสัมอภาค แลื่ะห้ลืั่กปัระกันทาง สังคมแลื่ะปัระเดา็นการพืั่ฒนาการเร่ยนรู้ โดำยในแต่ลื่ะปัระเดา็น ม่ความเก่�ยวขั้องดำังน่� ประเดา็นิการบูริการประชาชนิและประสูิ่ที่ธิภาพื่ภาครัฐ แบั่งออกเปั็นแผนย่อยท่�เก่�ยวขั้อง ได้ำแก่ แผนย่อยในการพืั่ฒนา บัริการปัระชาชน แผนย่อยการปัรับัสัมดำุลื่ภาครัฐ แผนย่อยการ พืั่ฒนาระบับับัริหำรงานภาครัฐ แลื่ะแผนย่อยการสัร้างแลื่ะพืั่ฒนา บัุคลื่ากรภาครัฐ เพื่�อมุ่งต้อบัสันองต่อยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ด้ำานการ ปัรับัสัมดำุลื่ แลื่ะพืั่ฒนาระบับัการบัริหำรจัดำการภาครัฐ ประเดา็นิอ่ติสู่าหกรรมและบูริการแห่งอนิาคติ แบั่งออกเปั็น แผนย่อยท่�เก่�ยวขั้อง ได้ำแก่ แผนย่อยอุต้สัาห้กรรมแลื่ะบัริการ ดำิจิทัลื่ขั้อมูลื่แลื่ะปัญญาปัระดำิษฐ์ แลื่ะแผนย่อยการพืั่ฒนา ระบับันิเวศอุต้สัาห้กรรม แลื่ะบัริการแห่งอนำคต้ เพื่�อมุ่งเสัริม ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ด้ำานการสัร้างความสัามารถึในการแขั่งขัน ประเดา็นิโครงสู่ร้างพื่�นิฐานิระบูบูโลจิสู่ติกสู่์และดำิจิทีั่ล แบั่งออกเปั็นแผนย่อยท่�เก่�ยวขั้อง ได้ำแก่ แผนย่อยโครงสัร้าง พื่�นฐานดำิจิทัลื่เพื่�อสันับัสันุนยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ด้ำานการสัร้าง ความสัามารถึในการแขั่งขัน ประเดา็นิความเสู่มอภาคและหลักประกันิที่างสูั่งคม แบั่งออกเปั็นแผนย่อยท่�เก่�ยวขั้อง ได้ำแก่ แผนย่อยมาต้รการ แบับัเจาะจงกลืุ่มเปั้าห้มายเพื่�อแก้ปัญหำเฉพื่าะกลืุ่ม เพื่�อมุ่ง ต้อบัโจทย์ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ด้ำานการสัร้างโอกาสัแลื่ะความ เสัมอภาคทางสังคม ประเดา็นิการพืั่ฒนิาการเรียนิรู้ แบั่งออกเปั็นแผนย่อยท่� เก่�ยวขั้อง ได้ำแก่ แผนย่อยการปัฏิรูปักระบัวนการเร่ยนรู้ท่� ต้อบัสันองต่อการเปัลื่�ยนแปัลื่งในศต้วรรษท่� 21 เพื่�อมุ่งต้อบั ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ด้ำานการพืั่ฒนาแลื่ะเสัริมสัร้างศักยภาพื่ ทรัพื่ยากรมนุษย์ ประเดา็นิความมั �นิคง จะปัระกอบัไปัด้ำวย แผนย่อยการปั้องกัน แลื่ะแก้ไขัปัญหำท่�ม่ผลื่กระทบัต่อความมั�นคง แลื่ะแผนย่อย การพืั่ฒนาศักยภาพื่ขัองปัระเทศให้พื่ร้อมเผชิญภัยคุกคาม ท่�กระทบัต่อความมั �นคงขัองชาติ้ในปัระเดา็นท่�เก่�ยวขั้องกับั ความปัลื่อดำภัยไซึ่เบัอร์แลื่ะภัยคุกคามทางเทคโนโลื่ย่ 2.1 2.1.1 2.1.22.1.4 2.1.6 2.1.32.1.5ความสำอดิคล้องเชื่ �อมโยงกับนโยบายและแผนร่ะดิับชื่าติที่ �เกั่�ยวข้อง / CHAPTER 2 15 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)2.2 แผนิปฏิรูปประเที่ศด้ำานิการบูริหารราชการแผ่นิดำินิซึ่�ง การพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่จะต้องดำาเนินการในสั่วนขัองการ บัริการภาครัฐ สัะดำวก รวดำเร็ว แลื่ะต้อบัโจทย์ช่วิต้ปัระชาชน การพืั่ฒนาระบับัขั้อมูลื่ภาครัฐม่มาต้รฐาน ทันสัมัย แลื่ะ เช่�อมโยงกันเพื่�อก้าวสัู่รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่การปัรับัปัรุงโครงสัร้าง ภาครัฐให้ม่ขันาดำเลื็่กลื่งแลื่ะกะทัดารัดำ ปัรับัตั้วได้ำเร็ว แลื่ะ ระบับังานม่ผลื่สัมฤทธุิ �สัูง การจัดำกำาลืั่งคนภาครัฐม่ขันาดำ ท่�เห้มาะสัมแลื่ะม่สัมรรถึนะสัูงพื่ร้อมขับัเคลื่�อนยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ แผนิปฏิรูปประเที่ศด้ำานิเศรษฐกิจ ซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ จะสันับัสันุนการเพืิ่�มศักยภาพื่ในการแขั่งขันขัองอุต้สัาห้กรรม เศรษฐกิจดำิจิทัลื่ขัองปัระเทศไทยแลื่ะเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่ ทางเทคโนโลื่ย่ Big Dataแผนิปฏิรูปที่างด้ำานิสูั่งคม ซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่จะต้อง ดำาเนินการสันับัสันุนให้องค์กรปักครองท้องถึิ�นม่ห้นำท่�ในการ เก็บัรักษา แลื่ะพืั่ฒนาขั้อมูลื่แลื่ะสัารสันเทศด้ำานสังคม รวมถึงม่ การปัรับัปัรุงขั้อมูลื่อย่างต่อเน่�อง เพื่�อสัร้างปัระสัิทธุิภาพื่ในการ จัดำสัรรทรัพื่ยากร แผนิปฏิรูปการศึกษา ซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่จะต้อง ดำาเนินการสันับัสันุนให้ภาคการศึกษาพืั่ฒนาในสั่วนขัอง การพืั่ฒนาระบับัขั้อมูลื่สัารสันเทศเพื่�อการศึกษาแผนิปฏิรูปประเที่ศ โดำยการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่สัามารถึท่� จะต้องสันองต่อแนวทางการปัฏิรูปัปัระเทศในด้ำานการบัริหำร ราชการแผ่นดำิน ด้ำานเศรษฐกิจ ด้ำานสังคม แลื่ะด้ำานการศึกษา 2.2.1 2.2.3 2.2.42.2.2ความสำอดิคล้องเชื่ �อมโยงกับนโยบายและแผนร่ะดิับชื่าติที่ �เกั่�ยวข้อง CHAPTER 2 / 16ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 6 การ บูริหารจัดำการในิภาครัฐ การป้องกันิ การที่จริติประพื่ฤติมิชอบูและธรรมาภิบูาลในิสูั่งคมไที่ย ซึ่�ง การพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่จะม่การดำาเนินการในสั่วนขัองการ ปัรับัปัรุงโครงสัร้างห้น่วยงาน บัทบัาท ภารกิจ แลื่ะคุณ์ภาพื่ บัุคลื่ากรภาครัฐให้ม่ความโปัร่งใสัทันสัมัย คลื่องตั้ว ม่ขันาดำท่� เห้มาะสัม เกิดำความคุ้มค่า รวมทั�งม่การเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่ แลื่ะ ยกระดาับัการให้บัริการสัาธุารณ์ะให้ได้ำมาต้รฐานสัากลื่แลื่ะการ ปั้องกันแลื่ะปัราบัปัรามการทุจริต้แลื่ะปัระพื่ฤติ้มิชอบั ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 7 การพืั่ฒนิาโครงสู่ร้างพื่�นิฐานิและระบูบู โลจิสู่ติกสู่์ ซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่จะสันับัสันุนในสั่วนขัองการ สั่งเสัริมการใช้เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ในการสัร้างมูลื่ค่าเพืิ่�มทางธุรกิจ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 8 การพืั่ฒนิาวิที่ยาศาสู่ติร์ เที่คโนิโลยีวิจัย และนิวัติกรรม ซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่สันับัสันุนการเพืิ่�ม ความสัามารถึในการปัระยุกต้์ใช้วิทยาศาสัต้ร์ เทคโนโลื่ย่ แลื่ะนวัต้กรรม เพื่�อยกระ ดำับัความสัามารถึในการแขั่งขันขัอง ภาคการผลืิ่ต้แลื่ะบัริการ รวมถึงคุณ์ภาพื่ช่วิต้ขัองปัระชาชนย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 2 การสู่ร้างความเป็นิธรรมและลดาความเหล่�อม ลำาในิสูั่งคม โดำยการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่จะสันับัสันุนแนวทาง ในการดำาเนินงานในสั่วนขัองการกระจาย การให้บัริการภาครัฐ ทั�งด้ำานการศึกษา สัาธุารณ์สัุขัแลื่ะสัวัสัดิำการท่�ม่คุณ์ภาพื่ ให้ครอบัคลืุ่มแลื่ะทั�วถึงแผนิพืั่ฒนิาเศรษฐกิจและสูั่งคมแห่งชาติฉ บูับูที่� 12 เปั็นกรอบั แนวทางขัองการพืั่ฒนาเศรษฐกิจแลื่ะสังคมขัองปัระเทศใน ระยะเวลื่า 5 ปัีซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่สัามารถึดำาเนินการ สันับัสันุนการพืั่ฒนาต้ามยุทธุศาสัต้ร์ท่� 6 การบัริหำรจัดำการใน ภาครัฐ การปั้องกันการทุจริต้ปัระพื่ฤติ้มิชอบัแลื่ะธุรรมาภิบัาลื่ ในสังคมไทย ยุทธุศาสัต้ร์ท่� 7 การพืั่ฒนาโครงสัร้างพื่�นฐาน แลื่ะระบับัโลื่จิสัติ้กสั์ ยุทธุศาสัต้ร์ท่� 8 การพืั่ฒนาวิทยาศาสัต้ร์ เทคโนโลื่ย่วิจัย แลื่ะนวัต้กรรม ยุทธุศาสัต้ร์ท่� 2 การสัร้างความ เปั็นธุรรม แลื่ะลื่ดำความเห้ลื่�อมลื่ำาในสังคมแลื่ะยุทธุศาสัต้ร์ท่� 1 การเสัริมสัร้างแลื่ะพืั่ฒนาศักยภาพื่ทุนมนุษย์ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 1 การเสู่ริมสู่ร้างและพืั่ฒนิาศักยภาพื่ที่นิมนิ่ษย์ ซึ่�งการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่สันับัสันุนแนวทางในการดำาเนินงาน ในเร่�องขัองการยกระดาับัคุณ์ภาพื่การศึกษาแลื่ะการเร่ยนรู้ ต้ลื่อดำช่วิต้ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 5 การเสู่ริมสู่ร้างความมั �นิคงแห่งชาติเพื่�อการ พืั่ฒนิาประเที่ศสู่ความมั �งคั�งและยั �งย่นิ โดำยการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่มุ่งท่�จะให้ปัระเทศไทยม่ความพื่ร้อมต่อการรับัม่อภัย คุกคาม ทั�งภัยคุกคามทางทหำรแลื่ะภัยคุกคามอ่�น ๆ โดำยเฉพื่าะ ภัยคุกคามทางไซึ่เบัอร์แลื่ะความปัลื่อดำภัยระบับัดำิจิทัลื่ภาครัฐ2.3 2.3.1 2.3.2 2.3.32.3.32.3.52.3.4 2.3.6ความสำอดิคล้องเชื่ �อมโยงกับนโยบายและแผนร่ะดิับชื่าติที่ �เกั่�ยวข้อง / CHAPTER 2 17 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)แผนิดำิจิทีั่ลเพื่�อเศรษฐกิจและสูั่งคม ปัระกอบัไปัด้ำวย ยุทธุศาสัต้ร์ท่� 4 ปัรับัเปัลื่�ยนภาครัฐสัู่การเปั็นรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ยุทธุศาสัต้ร์ ท่� 2 ขับัเคลื่�อนเศรษฐกิจด้ำวยเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ ยุทธุศาสัต้ร์ท่� 3 สัร้างสังคมคุณ์ภาพื่ท่�ทั�วถึงเท่าเท่ยมด้ำวย เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ แลื่ะยุทธุศาสัต้ร์ท่� 5 พืั่ฒนากำาลืั่งคนให้พื่ร้อม เขั้าสัู่ยุคเศรษฐกิจแลื่ะสังคมดำิจิทัลื่ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 4 ปรับูเปลี �ยนิภาครัฐสู่การเป็นิรัฐบูาลดาิจิทีั่ล ซึ่�งจะต้องม่การดำาเนินงานในสั่วนขัองการจัดาให้ม่บัริการ อัจฉริยะ (Smart Service) ท่�ขับัเคลื่�อนโดำยความต้องการขัอง ปัระชาชนห้ร่อผู้ใช้บัริการ (Citizen Driven) การปัรับัเปัลื่�ยน การทำางานภาครัฐด้ำวยเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ให้ม่ปัระสัิทธุิภาพื่แลื่ะ ธุรรมาภิบัาลื่การสันับัสันุนให้ม่การเปัิดำเผยขั้อมูลื่ท่�เปั็นปัระโยชน์ (Open Data) แลื่ะให้ปัระชาชนม่สั่วนร่วมในกระ บัวนการ ทำางานขัองภาครัฐ (Open Government) นาไปัสัู่การเปั็น ดำิจิทัลื่ไทยแลื่นดำ์ การพืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มบัริการพื่�นฐานภาค รัฐ (Government Service Platform)ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 3 สู่ร้างสูั่งคมค่ณภาพื่ที่�ทีั่�วถึงเที่าเที่ยมด้ำวย เที่คโนิโลยีดำิจิทีั่ล ซึ่�งจะต้องม่การดำาเนินการสัร้างโอกาสั แลื่ะ ความเท่าเท่ยมในการเขั้าถึง แลื่ะใช้ปัระโยชน์จากเทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่การสัร้างสั่�อ คลืั่งสั่�อ แลื่ะแห้ลื่งเร่ยนรู้ดำิจิทัลื่เพื่�อการเร่ยนรู้ ต้ลื่อดำช่วิต้ท่�ปัระชาชนเขั้าถึงได้ำอย่างสัะดำวก การเพืิ่�มโอกาสัใน การเร่ยนรู้ แลื่ะได้ำรับับัริการการศึกษา แลื่ะการเพืิ่�มโอกาสัการ ได้ำรับับัริการทางการแพื่ทย์แลื่ะสัุขัภาพื่ท่�ทันสัมัยทั�วถึง ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 5 พืั่ฒนิากำาลังคนิให้พื่ร้อมเขั้าสู่ย่คเศรษฐ กิจและ สูั่งคมดำิจิทีั่ล ซึ่�งจะต้องม่การดำาเนินการในสั่วนขัองการพืั่ฒนา ทักษะด้ำานเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ให้แก่บัุคลื่ากรในต้ลื่าดำแรงงาน ทั�งบัุคลื่ากรภาครัฐแลื่ะเอกชน ทุกสัาขัาอาช่พื่การสั่งเสัริมการ พืั่ฒนาทักษะ ความเช่�ยวชาญเฉพื่าะด้ำานท่�รองรับัเทคโนโลื่ย่ ให้ม่ในอนำคต้ แลื่ะการพืั่ฒนาผู้บัริหำรเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 6 สู่ร้างความเช่�อมั�นิในิการใช้เที่คโนิโลยีดำิจิทีั่ล ซึ่�งจะต้องม่การดำาเนินการในสั่วนขัองการจัดาให้ม่ระบับันิเวศ ท่�เห้มาะสัมต่อการดำาเนินธุรกิจ แลื่ะการปัรับัปัรุงคุณ์ภาพื่ช่วิต้ ขัองปัระชาชน โดำยสัร้างความมั�นคงปัลื่อดำภัยในการใช้งาน เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ด้ำวยการกำาห้นดำมาต้รฐาน กฎ ระเบั่ยบั แลื่ะ กติ้กา ให้ม่ความทันสัมัยแลื่ะม่ปัระสัิทธุิภาพื่การดำาเนินการ ปัรับัปัรุงกฎห้มายท่�เก่�ยวขั้องกับัเศรษฐกิจแลื่ะสังคมดำิจิทัลื่ให้ ม่ความทันสัมัยแลื่ะการสัร้างความเช่�อมั�นในการใช้เทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่ แลื่ะการทำาธุรกรรมออนไลื่น์ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 2 ขับูเคล่�อนิเศรษฐกิจด้ำวยเที่คโนิโลยีดำิจิทีั่ล ซึ่�งจะต้องม่การดำาเนินงานในสั่วนขัองการเพืิ่�มขั่ดำความสัามารถึ ในการแขั่งขันขัองภาคธุรกิจ เพื่�อสัร้างมูลื่ค่าเพืิ่�มทางเศรษฐกิจ แลื่ะสั่งเสัริมขั่ดำความสัามารถึในการแขั่งขัน ด้ำวยการใช้เทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่ปัฏิรูปัการทำาธุรกิจต้ลื่อดำจนห่วงโซึ่คุณ์ค่า การเร่งรัดำการ สัร้างธุรกิจเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ (Digital Technology Startup) เพื่�อเปั็นฟันเฟืองสัำาคัญในการขับัเคลื่�อนเศรษฐกิจดำิจิทัลื่ แลื่ะ การพืั่ฒนาอุต้สัาห้กรรมเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ให้ม่ความเขั้มแขั็ง แลื่ะ สัามารถึแขั่งขันได้ำในอนำคต้นโยบายและแผู้นรุะดิับชื่าติรุะดิับท่� 3 ไดิ� แกั่ แผู้นดิจิทัลเพั่�อเศรุษฐกัิจิและสังคมท่�เป็นแผู้นท่� ออกัแบบมาเพั่�อรุองรุับกัารุพัฒนาเศรุษฐกัิจิและ สังคมดิจิทัล 3.1 3.1.1 3.1.23.1.4 3.1.53.1.33.ความสำอดิคล้องเชื่ �อมโยงกับนโยบายและแผนร่ะดิับชื่าติที่ �เกั่�ยวข้อง CHAPTER 2 / 18ประสิทัธิภาพัการบัริหารจัดิการและ การเข้าถุึงการให้บัริการของภาค์รัฐข่ดิค์วัามสามารถุ ในุการแข่งขันุ การพัฒนุา เศรษฐกิจ และการกระจายรายไดิ้ แผู้น ยุทธศาสติรุ์ ชื่าติ 20 ปี แผู้นแม่บทติาม ยุทธศาสติรุ์ชื่าติ แผู้นปฏิรุ้ป ปรุะเทศ แผู้นพัฒนา เศรุษฐกัิจิและ สังคมแห่งชื่าติ แผู้นดิจิทัล เพั่�อเศรุษฐกัิจิ และสังคมยุทธศาสติรุ์ชื่าติดิ�านกัารุปรุับสมดิุล และพัฒนารุะบบกัารุบรุิหารุจิัดิกัารุภาครุัฐ 1. ภาครัฐท่�ยึดำปัระชาชนเปั็นศูนย์กลื่าง 2. ภาครัฐบัริหำรงานแบับับัูรณ์าการ 3. ภาครัฐม่ขันาดำเลื็่กลื่ง เห้มาะสัมกับัภารกิจ 4. ภาครัฐม่ความทันสัมัย 5. บัุคลื่ากรภาครัฐเปั็นคนด่ำแลื่ะเก่ง 6. ภาครัฐม่ความโปัร่งใสัยุทธศาสติรุ์ ชื่าติดิ�านกัารุสรุ�าง ความสามารุถในกัารุแข่งขัน 1. อุต้สัาห้กรรมแลื่ะบัริการแห่งอนำคต้ 2. โครงสัร้างพื่�นฐาน เช่�อมไทย เช่�อมโลื่ก 3. พืั่ฒนาเศรษฐกิจบันพื่�นฐานผู้ปัระกอบัการยุคให้ม่ ปรุะเดิ็นกัารุบรุิกัารุปรุะชื่าชื่นและ ปรุะสิทธิภาพัภาครุัฐปรุะเดิ็นแผู้นอุ ติสาหกัรุรุมและบรุิกัารุแห่ง อนำคติ และปรุะเดิ็นโครุงสรุ�างพั่�นฐานฯ 1. แผนย่อยการพืั่ฒนาบัริการปัระชาชน 2. แผนย่อยการปัรับัสัมดำุลื่ภาครัฐ 3. แผนย่อยการพืั่ฒนาระบับับัริหำรงานภาครัฐ 4. แผนย่อยการสัร้างแลื่ะพืั่ฒนาบัุคลื่ากรภาครัฐ1. แผนย่อยอุต้สัาห้กรรมแลื่ะบัริการดำิจิทัลื่ ขั้อมูลื่แลื่ะปัญญาปัระดำิษฐ์ 2. แผนย่อยการพืั่ฒนาระบับันิเวศอุต้สัาห้กรรม แลื่ะบัริการแห่งอนำคต้ 3. แผนย่อยโครงสัร้างพื่�นฐานด้ำานดำิจิทัลื่ 4. แผนย่อยการสัร้างระบับันิเวศท่�เอ่�อ ต่อการดำาเนินธุรกิจ แผู้นปฏิรุ้ปดิ�านกัารุปรุับสมดิุลภาครุัฐ แผู้นปฏิรุ้ปทางเศรุษฐกัิจิ 1. บัริการภาครัฐ สัะดำวก รวดำเร็ว แลื่ะต้อบัโจทย์ช่วิต้ ปัระชาชน 2. ระบับัขั้อมูลื่ภาครัฐม่มาต้รฐาน ทันสัมัย แลื่ะเช่�อม โยงกัน 3. โครงสัร้างภาครัฐกะทัดำรัดำ ปัรับัตั้วได้ำเร็ว แลื่ะระบับั งานม่ผลื่สัมฤทธุิ �สัูง 4. กำาลืั่งคนภาครัฐม่ขันาดำท่�เห้มาะสัม แลื่ะม่สัมรรถึนะ สัูงพื่ร้อมขับัเคลื่�อนยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้1. อุต้สัาห้กรรมเศรษฐกิจดำิจิทัลื่ 2. การเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่ทางเทคโนโลื่ย่ Big Data ยุทธศาสติรุ์ท่� 6 กัารุบรุิหารุจิัดิกัารุในภาครุัฐ กัารุป้องกันทุจิรุิติมิชื่อบและธรุรุมาภิบาลใน สังคมไทย 1. ลื่ดำสัดำสั่วนค่าใช้จ่ายด้ำานบัุคลื่ากร แลื่ะเพืิ่�ม ปัระสัิทธุิภาพื่การบัริหำรจัดำการแลื่ะการให้บัริการ ขัองภาครัฐ แลื่ะปัระสัิทธุิภาพื่การปัระกอบัธุรกิจ ขัองปัระเทศ 2. เพืิ่�มคะแนนดำัชน่การรับัรู้การทุจริต้ให้สัูงขัึ�นยุทธศาสติรุ์ท่� 7 กัารุพัฒนาโครุงสรุ�าง พั่�นฐานและรุะบบโลจิสติกัส์ การพืั่ฒนาเศรษฐกิจดำิจิทัลื่ ยุทธศาสติรุ์ ท่� 8 กัารุพัฒนาวิทยาศาสติรุ์ เทคโนโลย่วิจิัยและนวัติกัรุรุม เพืิ่�มความสัามารถึในการปัระยุกต้์ใช้วิทยาศาสัต้ร์ เทคโนโลื่ย่ แลื่ะนวัต้กรรม เพื่�อยกระดำับัความสัามารถึ การแขั่งขันขัองภาคการผลืิ่ต้แลื่ะบัริการ แลื่ะคุณ์ภาพื่ ช่วิต้ขัองปัระชาชน ยุทธศาสติรุ์ ท่� 4 ปรุับเปล่ �ยนภาครุัฐ ส่กัารุเป็นรุัฐบาลดิจิทัล 1. จัดำให้ม่บัริการอัจฉริยะ (Smart Service) ท่�ขับัเคลื่�อนโดำยความต้องการขัองปัระชาชน ห้ร่อผู้ใช้บัริการ (Citizen Driven) 2. ปัรับัเปัลื่�ยนการทำางานภาครัฐด้ำวยเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ ให้ม่ปัระสัิทธุิภาพื่แลื่ะธุรรมาภิบัาลื่ 3. สันับัสันุนให้ม่การเปัิดำเผยขั้อมูลื่ท่�เปั็นปัระโยชน์ (Open Data) แลื่ะให้ปัระชาชนม่สั่วนร่วมใน กระบัวนการทำางานขัองรัฐ (Open Government) นำาไปัสัู่การเปั็นดำิจิทัลื่ไทยแลื่นดำ์ 4. พืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มบัริการพื่�นฐานภาครัฐ (Government Service Platform)ยุทธศาสติรุ์ ท่� 2 ขับเคล่ �อนเศรุษฐกัิจิ ดิ�วยเทคโนโลย่ดิจิทัล 1. เพืิ่�มขั่ดำความสัามารถึในการแขั่งขันขัองภาคธุรกิจ เพื่�อสัร้างมูลื่ค่าเพืิ่�มทางเศรษฐกิจ แลื่ะสั่งเสัริม ขั่ดำความสัามารถึในการแขั่งขันด้ำวยการใช้เทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่ปัฏิรูปัการทำาธุรกิจต้ลื่อดำห่วงโซึ่คุณ์ค่า 2. เร่งสัร้างธุรกิจเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ (Digital Technology Startup) เพื่�อให้เปั็นฟันเฟืองสัำาคัญ ในการขับัเคลื่�อนเศรษฐกิจดำิจิทัลื่ 3. พืั่ฒนาอุต้สัาห้กรรมเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ให้ม่ ความเขั้มแขั็งแลื่ะสัามารถึแขั่งขันได้ำในอนำคต้ 19 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ค์วัามเทั่าเทั่ยมและ ค์วัามเสมอภาค์ของสังค์มการพัฒนุาทัรัพัยากรมนุษย์ ของประเทัศยุทัธิศาสตร์ชาติ ดิ้านุค์วัามมั �นุค์ง ยุทธศาสติรุ์ชื่าติดิ�านกัารุสรุ�าง โอกัาสและความเสมอภาคทางสังคม 1. การลื่ดำความเห้ลื่�อมลื่ำา สัร้างความเปั็น ธุรรมในทุกมิติ้ 2. การกระจายศูนย์กลื่างความเจริญทาง เศรษฐกิจ สังคม แลื่ะเทคโนโลื่ย่ 3. การเสัริมสัร้างพื่ลืั่งทางสังคมยุทธศาสติรุ์ชื่าติดิ�านกัารุพัฒนา และเสรุิมสรุ�างศักัยภาพั ทรุัพัยากัรุมนุษย์ 1. ปัฏิรูปักระบัวนการเร่ยนรู้ท่�ต้อบัสันองต่อ การเปัลื่�ยนแปัลื่งในศต้วรรษท่� 21 2. การเสัริมสัร้างให้คนไทยม่สัุขัภาวะท่�ด่ำยุทธศาสติรุ์ ชื่าติดิ�านความมั �นคง 1. การปั้องกันแลื่ะแก้ไขัปัญหำท่�ม่ผลื่กระทบั ต่อความมั�นคง 2. การพืั่ฒนาศักยภาพื่ขัองปัระเทศให้พื่ร้อม เผชิญภัยคุกคามท่�กระทบัต่อความมั�นคง ขัองชาติ้ ปรุะเดิ็นความเสมอภาคและหลักั ปรุะกันทางสังคมปรุะเดิ็นกัารุพัฒนากัารุเรุ่ยนรุ้� ปรุะเดิ็นความมั �นคง แผนย่อยมาต้รการแบับัเจาะจงกลืุ่มเปั้าห้มาย เพื่�อแก้ปัญหำเฉพื่าะกลืุ่มแผนย่อยการสัร้างสัภาพื่แวดำลื้อมท่�เอ่�อต่อการ พืั่ฒนาแลื่ะเสัริมสัร้างศักยภาพื่มนุษย์1. แผนย่อยการปั้องกันแลื่ะแก้ไขัปัญหำท่�ม่ ผลื่กระทบัต่อความมั�นคง 2. แผนย่อยการพืั่ฒนาศักยภาพื่ขัองปัระเทศ ให้พื่ร้อมเผชิญภัยคุกคามท่�กระทบัต่อ ความมั�นคงขัองชาติ้ แผู้นปฏิรุ้ปดิ�านสังคม แผู้นปฏิรุ้ปกัารุศ่กัษา 1. การปัระสัานโครงการสัวัสัดิำการในปัจจุบัน 2. การจัดำการขั้อมูลื่แลื่ะองค์ความรู้ด้ำานสังคมการปัฏิรูปัการศึกษาแลื่ะการเร่ยนรู้ โดำยการพื่ลืิ่กโฉมด้ำวยระบับัดำิจิทัลื่ ยุทธศาสติรุ์ ท่� 2 กัารุสรุ�างความ เป็นธรุรุมและลดิความเหล่ �อมลำ�าใน สังคม วิทยาศาสติรุ์ เทคโนโลย่วิจิัย และนวัติกัรุรุมยุทธศาสติรุ์ ท่� 1 กัารุเสรุิมสรุ�างและ พัฒนาศักัยภาพัทุนมนุษย์ยุทธศาสติรุ์ ท่� 5 กัารุเสรุิมสรุ�าง ความมั �นคงแห่งชื่าติเพั่�อกัารุ พัฒนาปรุะเทศส่ความมั �งคั�งและ ยั�งย่น เพืิ่�มโอกาสัการเขั้าถึงบัริการพื่�นฐานทางสังคม ขัองภาครัฐคนไทยม่การศึกษาท่�ม่คุณ์ภาพื่ต้ามมาต้รฐาน สัากลื่แลื่ะม่ความสัามารถึ เร่ยนรู้ด้ำวยต้นเอง อย่างต่อเน่�องปัระเทศไทยม่ความพื่ร้อมต่อการรับัม่อ ภัยคุกคาม ทั�งภัยคุกคามทางทหำรแลื่ะ ภัยคุกคามอ่�น ๆ ยุทธศาสติรุ์ ท่� 3 สรุ�างสังคม คุณภาพัท่ �ทั�วถ่งเท่าเท่ยมดิ�วย เทคโนโลย่ดิจิทัลยุทธศาสติรุ์ ท่� 5 พัฒนากัำาลังคนให� พัรุ�อมเข�าส่ยุคเศรุษฐกัิจิและสังคม ดิจิทัลยุทธศาสติรุ์ ท่� 6 สรุ�างความเชื่ �อมั�น ในกัารุใชื่� เทคโนโลย่ดิจิทัล 1. สัร้างโอกาสัแลื่ะความเท่าเท่ยมในการ เขั้าถึง แลื่ะใช้ปัระโยชน์จากเทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่ 2. สัร้างสั่�อ คลืั่งสั่�อ แลื่ะแห้ลื่งเร่ยนรู้ดำิจิทัลื่ เพื่�อการเร่ยนรู้ต้ลื่อดำช่วิต้ท่�ปัระชาชนเขั้าถึง ได้ำอย่างสัะดำวก 3. เพืิ่�มโอกาสัในการเร่ยนรู้แลื่ะได้ำรับับัริการ การศึกษาฯ 4. เพืิ่�มโอกาสัการได้ำรับับัริการทางการแพื่ทย์ แลื่ะสัุขัภาพื่ท่�ทันสัมัยทั�วถึงฯ1. พืั่ฒนาทักษะด้ำานเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ให้แก่ บัุคลื่ากรในต้ลื่าดำแรงงาน ทั �งบัุคลื่ากร ภาครัฐแลื่ะเอกชน ทุกสัาขัาอาช่พื่ 2. สั่งเสัริมการพืั่ฒนาทักษะ ความเช่�ยวชาญ เฉพื่าะด้ำานท่�รองรับัเทคโนโลื่ย่ให้ม่ใน อนำคต้ 3. พืั่ฒนาผู้บัริหำรเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ1. จัดำให้ม่ระบับันิเวศท่�เห้มาะสัมต่อการ ดำาเนินธุรกิจแลื่ะการปัรับัปัรุงคุณ์ภาพื่ ช่วิต้ขัองปัระชาชน โดำยสัร้างความมั �นคง ปัลื่อดำภัยในการใช้งานเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่ ด้ำวยการกำาห้นดำมาต้รฐาน กฎ ระเบั่ยบั แลื่ะกติ้กา ให้ม่ความทันสัมัยแลื่ะม่ ปัระสัิทธุิภาพื่ 2. ปัรับัปัรุงกฎห้มายท่�เก่�ยวขั้องกับัเศรษฐกิจ แลื่ะสังคมดำิจิทัลื่ให้ม่ความทันสัมัย 3. สัร้างความเช่�อมั�นในการใช้เทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่แลื่ะการทำาธุรกรรมออนไลื่น์ 20 3วิเครุาะห์สถานกัารุณ์ ของกัารุพัฒนา รุัฐบาลดิจิทัล 21 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)การพัฒนุารัฐบัาลดิจิทัล ของประเทัศไทัยและต่างประเทัศ กัารุพัฒนารุัฐบาลดิจิทัลในติ่างปรุะเทศ ปัจจุบันนานาปัระเทศต้ระห้นักถึงความสัำาคัญในการนำา เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่มาปัระยุกต้์ใช้ในการพืั่ฒนาปัระเทศแลื่ะได้ำม่ การริเริ�มพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัึ�น ซึ่�งการศึกษาวิสัยทัศน์ นโยบัาย แลื่ะแผนการดำาเนินงานการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ในต่างปัระเทศ ท่�ปัระสับัความสัำาเร็จสัามารถึนามาใช้เปั็นแนวทางในการกำาห้นดำ กรอบัแลื่ะทิศทางการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทยได้ำ ดำังนั�น จึงได้ำทำาการคัดำเลื่อกปัระเทศท่�ม่ความแต้กต่างกันใน เชิงพื่�นท่� เพื่�อให้เห็้นถึงทิศทางการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ท่�ห้ลื่าก ห้ลื่ายในแต่ลื่ะบัริบัท ปัระกอบัด้ำวย 4 ปัระเทศ ค่อ ราชอาณ์าจักร เดานมาร์ก สัาธุารณ์รัฐสัิงคโปัร์ สัห้ราชอาณ์าจักร แลื่ะสัาธุารณ์รัฐ เกาห้ลื่ซึ่�งสัามารถึสัรุปัการพืั่ฒนาท่�สัำาคัญได้ำดำังต่อไปัน่� • การจัดาที่ำาขั้อมูลดำิจิทีั่ล โดำยรวบัรวมแลื่ะปัรับัเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ ภาครัฐให้อยู่ในรูปัแบับัดิำจิทัลื่ เพื่�อนำามาใช้ปัระโยชน์ แลื่ะ พืั่ฒนาบัริการปัระชาชนแลื่ะภาคธุรกิจ • การปรับูปร่งกระบู วนิการภาครัฐ ท่�ม่การกำาห้นดำ รูปัแบับัการทำางานระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐ แลื่ะบัทบัาท การสันับัสันุนขัองห้น่วยงานกลื่าง โดำยการนำาระบับัดำิจิทัลื่ มาลื่ดำขั�นต้อน ลื่ดำกระบัวนการทำางาน ลื่ดำงานเอกสัาร แลื่ะม่การจัดาลื่ำาดำับัการปัรับัปัรุงต้ามความสัำาคัญขัอง กระบัวนงาน แลื่ะจัดำกลืุ่มความสัำาคัญขัองห้น่วยงาน ท่�ให้บัริการ เพื่�อให้เกิดำกระบัวนงานท่�เปั็นไปัต้ามมาต้รฐาน บันพื่�นฐานความปัลื่อดำภัยแลื่ะม่จริยธุรรมภายใต้กรอบั ธุรรมาภิบัาลื่ซึ่�งห้ลื่ายปัระเทศมุ่งเน้นการดำาเนินงาน แบับั Agile เพื่�อให้เกิดำความย่ดำห้ยุ่นในการทำางาน • การพืั่ฒนิาบูริการดำิจิทีั่ล ท่�มุ่งเน้นการให้บัริการดำิจิทัลื่ ภาครัฐท่�ง่าย สัะดำวก รวดำเร็ว ปัลื่อดำภัย แลื่ะม่คุณ์ภาพื่สัูง อ่กทั�ง ต้องม่ความน่าเช่�อถึ่อ ย่ดำห้ยุ่น แลื่ะม่ความมั �นคง ปัลื่อดำภัยจากการคุกคามทางไซึ่เบัอร์ เปั็นมิต้รกับัปัระชาชน แลื่ะเอ่�อต่อการเติ้บัโต้ขัองภาคธุรกิจ โดำยยึดำห้ลืั่กปัระชาชน เปั็นศูนย์กลื่าง (Citizen Centric) 1.วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 22• การปรับูปร่งเคร่�องม่อ กลไกและกฎหมาย โดำยจัดำเต้ร่ยม เคร่�องม่อดำิจิทัลื่เพื่�อสันับัสันุนการดำาเนินงานขัองเจ้าห้นำท่� ภาครัฐ เพื่�อสั่งเสัริมให้เกิดำความร่วมม่อในการดำาเนิน โครงการร่วมกับัภาคเอกชนแลื่ะสัถึาบันวิจัยท่�ม่ศักยภาพื่ (Public–Private Partnerships: PPPs) รวมถึงการให้ความ สัำาคัญในการปัรับัปัรุงแลื่ะแก้ไขักฎห้มายท่�เปั็นอุปัสัรรคใน การดำาเนินงานแบับัดิำจิทัลื่ • การเปิดาเผยขั้อมูลและการมีสู่วนิร่วมขัองประชาชนิ โดำยให้ความสัำาคัญกับัการเปัิดำเผยขั้อมูลื่ภาครัฐเพื่�อสัร้าง ความโปัร่งใสัรวมถึงการสัร้างสัภาพื่แวดำลื้อม (Ecosystem) ให้ม่ท่�ภาครัฐ ภาคธุรกิจ แลื่ะภาคปัระชาชนสัามารถึ ร่วมม่อกันได้ำแลื่ะม่การรับัฟังความเห็้นจากปัระชาชน เพื่�อสัร้างแลื่ะพืั่ฒนานวัต้กรรมบัริการท่�ด่ำขัึ�นร่วมกับั ภาคปัระชาชน (Co-creating) • การเช่�อมโยงและแลกเปลี �ยนิขั้อมูลระหว่างหนิ่วยงานิภาครัฐ โดำยสั่งเสัริมให้ม่การเช่�อมโยงแลื่ะการบัูรณ์าการระบับัดำิจิทัลื่ ผ่านเทคโนโลื่ย่สัำาคัญต่าง ๆ เช่น AI แลื่ะ IoT เพื่�อให้เกิดำการ แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐ แลื่ะสัามารถึนา ไปัพืั่ฒนาบัริการสัาธุารณ์ะได้ำ• การพืั่ฒนิาและบูรณาการแพื่ลติฟอร์มดำิจิทีั่ลภาค รัฐ มูุ่งเน้น่การบูรณาการบริการภาครัฐและการพัฒน่าต่อยอดำ ระบบบ ริการ ณ จุดำเด่ายว (One-Stop Service) ผ่าน่ระบบ ดำิจิทีั่ลโดำยเปิ็น่กระบวน่การตั้ �งแต่ต้น่จน่จบ (End - to - End Process) การพัฒน่าระบบย่น่ยัน่ตั้วต้น่ (Digital ID) เพั่�อ อำาน่วยความูสะดาวกปิระชื่าชื่น่ และผู้ปิระกอบการใน่การ ดำาเนิ่น่การด้ำาน่ธิุรกรรมู การสร้างแพัลต้ฟอร์มูกลางสาหรับ การบริการปิระชื่าชื่น่รวมูถึงการพัฒน่าแพัลต้ฟอร์มูพั่�น่ฐาน่ ที่�หน่วยงาน่ภาครัฐสามูารถึใชื้งาน่ร่วมูกัน่ได้ำการพัฒน่า มูาต้รฐาน่ร่วมู การใชื้ Open Source Framework และการ ใชื้ Open ซอฟที่์แวร์ ซึ�งมู่ความูจาเปิ็น่ต้องมู่การปิระกาศู มูาต้รฐาน่ และแน่วที่างดำาเนิ่น่งาน่สาหรับการปิระยุกต้์ใชื้ แพัลต้ฟอร์มูดำิจิทีั่ลใน่แผน่งาน่ระดาับชื่าติ้• การพืั่ฒนิาบู่คลากรทีั่ �งในิด้ำานิทีั่กษะและทีั่ศนิคติ โดำยยกระดำับับัุคลื่ากรด้ำานดำิจิทัลื่ให้เท่าทันต่อนวัต้กรรม พืั่ฒนาผู้เช่�ยวชาญด้ำานเทคนิคขั�นสัูง การแต่งตั้�ง Chief Digital Strategy Officers จากกระทรวงต่าง ๆ เพื่�อดำาเนินการต้ามแผน รวมถึงสั่งเสัริมให้บัุคลื่ากร ม่ทัศนคติ้ด้ำานดำิจิทัลื่ท่�ด่ำในการเสันอความคิดำแลื่ะ รูปัแบับัการทำางานให้ม่ ๆ แลื่ะสันับัสันุนให้ผู้เช่�ยวชาญ ท่�ไม่ใช่สัายงานดำิจิทัลื่เขั้าใจถึงความเปั็นไปัได้ำในการ ทำางานในรูปัแบับัให้ม่ห้ร่อในรูปัแบับัท่�แต้กต่างจากเดาิม ต้ลื่อดำจนการปัลืู่กฝังการเร่ยนรู้ best practice ขัอง ต่างปัระเทศ เพื่�อนำามาพืั่ฒนาบัริการภาครัฐอย่างต่อเน่�อง วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 3 23 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)Citizen Platform Data Exchange Platform e-Authentication e-Procurement Crowdsourcing Business Platform Open Data Platform ทีั่ �งนิี� จากการศึกษาประเที่ศผู้นิำาในิการพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ล ประกอบูกับูการศึกษาแนิวที่างการพืั่ฒนิา รัฐบูาลดาิจิทีั่ลอีกกว่า 20 ประเที่ศ มีขั้อสูั่งเกติที่�นิ่าสู่นิใจ ค่อ การพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัองประเที่ศติ่าง ๆ มีความ สู่อดำคล้องและเป็นิไปในิทีิ่ศที่างเดาียวกันิ แติกติ่างเพืี่ยงการประย่กติ์ใช้เที่คโนิโลยีและแนิวที่างการดำาเนินิงานิ ซึ่�งการพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัองนิานิาประเที่ศ สู่ามารถสู่ร่ปการดำาเนินิงานิภายใติ้โครงการเชิงบูรณาการเป็นิ 7 โครงการหลักสู่ำาคัญได้ำดำังนิี� (สู่ำานิักงานิคณะกรรมการดำิจิทีั่ลเพื่�อเศรษฐกิจและสูั่งคมแห่งชาติ, 2562) แพื่ลื่ต้ฟอร์มกลื่างท่�รวบัรวมขั้อมูลื่แลื่ะงานบัริการต่าง ๆ เพื่�อปัระชาชน โดำยบัูรณ์าการระห้ว่างห้น่วยงาน สัามารถึหำขั้อมูลื่สัำาห้รับัการดำาเนินช่วิต้รวมถึงทำา ธุรกรรมออนไลื่น์ไว้ในเว็บัไซึ่ต้์เด่ายวกัน เพื่�อให้สัะดำวก ต่อการเขั้าถึงขั้อมูลื่แลื่ะบัริการขัองภาครัฐ ระบับัการแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐ เพื่�อการแลื่กเปัลื่�ยนท่�รวดำเร็ว ถึูกต้อง แลื่ะน่าเช่�อถึ่อ โดำยอาจเปั็นการเก็บัขั้อมูลื่ไว้ในฐานขั้อมูลื่กลื่าง ห้ร่อ แลื่กเปัลื่�ยนโดำยต้รง ซึ่�งห้น่วยงานสัามารถึนาขั้อมูลื่ท่�ได้ำ รับัการอนุมัติ้ไปัใช้ต่อ เช่น นำาไปัใช้กรอกขั้อมูลื่อัต้โนมัติ้ ห้ร่อนำาไปัเผยแพื่ร่บัน Open Data Platform ได้ำระบับัการลื่งทะเบั่ยน การย่นยันตั้วต้น แลื่ะการระบัุ สัิทธุิการเขั้าถึงขั้อมูลื่เม่�อต้องการใช้บัริการภาครัฐ ผ่านระบับัออนไลื่น์ได้ำทุกบัริการแทนการ สัร้างบัญช่ ให้ม่ทุกครั�งท่�ต้องการทำาธุรกรรมออนไลื่น์กับัภาครัฐ ทำาให้เจ้าขัองบัญช่สัามารถึเพืิ่�มเติ้ม ห้ร่อแก้ไขัขั้อมูลื่ สั่วนบัุคคลื่ได้ำต้ลื่อดำเวลื่า อ่กทั�งระบับัจะทำาการอัพื่เดาต้ ขั้อมูลื่ท่�ม่การเปัลื่�ยนแปัลื่งไปัยังห้น่วยงานภาครัฐ ท่�เก่�ยวขั้องทุกห้น่วยงาน เปั็นการลื่ดำขั �นต้อนในการ ทำางานซึ่ำาซึ้อน เว็บัไซึ่ต้์กลื่างสัำาห้รับัรวบัรวมการจัดาซึ่�อจัดำจ้าง ม่แค็ต้ต้าลื็่อกสัินคำแลื่ะงานบัริการให้เลื่อกซึ่�อ พื่ร้อมให้ขั้อมูลื่เก่�ยวกับัสัินคำ โดำยแบั่งเปั็นห้มวดำห้มู่ ได้ำแก่ด้ำานเทคโนโลื่ย่ด้ำานอสังหำริมทรัพื่ย์ ด้ำานการท่องเท่�ยว ด้ำานกฎห้มาย แลื่ะสัำาห้รับัธุรกิจ ขันาดำย่อม (SMEs) ทำาให้ห้น่วยงานภาครัฐสัามารถึ ค้นหำแลื่ะจัดาซึ่�อสัินคำแลื่ะบัริการท่�ม่คุณ์ภาพื่ได้ำอย่าง สัะดำวกในราคาท่�คุ้มค่า เว็บัไซึ่ต้์กลื่างขัองภาครัฐใช้เปั็นช่องทางออนไลื่น์อย่าง เปั็นทางการ เพื่�อการแลื่กเปัลื่�ยน รับัฟังความคิดำเห็้น แลื่ะขั้อเสันอแนะขัองปัระชาชน แลื่ะภาคธุรกิจ ทั�งในมิติ้ ขัองการร่วมกันออกแบับับัริการแลื่ะการร่วมกันจัดำทำา ขั้อเสันอแนะเชิงนโยบัาย แพื่ลื่ต้ฟอร์มกลื่างท่�รวบัรวมขั้อมูลื่แลื่ะงานบัริการต่าง ๆ เพื่�อภาคธุรกิจ โดำยบัูรณ์าการระ ห้ว่างห้น่วยงาน สัามารถึหำขั้อมูลื่สัำาห้รับัการดำาเนินธุรกิจ รวมถึง ธุรกรรมออนไลื่น์ไว้ในเว็บัไซึ่ต้์เด่ายวกัน เพื่�อให้สัะดำวก ต่อการเขั้าถึงขั้อมูลื่แลื่ะบัริการขัองภาครัฐ แพื่ลื่ต้ฟอร์มกลื่างท่�รวบัรวม แลื่ะเผยแพื่ร่ขั้อมูลื่ จากทุกห้น่วยงานภาค รัฐไว้ในเว็บัไซึ่ต้์เด่ายวกัน โดำย ม่วัต้ถึุปัระสังค์เพื่�อให้ภาค ปัระชาชนแลื่ะภาคธุรกิจ นำาขั้อมูลื่ไปัพืั่ฒนา ห้ร่อคิดำค้นต่อยอดำธุรกิจขัองต้น รวมทั�งเปั็นการเพืิ่�มศักยภาพื่การใช้ขั้อมูลื่การเก็บั รวบัรวมขั้อมูลื่ แลื่ะการแบั่งปันขั้อมูลื่ร่วมกันวิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 24พัฒนาการ รัฐบาลดิจิทัลของประเทัศไทัย ประเที่ศไที่ย เล็งเห็นิความ สู่ำาคัญในิการ นิำา เที่คโนิ โล ยีสู่าร สู่นิ เที่ศและการ สู่ �อสู่าร รวม ถึงเที่คโนิ โล ยีดำิจิทีั่ลที่� มีผล ติ่อการ พืั่ฒ นิาเศรษฐ กิจ และสูั่งคม ขัองประเที่ศ มา สู่งเสู่ริม และ สู่นิับูสู่นิ่นิการ บูริหารงา นิ ภาพัทั่ � 1 วิวัฒนาการการพัฒนา รัฐบาลดิจิทัลของประเทัศไทัย2. หนิ่วยงา นิภาค รัฐและการให้บูริการประชาช นิมาอ ย่าง ติ่อเนิ่ �อง ดำัง สู่ะ ที้อ นิ ให้ เห็นิ ได้ำจากการ พืั่ฒ นิา ที่าง ด้ำา นิกฎหมาย การป รับูเป ลี � ย นิโครงสู่ร้างเชิงองค์ กร การ จัดำ ที่ำาแผนิระดาับูชาติ และการดำา เนินิ โครงการ สู่ำาคัญ ติ่าง ๆ e-GP 25 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ปรับปรัุงจาก: สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (2562) และข้อเสำนัอแนัะจิ�กคณะอนัุกรัรัมก�รัดิ้�นัก�รัปรับสามดิุลและพัฒนั�รัะบบก�รับรัิห�รัจิัดิก�รัภ�ค รัฐและคว�มมั �นัคง ครั �งทั่� 3/2563 เม่�อวันัทั่� 23 มิถุนั�ยนั 2563 สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 26 โดำยในปัีพื่.ศ. 2538 ปัระเทศไทยได้ำจัดำทำา แลื่ะ ปัระกาศใช้นโยบัายเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ (IT2000) แลื่ะ ปัีพื่.ศ. 2540 ม่การปัระกาศใช้พื่.ร.บั. ขั้อมูลื่ขั่าวสัารขัอง ราชการ พื่.ศ. 2540 ท่�มุ่งเน้นให้ภาครัฐเปัิดำเผยขั้อมูลื่เพื่�อสัร้าง ความโปัร่งใสั แลื่ะให้ปัระชาชนได้ำรับัทราบัขั้อมูลื่ขั่าวสัารการ ดำาเนินงานขัองภาครัฐ ปัระกอบักับัแผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจแลื่ะ สังคมแห่งชาติ้ฉบับัท่� 8 (พื่.ศ. 2540-2544) ท่�ให้ความสัำาคัญ กับัการพืั่ฒนาโครงสัร้างพื่�นฐานด้ำานระบับัสั่�อสัารโทรคมนาคม แลื่ะเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ เพื่�อยกระดำับัคุณ์ภาพื่ช่วิต้ขัอง ปัระชาชน แลื่ะเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่การผลืิ่ต้ โดำยในช่วงเวลื่า ดำังกลื่าวม่การดำาเนินงานท่�สัำาคัญ ได้ำแก่การพืั่ฒนาเคร่อขั่าย ไทยสัาร ระบับัเคร่อขั่ายสัารสันเทศขัองภาครัฐ (Government Information Network: GIN) ระบับับัริการสั่บัค้นทะเบั่ยน พื่าณิ์ชย์แลื่ะงบัดำุลื่ออนไลื่น์ ระบับัฝัาก-ถึอนเงินแบับัต่างสัาขัา การซึ่�อ–ขัายห้ลืั่กทรัพื่ย์ออนไลื่น์ แลื่ะการเริ�มใช้บัต้รปัระจา ตั้วปัระชาชนอิเลื็่กทรอนิกสั์แบับัอเนกปัระสังค์ (Smart Card) ต่อมารัฐบัาลื่ให้ความสัำาคัญกับัการพืั่ฒนาธุรกรรม อิเลื็่กทรอนิกสั์บันพื่�นฐานขัองความมั �นคงแลื่ะปัลื่อดำภัยสัำาห้รับั ให้บัริการปัระชาชน จึงม่การปัระกาศใช้พื่.ร.บั. ว่าด้ำวยธุรกรรม อิเลื็่กทรอนิกสั์ พื่.ศ. 2544 พื่.ร.ฏ. กาห้นดำห้ลืั่กเกณ์ฑ์แลื่ะ วิธุ่การในการทำาธุรกรรมอิเลื็่กทรอนิกสั์ภาครัฐ พื่.ศ. 2549 พื่.ร.บั. ว่าด้ำวยการกระทำาผิดำเก่�ยวกับัคอมพืิ่วเต้อร์ พื่.ศ. 2550 พื่.ร.บั. ว่าด้ำวยธุรกรรมอิเลื็่กทรอนิกสั์ (ฉบับัท่� 2) พื่.ศ. 2551 แลื่ะพื่รฏ. ว่าด้ำวยวิธุ่การแบับัปัลื่อดำภัยใน การทำาธุรกรรมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ พื่.ศ. 2553 ต้ามลื่ำาดำับั โดำยม่สัำานักงานคณ์ะกรรมการธุรกรรมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ ห้ร่อสัำานักงานพืั่ฒนาธุรกรรมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ (สัพื่ธุอ.) ในปัจจุบัน ทำาห้นำท่�วางนโยบัายการสั่งเสัริมแลื่ะพืั่ฒนาธุรกรรม ทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ ซึ่�งในช่วงเวลื่าดำังกลื่าว แผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจ แลื่ะสังคมแห่งชาติ้ฉบับัท่� 9 (พื่.ศ. 2545-2549) ได้ำกำาห้นดำให้ม่ การยกระดาับัการพืั่ฒนา แลื่ะการใช้เทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ แลื่ะ การสั่�อสัาร ปัระกอบักับัแผนแม่บัทเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ แลื่ะ การสั่�อสัาร (ฉบับัท่� 1) พื่.ศ. 2545-2549 ได้ำมุ่งเน้นการพืั่ฒนา บัริการอิเลื็่กทรอนิกสั์ในด้ำานต่าง ๆ เช่น ระบับัห้นังสั่อเดาินทาง อิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Passport) ระบับัชำาระภาษ่ออนไลื่น์ท่� เช่�อมโยงกับัเลื่ขัปัระจาตั้วปัระชาชน 13 ห้ลืั่ก แลื่ะระบับับัริหำรการ เงินการคลืั่งภาครัฐ (GFMIS) รวมถึงการริเริ�มโครงการสัำาคัญต่าง ๆ ได้ำแก่ โครงการพืั่ฒนาระบับัจัดาซึ่�อจัดำจ้างภาครัฐด้ำวยอิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Government Procurement: e-GP) โครงการจัดาตั้�งศูนย์ แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ภาครัฐ (Government Data Exchange : GDX) โครงการพืั่ฒนาแลื่ะจัดาทำามาต้รฐานซึ่อฟต้์แวร์กลื่างเพื่�อ การบัริหำรขัองภาครัฐ (ระบับั back office) โครงการพืั่ฒนา โครงสัร้างพื่�นฐานขั้อมูลื่เชิงพื่�นท่� (National Spatial Data Infrastructure) แลื่ะโครงการจัดาตั้�งสัถึาบัน e-Government 27 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) จากนั �นรัฐบัาลื่ได้ำม่การยกระดาับัโครงสัร้างพื่�นฐาน ด้ำานเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศภาครัฐ โดำยการปัระกาศนโยบัาย บัรอดำแบันดำ์แห่งชาติ้ แลื่ะมุ่งเน้นการดำาเนินงานแบับับัูรณ์าการ ขัองห้น่วยงานราชการ โดำยในแผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจแลื่ะ สังคมแห่งชาติ้ฉบับัท่� 10 (พื่.ศ.2550-2554) ได้ำระบัุถึง การขัยายโครงขั่ายการให้บัริการโครงสัร้างพื่�นฐานด้ำาน เทคโนโลื่ย่สัารสันเทศแลื่ะการสั่�อสัาร รวมถึงการนำาเทคโนโลื่ย่ สัารสันเทศมาปัระยุกต้์ใช้ในการดำาเนินงานขัองทุกสั่วน ราชการแลื่ะในแผนแม่บัทเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศแลื่ะการ สั่�อสัาร (ฉบับัท่� 2) พื่.ศ. 2552-2556 ยุทธุศาสัต้ร์ท่� 4 เร่�อง การใช้เทคโนโลื่ย่สัารสันเทศแลื่ะการสั่�อสัาร เพื่�อสันับัสันุน การสัร้างธุรรมาภิบัาลื่ในการบัริหำรแลื่ะการพืั่ฒนาบัริการ อิเลื็่กทรอนิกสั์ขัองภาครัฐแบับับัูรณ์าการ จึงได้ำม่การพืั่ฒนา ระบับังาน แลื่ะแพื่ลื่ต้ฟอร์มกลื่างภาครัฐต่าง ๆ ท่�สัำาคัญ ได้ำแก่ระบับัจดำห้มายอิเลื็่กทรอนิกสั์กลื่าง ระบับัสัารบัรรณ์ อิเลื็่กทรอนิกสั์ ระบับัการเช่�อมโยงขั้อมูลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ ณ์ จุดำ เด่ายวขัองปัระเทศไทย (National Single Window: NSW) ระบับั Interbank Transaction Management and Exchange (ITMX) แลื่ะระบับัเว็บัไซึ่ต้์กลื่างการบัริการภาครัฐ เปั็นต้น โดำยในช่วงเวลื่าดำังกลื่าว รัฐบัาลื่ยังได้ำเลื็่งเห็้น ความสัำาคัญขัองการยกระดาับัภาครัฐไปัสัู่การเปั็นรัฐบัาลื่ อิเลื็่กทรอนิกสั์ จึงได้ำจัดำตั้�งสัำานักงานรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ (องค์การมหำชน) (สัรอ.) ในสังกัดำกระทรวงเทคโนโลื่ย่ สัารสันเทศแลื่ะการสั่�อสัาร ซึ่�งได้ำรับัโอนอำานาจ ห้น้าท่� แลื่ะ กิจการขัองสัำานักบัริการเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศภาครัฐ (สับัทร.) ในสังกัดำสัำานักงานพืั่ฒนาวิทยาศาสัต้ร์แลื่ะเทคโนโลื่ย่ม่ห้น้า ท่�ให้บัริการแลื่ะบัริหำรจัดำการโครงสัร้างพื่�นฐานสัารสันเทศใน สั่วนท่�เก่�ยวกับัรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ ได้ำแก่การให้บัริการระบับั คลื่าวดำ์ภาครัฐ (Government Cloud) การยกระดาับัการให้ บัริการระบับัเคร่อขั่ายสั่�อสัารขั้อมูลื่เช่�อมโยงห้น่วยงานภาครัฐ (Government Information Network: GIN) แลื่ะการพืั่ฒนา ระบับัปัระชุมทางไกลื่ผ่านเคร่อขั่ายภาครัฐ (GIN Conference) เปั็นต้น โดำยในแผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจ แลื่ะสังคมแห่งชาติ้ ฉบับัท่� 11 (พื่.ศ. 2555-2559) ยังคงได้ำให้ความสัำาคัญในการ นำาเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศแลื่ะการสั่�อสัารมาเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่ การบัริหำรจัดำการภาครัฐอย่างต่อเน่�องแลื่ะยังได้ำม่การ จัดำทำา (ร่าง) แผนแม่บัทเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศแลื่ะการสั่�อสัาร (ฉบับัท่� 3) พื่.ศ. 2557-2561 อ่กด้ำวย 28 ต่อมารัฐบัาลื่ได้ำม่ความพื่ยายามในการปัรับัปัรุง ปัระสัิทธุิภาพื่กระบัวนการภาครัฐแลื่ะบัริการปัระชาชน ให้ม่ความสัะดำวก รวดำเร็ว แลื่ะลื่ดำภาระขัองปัระชาชน รวมถึงเพืิ่�มขั่ดำความสัามารถึในการปัระกอบัธุรกิจ จึงม่ พื่.ร.บั. การอำานวยความสัะดำวกในการพืิ่จารณ์าขัออนุญาต้ขัอง ทางราชการ พื่.ศ. 2558 เพื่�อกระตุ้นให้ห้น่วยงานภาครัฐเร่ง ขับัเคลื่�อนการพืั่ฒนาการออกเอกสัารแลื่ะการให้บัริการใน รูปัแบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Services) แก่ปัระชาชนแลื่ะผู้ปัระกอบั การอย่างเต็้มรูปัแบับั โดำยสัามารถึลื่ดำขั �นต้อนการดำาเนินงาน ลื่งได้ำร้อยลื่ะ 30-50 จานวน 63 ห้น่วยงาน รวม 532 ใบัอนุญาต้ลื่ดำระยะเวลื่าการดำาเนินงานเฉลื่�ยได้ำร้อยลื่ะ 41.71 แลื่ะลื่ดำรายการเอกสัารท่�เร่ยกจากปัระชาชน ได้ำ 1,212 รายการ จากสั่วนราชการ 58 ห้น่วยงาน รวม 530 ใบัอนุญาต้ โดำยม่ห้น่วยงานท่�สัามารถึยกเลืิ่กการขัอ สัำาเนาบัต้รปัระชาชนแลื่ะสัำาเนาทะเบั่ยนบั้าน ได้ำครบัทุก งานบัริการ จำานวน 60 ห้น่วยงาน แลื่ะได้ำดำาเนินการ ออกเอกสัารห้ลืั่กฐานขัองทางราชการผ่านระบับัดำิจิทัลื่ ใน 5 ปัระเภทเอกสัาร โดำยเน้นเอกสัารท่�เก่�ยวขั้องกับัช่วิต้ ปัระจำาวันแลื่ะอำานวยความสัะดำวกในการปัระกอบัธุรกิจ ได้ำแก่ ใบัรับัรองอิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Certificate) บัต้รท่�ออกให้ปัระชาชน (e-card) ใบัรับั/ใบักำากับัภาษ่อิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Receipt /e-Tax Invoice) ใบัรับัรองแพื่ทย์ (e-Medical Certificate) แลื่ะใบัมอบัอำานาจ (e-Proxy) (ขั้อมูลื่ณ์ วันท่� 6 มกราคม 2563) (สัพื่ร., 2563) จากผลื่การดำาเนินงานดำังกลื่าว ยังม่ ความจำาเปั็นท่�จะต้องพืั่ฒนาการบัริการปัระชาชนในรูปัแบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์ให้ครบัถึ้วนสัมบัูรณ์แลื่ะครอบัคลืุ่มทุกห้น่วยงาน จากนั�นได้ำม่การต้รา พื่.ร.บั. การพืั่ฒนำดิำจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจ แลื่ะสังคม พื่.ศ. 2560 แลื่ะ พื่.ร.บั. ว่าด้ำวยการกระทำาผิดำ เก่�ยวกับัคอมพืิ่วเต้อร์ (ฉบับัท่� 2) พื่.ศ. 2560 พื่ร้อมทั�งจัดำตั้�ง สัำานักงานสั่งเสัริมเศรษฐกิจดำิจิทัลื่ โดำยในแผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจ แลื่ะสังคมแห่งชาติ้ฉบับัท่� 12 (พื่.ศ.2560-2564) ยังคงมุ่งเน้น การนำาเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศมาปัรับัปัรุงการบัริหำรจัดำการ ภายในองค์กรภาครัฐ เพื่�อให้การบัริหำรงานแลื่ะการให้บัริการ ภาครัฐม่ปัระสัิทธุิภาพื่มากยิ �งขัึ�น ควบัคู่กันนั�นรัฐบัาลื่ได้ำ เร่งยกระดาับัภาครัฐไทยไปัสัู่การเปั็นรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (Digital Government Transformation) จึงได้ำม่การโอนย้ายสัำานักงาน รัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ จากกระทรวงดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจ แลื่ะสังคม มาเปั็นสัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (องค์การ มหำชน) (สัพื่ร.) สังกัดำสัำานักนายกรัฐมนต้ร่พื่ร้อมทั�งได้ำม่ การปัระกาศ พื่.ร.บั. การบัริหำรงานแลื่ะการให้บัริการภาค รัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่พื่.ศ. 2562 โดำยมุ่งเน้นการปัรับัปัรุงการ บัริหำรจัดำการแลื่ะบัูรณ์าการขั้อมูลื่ภาครัฐแลื่ะการทำางานให้ ม่ความสัอดำคลื้องแลื่ะเช่�อมโยงกันอย่างมั�นคง ปัลื่อดำภัยแลื่ะ ม่ธุรรมาภิบัาลื่ โดำยการนำาเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่มาปัระยุกต้์ใช้ เพื่�อเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่แลื่ะอานวยความสัะดำวกในการ ให้บัริการปัระชาชน จึงได้ำม่การปัระกาศใช้แผนพืั่ฒนา รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ระยะ 3 ปัี พื่.ศ. 2559-2561 ท่�ม่เปั้าห้มายใน การบัูรณ์าการระห้ว่างห้น่วยงานให้ม่การดำาเนินการแบับั อัจฉริยะแลื่ะพืั่ฒนาบัริการสัาธุารณ์ะท่�ยึดำห้ลืั่กปัระชาชน เปั็นศูนย์กลื่าง โดำยในช่วงเวลื่าดำังกลื่าวม่การดำาเนินงานท่�วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 3 28 29 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)สัำาคัญ ได้ำแก่การพืั่ฒนาระบับัภาษ่ ไปัไห้น ระบับั e-Payment แลื่ะระบับั PromptPay รวมถึงการจัดาตั้�งศูนย์กลื่างบัริการ ภาครัฐสัำาห้รับัปัระชาชน (GovChannel) การออกสัำาเนา ทะเบั่ยนการค้าเปั็นสัิ�งพืิ่มพื่์ผ่านธุนาคาร การพืั่ฒนาระบับั โอนเงินผ่าน Mobile Banking ท่�นำาไปัสัู่การยกเลืิ่กค่าธุรรมเน่ยม โอนเงินธุนาคาร การออกมาต้รฐานแอปัพื่ลืิ่เคชันภาครัฐสัำาห้รับั อุปักรณ์เคลื่�อนท่� 1.0 การออกมาต้รฐานเว็บัไซึ่ต้์เวอร์ชัน 2.0 แลื่ะการจัดาตั้�งคณ์ะทำางานเฉพื่าะกิจเพื่�อศึกษาแนวทางการ พืั่ฒนาระบับั Big Data เปั็นต้น ซึ่�งต่อมาได้ำม่การจัดำทำา (ร่าง) แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ. 2560-2564 ม่ เปั้าห้มายในการยกระ ดำับัการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่อย่างต่อเน่�อง ให้เปั็นไปัต้ามกรอบัท่�วางไว้ โดำยในช่วงเวลื่าดำังกลื่าว สัพื่ร. ได้ำ พืั่ฒนาศูนย์แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่กลื่างภาครัฐ (Government Data Exchange: GDX) ให้เปั็นแพื่ลื่ต้ฟอร์มดำิจิทัลื่กลื่างท่�ทุกสั่วน ราชการสัามารถึใช้เช่�อมโยงแลื่ะแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่สัำาห้รับั นำาไปัใช้ให้บัริการปัระชาชนแลื่ะการดำาเนินงานอ่�น ๆ ต้าม ภารกิจ ภายใต้มาต้รฐานเด่ายวกัน นอกจากน่� ยังม่การพืั่ฒนา แพื่ลื่ต้ฟอร์มดำิจิทัลื่กลื่างสัำาห้รับับัริการภาคธุรกิจ (Biz Portal) ซึ่�งผู้ปัระกอบัการสัามารถึขัอรับับัริการต่าง ๆ ได้ำแบับัเบั็ดำเสัร็จ จากการดำาเนินงานต้ามแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ท่� ผ่านมา สัำานักงานคณ์ะกรรมการดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคม แห่งชาติ้ (สัดำช.) ได้ำวิเคราะห้์แลื่ะวัดำผลื่การดำาเนินงาน รวมทั�ง สัิ�น 75 โครงการ พื่บัว่า ม่โครงการท่�เสัร็จสัมบัูรณ์ ร้อยลื่ะ 12 โครงการท่�เสัร็จบัางสั่วน ร้อยลื่ะ 47 โครงการท่�อยู่ระห้ว่าง ดำาเนินการ ร้อยลื่ะ 22 แลื่ะโครงการท่�ไม่ดำาเนินการ ร้อยลื่ะ 19แลื่ะพื่บัปัญหำอุปัสัรรคท่�สัำาคัญ 7 ด้ำาน ได้ำแก่ด้ำานขั้อมูลื่ ด้ำานกฎระเบั่ยบัด้ำานบัุคลื่ากร ด้ำานการใช้งาน ด้ำานงบัปัระมาณ์ ด้ำานโครงสัร้างพื่�นฐาน แลื่ะด้ำานนโยบัาย โดำยม่ปัญหำห้ลืั่กใน การดำาเนินโครงการ ค่อ ปัญหำด้ำานขั้อมูลื่ (สัดำช., 2562) จึง นับัเปั็นความท้าทายท่�สัำาคัญในการดำาเนินนโยบัาย แลื่ะการ วางแผน เพื่�อพืั่ฒนาการดำาเนินงานขัองห้น่วยงานภาครัฐท่�จะ ต้องม่การปัรับัปัรุงขั้อมูลื่ให้ม่ความถึูกต้องแลื่ะได้ำมาต้รฐาน รวมถึงให้ม่การเช่�อมโยงแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ระห้ว่างห้น่วยงานได้ำ นอกเห้น่อจากการดำาเนินงานดำังกลื่าวขั้างต้น รัฐบัาลื่ยังมุ่งเน้นการเปัิดำเผยขั้อมูลื่แลื่ะการม่สั่วนร่วมขัอง ปัระชาชน โดำยม่กฎห้มายท่�เก่�ยวขั้องท่� ได้ำแก่รัฐธุรรมนูญ แห่งราชอาณ์าจักรไทย พื่.ศ. 2560 พื่.ร.บั. ขั้อมูลื่ขั่าวสัารขัอง ทางราชการ พื่.ศ. 2540 แลื่ะ พื่.ร.บั. การบัริหำรงานแลื่ะการให้บัริการภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่พื่.ศ. 2562 ท่�กำาห้นดำให้ ห้น่วยงานขัองรัฐจัดำทำาขั้อมูลื่ท่�ต้องเปัิดำเผยต้ามกฎห้มาย ว่าด้ำวยขั้อมูลื่ขั่าวสัารขัองราชการในรูปัแบับัขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่ ต่อสัาธุารณ์ะ โดำยต้องให้ปัระชาชนทั �วไปัสัามารถึเขั้าถึง ได้ำอย่างเสัร่โดำยไม่เสั่ยค่าใช้จ่าย สัามารถึนาไปัเผยแพื่ร่ ใช้ปัระโยชน์ ห้ร่อพืั่ฒนาบัริการแลื่ะนวัต้กรรมในรูปัแบับัต่าง ๆ ได้ำรวมถึงความโปัร่งใสัในการดำาเนินงานท่�สัามารถึต้รวจสัอบั ได้ำจากทุกภาคสั่วน ดำังนั�น สัพื่ร. จึงได้ำพืั่ฒนาศูนย์กลื่าง ขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐ (data.go.th) สัำาห้รับัให้ห้น่วยงาน ภาครัฐเปัิดำเผยขั้อมูลื่ในรูปัแบับัดิำจิทัลื่ต่อสัาธุารณ์ชน นอกจาก น่� ยังได้ำม่การปัระกาศ พื่.ร.บั. คุ้มครองขั้อมูลื่ สั่วนบัุคคลื่พื่.ศ. 2562 แลื่ะพื่.ร.บั. การรักษาความมั �นคง ปัลื่อดำภัยไซึ่เบัอร์ พื่.ศ. 2562 เพื่�อการเก็บัรวบัรวมขั้อมูลื่ การใช้แลื่ะการเปัิดำเผยขั้อมูลื่สั่วนบัุคคลื่ให้ม่มาต้รฐาน บันพื่�นฐานการรักษาความมั �นคงปัลื่อดำภัย อย่างไรก็ต้าม การ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ภาครัฐยังม่อยู่อย่างจำากัดำ จึงต้องเร่งผลืั่กดำันการ ดำาเนินงาน รวมถึงการสัร้างเขั้าใจให้แก่เจ้าห้นำท่�ขัองรัฐในการ ให้ความสัำาคัญขัองการเปัิดำเผยขั้อมูลื่ท่�จำาเปั็นต่อสัาธุารณ์ชน จากการท บัทวนพืั่ฒนาการ ขัองรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ขัองปัระเทศไทย ดำังกลื่าว ได้ำม่การถึอดำบัทเร่ยนการดำาเนิน งานโครงการสัำาคัญท่�น่าสันใจ 2 โครงการ ได้ำแก่ (1) การ พืั่ฒนาระบับัการเช่�อมโยงขั้อมูลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ ณ์ จุดำเด่ายว ขัองปัระเทศไทย (National Single Window: NSW) ซึ่�ง เปั็นโครงการขันาดำให้ญ่แลื่ะม่ความเก่�ยวขั้องกับัห้ลื่าย ภาคสั่วนแลื่ะ (2) การพืั่ฒนาระบับั Interbank Transaction Management and Exchange (ITMX) ซึ่�งเปั็นการพืั่ฒนา ระบับัโดำยอาศัยความร่วมม่อระห้ว่างภาครัฐแลื่ะภาคเอกชน โดำยม่รายลื่ะเอ่ยดำดัำงน่�วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 30 กรมศุลื่กากรเริ�มพืั่ฒนาระบับัการให้บัริการแก่ ผู้ปัระกอบัการในการนำาเขั้าสั่งออก โดำยในปัี 2541 ได้ำม่การนำา ระบับั Electronic Data Interchange (EDI) มาใช้ทำาให้เกิดำ ความสัะดาวกรวดำเร็วให้กับัผู้ปัระกอบัการการนำาเขั้าสั่งออก วันเพื็่ญ เพื็่งสัมบัูรณ์, จันทิมา ทำทอง แลื่ะนัฐภูมิงามเนต้ร (2561) ได้ำทำาการศึกษาระบับั EDI ในพืิ่ธุ่การศุลื่กากร ค่อการ จัดำทำาใบัขันสัินคำขัาเขั้าแลื่ะขัาออก โดำยการนำาเอกสัารปัระกอบั ต่าง ๆ มาทำาการต้รวจสัอบัคำานวณ์ราคา นาห้นัก ปัริมาณ์ ชนิดำขัองสัินคำ คำาแปัลื่ช่�อสัินคำ จากนั�นจึงทำาการผ่านพืิ่ธุ่การ ศุลื่กากรด้ำวยระบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์ ซึ่�งเปั็นระบับัท่�ต้องสั่งขั้อมูลื่ ผ่าน Value Added Network Services (VANS) / Value Added Network (VAN) เขั้าระบับัคอมพืิ่วเต้อร์ขัองศุลื่กากร เพื่�อทำาการ ต้รวจสัอบัความถึูกต้องขัองขั้อกำาห้นดำ จากนั�นระบับัขัองกรม ศุลื่กากรจะออกเลื่ขัท่�ใบัขันสัินคำ เพื่�อให้ผู้นำาเขั้าสั่งออกจัดำพืิ่มพื่์ ใบัขันสัินคำแลื่ะจัดำชุดำเอกสัารผ่านพืิ่ธุ่การศุลื่กากรจำานวน 3 ชุดำ โดำยม่วิธุ่การดำาเนินการใน 2 รูปัแบับัค่อ ระบับั Red Line ท่�จะ ต้องผ่านการต้รวจสัอบัเอกสัารแลื่ะต้รวจปัลื่อยจากเจ้าห้นำท่� แลื่ะระบับั Green Line ท่�ไม่ต้องม่การต้รวจปัลื่อย อย่างไรก็ต้าม การดำาเนินการในระบับั EDI น่�ยังม่ความจำาเปั็นท่�จะต้องจัดำเก็บั เอกสัารท่�เปั็นกระดำาษอยู่ทั �งน่� ผลื่ขัองการพืั่ฒนาระบับั EDI พื่บัว่าสัามารถึลื่ดำขั �นต้อนเวลื่าแลื่ะปัรับัลื่ดำค่าบัริการลื่งได้ำทำาให้ สัามารถึรองรับัลืู่กคำไว้ได้ำในระยะสั�น แต่ยังต้องม่การพืั่ฒนา ระบับัการบัริหำรจัดำการเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศท่�ม่ปัระสัิทธุิภาพื่ เพื่�อรองรับัการใช้บัริการขัองลืู่กคำท่�เพืิ่�มขัึ�นในอนำคต้ (ปัฎิมา สัุคนธุมา, 2551)รุะบบกัารุเชื่ �อมโยงข� อม้ลอิเล็กัทรุอนิกัส์ ณ จิุดิเดิ่ยวของปรุะเทศไทย (National Single Window: NSW) 1. 30 31 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ปัญหำในเร่�องขัองการย่นยันตั้วต้นขัองผู้นำาเขั้าสั่งออก ในการรับัสั่งขั้อมูลื่กับักรมศุลื่กากร ซึ่�งผู้ปัระกอบัการ จำาเปั็นท่�จะต้องศึกษากฎระเบั่ยบัขัองการปัฏิบัติ้การ ซึ่�งอาจจะเกิดำความผิดำพื่ลื่าดำ ไม่สัามารถึเปัลื่�ยนแปัลื่ง แก้ไขัได้ำ แลื่ะอาจจะถึูกดำาเนินคด่ำได้ำ ห้น่วยงานภาครัฐยังไม่พื่ร้อมท่�จะทำาให้เกิดำขั้อมูลื่ท่�ม่การ ปัรับัเปัลื่�ยนต้ลื่อดำเวลื่า (Real Time) การพืั่ฒนาระบับัสั่งผลื่ให้ม่ต้นทุนในค่าซึ่อฟต้์แวร์ ค่าใช้จ่ายด้ำานเอกสัาร ต้นทุนด้ำานการฝัึกอบัรม ซึ่�งเปั็นต้น ทุนในการเปัลื่�ยนแปัลื่ง จากจุดำอ่อนท่�ระบับั EDI ยังต้องม่การจัดาทำาเอกสัาร กระดำาษ แลื่ะไม่พื่ร้อมท่�จะรองรับับัริการในปัริมาณ์ท่�มากขัึ�น ทำาให้ กรมศุลื่กากรได้ำม่การเปัลื่�ยนแปัลื่งเทคโนโลื่ย่ให้ม่ความก้าวห้นำ มากขัึ�นโดำยการนำาเทคโนโลื่ย่ ebXML มาใช้งาน เร่ยกว่าระบับั e-Customs (วันเพื็่ญ เพื็่งสัมบัูรณ์, จันทิมา ทำทอง แลื่ะนัฐภูมิ งามเนต้ร, 2561) ระบับั ebXML เปั็นการกำาห้นดำมาต้รฐานในสั่วน ขัอง XML (eXtensible Markup Language) สัำาห้รับัใช้ในการทำา ธุรกรรมอิเลื็่กทรอนิกสั์ท่�สัามารถึแลื่กเปัลื่�ยนระห้ว่างแพื่ลื่ต้ฟอร์ม ได้ำโดำยไม่ต้องแปัลื่ภาษา เพื่ราะ XML เปั็นทั�ง Source Code ตั้วแปัลื่ภาษาแลื่ะฐานขั้อมูลื่โดำยระบับัเองอยู่แลื้ว โดำยท่� ebXML จะเปั็นขั้อกำาห้นดำทางเทคนิคท่�ครอบัคลืุ่มถึงความ ปัลื่อดำภัย ความสัามารถึในการเช่�อมโยงกับัแพื่ลื่ต้ฟอร์ม แลื่ะการติ้ดำต่อ ธุรกรรมอิเลื็่กทรอนิกสั์แลื่ะในเทคโนโลื่ย่พื่ �นฐานเปัิดำ สั่งผลื่ ให้การดำาเนินการพืิ่ธุ่การศุลื่กากรไม่จำาเปั็นท่�จะต้องใช้กระดำาษ (Paperless) โดำยม่ขั�นต้อนค่อ ผู้ให้บัริการนำาเขั้าสั่งออกจะดำาเนิน การรับัสั่งขั้อมูลื่ผ่าน VANS ไปัยังคอมพืิ่วเต้อร์ขัองกรมศุลื่กากร เพื่�อต้รวจสัอบัความถึูกต้อง ถึ้าต้รวจสัอบัแลื้วพื่บัว่าถึูกต้อง เคร่�องคอมพืิ่วเต้อร์ขัองกรมศุลื่กากรจะออกเลื่ขัใบัท่�ขันสัินคำ ให้ แต่ถึ้าไม่ถึูกต้องระบับัจะแจ้งบัอกรหั้สัท่�ผิดำพื่ลื่าดากลืั่บัไปั โดำยการต้รวจสัอบัสัินคำนั�น เคร่�องคอมพืิ่วเต้อร์ขัองกรมศุลื่กากร จะดำาเนินการสัุ่มต้รวจสัินคำแบับัอัต้โนมัติ้อย่างไรก็ด่ำจากการ ศึกษาขัอง วันเพื็่ญ เพื็่งสัมบัูรณ์, จันทิมา ทำทอง แลื่ะนัฐภูมิ งามเนต้ร (2561) การพืั่ฒนาจากระบับั EDI ไปัเปั็นระบับั ebXML ม่ปัระเดา็นท่�เปั็นอุปัสัรรคดำังน่�วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 1. 2. 3. 32 นอกจากน่ � จากการศึกษาดำังกลื่าวได้ำม่การอ้างอิง ถึงเอกสัารจากการสั่�อสัารแห่งปัระเทศไทย (2548) แลื่ะ ชัยดำารงค์ อุทิรัมย์นะ (2543) เปัร่ยบัเท่ยบัความแต้กต่างระห้ว่าง การใช้ระบับั EDI แลื่ะระบับั ebXML ดำังน่� ความปัลื่อดำภัยขัองเอกสัาร พื่บัว่า ระบับั ebXML ม่ความ ปัลื่อดำภัยมากกว่า เน่�องจากม่การใช้รหั้สัในการเขั้าถึงเอกสัาร ในขัณ์ะท่�ระบับั EDI เปั็นเอกสัารท่�สัามารถึเปัิดำอ่านได้ำโดำย ไม่ต้องเขั้ารหั้สัสัามารถึนาใบัรับัรองอิเลื็่กทรอนิกสั์ (Digital Certificate)ไปัใช้กับังานธุรกรรมอ่ �น ๆ ได้ำพื่บัว่า ระบับั ebXML สัามารถึนาไปัใช้ได้ำ เน่�องจากเอกสัาร ทุกฉบับัสัามารถึย่นยันความเปั็นเจ้าขัองได้ำ แลื่ะระบับั EDI การย่นยันความเปั็นเจ้าขัอง พื่บัว่า ระบับั ebXML สัามารถึย่นยัน ได้ำต้ามขั้อมูลื่ใบัรับัรองอิเลื็่กทรอนิกสั์ (Digital Certificate) ท่�ม่ การลื่งลื่ายม่อช่�ออิเลื็่กทรอนิกสั์ ในขัณ์ะท่� EDI ไม่สัามารถึย่นยันมาต้รฐานท่�ใช้พื่บัว่า ebXML Standard เปั็นมาต้รฐานสัากลื่ ท่�ใช้ติ้ดำต่อกันระห้ว่างปัระเทศ แต่ EDI ใช้ B2B Standard ค่อ ขั้อต้กลื่งระห้ว่างองค์กร ความสัอดำคลื้องกับัพื่.ร.บั. การทำาธุรกรรมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ พื่บัว่า ระบับั ebXML ม่ความสัอดำคลื้องจากการลื่งลื่ายม่อช่�อ อิเลื็่กทรอนิกสั์ แต่ระบับั EDI ยังขัาดำในปัระเดา็นเร่�องขัองการ ย่นยันความเปั็นเจ้าขัองเอกสัารค่าใช้จ่ายในการจัดำเก็บัเอกสัาร พื่บัว่า ระบับั ebXML ไม่ม่ค่า ใช้จ่าย เน่�องจากเอกสัารถึูกจัดำเก็บัในรูปัแบับัเอกสัาร อิเลื็่กทรอนิกสั์ ในขัณ์ะท่�ระบับั EDI ม่ค่าใช้จ่ายสัูง เน่�องจากต้อง จัดำเก็บัเอกสัารท่�เปั็นกระดำาษต้ามระยะเวลื่าแลื่ะกฎห้มายกาห้นดำ ใบัรับัรองอิเลื็่กทรอนิกสั์ (Digital Certificate) พื่บัว่า ระบับั ebXML สัามารถึใช้ต้ามห้ลืั่กกุญแจคู่ (PKI) แต่ระบับั EDI ไม่ม่ความยากง่ายในการพืั่ฒนาระบับัพื่บัว่า ระบับั ebXML ง่ายต่อ การพืั่ฒนำมากกว่า เน่�องจากใช้มาต้รฐานสัากลื่ แต่ระบับั EDI เปั็นการใช้มาต้รฐานท่�ต้กลื่งกันเองระห้ว่างห้น่วยงานท่�เก่�ยวขั้อง 1. 5. 6. 7. 8.2. 3. 4.วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 3 33 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) ระบับั ITMX ดำาเนินการภายใต้บัริษัท เนชั�นเนลื่ ไอท่เอ็มเอ็กซึ่์ จำากัดำ (National ITMX Co., Ltd.) ซึ่�งก่อตั้�งขัึ�นในปัี พื่.ศ. 2548 ในรูปัแบับักิจการร่วมคำ (Joint Venture) โดำยเปั็นการ ร่วมทุนระห้ว่างห้น่วยงานธุนาคารภาครัฐกับัธุนาคารพื่าณิ์ชย์อ่�น ๆ อ่ก 11 ห้น่วยงาน ท่�ร่วมกันพืั่ฒนาระบับัการทำาธุรกรรมทางการ เงินอิเลื็่กทรอนิกสั์กลื่างขัองปัระเทศ แลื่ะการเช่�อมโยงระบับัการ ชำาระเงินไปัยังต่างปัระเทศ ซึ่�งเปั็นรากฐานท่�สัำาคัญขัองการพืั่ฒนา บัริการทางการเงินท่�สัำาคัญต่าง ๆ เพื่�ออำานวยความสัะดำวกแก่ ปัระชาชนในการทำาธุรกรรมทางการเงิน แลื่ะการโอนเงินผ่าน ช่องทางท่�ห้ลื่ากห้ลื่าย ทั �งเอท่เอ็ม เคาน์เต้อร์ธุนาคาร อินเทอร์เน็ต้ แลื่ะโทรศัพื่ท์ม่อถึ่อ ด้ำวยระบับัท่�ม่ความปัลื่อดำภัย รวมถึงการ พืั่ฒนาโครงสัร้างพื่�นฐานแลื่ะกาห้นดำมาต้รฐานระบับัการโอน เงินระห้ว่างธุนาคาร โดำยการร่วมทุนดำังกลื่าวช่วยให้ภาครัฐแลื่ะ ภาคเอกชนใช้ศักยภาพื่ขัองต้นได้ำอย่างเต็้มท่� แลื่ะสัามารถึปัฏิบัติ้ งานได้ำอย่างม่ปัระสัิทธุิภาพื่ม่ความย่ดำห้ยุ่นในการดำาเนินงาน แลื่ะต้อบัสันองต่อความต้องการขัองผู้รับับัริการ สัอดำรับัต่อการ ทำางานในสัภาพื่แวดำลื้อมดำิจิทัลื่ โดำยม่ธุนาคารแห่งปัระเทศไทย เปั็นผู้ขับัเคลื่�อนสัำาคัญ ต่อมาในปัีพื่.ศ. 2550 ได้ำม่การให้บัริการ ระบับั SMART Creditแลื่ะระบับั SMART Credit Same Day เพื่�อ อำานวยความสัะดำวกให้แก่ลืู่กคำขัองธุนาคารสัมาชิกท่�ใช้บัริการ โอนเงินรายย่อยระห้ว่างธุนาคารให้ได้ำรับัการบัริการท่�รวดำเร็ว พื่ร้อมทั�งเปัิดำให้บัริการ ATM POOL สัำาห้รับัการถึอนเงิน สัอบัถึาม ยอดำเงินแลื่ะโอนเงินผ่านระบับั ATM แลื่ะเคาน์เต้อร์ธุนาคาร รวมถึงการเปัิดำให้บัริการระบับัควบัคุม แลื่ะบัริหำรความเสั่�ยงใน การชำาระดาุลื่ระห้ว่างธุนาคาร แลื่ะในปัีพื่.ศ. 2560 กระทรวงการ คลืั่ง ธุนาคารแห่งปัระเทศไทย แลื่ะสัมาคมธุนาคารไทย เปัิดำตั้ว บัริการพื่ร้อมเพื่ย์ (PromptPay) อย่างเปั็นทางการ โดำยเริ�มให้ บัริการรับัเงินแลื่ะโอนเงินทางเลื่อกให้ม่ โดำยใช้ห้มายเลื่ขัโทรศัพื่ท์ ม่อถึ่อ ห้ร่อห้มายเลื่ขัปัระจาตั้วปัระชาชน แทนเลื่ขัท่�บัญช่เงินฝัาก เพืิ่�มความสัะดำวกแลื่ะปัระห้ยัดา ในการรับัเงินแลื่ะโอนเงิน ให้กับัปัระชาชน นับัเปั็นก้าวสัำาคัญสัู่การขับัเคลื่�อนแผน ยุทธุศาสัต้ร์ระบับัการชำาระเงินแบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์แห่งชาติ้ (National e-Payment)รุะบบ Interbank Transaction Management and Exchange (ITMX)2.วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 34 ปิระเที่ศูไที่ยมู่การซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์ผ่าน่ต้ลาดำ หลักที่รัพัย์มูาตั้�งแต่ปิี 2518 โดำยข้อมูลจากต้ลาดำหลักที่รัพัย์ แห่งปิระเที่ศูไที่ย (2547) ได้ำน่าเสน่อการพัฒน่าข้องการซ่ �อข้าย หลักที่รัพัย์ผ่าน่ระบบคอ มูพัิวเต้อร์ใน่ปิระเที่ศูไที่ย ซึ�งเริ�มูจากการ ที่�ปิริมูาณการซ่ �อข้ายที่�เพัิ�มูขึ้�น่อย่างต่อเน่�องใน่ชื่วงเวลาระหว่าง ปิี 2530-2534 ที่ำาให้ต้ลาดำหลักที่รัพัย์ต้องหา วิธิ่การที่� มูารอง รับ ปิริมูาณการซ่ �อข้ายที่�มู่มูลค่ามูากกว่า 5,000 ลำน่บาที่ต่อวัน่ ซึ�งการซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์แบบเคาะกระดำาน่ ไมู่สามูารถึที่�จะ รองรับได้ำต้ลาดำหลักที่รัพัย์แห่งปิระเที่ศูไที่ยจึงได้ำริเริ�มูน่า ระบบคอมูพัิวเต้อร์มูาใชื้ใน่การซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์ และเปิ็น่ ต้ลาดำหลักที่รัพัย์แห่งแรกใน่ภูมูิภาคเอเชื่ยต้ะวัน่ออกเฉี่ยงใต้ ที่�มู่การน่าระบบคอมูพัิวเต้อร์มูาใชื้อย่างเต็้มูรูปิแบบ โดำยได้ำมู่การ ตั้�งคณะที่ำางาน่ที่�มู่ผู้แที่น่จำกบริษัที่หลักที่รัพัย์และผู้แที่น่บริษัที่ ที่างด้ำาน่เที่คโน่โลย่สารสน่ เที่ศูเข้ามูาร่วมูกัน่ศูึกษัา และตั้ดำสิน่ใจ ใน่การจัดาซ่�อระบบ ซึ�งได้ำมู่การไปิดำูงาน่ยังต้ลาดำหลักที่รัพัย์ สำาคัญ ๆ ใน่ยุโรปิและอเมูริกา โดำยสุดาที้ายคณะที่ำางาน่ ได้ำเล่อก ที่�จะใชื้ระบบเด่ายวกับต้ลาดำหลักที่รัพัย์ชืิ่คาโก (Chicago Stock Exchange) ซึ�งใน่ข้ณะนั่ �น่ใชื้ชื่�อว่าต้ลาดำหลักที่รัพัย์มูิดำเวสต้์ (Midwest Stock Exchange) ชื่�อว่า Automated System for The Stock Exchange of Thailand หร่อ ASSET โดำย ได้ำมู่การดำาเนิ่น่การติ้ดำตั้�ง และจัดาการฝึกอบรมูเจ้าหน้าที่� เปิ็น่เวลา 16 เด่าอน่จึงมู่การเปิดำใชื้อย่างเปิ็น่ที่างการใน่ปิี 2534 ซึ�ง ระบบมู่การดำาเนิ่น่งาน่ดำังน่�กัารุซึ่�อขายหลักัทรุัพัย์อิเล็กัทรุอนิกัส์ ของติลาดิหลักัทรุัพัย์แห่งปรุะเทศไทย 3. 34 35 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)จับคู่คำาสั�งซ่�อข้ายอัต้โน่มูัติ้ (Automatic Order Matching: AOM) โดำยกาหน่ดำหลักเกณฑ์การเร่ยงคำาสั�ง ซ่�อข้ายต้ามูเวลาและราคา มู่การแจ้งผลการ ซ่�อข้ายส่งกลับไปิยังผู้ส่งคำาสั�งทีั่�ง 2 โดำยทีั่น่ที่ผ่าน่ระบบคอมูพัิวเต้อร์ สามูารถึรองรับปิริมูาณการซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์ได้ำ 10,000 คำาสั�งต่อชืั่�วโมูง และได้ำมู่การข้ยายข่ดำความูสามูารถึ เพัิ�มูขึ้�น่อย่างต่อเน่�อง สามูารถึกระจายข้อมูลการลงทีุ่น่ใน่หลักที่รัพัย์ไปิสู่ ผู้ลงทีุ่น่ใน่ทีั่น่ที่ทีั่�งใน่และต่างปิระเที่ศู สามูารถึเชื่�อมูโยงข้อมูลการซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์กับระบบ อ่�น่ ๆ เชื่น่การชื่ำาระราคาและการส่งมูอบหลักที่รัพัย์ ศูน่ย์รับฝึากหลักที่รัพัย์ และระบบที่ะเบ่ยน่หุ้น่ เปิ็น่ต้น่น่อกจากน่ � ยังได้ำมู่การพัฒน่าโปิรแกรมูเพั่�อรายงาน่ราคา หลักที่รัพัย์ชื่�อ Price Reporting System หร่อ PRS โดำยจะเชื่�อมูโยง ข้อมูลจากระบบ ASSET เพั่�อใชื้ใน่การเผยแพัร่ข้อมูลการลงทีุ่น่ได้ำ ทีั่น่เวลา หร่อแบบ Real Time ที่ำาให้สมูาชืิ่กที่ราบข้อมูลได้ำอย่าง รวดำเร็วและเที่าเที่ยมู ใน่ชื่วงเวลาเด่ายวกัน่นั่�น่ต้ลาดำหลักที่รัพัย์แห่งปิระเที่ศูไที่ย (2547) ยังได้ำระบุถึงการพัฒน่าศูน่ย์รับฝึากหลักที่รัพัย์และระบบ ไร้ใบหุ้น่ โดำยการน่าระบบบาร์โค้ดำมูาใชื้ใน่การจัดาระบบใบหุ้น่ และเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ใน่ระบบคอมูพัิวเต้อร์ ได้ำแก่ เลข้ที่�ใบหุ้น่ ชื่�อหลักที่รัพัย์ จำาน่วน่หุ้น่รหัสบัต้รสมูาชืิ่กผู้ถึ่อหุ้น่ซึ�งการดำาเนิ่น่การ เชื่น่น่�ที่ำาให้มู่ความูสะดำวกและรวดำเร็วมูากยิ �งขึ้�น่ซึ�งต่อมูาได้ำ พัฒน่าเปิ็น่ระบบไร้ใบหุ้น่ (Scripless) และได้ำมู่การบรร จุไว้ใน่ พั.ร.บ. หลักที่รัพัย์และต้ลาดำหลักที่รัพัย์ พั.ศู. 2535 ที่ำาให้ ใบรับฝึากน่ �ถึ่อเปิ็น่เสมู่อน่ ใบหุ้น่ต้ามูกฎหมูาย และที่ำาให้การโอน่ หลักที่รัพัย์ระหว่างบริษัที่สมูาชืิ่กที่ำาได้ำสะดำวก รวดำเร็วมูากขึ้ �น่ ซึ�งต่อมูาได้ำมู่การจัดาตั้�ง บริษัที่ศูน่ย์รับฝึากหลักที่รัพัย์ (ปิระเที่ศูไที่ย) จำากัดำ เพั่�อมูาที่ำาหน้าที่�เปิ็น่น่ายที่ะเบ่ยน่ และที่ำา สำาเน่าหักบัญชื่สาหรับระบบไร้ใบหุ้น่น่ � ที่ำาให้สามูารถึรองรับการซ่ �อ ข้ายหลักที่รัพัย์ใน่ปิริมูาณที่�เพัิ�มูขึ้�น่ได้ำ1. 2. 3. 4. 5.วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 36 เมู่�อมู่การน่าระบบคอมูพัิวเต้อร์มูาใชื้งาน่ ใน่การ ซ่�อข้ายหลักที่รัพัย์แล้วนั่�น่ต้ลาดำหลักที่รัพัย์แห่งปิระเที่ศูไที่ย (2547) ได้ำมู่การกล่าวถึงการพัฒน่าระบบสารสน่ เที่ศู ธิุรกิจหลักที่รัพัย์ (SET Information Management System) เพั่�อเปิ็น่ศูน่ย์กลางใน่การจัดาเก็บและเผยแพัร่ข้อมูลสาคัญเก่�ยวกับ การลงทีุ่น่ใน่การซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์ อาทีิ่เชื่น่ข้อมูลการซ่ �อข้าย ข้อมูลบ ริษัที่จดำที่ะเบ่ยน่ข้อมูลรำคำหลักที่รัพัย์ และข้อมูลสถึิติ้ ต่าง ๆ ซึ�งเชื่�อมูโยงจากระบบ ASSET และใน่ปิี 2538 ได้ำมู่การ พัฒน่าระบบ ELCID (Electronic Listed Company Information Disclosure) เพั่�อใชื้ใน่การอาน่วยความูสะดำวกใน่การเปิดำเผย ข้อมูลบริษัที่จดำที่ะเบ่ยน่และระบบ SIMS ก็มู่การเชื่�อมูโยงเชื่น่กัน่ ที่ำาให้ฐาน่ข้อมูลข้องต้ลาดำหลักที่รัพัย์มู่ความูสมูบูรณ์ยิ�งขึ้�น่ซึ�ง ระบบดำังกล่าวชื่วยให้การวิเคราะห์ และการตั้ดำสิน่ใจข้องผู้ลงทีุ่น่ เปิ็น่อย่างมูาก ซึ�งใน่เวลาต่อมูาต้ลาดำหลักที่รัพัย์ได้ำมู่การพัฒน่า ระบบ SET Smart เข้ามูาที่ดำแที่น่ระบบ SIMS ที่ำาให้ผู้ลงทีุ่น่ สามูารถึเข้าถึงข้อมูลผ่าน่ชื่องที่างออน่ ไลน่์ โที่รศูัพัที่์มู่อถึ่อ และ อิน่เที่อร์เน็่ต้เพัิ�มูมูากขึ้ �น่ ใน่ปิัจจุบัน่จะพับว่า ระบบ AOM ยังคงเปิ็น่ระบบพั่ �น่ฐาน่ สำาคัญข้องต้ลาดำหลักที่รัพัย์ใน่การซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์ผ่าน่ชื่องที่าง อิเล็กที่รอนิ่กส์ โดำยต้ลาดำหลักที่รัพัย์ได้ำมู่การพัฒน่าระบบการ ซ่�อข้าย และการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน่ชื่องที่างออน่ ไลน่์ได้ำทีั่�งบน่ หน้าเว็บไซต้์และโที่รศูัพัที่์มู่อถึ่อ ซึ�งเปิ็น่การอาน่วยความูสะดำวกให้ กับผู้ซ่�อข้ายหลักที่รัพัย์เปิ็น่อย่างมูาก จากการศูึกษัาการพัฒน่าการซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์ที่าง ชื่องที่างอิเล็กที่รอนิ่กส์ข้องปิระเที่ศูไที่ย จะพับว่า การน่าระบบ อิเล็กที่รอนิ่กส์มูาใชื้ชื่วยให้เกิดำการสร้างมูลค่าจากปิริมูาณการ ซ่�อข้ายหลักที่รัพัย์ที่�เพัิ�มูขึ้�น่รวมูทีั่ �งจากความูสะดำวกที่�เอ่�อให้การ ซ่�อข้ายหลักที่รัพัย์ และการเข้าถึงข้อมูลเปิ็น่ไปิอย่างคุ้มูค่าทีั่�งที่าง ต้น่ทีุ่น่เวลา และต้น่ทีุ่น่ที่�เปิ็น่ตั้วเงิน่รวมูไปิถึงความูสะดำวกจากการ ลดาขั้�น่ต้อน่ และเปิล่�ยน่รูปิแบบข้องเอกสารมูาเปิ็น่รูปิแบบเอกสาร อิเล็กที่รอนิ่กส์ที่�เปิ็น่การควบรวมู (Merge) หน้าที่�ข้องเอกสาร ใน่แต่ละส่วน่เข้ามูาเปิ็น่หน้าที่�เด่ายวกัน่ซึ�งส่งผลต่อการปิระหยัดา ต้น่ทีุ่น่ใน่การจัดาเก็บเอกสารและต้น่ทีุ่น่ใน่การดำาเนิ่น่ขั้�น่ต้อน่ต่าง ๆ ซึ�งถึ่อเปิ็น่การพัฒน่าที่�มู่ความูคุ้มูค่า และสร้างมูลค่าที่างเศูรษัฐกิจ ข้องปิระเที่ศูไที่ยได้ำอย่างเต็้มูที่�วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 3 37 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)4. แน่วคิดำใน่การจัดาตั้�งศูน่ย์ข้อมูลเครดำิต้นั่�น่ ได้ำเริ�มูขึ้�น่ตั้�งแต่ ปิีพั.ศู. 2504 โดำยสมูาคมูธิน่าคารไที่ยได้ำหาร่อกับธิน่าคารแห่ง ปิระเที่ศูไที่ยว่ามู่ความูปิระสงค์ให้มู่แหล่งกลางสาหรับแลกเปิล่�ยน่ ข้อมูลเก่�ยวกับลูกค้าข้องธิน่าคารพัาณิชื่ย์ เพั่�อลดาความูเส่�ยงใน่การ ให้กู้ และปิ้องกัน่ความูเส่ยหายที่�อาจเกิดาขึ้�น่กับธิน่าคารพัาณิชื่ย์ โดำยข้อให้ธิน่าคารแห่งปิระเที่ศูไที่ยเปิ็น่แหล่งกลางใน่การรวบรว มู ข้อมูล ต่อมูาปิีพั.ศู. 2541 กระที่รวงการคลังได้ำย่น่ยัน่น่โยบายให้มู่ การจัดำตั้�งศูน่ย์ข้อมูลเคร ดำิต้ เพั่�อปิระโย ชื่น่์ใน่การ วิเคราะ ห์สิน่เชื่�อ และล ดำภาระห น่�เส่ยข้องสถึาบัน่การเงิน่ต่าง ๆ อัน่เปิ็น่ปิัญหาให ญ่ และเร่งด่ำวน่ข้องสถึาบัน่การเงิน่ใน่ปิระเที่ศูอยู่ใน่ข้ณะนั่ �น่ ใน่เด่าอน่ กรกฎาค มู 2541 รัฐมูน่ต้ร่ชื่วยว่าการกระ ที่รวงการค ลังใน่ข้ณะนั่�น่ ใน่ฐาน่ะผู้รับผิดำชื่อบดำูแลธิน่าคารอาคารสงเคราะห์ (ธิอส.) จึงได้ำสั�งการให้ธิอส. เปิ็น่หน่วยงาน่หลักใน่การจัดาตั้�งศูน่ย์ข้อมูล เครดำิต้ขึ้�น่ข้ณะเด่ายวกัน่ธิน่าคารแห่งปิระเที่ศูไที่ยก็ได้ำปิระกาศู น่โยบายให้สมูาคมูธิน่าคารไที่ยเร่งรัดำดำาเนิ่น่การจัดาตั้�งศูน่ย์ ข้อมูลเครดำิต้ โดำยสมูาคมูธิน่าคารไที่ยได้ำจัดำตั้�งที่มูที่ำางาน่ ใน่รูปิ คณะกรรมูการเพั่�อสาน่ภารกิจต่อไปิการดำาเนิ่น่การจัดาตั้�งศูน่ย์ ข้อมูลเครดำิต้จึงได้ำแบ่งออกเปิ็น่ 2 ฝึ่าย ค่อ ฝึ่ายที่�จัดาตั้�งโดำย ธิอส. ได้ำจัดำตั้�ง บริษัที่ข้อมูลเครดำิต้ไที่ย จำากัดำ ขึ้�น่ส่วน่ฝึ่ายธิน่าคารแห่ง ปิระเที่ศูไที่ยและสมูาคมูธิน่าคารไที่ย ได้ำจัดำตั้�ง บริษัที่ระบบข้อมูล กลาง จำากัดำ ขึ้�น่ โดำยทีั่ �งสองบริษัที่ก็ได้ำจัดำตั้�งขึ้�น่โดำยมู่วัต้ถึุปิระสงค์ เด่ายวกัน่ค่อ เพั่�อเปิ็น่ศูน่ย์กลางรวบรวมูข้อมูลลูกคำ เพั่�อชื่วยลดา ความูเส่�ยง และเพัิ�มูปิระสิที่ธิภาพัข้องการให้สิน่เชื่�อ เพั่�อปิ้องกัน่ ปิัญหาหน่ �เส่ยใน่ระบบเศูรษัฐกิจ หร่อหน่ �ที่�ไมู่ก่อให้เกิดำรายได้ำ ต่อมูาใน่ปิีพั.ศู. 2548 บริษัที่ข้อมูลเครดำิต้กลาง จำากัดำ ได้ำรวมู กิจการ กับบริษัที่ข้อมูลเคร ดำิต้อ่กแห่งหนึ่�ง ค่อ บริษัที่ข้อมูลเคร ดำิต้ ไที่ย จำากัดำ และได้ำเปิล่�ยน่ชื่�อเปิ็น่บริษัที่ข้อมูลเครดำิต้แห่งชื่าติ้จำากัดำ เมู่�อวัน่ที่� 19 พัฤษัภาคมู 2548 ซึ�งมู่ผู้ถึ่อหุ้น่ข้องบริษัที่ข้อมูล เครดำิต้ไที่ย จำากัดำ และธิน่าคาร รวมูทีั่ �งสถึาบัน่การเงิน่ข้องรัฐเข้ามูา ถึ่อหุ้น่ใน่บริษัที่ข้อมูลเครดำิต้แห่งชื่าติ้จำากัดำ กัารุแลกัเปล่�ยนข�อม้ลเครุดิติบ้โรุ วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 38 ปิัจจุบัน่บริษัที่ข้อมูลเครดำิต้แห่งชื่าติ้จำากัดำ เปิ็น่องค์กรที่� ได้ำรับใบอนุ่ญาต้ และบริการการให้ข้อมูลเหล่าน่�ภายใต้กรอบข้อง กฎหมูายที่�มู่ชื่�อว่า พัระราชื่บัญญัติ้การปิระกอบธิุรกิจข้อมูลบัต้ร เครดำิต้พั.ศู. 2545 ได้ำรับข้อมูลมูาจากสถึาบัน่ที่างการเงิน่และ Non-bank ที่�เปิ็น่สมูาชืิ่กข้องหน่วยงาน่กลางน่ � โดำยหน่วยงาน่ กลางน่ �จะเก็บข้อมูลไว้ให้สมูาชืิ่กหร่อบุคคลทีั่ �วไปิ ได้ำเข้ามูาดำู พัฤติ้กรรมูที่างการเงิน่และปิระวัติ้การชื่ำาระหน่ � ปิัจจุบัน่สมูาชืิ่ก ข้องเครดำิต้บูโรใน่ไต้รมูาส 1 ปิีพั.ศู. 2563 มู่อยู่ 103 แห่ง แบ่งเปิ็น่ ธิน่าคารพัาณิชื่ย์ 17 แห่ง และสถึาบัน่การเงิน่เฉีพัาะกิจข้องรัฐ (SFIs) 6 แห่ง น็่อน่แบงก์-น่าโน่ไฟแน่น่ซ์และพัิโกไฟแน่น่ซ์รวมู 18 แห่ง เชื่าซ่�อ-ล่สซิ�ง 52 แห่งและอ่�น่ ๆ อ่ก 10 แห่ง โดำยจาน่วน่บัญชื่ สิน่เชื่�อที่�เปิ็น่บุคคลธิรรมูดำามู่อยู่ราว 108 ลำน่บัญชื่ครอบคลุมู ลูกหน่� 28 ลำน่ราย ข้ณะที่� สิน่เชื่�อ นิ่ติ้บุคคลอ ยู่ที่� 4.3 ลำน่บัญชื่ ครอบคลุมู 4 แสน่บริษัที่ทีั่�งน่� ไต้รมูาส 1 ปิีน่�มู่จำาน่วน่รายการ ส่บค้น่ข้อมูลเฉีล่�ยอยู่ที่� 20.37 ลำน่ครั�ง ข้ณะที่�ปิี 2562 ทีั่�งปิีมู่ จำาน่วน่รายการส่บค้น่ข้อมูลทีั่ �งหมูดำอยู่ที่� 73.83 ล้าน่ครั�ง สาหรับข้อมูลที่�เครดำิต้บูโรเก็บจะปิระกอบไปิด้ำวย 2 ส่วน่ค่อ 1. ข้อมูลส่วน่ตั้วเก่�ยวกับลูกค้า ปิระกอบด้ำวย ชื่�อ ที่�อยู่ วัน่เด่าอน่ปิีเกิดำ สถึาน่ภาพัอำชื่พั เลข้บัต้รปิระชื่าชื่น่ เปิ็น่ต้น่ และ 2. ข้อมูลเก่�ยวกับปิระวัติ้การข้อและได้ำรับกำรอนุ่มูัติ้สิน่เชื่�อ และการชื่ำาระสิน่เชื่�อ แต่เครดำิต้บูโรจะแสดำงข้อมูลฝึั �งหน่�สิน่ เที่านั่�น่ ไมู่รวมูถึงข้อมูลส่วน่ที่รัพัย์สิน่ โดำยข้อมูลที่�ได้ำนั่�น่จะมูาจาก สมูาชืิ่กข้องเครดำิต้บูโร มู่ทีั่�งธิน่าคารพัาณิชื่ย์ ธิน่าคารเฉีพัาะกิจ ข้องรัฐ บริษัที่เงิน่ทีุ่น่บริษัที่หลักที่รัพัย์ บริษัที่เครดำิต้ฟองซิเอร์ บริษัที่ปิระกัน่ (ทีั่�งวิน่าศูภัยและ ปิระกัน่ชื่วิต้) และ ผู้ให้บริการ บัต้รเครดำิต้ เปิ็น่ต้น่จะมู่ข้อมูลเชื่�อมูโยงไปิที่�เครดำิต้บูโรหมูดำ แต่ ผู้ให้บริการสาธิารณูปิโภค เชื่น่การปิระปิาน่ครหลวง การไฟฟ้า น่ครหลวง ค่ายบริษัที่มู่อถึ่อ ผู้ให้บริการอิน่เที่อร์เน็่ต้ เหล่าน่�จะ มูิได้ำเปิ็น่สมูาชืิ่กข้องเครดำิต้บูโร โดำยบุคคลหร่อหน่วยงาน่ที่�ข้อ ดำูข้อมูลเหล่าน่�ได้ำค่อหน่วยงาน่ที่�เปิ็น่สมูาชืิ่กและบุคคลทีั่ �วไปิ (ดำูได้ำเฉีพัาะข้อมูลข้องต้น่ เองเที่านั่�น่) โดำยวัต้ถึุปิระสงค์ใน่การ ข้อดำูนั่�น่เพั่�อปิระกอบกำรวิเคราะห์สิน่เชื่�อและออกบัต้รเครดำิต้ เที่านั่�น่และหากข้อมูลใน่เครดำิต้บูโรไมู่ถึูกต้อง เราสามูารถึข้อแก้ไข้ ข้อมูลจากสถึาบัน่ที่างการเงิน่ เน่�องจากสถึาบัน่ที่างการเงิน่จะ ต้องส่งข้อมูลที่�อัพัเดาที่ให้แก่เครดำิต้บูโรเปิ็น่ปิระจา เครดำิต้บูโร ถึ่อเปิ็น่ความูสาเร็จใน่การเชื่�อมูโยงข้อมูล ข้องหน่วยงาน่ที่�เปิ็น่ภาค่สมูาชืิ่ก ที่�ที่ำาให้วิเคราะห์การปิล่อย สิน่เชื่�อได้ำรวดำเร็วและแมู่น่ยำามูากยิ �งขึ้�น่ โดำยใน่อน่าคต้หากมู่ การเชื่�อมูโยงข้อมูล ค่าไฟฟ้า ค่าน่าปิระปิา ค่าโที่รศูัพัที่์มู่อถึ่อ หร่อปิระวัติ้การชื่ำาระเงิน่กู้ย่มูเงิน่เพั่�อการศูึกษัา จะที่ำาให้ลูกหน่� มู่การพัิจารณาการสร้างหน่ �อย่างรอบคอบ ยกระดาับความูมู่วินั่ย ที่างการเงิน่ข้องคน่ ไที่ย และลดาปิัญหาหน่ �เส่ยให้แก่ผู้ปิระกอบการ รวมูถึงความูสามูารถึใน่การปิล่อยกู้ให้แก่ลูกหน่�ที่�มู่พัฤติ้กรรมูที่�ด่ำ ใน่อน่าคต้อ่กด้ำวยวิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 3 39 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)จากการดำาเนินิโครงการทั้ �ง 4 ระบบด้ำงกล่าว สามารถวิเคราะห์ ข้อส้งเกตจากการดำาเนินิงานิได้ำด้ำงนิ้� การส่งเสริมูรูปิแบบการบ ริหารจัดำการข้องภาค รัฐที่�เอก ชื่น่ สามูารถึเข้ามูามู่ส่วน่ร่วมูได้ำ เชื่น่การร่วมูลงทีุ่น่ (Public Private Partnership) กิจการร่วมูคำ (Joint Venture) และการจ้างดำาเนิ่น่ งาน่ (Outsourcing Contract) โดำยอาศูัยศูักยภาพัและความู พัร้อมูจากภาคเอก ชื่น่ เพั่�อการส ร้างสรร ค์น่วัต้กรรมู บริการ และ การดำาเนิ่น่โครงการอย่างมู่ปิระสิที่ธิภาพั การจัดาตั้�งคณะกรรมูการ/คณะอนุ่กรรมูการ เพั่�อที่ำาหน้าที่� กำาหน่ดำน่ โยบาย ยุที่ธิศูาสต้ร์ และแน่วที่างการดำาเนิ่น่การ ต้ลอดำจน่กากับดำูแลและติ้ดำต้ามูผลการดำาเนิ่น่งาน่อย่างต่อเน่�อง และสมูำาเสมูอ หร่อการติ้ดำต้ามูโดำยคณะกรรมูการเฉีพัาะเร่�อง ซึ�งหากเกิดาปิัญหาและอุปิสรรค จะที่ำาให้มู่การระดามูความูคิดำเพั่�อ แก้ไข้ปิัญหาได้ำอย่างทีั่น่ที่วงที่ การได้ำรับงบปิระมูาณใน่การพัฒ น่าอย่างต่อเน่�อง รว มูทีั่�งสามูารถึ จัดำสรรงบ ปิระมูาณบาง ส่วน่ให้กับหน่วยงา น่ที่�เก่�ยวข้องที่�ไมู่มู่ งบปิระมูาณสาหรับการดำาเนิ่น่โครงการให้ปิระสบความูสาเร็จ การปิระยุกต้์ใชื้เที่คโน่โลย่ที่�เหมูาะสมูสามูารถึชื่วยเพัิ�มู ปิระสิที่ธิภาพัการให้บริการปิระชื่าชื่น่ และส่งเสริมูการดำาเนิ่น่ ธิุรกิจได้ำเปิ็น่อย่างด่ำการพัฒน่าโครงการข้น่าดำใหญ่ที่�มู่ความูยุ่งยากและซับซ้อน่ จำาเปิ็น่ต้องมู่การจัดาโครงสร้างการที่ำางาน่ที่�ชืั่ดำเจน่ และเหมูาะสมู และมู่ระบบควบคุมูโครงการที่�มู่ปิระสิที่ธิภาพั เชื่น่การควบคุมู คุณภาพัการควบคุมูแผน่การดำาเนิ่น่งาน่การเงิน่และด้ำาน่อ่�น่ ๆ การปิรับเปิล่�ยน่น่โยบายและผู้บริหารระดาับสูงอาจส่งผลต่อความู ต่อเน่�องข้องการดำาเนิ่น่โครงการ ทีั่�งน่� อาจมู่การพัิจารณาระบุ โครงการสาคัญที่�ต้องดำาเนิ่น่การเอาไว้ใน่แผน่ระดาับชื่าติ้ เพั่�อ ให้เกิดำความูต่อเน่�องใน่การดำาเนิ่น่การ และ ผู้ที่�มู่ส่วน่ได้ำส่วน่เส่ย สามูารถึวางแผน่การดำาเนิ่น่การได้ำชืั่ดำเจน่ ไปิใน่ทีิ่ศูที่างเด่ายวกัน่ ปิัญหาและอุปิสรรคด้ำาน่กฎหมูาย กฎและระเบ่ยบต่าง ๆ ที่� จำาเปิ็น่ต้องมู่การปิรับปิรุง หร่อแก้ไข้ให้สอดำรับและสนั่บสนุ่น่ โครงการ และการดำาเนิ่น่งาน่ต้ามูภารกิจข้องหน่วยงาน่ราชื่การ การข้าดำแคลน่บุคลากรด้ำาน่เที่คโน่โลย่สารสน่ เที่ศูข้องปิระเที่ศู ซึ�งจำาเปิ็น่ต้องเร่งดำาเนิ่น่การพัฒน่าทีั่กษัะดำิจิทีั่ล และเพัิ�มูจำาน่วน่ บุคลากรให้เพั่ยงพัอกับความูต้องการทีั่ �งข้องหน่วยงาน่ภาครัฐ และเอกชื่น่ การต้กลง และกาหน่ดำชืุ่ดำข้อมูลระหว่างหน่วยงาน่ เจ้าข้องข้อมูล เพั่�อให้เกิดำการแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน่ดำังจะเห็น่ ได้ำจากการแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลเพั่�อการซ่ �อข้ายหลักที่รัพัย์ และ การแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลเครดำิต้บูโรสำาหรับการพัิจารณาสิน่เชื่�อ จากการที่บที่วน่การพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลข้องปิระเที่ศูไที่ยที่�ผ่าน่มูา ทีั่�งด้ำาน่กฎหมูาย การปิรับโครงสร้างเชืิ่งองค์กร แผน่ระดาับ ชื่าติ้ และโครงการสาคัญต่าง ๆ พับว่า ปิระเที่ศูไที่ยได้ำเล็งเห็น่ความูสาคัญ และมู่การพัฒน่าด้ำาน่รัฐบาลดำิจิทีั่ลมูาอย่างต่อเน่�อง ดำังจะเห็น่ ได้ำจากการปิระกาศูใชื้กฎหมูายดำิจิทีั่ลที่�สำาคัญ การจัดาที่ำาแผน่ระดาับชื่าติ้ และแผน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล รวมูถึงการดำาเนิ่น่โครงการต้ามู แผน่อ่กทีั่�งยังได้ำมู่การปิรับเปิล่�ยน่โครงสร้างเชืิ่งองค์กร ให้สอดำรับกับยุคสมูัยที่�เปิล่�ยน่แปิลง เพั่�อรองรับการพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล ต้ลอดำจน่ การให้ความูสาคัญกับการวางโครงสร้างพั่�น่ฐาน่ที่างดำิจิทีั่ล การให้บริการอิเล็กที่รอนิ่กส์ และการริเริ�มูการพัฒน่าแพัลต้ฟอร์มูกลาง และบริการดำิจิทีั่ลแก่ปิระชื่าชื่น่ และภาคปิระชื่าชื่น่1. 5. 6. 7. 8. 9.2. 3. 4.วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 40จากการศูึกษัากรอบแน่วที่างการพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลใน่ ต่างปิระเที่ศู และการที่บที่วน่การพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลข้อง ปิระเที่ศูไที่ยนั่�น่สามูารถึสรุปิปิระเดา็น่ความูที้าที่ายใน่การพัฒน่า รัฐบาลดำิจิทีั่ลได้ำทีั่�งสิ�น่ 12 ปิระเดา็น่ดำังน่� การอำานวยความสัะดำวก แลื่ะความสัามารถึในการ ปัระยุกต้์ใช้เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่สัำาห้รับัการทำางานขัอง รัฐ เพื่�อปัระชาชนการพืั่ฒนาทักษะแลื่ะสัมรรถึนะให้ม่ เพื่�อสัร้าง ความพื่ร้อมเชิงกลื่ยุทธุ์ให้กับักำาลืั่งคนภาครัฐ การลื่ดำความซึ่ำาซึ้อนในการทำางาน ม่การปัฏิบัติ้งาน ท่�สัอดำคลื้องกันระห้ว่างห้น่วยงานขัองรัฐ การลื่ดำขั�นต้อนการปัฏิบัติ้งานภายในห้น่วยงาน ภาครัฐแลื่ะระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐให้ม่ความ คลื่องตั้วแลื่ะรวดำเร็ว การพืั่ฒนาให้ระบับัการจัดาซึ่�อจัดำจ้างภาครัฐคลื่องตั้ว โปัร่งใสัม่กลื่ไกปั้องกันการทุจริต้ทุกขั�นต้อน การปัรับัเปัลื่�ยนการทำางานภาครัฐด้ำวยเทคโนโลื่ย่ ดำิจิทัลื่ให้ม่ปัระสัิทธุิภาพื่แลื่ะม่ธุรรมาภิบัาลื่การ บัริหำรจัดำการ การปัรับัปัรุงกฎห้มาย กฎ ระเบั่ยบัท่�เอ่�อต่อการขับั เคลื่�อนรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่การบัูรณ์าการขั้อมูลื่ท่�ม่มาต้รฐานแลื่ะเช่�อมโยง ถึงกัน เพื่�อปัระโยชน์ในการบัริหำร การตั้ดำสัินใจแลื่ะ การบัริการท่�เปั็นเลืิ่ศ การสัร้างความเช่�อมโยงในการให้บัริการสัาธุารณ์ะ ต่าง ๆ ผ่านการนำาเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่มาปัระยุกต้์ใช้ การจัดำให้ม่ระบับัรักษาความมั �นคงปัลื่อดำภัยในการ เขั้าสัู่บัริการดำิจิทัลื่ เพื่�อให้ม่ความพื่ร้อมใช้น่าเช่�อถึ่อ การเปัิดำโอกาสัให้เอกชน ปัระชาชน เขั้าถึงขั้อมูลื่ ขั่าวสัารภาครัฐ เพื่�อเพืิ่�มโอกาสัในการแขั่งขันแลื่ะ ปัระโยชน์ในการใช้ช่วิต้ การสั่งเสัริมให้ปัระชาชนแลื่ะทุกภาคสั่วนม่สั่วนร่วมใน การพืั่ฒนาปัระเทศผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ประเดิ็นุค์วัามทั้าทัาย ในุการพัฒนุารัฐบัาลดิจิทัล 1 7 2 8 39 4 10 5 11 6 12วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 3 41 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) โดำยปิระเดา็น่ที้าที่าย 12 ปิระเดา็น่ที่�กล่าวมูาน่ � ได้ำถึูกน่าไปิ หาร่อร่วมูกับหน่วยงาน่ภาครัฐและภาคเอกชื่น่ เพั่�อพัิจารณาถึง ปิระเดา็น่ปิัญหาและอุปิสรรค (Pain Point) ข้องหน่วยงาน่ภาครัฐ ใน่การให้บริการผ่าน่ระบบดำิจิทีั่ล โดำยแยกออกเปิ็น่ 6 กลุ่มูน่ โยบาย สำาคัญข้องปิระเที่ศู ได้ำแก่การศูึกษัา การสาธิารณสุข้การเกษัต้ร ความูโปิร่งใสและการมู่ส่วน่ร่วมู สวัสดิำการปิระชื่าชื่น่ และการ ส่งเสริมูวิสาหกิจข้น่าดำกลางและข้น่าดำย่อมู ซึ�งมู่ปิระเดา็น่ปิัญหา และอุปิสรรคที่�สาคัญ ดำังต่อไปิน่� ใน่ปิระเดา็น่ปิัญหาและอุปิสรรคที่างด้ำาน่กฎหมูาย พับว่ามู่อุปิสรรคข้องกฎหมูายที่ �เข้ามูาเก่ �ยวข้องกับ การดำาเนิ่น่การบริหารงาน่ และการให้บริการภาครัฐผ่าน่ ระบบดำิจิทีั่ล ที่ำาให้ไมู่สามูารถึดำาเนิ่น่การได้ำอย่างเต็้มูที่� เชื่น่พั.ร.บ. คุ้มูรองข้อมูลส่วน่บุคคล เปิ็น่ต้น่ และหน่วยงาน่ ภาครัฐมูองว่ายังข้าดำการกำาหน่ดำน่ โยบายต่าง ๆ ที่�ชืั่ดำเจน่ โดำยแต่ละกลุ่มูมู่รายละเอ่ยดำความูเห็น่ดำังน่�กัลุ่มกัารุศ่กัษา / ข้าดำการผล้กด้ำนิให์้กฎห์มายข้อมูล่แล่ะ เปิดำเผยสิทั้ธิส่วนิบุคคล่รวมทั้ �งข้าดำการผล้กด้ำนิให์้เกิดำการ จ้ดำทั้ำากฎห์มาย ห์รือนิโยบายในิการใช้ Digital Signature ให์้สามารถนิำามาใช้ในิห์นิ่วยงานิภาคร้ฐได้ำ กัลุ่มความโปรุ่งใสและกัารุม่ส่วนรุ่วม / ติดำปิัญห์า ข้อง พ.ร.บ. ข้อมูล่ข่าวสาร แล่ะ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูล่ ส่วนิบุคคล่ทั้ �ห์นิ่วยงานิราช้การไม่กล้าทั้�จะดำาเนินิการ เปิดำเผยข้อมูล่ภาคร้ฐ กัลุ่มสวัสดิกัารุปรุะชื่าชื่น กัลุ่มกัารุส่งเสรุิมวิสาหกัิจิขนำดิกัลางและขนำ ดิย่อม / ติดำข้ดำในินิโยบายต่าง ๆ ทั้ �ม้ความไม่ช้ดำเจนกัลุ่มสาธารุณสุข / ติดำข้ดำในิเรื�องข้อง พ.ร.บ. คุ้มครอง ข้อมูล่ส่วนิบุคคล่, พ.ร.บ. สุข้ภาพแห์่งชำติ แล่ะ พ.ร.บ. ระบบ สุข้ภาพปิฐม ภูมิ เนิื�องจากภาคสาธิารณสุข้จำาเปิ็นิทั้�จะต้องม้ การแล่กเปิล้�ยนิข้อมูล่ส่วนิบุคคล่สาห์ร้บการวิเคราะห์ แล่ะ การจ้ดำบริการข้องห์นิ่วยงานิทั้ �ให์้บริการกัลุ่มกัารุเกัษติรุ / ติดำข้ดำในินิโยบายต่าง ๆ ทั้�ม้ความไม่ ช้ดำเจนิห์รือนิโยบายข้องผู้บริห์ารพบว่าข้าดำความเข้าใจในิ การใช้เทั้คโนิโล่ย้ 1. ดิ�าน กัฎหมาย กัฎรุะเบ่ยบ กัลไกั และมาติรุกัารุวิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / 42• การจัดาซ่�อจัดำจ้างเที่คโน่โลย่และน่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลข้อง หน่วยงาน่ภาครัฐยังติ้ดำปิัญหาเร่�องข้องกลไกการจัดาซ่�อ จัดำจ้าง และควา มูกังวลข้องเจ้าหน้าที่�ผู้รับผิดำชื่อบโครงการ ส่งผลให้การจัดาซ่�อจัดำจ้างเปิ็น่อุปิสรรคต่อการดำาเนิ่น่งาน่ข้อง ภาคเอกชื่น่ ใน่การบริการภาครัฐ • จากปิัญหาเร่�องข้องการจัดาซ่�อจัดำจ้างเที่คโน่โลย่และ น่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ล ควรที่�จะมู่การจัดาที่ำาบัญชื่น่วัต้กรรมูที่� สำานั่กงาน่ต้รวจเงิน่แผ่น่ดำิน่ให้การยอมูรับ หร่อ สพัร. ที่ำาหน้าที่� เปิ็น่หน่วยงาน่รับรอง ว่าหน่วยงาน่ภาค รัฐสามูารถึจัดำซ่�อ จัดำจ้างเที่คโน่โลย่และน่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลใน่รายการได้ำ • การที่�หน่วยงาน่ภาครัฐจะข้อรับบริการจากภาคเอกชื่น่นั่ �น่ หน่วยงาน่ภาครัฐไมู่สามูารถึซ่ �อแค่เพั่ยงบริการได้ำ แต่จะต้อง ซ่�อระบบทีั่ �งระบบ ที่ำาให้สิ�น่เปิล่องบปิระมูาณและใชื้เวลาใน่การ จัดำซ่�อจัดำจำงอย่างมูาก • หน่วยงาน่ภาคเอกชื่น่มูองว่า การจัดาซ่�อจัดำจ้างแบบปิีต่อปิี ที่ำาให้การที่ำางาน่ข้าดำความูต่อเน่�องปรุะเดิ็นกัารุจิัดิซึ่�อจิัดิจิ�างบรุิกัารุ จิากัภาคเอกัชื่นของหน่วยงานภาครุัฐ 2.วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 3 ข�อเสนอแนะในกัารุพัฒนารุัฐบาลดิจิทัล จิากัภาคเอกัชื่น • การปิรับเปิล่�ยน่กระบวน่การที่ำางาน่ และการให้บริการข้อง หน่วยงา น่ภาครัฐจะเริ�มูตั้�งแต่การปิรับเปิล่�ยน่ชืุ่ดำความูคิดำ (Mindset) ข้องบุคลากรและผู้บริหารข้องหน่วยงาน่ ภาครัฐก่อน่ที่�จะมู่การน่าเที่คโน่โลย่ต่าง ๆ มูาใชื้ใน่ หน่วยงาน่ภาครัฐ • ใน่ปิระเดา็น่ข้องการพัฒน่าบุคลากร ควรที่�จะมู่การจัดาที่ำาฐาน่ ข้อมูลบุคคลซึ �งรวมูถึงข้อมูลการศูึกษัา ข้อมูลปิระวัติ้การ ที่ำางาน่ และข้อมูลที่�เก่�ยวข้องกับบุคคล ซึ�งสามูารถึจัดาที่ำาได้ำใน่ ลักษัณะข้อง e-Portfolio • สำานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลควรที่�จะที่ำาหน้าที่�เปิ็น่ Data Hub ข้องปิระเที่ศู3. จากการที่บูที่วนิขั้อมูลเอกสู่าร การจัดาการ ประช่มเพื่�อระดามความคิดำเห็นิจากทีั่ �งภาครัฐ และ ภาคเอกชนินิั �นิที่ำาให้สู่ำานิักงานิพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ล สู่ามารถที่�จะจัดำที่ำา แผนิพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัอง ประเที่ศไที่ย พื่.ศ. 2563-2565 ซึ่�งมีสู่าระสู่ำาคัญจำานิวนิ 4 ย่ที่ธศาสู่ติร์ 43 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)แนวที่างกัาร่ขับเคล่ �อนแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 5 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น)วิเคร่าะห์ สำถานกัาร่ณ์ของกัาร่พัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 3 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 43 สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 44 4สารุะสำาคัญของ แผู้นพัฒนา รุัฐบาลดิจิทัล ของปรุะเทศไทย พั.ศ. 2563-2565 45 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)วิสัยทัศน์ “รุัฐบาลดิจิทัล เปิดิเผู้ย เชื่ �อมโยง และรุ่วมกันสรุ�าง บรุิกัารุท่�ม่คุณค่า ให�ปรุะชื่าชื่น” 46ใน่การดำาเนิ่น่การพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล ต้ามู แผน่พัฒน่ารัฐบาล ดำิจิทีั่ลข้องปิระเที่ศูไที่ย พั.ศู. 2563-2565 ได้ำมู่การกำาหน่ดำ กรอบแน่วที่างข้องการพัฒน่าต้ามูสถึาปิัต้ยกรรมูรัฐบาลดำิจิทีั่ล ซึ�งเปิ็น่กรอบโครงสร้างระบบนิ่เวศูการพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล ข้องปิระเที่ศูไที่ย (Digital Government Ecosystem) โดำยมู่ องค์ปิระกอบที่�เชื่�อมูโยงกัน่ 7 องค์ปิระกอบ ซึ�งเชื่�อมูโยง และ สัมูพัน่ธิ์กัน่ โดำยมู่รายละเอ่ยดำดัำงน่� กัารุพัฒนาท่�เป็นพั่�นฐาน (Foundation) เปั็นการพืั่ฒนาพื่�นฐานเพื่�อสันับัสันุนการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ใน องค์ปัระกอบัอ่�น ๆ ซึ่�งปัระกอบัไปัด้ำวย กัารุพัฒนำทักัษะดิ�านดิจิทัลสำาหรุับบุคลากัรุภาครุัฐ เพั่�อให้บุคลากรภาครัฐมู่ความูพัร้อมูสำาหรับปิฏิบัติ้งาน่และให้ บริการปิระชื่าชื่น่ผ่าน่ระบบดำิจิทีั่ล ซึ�งเปิ็น่บที่บาที่หน้าที่�ข้อง สำานั่กงาน่คณะกรรมูการข้าราชื่การพัลเร่อน่ (ก.พั.) กระที่รวง ดำิจิทีั่ลเพั่�อเศูรษัฐกิจและสังคมู (ดำศู.) สถึาบัน่คุณวุฒิวิชื่าชื่พั สำานั่กงาน่คณะกรรมูการพัฒน่าระบบราชื่การ (ก.พั.ร.) และ สำานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.)กัารุพัฒนาโครุงสรุ�างพั่�นฐาน (Infrastructure) เพั่�อให้หน่วยงาน่ภาครัฐมู่เที่คโน่ โลย่ดำิจิทีั่ลที่�จำาเปิ็น่ใชื้งาน่ร่วมูกัน่ อาทีิ่เชื่น่ระบบคลาวดำ์และศูน่ย์ข้อมูลภาครัฐ (GDCC) โดำยกระที่รวง ดำิจิทีั่ลเพั่�อเศูรษัฐกิจและสังคมู (ดำศู.) ระบบ GIN และคลาวดำ์ภาค รัฐ ซึ�งรับผิดำชื่อบโดำยสานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) รวมู ทีั่�งสำานั่กงาน่คณะกรรมูการดำิจิทีั่ลเพั่�อเศูรษัฐกิจและ สังคมูแห่งชื่าติ้ (สดำชื่.) สำานั่กงาน่พัฒน่าธิุรกรรมูอิเล็กที่รอนิ่กส์ (สพัธิอ.) และ บลจ. โที่รคมูน่าคมูแห่งชื่าติ้ (National Telecom Public Company Limited)1. 1.1 1.3 1.4 1.2 กัารุจิัดิทำานโยบาย กัฎหมายและกัฎรุะเบ่ยบ เพั่�อกำาหน่ดำแน่วที่างและปิรับแก้ไข้กฎระเบ่ยบที่�เก่�ยวข้องที่�เอ่�อ ต่อการพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลต้ามูองค์ปิระกอบต่าง ๆ ซึ�งต้ามู พั.ร.บ. การบ ริหารงา น่และการให้บริการผ่าน่ระบบ ดำิจิทีั่ล ได้ำกำาหน่ดำให้มู่การจัดาที่ำาแผน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลข้อง ปิระเที่ศูไที่ย และ กำาหน่ดำให้เปิ็น่หน้าที่�ข้องสำานั่กงาน่พัฒน่า รัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) กัารุจิัดิทำามาติรุฐาน (Standard) เพั่�อให้การพัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลข้องปิระเที่ศูไที่ยมู่มูาต้รฐาน่ ความูปิลอดำภัย และสามูารถึเชื่�อมู โยง และ บูรณาการข้อมูล และ การให้บริการร่วมูกัน่ได้ำ เชื่น่กรอบ ธิรรมูาภิบาลข้อมูลภาค รัฐ มูาต้รฐาน่ข้อมูลเปิดำภาครัฐ ซึ�งรับผิดำชื่อบโดำยกระที่รวงดำิจิทีั่ล เพั่�อเศูรษัฐกิจและสังคมู (ดำศู.) สำานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) สำานั่กงาน่คณะกรรมู การดำิจิทีั่ลเพั่�อเศูรษัฐกิจและ สังคมู แห่งชื่าติ้ (สดำชื่.) สำานั่กงาน่พัฒน่าธิุรกรรมูอิเล็กที่รอนิ่กส์ (สพัธิอ.) สำานั่กงาน่คณะกรรมูการพัฒน่าระบบราชื่การ (ก.พั.ร.) และ สำานั่กงาน่คณะกรรมูการข้าราชื่การพัลเร่อน่ (ก.พั.) สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 / CHAPTER 4 47 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)กัารุพัฒนาแพัลติฟอรุ์มดิจิทัล (Digital Platform) เปิ็น่การพัฒน่าแพัลต้ฟอร์มูกลางสาหรับสนั่บสนุ่น่การ ที่ำางาน่ข้องหน่วยงาน่ภาครัฐ เพั่�อสนั่บสนุ่น่การที่ำางาน่ ข้องภาครัฐ การแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน่ ภาครัฐและการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดาเสร็จ โดำยมู่ราย ละเอ่ยดำ ดำังน่�แพัลติฟอรุ์มกัลางสนับสนุนกัารุทำางานภาครุัฐ (Back Office) เปิ็น่การพัฒน่าแพัลต้ฟอร์มูสำาหรับการที่ำางาน่ และการ บริหารงา น่ภายใน่หน่วยงา น่ภาค รัฐ รวมูถึงแพัลต้ฟอร์มูสำาหรับ การวางแผน่งาน่และการกำากับการที่ำางาน่ข้องหน่วยงาน่ภาครัฐ เชื่น่ระบบสารบรรณอิเล็กที่รอนิ่กส์ (e-Saraban) ระบบการ จัดำซ่�ออิเล็กที่รอนิ่กส์ (e-Procurement) หร่อระบบการวางแผน่ ที่รัพัยากรภาครัฐ (ERP) ซึ�งรับผิดำชื่อบการพัฒน่าโดำยกระที่รวง ดำิจิทีั่ลเพั่�อเศูรษัฐกิจและสังคมู (ดำศู.) สำานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาล ดำิจิทีั่ล (สพัร.) สำานั่กงาน่คณะกรรมูการดำิจิทีั่ลเพั่�อเศูรษัฐกิจและ สังคมูแห่งชื่าติ้ (สดำชื่.) และกรมูบัญชื่กลาง 3.แพัลติฟอรุ์มกัลางแลกัเปล่�ยนข�อม้ลภาครุัฐ (Exchange Platform) เปิ็น่แพัลต้ฟอร์มูสำาหรับการแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลระหว่างหน่วย งาน่ภาครัฐ เพั่�อสนั่บสนุ่น่การให้บริการ และการปิฏิบัติ้งาน่ข้อง หน่วยงาน่ภาครัฐ เชื่น่ศูน่ย์แลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐ (Government Data Exchange Center: GDX) ระบบสารสน่ เที่ศูเชื่�อมูต่อฐาน่ข้อมูล ปิระชื่าชื่น่ (Linkage Center) เปิ็น่ต้น่ โดำยการพัฒน่าแพัลต้ฟอร์มู การแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐน่�จะชื่วยลดาการเร่ยกสำาเน่า แพัลติฟอรุ์มกัลางสนับสนุนบรุิกัารุภาครุัฐ (Common Platform) เปิ็น่การพัฒน่าชื่องที่างการรับบริการภาครัฐสำาหรับปิระชื่าชื่น่ และภาคธิุรกิจ ใน่รูปิแบบข้องการให้บริการแบบเบ็ดาเสร็จใน่ ลักษัณะข้อง End - to - End service process โดำยมู่การพัฒน่า ระบบการพัิสูจน่์และย่น่ยัน่ตั้วต้น่ (Digital ID & Signature) ซึ�ง รับผิดำชื่อบโดำยสานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) สำานั่กงาน่ พัฒน่าธิุรกรรมูที่างอิเล็กที่รอนิ่กส์ (สพัธิอ.) และกรมูการปิกครอง กระที่รวงมูหาดำไที่ยและศูน่ย์กลางข้อมูลเปิดำภาครัฐ (Open Data Platform) ที่�รับผิดำชื่อบโดำยสานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.)3.1 3.2 3.3กัารุพัฒนานวัติกัรุรุมรุัฐบาลดิจิทัล (Digital Government Innovation) เปิ็น่การพัฒน่าชื่องที่างเพั่�อส่งเสริมูให้ภาคเอกชื่น่ สถึาบัน่วิจัย นั่กวิจัยจากสถึาบัน่อุดำมูศูึกษัา และนั่กวิจัย จากหน่วยงาน่ต่าง ๆ เข้ามูามู่ส่วน่ร่วมูใน่การพัฒน่า น่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ล เพั่�อสนั่บสนุ่น่การพัฒน่าบริการและการ ที่ำางาน่ข้องหน่วยงาน่ภาครัฐ โดำยมู่หน่วยงาน่ที่�เก่�ยวข้อง ได้ำแก่สำานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) สำานั่กงาน่ พัฒน่าธิุรกรรมูอิเล็กที่รอนิ่กส์ (สพัธิอ.) สำานั่กงาน่ส่งเสริมู เศูรษัฐกิจดำิจิทีั่ล (depa) ศูน่ย์เที่คโน่โลย่อิเล็กที่รอนิ่กส์ และ คอมูพัิวเต้อร์แห่งชื่าติ้ (NECTEC) สำานั่กงาน่การวิจัยแห่ง ชื่าติ้ (วชื่.) สำานั่กงาน่คณะกรรมูการส่งเสริมูวิที่ยาศูาสต้ร์ วิจัยและน่วัต้กรรมู (สกสว.) สำานั่กงาน่พัฒน่าเที่คโน่โลย่ อวกาศูและภูมูิสารสน่ เที่ศู (GISTDA) สำานั่กงาน่น่วัต้กรรมู แห่งชื่าติ้ (NIA) และสถึาบัน่การศูึกษัาต่าง ๆ 2.สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / 48กัารุให�บรุิกัารุปรุะชื่าชื่นผู่านแพัลติฟอรุ์มกัลาง บรุิกัารุภาครุัฐแบบเบ็ดิเสรุ็จิ (Customer Experience via End - to - End Services) เปั็นการพืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มกลื่างสัำาห้รับัการให้บัริการ ปัระชาชน ภาคธุรกิจแลื่ะชาวต่างชาติ้การให้บัริการ ขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐเพื่�อให้ปัระชาชน แลื่ะภาคธุรกิจเขั้าถึง ขั้อมูลื่ภาครัฐ แลื่ะการสั่งเสัริมการม่สั่วนร่วมผ่านช่องทาง อิเลื็่กทรอนิกสั์ โดำยม่รายลื่ะเอ่ยดำดัำงน่� ชื่องทางกัารุให� บรุิกัารุชื่าวติ่างชื่าติ (Foreigner Portal) เปิ็น่การพัฒน่าชื่องที่างการให้บริการสาหรับชื่าวต่างชื่าติ้ เพั่�อ เปิ็น่การ อำาน่วยควา มูสะดำวกใน่การ ที่องเที่�ยวและการ ปิระกอบ อาชื่พัใน่ปิระเที่ศูไที่ย ซึ�งรับผิดำชื่อบโดำยสานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาล ดำิจิทีั่ล (สพัร.) และสานั่กงาน่ต้รวจคน่ เข้าเมู่อง 4. 5.4.1 4.2 4.3ชื่องทางกัารุให� บรุิกัารุปรุะชื่าชื่น (Citizen Portal) เปิ็น่การให้บริการสาหรับปิระชื่าชื่น่ แบบเบ็ดาเสร็จ ซึ�งจะเปิ็น่การ รวมูบริการสาหรับปิระชื่าชื่น่ที่�จำาเปิ็น่มูารวมูไว้ที่�แพัลต้ฟอร์มูกลาง น่� เพั่�ออำาน่วยความูสะดำวก และลดาขั้ �น่ต้อน่การเข้ารับบริการข้อง ปิระชื่าชื่น่รวมูไปิถึงการลดา หร่อยกเลิกการเร่ยกเก็บสำาเน่าเอกสาร ข้องปิระชื่าชื่น่ ใน่การเข้ารับบริการข้องภาครัฐ ซึ�งรับผิดำชื่อบโดำย สำานั่กงาน่คณะกรรมูการพัฒน่าระบบราชื่การ (ก.พั.ร.) สำานั่กงาน่ พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) และกระที่รวงการคลัง ชื่องทางกัารุรุับคำาขออนุญาติ เพั่�ออำานวยความสะดิวกัให� ภาคธุรุกัิจิ (Business Portal) เปิ็น่การมูุ่งเน้น่การให้บริการกับภาคธิุรกิจ เพั่�ออำาน่วยความู สะดำวกใน่การเข้ารับบริการภาครัฐ โดำยจะชื่วยลดาขั้ �น่ต้อน่การออก ใบอนุ่ญาต้ที่�มู่ความูซับซ้อน่ และเก่�ยวข้องกับหลายหน่วยงาน่ เพั่�อ ที่ำาให้สามูารถึลดาระยะเวลา และต้น่ทีุ่น่ใน่การดำาเนิ่น่การข้องภาค ธิุรกิจ โดำยเฉีพัาะธิุรกิจข้น่าดำกลางและข้น่าดำย่อมู ซึ�งรับผิดำชื่อบ โดำยสานั่กงาน่คณะกรรมูการพัฒน่าระบบราชื่การ (ก.พั.ร.) สำานั่กงาน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) และหน่วยบริการที่�เก่�ยวข้องกัารุปรุับกัรุะบวนกัารุให� บรุิกัารุภาครุัฐ (Core Service Processes) เปั็นการดำาเนินงานท่�ครอบัคลืุ่มการพืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์ม กลื่างแลื่ะการให้บัริการภาครัฐ โดำยการดำาเนินการปัรับั เปัลื่�ยนกระบัวนการทำางานแลื่ะการให้บัริการภาครัฐจาก การทำางานแบับัแอนะลื็่อก ห้ร่อกึ�งดำิจิทัลื่ ให้เปั็นการทำางาน แลื่ะการให้บัริการภาครัฐในรูปัแบับัดิำจิทัลื่อย่างเต็้มรูปัแบับั ซึ่�งเปั็นบัทบัาทสัำาคัญขัองสัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (สัพื่ร.) ในการขับัเคลื่�อนสำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 / CHAPTER 4 49 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)6. 7. 6.1 6.2กัารุวิเครุาะห์ข�อม้ล (Data Analytics) เปั็นการสันับัสันุนให้ภาครัฐนำาขั้อมูลื่ท่�ม่การรวบัรวมจากการ ทำางาน แลื่ะการปัฏิบัติ้งานขัองห้น่วยงานมาวิเคราะห้์เพื่�อปัรับัปัรุง บัริการภาครัฐ แลื่ะพืั่ฒนานโยบัายท่�สัอดำคลื้องกับัลืั่กษณ์ะขัอง ความต้องการขัองผู้รับับัริการ (Customer Centric) ทั �งปัระชาชน แลื่ะภาคธุรกิจ โดำยแบั่งออกเปั็น 2 ระบับัปัระกอบัด้ำวยภาค่รุ่วมดิำาเนินกัารุ (Partners/Owners) การดำาเนินการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ต้ามสัถึาปัต้ยกรรม แลื่ะระบับันิเวศขัองการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่น่� จะไม่ สัามารถึท่�จะดำาเนินการได้ำหำกขัาดำห้น่วยงานภาค่อัน ได้ำแก่กระทรวงดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคม กระทรวง การคลืั่ง สัำานักงานคณ์ะกรรมการ พืั่ฒนาระบับัราชการ สัำานักงานคณ์ะกรรมการขั้าราชการพื่ลื่เร่อน สัำานักงาน สัภาพืั่ฒนาการเศรษฐ กิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้สัำานักงาน คณ์ะกรรมการ ดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐ กิจสังคมแห่งชาติ้ สัำานักงานพืั่ฒนาธุรกรรมอิเลื็่กทรอนิกสั์ แลื่ะห้น่วยงานท่� เก่�ยวขั้องทั�งภาครัฐแลื่ะเอกชน กัารุจิัดิทำาและวิเครุาะห์ข�อม้ลขนำดิใหญ่ (Big Data and Analytics) เปั็นการนำาขั้อมูลื่จากการให้บัริการปัระชาชน รวมทั�งขั้อมูลื่จาก การทำางานขัองห้น่วยงานภาครัฐท่�ได้ำม่การรายงานผ่านระบับั GFMIS มาจัดำทำาชุดำขั้อมูลื่ขันาดำให้ญ่ แลื่ะวิเคราะห้์ขั้อมูลื่ภาครัฐ ผ่านระบับักำรวิเคราะห้์ขั้อมูลื่ขันาดำให้ญ่ซึ่�งจะช่วยให้นำาผลื่การ วิเคราะห้์มาพืั่ฒนาบัริการสัำาห้รับัปัระชาชน แลื่ะการพืั่ฒนา นโยบัายภาครัฐท่�ม่ความสัอดำคลื้องกับัสัภาวะทางเศรษฐกิจแลื่ะ สังคมขัองปัระชาชน ซึ่�งการพืั่ฒนาระบับักำรวิเคราะห้์ขั้อมูลื่ ภาครัฐน่�รับัผิดำชอบัโดำยกระทรวงดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคม (ดำศ.) แลื่ะสัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (สัพื่ร.)รุะบบบรุิหารุกัารุเงินกัารุคลังภาครุัฐ แบบอิเล็กัทรุอนิกัส์ (GFMIS) เปั็นระบับัสัำาห้รับัการติ้ดำต้ามการใช้งบัปัระมาณ์ภาครัฐ ความค่บั ห้นำ แลื่ะผลื่การดำาเนินงานต้ามท่�ได้ำม่การกำาห้นดำไว้ต้ามแผน ปัฏิบัติ้การ รวมถึงนโยบัายแลื่ะแผนอ่�น ๆ ท่�เก่�ยวขั้อง ซึ่�งเปั็นความ รับัผิดำชอบัขัองสัำานักงานสัภาพืั่ฒนาการเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่ง ชาติ้ (สัศช.) กระทรวงการคลืั่ง สัำานักงบัปัระมาณ์ กรมบัญช่กลื่าง แลื่ะสัำานักงานคณ์ะกรรมการพืั่ฒนาระบับัราชการ (ก.พื่.ร.) ทีั่ �งนิี� สู่ถาปัติยกรรมและระบูบูนิเวศการพืั่ฒนิา รัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัองประเที่ศไที่ยนิี� ได้ำมีการออกแบูบู แผนิภาพื่ความ สูั่มพืั่นิธ์ระหว่างอง ค์ประกอ บูติ่าง ๆ ดำังภาพื่หนิ้าติ่อไปสำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / 50ภาพัทั่� 2 แผนภาพัสถาปัตยกรรมรัฐบาลดิจิทัล ตาม แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทัศไทัย พั.ศ. 2563-2565 ที่�มา: สำานักงานัพัฒนัารัฐบาลดิจิทีั่ล วันัที่� 9 กันัยายนั 2563 DIGITAL GOVERNMENT ARCHITECTURE PlatformPlatform 51 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ภาพัทั่� 3 แผนภาพัระบบนิเวศการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทัศไทัย DIGITAL GOVERNMENT ECOSYSTEM ที่�มา: สำานักงานัพัฒนัารัฐบาลดิจิทีั่ล วันัที่� 9 กันัยายนั 2563 (ก.พั.ร(ก.พั.ร (ก.พั.ร(ก.พั.ร 52 จากสถา ปิัตยกรรมร้ฐบาล่ดำิจิทั้ล่แล่ะระบบ นิเวศร้ฐบาล่ดำิจิทั้ล่ตาม ทั้�ได้ำแสดำงในิห์นิ้าทั้� 31 แล่ะห์นิ้าทั้� 32 ซึ่�งได้ำม้การกล่าวถ่งการให์้บริการ ปิระชำช้นิแล่ะธิุรกิจแบบเบ็ดาเสร็จ (End - to - End Services) ผ่านิช่องทั้างการให์้บริการปิระชำช้นิ (Citizen Portal) ช่องทั้างการม้ส่วนิร่วมธิุรกิจ (Business Portal) แล่ะการเปิดำเผยข้อมูล่ภาคร้ฐ (Open Data) ซึ่�งการทั้ �จะดำาเนินิการให์้บริการแบบ เบ็ดำเสร็จ แล่ะการเปิดำเผยข้อมูล่ภาคร้ฐให์้ปิระชำช้นิ แล่ะภาคธิุรกิจเข้าถ่งได้ำนิ้�นิจำาเปิ็นิต้องม้การกำาห์นิดำ สถาปิัตยกรรมการแล่กเปิล้�ยนิข้อมูล่ระห์ว่าง ห์นิ่วยงานิภาคร้ฐ (Government Data Sharing Strategy) 52 53 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) ภาพัทั่� 4 (ร่าง) สถาปัตยกรรมการแลกเปล่�ยนข้อมูลภาครัฐ* *รั่างแผนัภาพัอย่รัะหวั่างเสานัอคณะอนัุกรัรัมการัสำถาปัตยกรัรัมและมาตรัฐานัการัพัฒนัารัฐบาลดิจิทีั่ล ปัรับปัรัุงจิาก : Hetherington and West (2020); สำพัรั. (2563) และสำานักงานัส่ำงเสารัิมเศรัษฐกิจิดิจิทีั่ล (2563) 54 สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 / CHAPTER 4 จากภาพื่ 4 แสัดำง (ร่าง) สัถึาปัต้ยกรรมการแลื่กเปัลื่�ยน ขั้อมูลื่ภาครัฐม่องค์ปัระกอบัท่�เก่�ยวขั้องกับัการแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ ผ่านศูนย์กลื่างแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ภาครัฐ (Government Data Exchange: GDX) ปัระกอบัด้ำวย 3 องค์ปัระกอบัห้ลืั่ก ได้ำแก่ หน่วยงานเจิ�าของข�อม้ล ซึ่�งจะต้องดำาเนินการจัดำเต้ร่ยมขั้อมูลื่ภาครัฐให้เปั็นขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่ ต้ามธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ภาครัฐ (Data Governance Framework) โดำยเม่�อขั้อมูลื่ขัองห้น่วยงานถึูกแปัลื่งให้เปั็นขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่ต้าม ธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่แลื้วนั�น ห้น่วยงานจะต้องนาสั่งขั้อมูลื่ท่� สัามารถึแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำเผยได้ำเขั้าสัู่ศูนย์แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ ภาครัฐ (Government Data Exchange Center: GDX) รุะบบกัารุแลกัเปล่�ยนข�อม้ล เปั็นระบับักลื่างในลืั่กษณ์ะขัองช่องทาง (Gateway) สัำาห้รับัการ แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐ ซึ่�งจะปัระกอบัไปัด้ำวย 1. 2. 54 55 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)มุมมองของข� อม้ลท่�เปิดิเผู้ยไดิ� (Authorized View) ค่อ ชื่องที่างสำาหรับให้หน่วยงา น่ภาครัฐสามูารถึที่�จะเข้า มูาเร่ยกดำู ข้อมูลผ่าน่แพัลต้ฟอร์มูศูน่ย์กลางการแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐ ซึ�งการที่�หน่วยงาน่จะเข้ามูาเร่ยกดำูข้อมูลได้ำนั่�น่จะต้องมู่การย่น่ยัน่ ตั้วต้น่ข้องผู้ใชื้งาน่รวมูถึงการแสดำงสิที่ธิใน่การเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ ข้องหน่วยงาน่ที่�เร่ยกข้อมูล ซึ�งเมู่�อหน่วยงาน่ย่น่ยัน่ตั้วต้น่เข้าสู่ ระบบแล้ว เมู่�อเร่ยกข้อมูล แพัลต้ฟอร์มูศูน่ย์กลางการแลกเปิล่�ยน่ ข้อมูลภาครัฐจะสามูารถึจาแน่กสิที่ธิการเข้าถึงชืั่ �น่ข้อมูลข้อง หน่วยงา น่ได้ำใน่ทีั่น่ที่ซึ�งถึ้าหน่วยงา น่เร่ยกดำูข้อมูลที่�ไมู่ต้รงกับสิที่ธิ ที่�กำาหน่ดำขึ้ �น่ระบบจะแสดำงผลการปิฏิเสธิการให้ข้อมูล รุะบบกัารุรุับข�อม้ล ซึ�งหน่วยงาน่ภาครัฐจะส่งข้อมูลที่�ได้ำมู่การ จัดำที่ำาให้เปิ็น่ดำิจิทีั่ลต้ามูธิรรมูาภิบาลข้อมูลภาครัฐแล้ว ส่งเข้าสู่ ศูน่ย์แลกเปิล่�ยน่ข้อมูลกลางภาค รัฐ (Data Publishing) ซึ�งระบบ จะที่ำาการบัน่ทีึ่กการส่งข้อมูลขึ้ �น่สู่ระบบแลกเปิล่�ยน่ข้อมูล รวมูถึง การบัน่ทีึ่กการเร่ยกดำูข้อมูลจากหน่วยงาน่ต่าง ๆ หร่อระบบล็อก (Logging System) บัญชื่ข�อม้ล (Data Catalogue) เมู่�อข้อมูลถึูกส่งเข้าสู่ แพัลต้ฟอร์มูศูน่ย์กลางการแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐ แพัลต้ฟอร์มู จะที่ำาหน้าที่�ใน่การบัน่ทีึ่กข้อมูลที่�มู่การส่งผ่าน่ศูน่ย์กลางการ แลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐ ใน่รูปิแบบข้องบัญชื่ข้อมูล เพั่�อให้ พัร้อมูสำาหรับการเร่ยกข้อดำูข้อมูลจากหน่วยงาน่ ให้บริการ หร่อ หน่วยงาน่ที่�ต้องการใชื้ข้อมูล กัารุกัำาหนดิชืั่ �นของข� อม้ล (Authorization Layer) ค่อการ กำาหน่ดำปิระเภ ที่ข้องข้อมูลที่�สา มูารถึแลกเปิล่�ยน่และ เปิดำเผยได้ำหร่อเปิดำเผยไมู่ได้ำซึ�งเปิ็น่การบริหารจัดาการและการ กำากับข้อมูลที่�มู่ความูปิลอดำภัย ต้ลอดำจน่กากับระยะเวลาใน่การ เข้าถึงข้อมูลข้องภาครัฐ โดำยการแบ่งชืั่�น่ข้องข้อมูล น่�หน่วยงาน่ เจ้าข้องข้อมูลมู่ความูจาเปิ็น่ที่�จะต้องจัดาที่ำาธิรรมูาภิบาลข้อมูล ภาครัฐใน่รูปิแบบ (Format) และมูาต้รฐาน่ (Standard) เด่ายวกัน่ ซึ�งการที่�จะเข้าถึงชืั่ �น่ข้องข้อมูลภาครัฐจะต้องอยู่ภายใต้มูาต้รการ ข้องการเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ (Protocol) รุะบบความปลอดิภัย (Security) ค่อ แพัลต้ฟอร์มู ศูน่ย์กลางการแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐ จำาต้องได้ำรับการออกแบบ ระบบความูปิลอดำภัย ที่�สอดำคล้อง เปิ็น่ไปิต้ามูมูาต้รฐาน่สากล โดำย สพัร. มู่หน้าที่�จะต้องออกแบบและพัฒน่าระบบความู ปิลอดำภัยดำังกล่าว เพั่�อไมู่ให้ข้อมูลรั �วไหลไปิยังผู้ที่�ไมู่เก่�ยวข้อง หร่อผู้ไมู่มู่สิที่ธิเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ 2.1 2.2 2.32.4 2.5สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / 56รุะบบกัารุให� บรุิกัารุ สัามารถึแบั่งออกเปั็น 2 สั่วน ปัระกอบัด้ำวย กัารุให�บรุิกัารุแบบเบ็ดิเสรุ็จิ (One Stop Service: OSS) เปิ็น่ส่วน่ข้องการให้บริการปิระชื่าชื่น่และธิุรกิจต้ามูที่�ร้องข้อ โดำย ปิระชื่าชื่น่หร่อธิุรกิจจะต้องได้ำรับการย่น่ยัน่ตั้วต้น่เมู่�อข้อเข้ารับ บริการ จากนั่ �น่ระบบจะเริ�มูกระบวน่การให้บริการจากข้อมูลที่� ถึูกส่งมูาจากระบบแลกเปิล่�ยน่โดำยอัต้โน่มูัติ้ซึ�งระบบ ดำังกล่าวจะ ที่ำาให้ปิระชื่าชื่น่สามูารถึรับบริการได้ำต้ลอดำเวลา (24 ชืั่�วโมูงต่อวัน่ 7 วัน่ต่อสัปิดำาห์) 3. รุะบบส่บค�นข�อม้ลกัลาง ซึ�งที่ำาหน้าที่�เปิ็น่ศูน่ย์ข้อมูลเปิดำ และ ระบบการส่บค้น่ข้อมูลสาหรับการให้บริการข้องหน่วยงาน่ภาครัฐ ซึ�งหน่วยงา น่จะสา มูารถึเร่ยกข้อมูล ต้ามูลาดำับชืั่�น่ที่�หน่วยงา น่ได้ำ รับอนุ่ญาต้ให้เข้าถึงชืั่ �น่ข้องข้อมูล เพั่�อการให้บริการภาครัฐต้ามู ที่�ปิระชื่าชื่น่ และภาคธิุรกิจร้องข้อ หร่อสำาหรับการน่าข้อมูลไปิ วิเคราะห์เพั่�อตั้ดำสิน่ใจน่โยบาย หร่อเพั่�อการปิรับปิรุงบริการภาครัฐ 3.23.1 จากการแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลภาครัฐแล้วนั่�น่หน่วยงาน่ ผู้รับข้อมูล/ผู้ให้บริการจะสามูารถึน่าข้อมูลไปิให้บริการปิระชื่าชื่น่ ที่�เข้ามูาใชื้บริการผ่าน่ศูน่ย์การให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดาเสร็จ (End - to - End Service) ซึ�งเปิ็น่บที่บาที่การพัฒน่าโดำย สำานั่กงาน่พัฒน่าระบบราชื่การ (ก.พั.ร.) และสานั่กงาน่พัฒน่า รัฐบาลดำิจิทีั่ล (สพัร.) ที่ำาหน้าที่�เปิ็น่หน่วยงาน่สนั่บสนุ่น่ที่างด้ำาน่ การพัฒน่าที่างด้ำาน่เที่คโน่โลย่ทีั่�งน่� การพัฒน่าศูน่ย์การให้ บริการภาครัฐแบบเบ็ดาเสร็จน่� มู่แน่วที่างใน่การพัฒ น่าบริการ เบ็ดำเสร็จ ณ จุดำเด่ายว ดำังแสดำงต้ามูต้ารางที่� 5 สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 / CHAPTER 4 57 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ภาพัทั่� 5 แนวทัางการพัฒนำศูนย์บริการเบ็ดิเสร็จิณ จิุดิเดิ่ยว ปัรับปัรัุงจิาก: เอก สำารัเรั่�อง “ศ่นัย์บรัิการัเบ็ดิเสารั็จิ” ของ นัายกรัฐมนัต รั่ที่�มอบให้กับคณะกรัรัมกา รัขับเคล่�อนัการัพัฒนัารัฐบาลดิจิทีั่ล ในัครัาวัการัปัรัะชุมเม่�อเดิ่อนัสิำงหาคม 2561สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / 58 จากแน่วที่างการพัฒน่าศูน่ย์บริการแบบเบ็ดาเสร็จ สามูารถึแบ่งออกเปิ็น่ 4 ระดาับ จาก 10 ปิระเดา็น่ข้องการพัฒน่า ศูน่ย์บริการแบบเบ็ดาเสร็จ โดำย แผน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลข้อง ปิระเที่ศูไที่ย พั.ศู. 2563-2565 มูุ่งเน้น่ไปิที่�การพัฒน่าศูน่ย์บริการ แบบเบ็ดาเสร็จใน่ระดาับที่� 4 โดำยมู่รายละเอ่ยดำดัำงต่อไปิน่� กัารุให�บรุิกัารุภาครุัฐไม่ม่กัารุจิำากัดิสถานท่� ซึ่�งปัระชาชนสัามารถึท่�จะเขั้ารับับัริการได้ำต้ลื่อดำเวลื่า 24 ชม.ต่อ วัน 7 วันต่อสัปัดำาห้์ ผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ โดำยท่�ไม่ต้องมาขัอรับัการ บัริการยังท่�ตั้�งขัองห้น่วยงานให้บัริการ 1. 2. 4. 5. 3.แบบฟอรุ์มขอรุับบรุิกัารุภาครุัฐ อย่ในรุ้ปแบบฟอรุ์มอิเล็กัทรุอนิกัส์แบบบ้รุณากัารุ ปัระชาชนผู้เขั้ารับับัริการสัามารถึกรอกแบับัฟอร์มการรับับัริการ ผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ โดำยแบับัฟอร์มจะถึูกทำาให้อยู่ในรูปัแบับัขัอง แบับัฟอร์มอิเลื็่กทรอนิกสั์ท่�บัูรณ์าการคาร้องขัอรับับัริการจาก ห้น่วยงานต่าง ๆ ให้เปั็นการขัอรับับัริการ ณ์ จุดำเด่ายวแบับัเบั็ดำเสัร็จ กัารุเรุ่ยกัข�อม้ลผู้�เข�ารุับบรุิกัารุเป็นแบบอัติโนมัติ ไม่ม่กัารุขอสาเนาเอกัสารุจิากัผู้�เข�ารุับบรุิกัารุ ในการพืั่ฒนาศูนย์บัริการแบับัเบั็ดำเสัร็จน่� จะไม่ม่การเร่ยกเก็บั สัำาเนาเอกสัารจากผู้ขัอรับับัริการ แต่ห้น่วยงานผู้ให้บัริการ สัามารถึเร่ยกดำูขั้อมูลื่ผ่านศูนย์กลื่างการแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ภาครัฐ กัารุเชื่�อมโยงข� อม้ลผู่านศ้นย์แลกัเปล่�ยนข�อม้ลกัลาง ภาครุัฐ (Government Data Exchange: GDX) เพื่�อให้ห้น่วยงานภาครัฐต่าง ๆ สัามารถึเร่ยกขั้อมูลื่ท่�เก่�ยวขั้อง สัำาห้รับัให้บัริการปัระชาชน ห้น่วยงานภาครัฐจะต้องถึูกกำาห้นดำ สัิทธุิในการเขั้าถึงชั�นขั้อมูลื่ท่�แต้กต่างกัน ขัึ�นอยู่กับับัทบัาทแลื่ะ ห้นำท่�ในการให้บัริการขัองห้น่วยงานภาครัฐ กัารุอนุมัติและกัารุลงลายม่อชื่�อดิจิทัล (Digital Signature) จะม่การกำาห้นดำคุณ์สัมบัติ้แลื่ะความปัลื่อดำภัย ท่�สัามารถึต้รวจสัอบั การลื่งลื่ายม่อช่�อกลืั่บัได้ำต้ลื่อดำเวลื่าเพื่�อต้รวจสัอบัความถึูกต้อง สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 / CHAPTER 4 59 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)6. 7. 9. 10. 8. รุะบบกัารุให� บรุิกัารุดิจิทัลเป็นรุ้ปแบบ ของกัารุให� บรุิกัารุภาครุัฐแบบเบ็ดิเสรุ็จิ (Single Government Platform) โดำยเปั็นระบับัการให้บัริการภาครัฐแบับัเบั็ดำเสัร็จ ท่�ปัระชาชาชน สัามารถึขัอรับับัริการจากแพื่ลื่ต้ฟอร์มกลื่างภาครัฐโดำยไม่จำาเปั็น ท่�จะต้องไปัขัอรับับัริการภาครัฐจากช่องทางอ่�นอ่ก แลื่ะไม่จำาเปั็น ท่�จะต้องไปัรับับัริการยังสัถึานท่�ให้บัริการขัองห้น่วยงานภาค รัฐ ซึ่�งระบับัจะทำาห้นำท่�ในการรวบัรวมบัริการภาครัฐต่าง ๆ ไว้บัน แพื่ลื่ต้ฟอร์มสัำาห้รับัให้บัริการปัระชาชน กัารุจิัดิส่งเอกัสารุและกัารุแจิ� งเติ่อนจิะดิำาเนินกัารุ ผู่านกัล่องจิดิหมายดิจิทัล (Digital Inbox) ท่�ห้น่วยงานภาครัฐจะจัดำสั่งใบัรับัรองห้ร่อใบัอนุญาต้ต่าง ๆ รวมถึงการแจ้งเต่อนต่าง ๆ ผ่านกลื่องจดำห้มายดำิจิทัลื่ขัองผู้รับั บัริการ โดำยท่�ไม่ม่ความจำาเปั็นท่�จะต้องจัดำสั่งเอกสัารในรูปัแบับั กระดำาษให้กับัผู้รับับัริการ กัารุชื่ำารุะเงินผู่านชื่องทางอิเล็กัทรุอนิกัส์ สำาหรุับกัารุดิำาเนินกัารุธุรุกัรุรุมทางกัารุเงิน ทั�งภาครุัฐและผู้�เข�ารุับบรุิกัารุ จิะดิำาเนินกัารุ ผู่านชื่องทางอิเล็กัทรุอนิกัส์ (e-Payment) ซึ่�งห้น่วยงานภาครัฐจะจ่ายเงินผ่านระบับั e-Payment ขัอง กระทรวงการคลืั่ง สัำาห้รับัสัวัสัดิำการต่าง ๆ ขัองปัระชาชน รวมถึง งบัปัระมาณ์ขัองห้น่วยงานภาครัฐเอง ในสั่วนขัองปัระชาชนนั �น จะม่การออกแบับัระบับัให้สัามารถึรองรับัการจ่ายเงินผ่านระบับั Promptpay การโอนเงินต่างธุนาคาร การจ่ายเงินผ่านบัต้ร เครดำิต้ห้ร่อระบับั e-Wallet อ่�น ๆ ทั�งรัฐแลื่ะเอกชน เพื่�ออำานวย ความสัะดำวกในการใช้จ่ายงบัปัระมาณ์ภาครัฐ แลื่ะการจ่ายค่า ธุรรมเน่ยมสัำาห้รับัการรับับัริการภาครัฐขัองปัระชาชน กัารุออกัเอกัสารุรุับรุองและใบอนุญาติอิเล็กัทรุอนิกัส์ (e-Certification/e-License) ซึ่�งผู้รับับัริการสัามารถึดำาเนินการขัอใบัรับัรองแลื่ะใบัอนุญาต้ อิเลื็่กทรอนิกสั์ผ่านศูนย์ให้บัริการแบับัเบั็ดำเสัร็จ โดำยท่�ผู้รับับัริการ ไม่จำาเปั็นต้องไปัดำาเนินการร้องขัอเอกสัารจากจุดำบัริการจุดำอ่�น อ่ก นอกจากน่� ผู้รับับัริการยังสัามารถึท่�จะติ้ดำต้ามขั�นต้อนการ ออกใบัรับัรองแลื่ะใบัอนุญาต้ผ่านระบับัการเร่ยกดำูแลื่ะติ้ดำต้าม การบัริการ (Service Request and Tracking) รุะบบกัารุย่นยันติัวตินผู่านรุะบบ Digital ID สำาหรุับกัารุย่นยันติัวตินดิจิทัล ซึ่�ง สัพื่ร. แลื่ะห้น่วยงานท่�เก่�ยวขั้องจะต้องจัดาให้ม่ Digital ID ขัอง บัุคคลื่ต้ามฐานขั้อมูลื่ปัระชากรขัองกรมการปักครอง กระทรวง มหำดำไทย โดำยระบับั Digital ID น่�จะต้องสัามารถึย่นยันตั้วต้นได้ำ จากการใช้เลื่ขัปัระจำาตั้ว 13 ห้ลืั่กเปั็นอย่างน้อย โดำยในอนำคต้ จะม่การต่อยอดำการพืั่ฒนาให้ม่ความสัะดำวกต่อการให้บัริการแก่ ปัระชาชนแลื่ะห้ลื่ากห้ลื่ายมากขัึ �นต่อไปัสำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / 60 ใน่การกำาหน่ดำเปิ้าหมูายและตั้วชื่�วัดำความูสาเร็จข้อง แผน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลข้องปิระเที่ศูไที่ย พั.ศู. 2563-2565 จะ ยึดำหลักปิระชื่าชื่น่ เปิ็น่ศูน่ย์กลางที่�จะได้ำรับปิระโยชื่น่์สูงสุดา จาก การน่าระบบดำิจิทีั่ลที่�เหมูาะสมูมูาใชื้ใน่การบริหารและการให้ บริการข้องหน่วยงาน่รัฐทีุ่กแห่ง เพั่�อเพัิ�มูปิระสิที่ธิภาพั และให้มู่ การใชื้ระบบดำิจิทีั่ลอย่างคุ้มูค่าและเต็้มูศูักยภาพั ซึ�งได้ำดำาเนิ่น่การ โดำยยึดำถึ่อหลักการสาคัญ 3 ส่วน่ค่อ • ความูสอดำคล้องกับทีิ่ศูที่าง และเปิ้าหมูายข้องแผน่ระดาับชื่าติ้ ต่าง ๆ ที่�เก่�ยวข้อง รวมูถึงแผน่ที่�เก่�ยวกับการพัฒน่ารัฐบาล ดำิจิทีั่ล • การยึดำหลักแน่วที่าง และวิธิ่การต้ามูเจต้น่ารมูณ์ข้อง พัระรา ชื่บัญญัติ้การบ ริหารงาน่และการให้บริการภาค รัฐผ่าน่ ระบบดำิจิทีั่ล พั.ศู. 2562 • การต้อบโจที่ย์เพั่�อแก้ไข้ปิัญหา หร่อลดาอุปิสรรคข้องภาครัฐ ใน่การบริหารงาน่ และให้บริการปิระชื่าชื่น่ด้ำวยดำิจิทีั่ล เป้าหมายของแผนุ และตัวัช่�วัดิค์วัามสาเร็จ 60 61 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)• การศึกษา (การศูึกษัาก่อน่ปิระถึมูวัย การศูึกษัาปิระถึมูวัย การศูึกษัามูัธิยมูศูึกษัา การศูึกษัาระดาับอุดำมูศูึกษัา และการ เร่ยน่รู้ต้ลอดำชื่วิต้) โดำยเต้ร่ยมูความูพัร้อมูกำาลังคน่ดำิจิทีั่ล ภาครัฐให้มู่ความูพัร้อมูทีั่�งด้ำาน่ทีั่กษัะ มู่ทีั่ศูน่คติ้ด้ำาน่ความู คิดำใหมู่บน่รากฐาน่ข้องความูเชื่�อใน่การพัฒน่าข่ดำความู สามูารถึที่�สามูารถึเปิล่�ยน่แปิลงได้ำต้ลอดำ ผ่าน่ความูพัยายามู การเร่ยน่รู้ และความูไมู่ย่อที้อ (Growth Mindset) รองรับ ความูก้าวหน้าที่างเที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลใน่อน่าคต้ และเพัิ�มู จำาน่วน่บุคลากรที่�มู่ทีั่กษัะความูเชื่�ยวชื่าญ ให้มู่สมูรรถึน่ะ สูง ปิฏิบัติ้งาน่อย่างมู่คุณภาพั เพั่�อปิระชื่าชื่น่ และปิระโยชื่น่์ ส่วน่รวมู ยึดำมูั�น่ใน่คุณธิรรมูสู่รัฐบาลดำิจิทีั่ล • สุขภาพัและการแพัทัย์ (การรักษาพื่ยาบัาลื่ โรคติ้ดำต่อแลื่ะ โรคไม่ติ้ดำต่อแลื่ะสัุขัภาพื่สัุขัภาวะขัองปัระชาชน) โดำยบัูรณ์า การขั้อมูลื่แลื่ะการเขั้าถึงระบับัสัาธุารณ์สัุขัแลื่ะห้ลืั่กปัระกัน ทางสังคมแลื่ะการใช้เทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่เพื่�อเพืิ่�มปัระสัิทธุิผลื่ แลื่ะปัระสัิทธุิภาพื่ในการให้บัริการแก่ปัระชาชนได้ำอย่าง สัะดำวก ทั�วถึง • การเกษตร (การเกษัต้ร ที่รัพัยากรน่า ที่รัพัยากรธิรรมูชื่าติ้ และการพัยากรณ์อากาศู) โดำยบูรณาการข้อมูลด้าน่ การเกษัต้รแบบครบวงจร เพั่�อเพัิ�มูปิระสิที่ธิภาพัการบริหาร จัดำการที่างการเกษัต้ร การใชื้เที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลเพั่�อยกระดำับ ฐาน่ะที่างเศูรษัฐกิจข้องเกษัต้รกรไที่ย สร้างความูได้ำเปิร่ยบ ที่างการแข่งขั้น่ เพัิ�มูความูสามูารถึใน่การผลิต้มูุ่งสู่การเปิ็น่ ปิระเที่ศูเกษัต้รกรรมูมูลค่าสูงจิากัหลักักัารุสาคัญดิังกัล่าวข�างติ�น จิ่งไดิ� นำามาส่กัารุกัำาหนดิปรุะเดิ็นมุ่งเน�นความสาคัญ ใน 6 กัลุ่มเป้าหมาย (Sector) ปรุะกัอบดิ� วย • ความเหล่�อมลาทัางสิทัธิสวัสดิการประชาชน (สัิทธุิสัวัสัดิำการ การรักษาพื่ยาบัาลื่การดำูแลื่ทางสังคม การม่งานทำาแลื่ะการจ้างงาน ความยากจน) โดำยมุ่งเน้น การเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่การให้บัริการขัองห้น่วยงานรัฐ ในการแก้ไขัปัญหำความเห้ลื่�อมลื่ำาในการเขั้าถึงบัริการ ภาครัฐขัองปัระชาชนโดำยเฉพื่าะผู้ด้ำอยโอกาสัผู้ท่�อยู่ใน ท้องถึิ�นทุรกันดำาร คนพืิ่การแลื่ะผู้สัูงอายุ ท่�ง่าย สัะดำวก รวดำเร็ว • การม่ส่วนร่วม โปร่งใสและตรวจิสอบไดิ้ของประชาชน (ขั้อร้องเร่ยนแลื่ะการม่สั่วนร่วมขัองปัระชาชน) โดำยให้ ความสัำาคัญกับัการสัร้างโอกาสัการม่สั่วนร่วม ในการ ทำางานระห้ว่างภาครัฐ ภาคเอกชน แลื่ะภาคปัระชาชน ท่� มุ่งเน้นการเปัิดำเผยขั้อมูลื่การทำางานขัองห้น่วยงานรัฐท่� โปัร่งใสัต้รวจสัอบัได้ำ • การส่งเสริมวิสาหกิจิขนำดิกลางและขนำดิย่อม (SME) (การขัอจัดำตั้�งสัถึานปัระกอบัการ การขัออนุมัติ้ใบัอนุญาต้ ปัระกอบักิจการแลื่ะการขัอรับับัริการสัาธุารณู์ปัโภค ภาครัฐ) โดำยอำานวยความสัะดำวกในการจดำจัดาตั้�งธุรกิจ ลื่ดำขั�นต้อน แนวปัฏิบัติ้เพื่�อให้เกิดำความคลื่องตั้ว ง่าย สัะดำวก แลื่ะสัร้างโอกาสัทางการต้ลื่าดำให้ม่ในการเพืิ่�มขั่ดำความ สัามารถึทางการแขั่งขันด้ำวยนวัต้กรรมดิำจิทัลื่สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / 62• ปัระชาชนได้ำรับัความสัะดาวกรวดำเร็วในการใช้ บัริการขัองห้น่วยงานภาครัฐ ลื่ดำภาระทางด้ำานเวลื่า ค่าใช้จ่าย แลื่ะการจัดาเต้ร่ยมเอกสัารขัองปัระชาชน • บัริการภาครัฐท่�สัำาคัญได้ำรับัการปัรับัเปัลื่�ยนเปั็น บัริการในรูปัแบับัดิำจิทัลื่แบับัเบั็ดำเสัร็จ (End-to-End Digital Services) โดำยเฉพื่าะบัริการพื่�นฐานท่� จำาเปั็นต่อการดำารงช่วิต้ • เกิดำศูนย์แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่กลื่างในการแลื่กเปัลื่�ยน ขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่แลื่ะทะเบั่ยนดำิจิทัลื่ระห้ว่างห้น่วยงาน ขัองรัฐ เพื่�อสันับัสันุนการดำาเนินการขัองห้น่วยงาน ขัองรัฐในการให้บัริการปัระชาชนผ่านระบับัดำิจิทัลื่ • ภาคธุรกิจได้ำรับัความสัะดำวกในการทำาธุรกิจ (Ease of Doing Business) ซึ่�งจะก่อให้เกิดำการลื่งทุน แลื่ะการเพืิ่�มความสัามารถึในการแขั่งขัน รวมถึง เปั็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแลื่ะพืั่ฒนาสังคมในระยะ ยาว • เพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่ในการสั่งเสัริมแลื่ะพืั่ฒนา ผู้ปัระกอบัการให้สัามารถึแขั่งขันด้ำวยกลื่ไกการ บัูรณ์าการขัองรัฐ โดำยมุ่งเน้นขั�นต้อนการปัระกอบั ธุรกิจท่�สัำาคัญ• อันดำับัดัำชน่รัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ (E-Government Development Index (EGDI)) โดำยองค์การ สัห้ปัระชาชาติ้ด่ำขัึ�น 10 อันดำับั* (ปัีพื่.ศ. 2563 ปัระเทศไทยอยู่ในอันดำับัท่� 57 แลื่ะปัีพื่.ศ. 2561 อยู่ท่�อันดำับัท่� 73) • อันดำับัความยากง่ายในการดำาเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business (EoDB)) จัดาทำาโดำยธุนาคารโลื่ก ด่ำขัึ�น 10 อันดำับั (ปัีพื่.ศ. 2563 ปัระเทศไทยอยู่ในอันดำับัท่� 21 แลื่ะ ปัีพื่.ศ. 2562 ปัระเทศไทยอยู่ในอันดำับัท่� 27)เป้าหมายทั่� 1 ลดาความเหล่�อมลำาในิการเขั้าถึงบูริการและสู่วัสู่ดำิการขัอง ประชาชนิด้ำวยขั้อมูลื่แลื่ะบัริการผ่านช่องทางดำิจิทัลื่สัำาห้รับั ปัระชาชนทุกกลืุ่มเพื่�อยกระดำับัคุณ์ภาพื่ช่วิต้ท่�ด่ำ เป้าหมายทั่� 2 เพืิ่�มขัีดำความ สู่ามารถ ที่างการแขั่งขันิให้กับูผู้ประกอ บูการ วิสู่าหกิจขันิาดำกลางและขันิาดาย่อมขัองไที่ย ด้ำวยการบัูรณ์าการ กลื่ไกภาครัฐในการสันับัสันุนให้เกิดำการอำานวยความสัะดำวก แก่การปัระกอบัธุรกิจผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ตัวัช่�วัดิ ตัวัช่�วัดิสำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 / CHAPTER 4 63 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)• ภาครัฐม่กลื่ไก การเปัิดำเผย การแลื่กเปัลื่�ยน แลื่ะการบัริหำร จัดำการขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่ (Digitization) ต้ามกรอบัธุรรมาภิบัาลื่ ขั้อมูลื่ภาครัฐ • เกิดำการเช่�อมโยงระบับับัริหำรจัดำการงบัปัระมาณ์การจัดาซึ่�อ จัดำจ้างภาครัฐท่�ปัระชาชนสัามารถึเขั้าถึงแลื่ะต้รวจสัอบัได้ำ • ปัระชาชนสัามารถึเขั้าถึงขั้อมูลื่ภาครัฐในรูปัแบับัดิำจิทัลื่ได้ำ อย่างเสัร่ไม่เสั่ยค่าใช้จ่าย รวมทั�งต้รวจสัอบัการดำาเนินงาน ขัองภาครัฐ นำาขั้อมูลื่ไปัใช้ปัระโยชน์ ห้ร่อพืั่ฒนาบัริการแลื่ะ นวัต้กรรมได้ำ • ปัระชาชนม่สั่วนร่วมในการตั้ดำสัินใจเชิงนโยบัาย แลื่ะให้ ขั้อเสันอแนะในการพืั่ฒนาปัระเทศผ่านระบับัดำิจิทัลื่• อันดำับัดัำชน่ภาพื่ลืั่กษณ์คอร์รัปัชัน (Corruption Perception Index (CPI)) โดำยองค์กรเพื่�อ ความโปัร่งใสันานาชาติ้ด่ำขัึ�น 3 อันดำับั (ปัีพื่.ศ. 2562 ปัระเทศไทยอยู่ในอันดำับัท่� 101 แลื่ะ ปัีพื่.ศ. 2561 ปัระเทศไทยอยู่ในอันดำับัท่� 99) • อันดำับัดัำชน่ช่�วัดำการม่สั่วนร่วมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ (E-Participation Index (EPI)) ด่ำขัึ �น 10 อันดำับั (ปัีพื่.ศ. 2563 ปัระเทศไทยอยู่ในอันดำับัท่� 51 แลื่ะ ปัีพื่.ศ. 2561 ปัระเทศไทยอยู่ในอันดำับัท่� 82)เป้าหมายทั่� 3 การที่ำางานิขัองภาครัฐมีความโปร่งใสู่ติรวจสู่อบูได้ำด้ำวยการ ปัรับัปัรุงขั้อมูลื่ต้ามกรอบัธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ภาครัฐ แลื่ะเปัิดำเผย แก่ปัระชาชนผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ เป้าหมายทั่� 4 สู่ร้างการ มีสู่วนิร่วมขัองประชาช นิในิการพืั่ฒนิาบูริการขัอง ภาครัฐ และกาหนิดำนิโยบูายสู่ำาคัญขัองประเที่ศ ด้ำวยการเสันอ ความคิดำเห็้นด้ำานนโยบัาย ห้ร่อปัระเดา็นการพืั่ฒนาปัระเทศผ่าน ช่องทางดำิจิทัลื่ตัวัช่�วัดิ ตัวัช่�วัดิสำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / สำาร่ะสำาคัญของแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ลของปร่ะเที่ศไที่ย พั.ศ. 2563-2565 CHAPTER 4 / 64ยุทธศาสติรุ์ ท่� 1 ยกัรุะดิับคุณภาพั กัารุให�บรุิกัารุแกั่ ปรุะชื่าชื่นดิ� วย เทคโนโลย่ดิจิทัล ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 1 ม่งเนิ้นิการพืั่ฒนิาบูริการดำิจิทีั่ลที่� มีค่ณภาพื่สู่ำาหรับูประชาชนิ โดำยการสู่งเสู่ริมและ สู่นิับูสู่นิ่นิให้หนิ่วยงานิรัฐมีทีั่ศนิคติด้ำานิดำิจิทีั่ล (Digital Mindset) มีความพื่ร้อมและศักยภาพื่ในิการ พืั่ฒนิาบูริการดำิจิทีั่ลที่�มีประสูิ่ที่ธิภาพื่การจัดาติั�ง ศูนิย์แลกเปลี �ยนิขั้อมูลกลางในิการแลกเปลี �ยนิขั้อมูล ดำิจิทีั่ลและที่ะเบูียนิดำิจิทีั่ลระหว่างหนิ่วยงานิขัอง รัฐ รวมทีั่ �งการเพืิ่�มความมั �นิคงปลอดำภัยในิการใช้ บูริการดำิจิทีั่ลขัองประชาชนิด้ำวยการปกป้องค้มครอง ขั้อมูลสู่วนิบู่คคลขัองประชาชนิความปลอดำภัย ในิการย่นิยันิติัวตินิที่างดำิจิทีั่ลสู่ำาหรับูการที่ำาธ่รกรรม ที่างดำิจิทีั่ล เพื่�อให้ประชาชนิเกิดาความเช่�อมั�นิ ในิการใช้บูริการดำิจิทีั่ลภาครัฐ อันินิำาไปสู่การ ยกระดาับูค่ณภาพื่ชีวิติที่�ดำีทีั่�งด้ำานิระยะเวลาที่�สู่ะดำวก รวดำเร็ว ลดาภาระการเดาินิที่าง และความพืึ่งพื่อใจ สู่งสู่ดำจากการรับูบูริการจากภาครัฐในิสูั่งคมดำิจิทีั่ล 65 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)เป้าหมาย และตัวัช่�วัดิรายยุทัธิศาสตร์ ประชาชนิได้ำรับูความสู่ะดาวกรวดำเร็วในิการใช้ บูริการขัองหนิ่วยงานิภาครัฐ • ความ พ่งพอใจในิคุณภาพการให์้บริการดำิจิทั้ล่ข้องร้ฐ ไม่ นิ้อยกว่าร้อยล่ะ 85* ภายในิปิีพ.ศ. 2565 *ต้วช้�ว้ดำแผนิแม่บทั้ภายใต้ยุทั้ธิศาสตร์ชำติปิระเดา็นิทั้� 20 • ร้อยล่ะข้องจานิวนิเอกสาร/ทั้ะเบ้ยนิดำิจิทั้ล่ตามโจทั้ย์ สำาค้ญเร่งด่ำวนิข้องปิระเทั้ศ เกิดำการแล่กเปิล้�ยนิ เชื้�อมโยง ระห์ว่างห์นิ่วยงานิภาคร้ฐผ่านิศูนิย์แล่กเปิล้�ยนิข้อมูล่ กล่าง ไม่นิ้อยกว่าร้อยล่ะ 70 • จำานิวนิบริการดำิจิทั้ล่แบบเบ็ดาเสร็จ (End - to - End Digital Services) 50 บริการ ในิกลุ่มบริการสาค้ญ* *การศ่กษา สุข้ภาพแล่ะการแพทั้ย์ การเกษตร ความ เห์ลื่�อมล่ำาทั้างสิทั้ธิสว้สดิำการปิระชำช้นิการม้ส่วนิร่วม โปิร่งใสแล่ะตรวจสอบได้ำข้องปิระชำช้นิการ ส่งเสริม วิสาห์กิจข้นิาดากล่างแล่ะข้นิาดาย่อม (SME) • ส้ดำส่วนิความ สำาเร็จข้องกระบวนิงานิทั้ �ได้ำร้บการปิร้บ เปิล้�ยนิให์้เปิ็นิดำิจิทั้ล่ร้อยล่ะ 100* ตามภารกิจสำาค้ญทั้� ส่งผล่กระทั้บสูงต่อบริการปิระชำช้นิ *ต้วช้�ว้ดำแผนิย่อยการพ้ฒนิาบริการปิระชำช้นิภายใต้ แผนิแม่บทั้ภายใต้ยุทั้ธิศาสตร์ชำติปิระเดา็นิทั้� 20เกิดำศูนิย์แลกเปลี �ยนิขั้อมูลกลางในิการ แลกเปลี �ยนิขั้อมูลดำิจิทีั่ลและที่ะเบูียนิดำิจิทีั่ล ระหว่างหนิ่วยงานิขัองรัฐ บูริการภาครัฐที่�สู่ำาคัญได้ำรับูการปรับูเปลี �ยนิ เป็นิบูริการในิรูปแบูบูดำิจิทีั่ลแบูบูเบู็ดำเสู่ร็จ (End-to-End Digital Services)เป้าหมาย ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์1. 66เพัิ�มปรุะสิทธิภาพักัารุบรุิกัารุภาครุัฐ ดิ�วยเทคโนโลย่ ดิจิทัลท่�ปรุะชื่าชื่นเข�าถ่งไดิ�ง่าย สะดิวกัดิ�วยกัารุ บ้รุณากัารุรุ่วมกัน โดิยกัารุดิำาเนินกัารุดิังติ่อไปน่�พัฒนานวัติกัรุรุมบรุิกัารุดิจิทัลภาครุัฐ เพั่�ออำานวย ความสะดิวกัในกัารุให� บรุิกัารุปรุะชื่าชื่น รุองรุับวิถ่ชื่วิติ แนวใหม่ (New Normal) หรุ่อรุองรุับติ่อสถานกัารุณ์ อุบัติใหม่ท่�ปรุะเทศติ� องเผู้ชืิ่ญ ดิ�วยกัารุดิำาเนินกัารุ ดิังติ่อไปน่� • จัดำให้มู่การบริการปิระชื่าชื่น่ผ่าน่ระบบดำิจิทีั่ล ด้ำวยการลดา กระบวน่งาน่การย่�น่คำาข้อรับบริการ และลดาการข้อสาเน่า เอกสาร • ให้หน่วยงาน่รัฐจัดำที่ำาแบบคาข้อรับบริการใน่รูปิแบบดำิจิทีั่ล ฟอร์มู ที่�สามูารถึเชื่�อมูโยงข้อมูลถึงกัน่โดำยผู้รับบริการไมู่ต้อง กรอกข้อมูลซาซ้อน่ • ผลักดำัน่ให้หน่วยงาน่รัฐน่าเที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลเข้ามูาปิรับใชื้ ใน่การให้บริการปิระชื่าชื่น่รูปิแบบ End - to - End Process • บูรณาการระหว่างหน่วยงาน่รัฐต่าง ๆ ตั้�งแต่การเชื่�อมูโยง ข้อมูล การบริการ ไปิจน่ถึงการดำาเนิ่น่งาน่ เพั่�อยกระดำับ ปิระสิที่ธิภาพัใน่การ ปิฏิบัติ้งาน่และการให้บริการข้องรัฐ ทีั่�งใน่ระดาับหน่วยงาน่ย่อยไปิจน่ถึงระดาับกระที่รวง • เปิดำโอกาส สร้างแรงจูงใจ หร่อพัฒน่ากลไกการสนั่บสนุ่น่ ให้ หน่วยงาน่ภาครัฐสามูารถึน่าเที่คโน่โลย่น่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลที่� พัร้อมูใชื้มูาเพัิ�มูปิระสิที่ธิภาพัการให้บริการปิระชื่าชื่น่ • จัดำให้มู่พั่�น่ที่�ที่ดำสอบ ที่ดำลองน่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลภาครัฐ เพั่�อ น่าร่องการปิระยุกต้์ใชื้ผลิต้ภัณฑ์หร่อบริการจากน่วัต้กรรมู ดำิจิทีั่ลข้องไที่ย สู่การใชื้ปิระโยชื่น่์ได้ำอย่างเปิ็น่รูปิธิรรมู • จัดำหา กลไก มูาต้รการสนั่บสนุ่น่การพัฒน่าต่อยอดำ ผลิต้ภัณฑ์หร่อบริการน่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลภาครัฐไที่ย ที่�สร้าง โอกาสและควา มูเชื่�อมูั�น่ใน่การใชื้น่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลภาค รัฐ จากผู้พัฒน่าข้องไที่ย ผ่าน่การบูรณาการความูร่วมูมู่อจาก ทีุ่กภาคส่วน่ • จัดำที่ำาข้อเสน่อแน่ะ การปิรับปิรุง กฎหมูาย กฎ ระเบ่ยบที่�เปิ็น่ อุปิสรรคต่อการขั้บเคล่�อน่น่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลภาครัฐไที่ย สู่การ ใชื้ปิระโยชื่น่์ที่�เปิ็น่รูปิธิรรมู • เผยแพัร่ความูรู้ความูเข้าใจ สร้างความูต้ระหนั่กถึง คุณค่าข้องบริการหร่อผลิต้ภัณฑ์น่วัต้กรรมูภาครัฐไที่ย ให้ หน่วยงาน่ภาครัฐไที่ยเล็งเห็น่ถึงปิระโยชื่น่์และความูสาคัญ ใน่การอาน่วยความูสะดำวกให้กับปิระชื่าชื่น่กลไก/มาตรการ2. 1. 2.ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 / CHAPTER 4 67 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)เพัิ�มสมรุรุถนะ ข่ดิความสามารุถหน่วยงานรุัฐ ส่กัารุ เป็นองค์กัรุดิจิทัล รุองรุับกัารุพัฒนารุะบบบรุิกัารุเพั่�อ ศักัยภาพักัารุบรุิกัารุปรุะชื่าชื่น รุวมถ่งบุคลากัรุรุัฐม่ Digital Mindset และม่ทักัษะท่�จิำาเป็นในกัารุพัฒนา รุัฐบาลดิจิทัล โดิยดิำาเนินกัารุดิังติ่อไปน่� • สร้างทีั่ศูน่คติ้ด้ำาน่ดำิจิทีั่ล (Digital Mindset) ข้องบุคลากร ภาครัฐ ตั้�งแต่การมู่ความูคิดำเชืิ่งกลยุที่ธิ์ดำิจิทีั่ล จน่ถึงความูรู้ ที่�จำาเปิ็น่ใน่การพัฒน่าเที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลใน่องค์กร รวมูทีั่ �งการ สร้างความูต้ระหนั่กถึงความูสาคัญข้องการน่าเที่คโน่โลย่ ดำิจิทีั่ลเข้ามูาปิรับใชื้ใน่ทีุ่กกระบวน่การที่ำางาน่ภายใน่ หน่วยงาน่ข้องรัฐ • ศูึกษัาและสารวจระดาับความูพัร้อมูข้องหน่วยงาน่รัฐไที่ย ใน่การปิรับเปิล่�ยน่สู่การเปิ็น่องค์กรดำิจิทีั่ล เพั่�อให้เข้าใจถึง สาเหตุ้และปิระเดา็น่สำาคัญใน่การยกระดาับศูักยภาพัองค์กร สู่การดำาเนิ่น่งาน่ที่�บรรลุผลสำาเร็จ • สร้างแรงจูงใจ กระ ตุ้น่ควา มูสน่ใจใน่การให้ความูสำาคัญต่อ การปิรับปิรุงกระบวน่การที่ำางาน่ข้ององค์กรให้เปิ็น่รูปิแบบ ดำิจิทีั่ลอย่างครบวงจร • จัดำให้มู่ระบบน่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลที่�พัร้อมูใชื้ เพั่�อสนั่บสนุ่น่ หน่วยงาน่ภาครัฐใน่การปิรับเปิล่�ยน่สู่การเปิ็น่องค์กรดำิจิทีั่ล • จัดำให้มู่ที่�ปิรึกษัา ผู้เชื่�ยวชื่าญ เข้ามูาให้ความูรู้ความูเข้าใจต่อ การปิรับปิรุงรูปิแบบการที่ำางาน่ ใหมู่สู่การเปิ็น่องค์กรดำิจิทีั่ล • วางสถึาปิัต้ยกรรมูองค์กรใหมู่ให้รองรับการที่ำางาน่ ใน่รูปิ แบบดำิจิทีั่ล ที่�สามูารถึที่ำางาน่ ได้ำทีุ่กที่� ทีุ่กเวลา สอดำคล้องกับ การเปิ็น่องค์กรดำิจิทีั่ลใน่ที่�สุดา3.ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / เพัิ�มความสามารุถ ความมั �นคง ปลอดิภัยในกัารุ ปรุะยุกัติ์ใชื่�เทคโนโลย่ดิจิทัลภาครุัฐ พัรุ�อมทั�งจิัดิหา กัลไกักัารุปกัป้องคุ�มครุองข�อม้ลส่วนบุคคลของ ปรุะชื่าชื่น ในกัารุรุับบรุิกัารุจิากัภาครุัฐ โดิยดิำาเนินกัารุ ดิังติ่อไปน่� • จัดำให้มู่ระบบดำิจิทีั่ลรอง รับควา มูมูั�น่คงปิลอดำภัยใน่การให้ บริการปิระชื่าชื่น่ข้องหน่วยงาน่ภาครัฐ และรองรับการ ปิกปิ้องคุ้มูครองข้อมูลส่วน่บุคคลข้องปิระชื่าชื่น่ • สร้างและพัฒน่าทีั่กษัะบุคลากรภาครัฐรองรับสถึาน่การณ์ การ คุกคามู หร่อการโจมูต่ที่างไซเบอ ร์ทีั่�งใน่ระ ดำับ ขั้�น่พั่�น่ฐาน่และระดาับสูง ด้ำวยการเพัิ�มูสมูรรถึน่ะบุคลากร ภาครัฐที่�ปิฏิบัติ้งาน่ใน่สายงา น่ทีั่�วไปิ และ ปิฏิบัติ้งาน่ด้ำาน่ เที่คโน่โลย่สารสน่ เที่ศูและการส่�อสาร หร่อปิฏิบัติ้งาน่เฉีพัาะ ที่างด้ำาน่ความูมูั �น่คงปิลอดำภัยที่างไซเบอร์ ให้สามูารถึรู้ เที่า ทีั่น่ และรับมู่อกับสถึาน่การณ์ได้ำอย่างทีั่น่ที่วงที่ • จัดำให้มู่กิจกรรมูการเผยแพัร่ความูรู้ความูเข้าใจและการยก ระดาับทีั่กษัะบุคลากรให้ต้ระหนั่กถึงควา มูสำาคัญใน่การ จัดำที่ำา แน่วปิฏิบัติ้การคุ้มูครองข้อมูลส่วน่บุคคล ที่�จะต้องปิกปิ้อง สิที่ธิ� และคุ้มูครองปิระชื่าชื่น่ผู้รับบริการจากภาครัฐ • จัดำหากลไก มูาต้รการ สนั่บสนุ่น่ให้หน่วยงาน่รัฐเกิดำความู ต้องการและ ต้ระหนั่กถึงควา มูสำาคัญ ทีั่�งด้ำาน่ควา มูมูั�น่คง ปิลอดำภัยที่างไซเบอร์ และการคุ้มูครองข้อมูลส่วน่บุคคลต้ามู ที่�กฏิหมูายกาหน่ดำ ผ่าน่การบูรณาการระหว่างเคร่อข่าย ความูร่วมูมู่อทีั่ �งใน่และต่างปิระเที่ศู4. 68ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 / CHAPTER 4 แผู้นภาพัความเชื่ �อมโยงของเป้าหมาย มาติรุกัารุ และแผู้นงาน ภายใติ�ยุทธศาสติรุ์ท่� 1 69 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / ตัวัอย่างโค์รงการสาคั์ญ ผ้รับัผิดิชอบั และงบัประมาณ ภายใต้ยุทัธิศาสตร์ทั่� 1 แผู้นงานท่ � 1 แพัลติฟอรุ์มบรุิกัารุภาครุัฐ (Common Platform) สำาหรุับรุองรุับกัารุให�บรุิกัารุปรุะชื่าชื่น โครุงกัารุท่ � 1 กัารุพัฒนาแพัลติฟอรุ์มกัารุให�บรุิกัารุปรุะชื่าชื่นแบบเบ็ดิเสรุ็จิ (Citizen Platform) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อพืั่ฒนาระบับับัริการเพื่�อรองรับัการให้บัริการแบับัเบั็ดำเสัร็จขัองห้น่วยงานรัฐ สัำาห้รับัปัระชาชน แลื่ะผู้เดาินทางจากต่างปัระเทศสัามารถึเขั้าถึงบัริการภาครัฐอย่างทั �วถึง คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: อยู่รัะหว่�งก�รัจิัดิทัำ�ม�ตรัฐ�นัก�รัให้บรัิก�รัภ�ครัฐผ่�นัรัะบบดิจิทัล ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • พืั่ฒนา ทดำสัอบัติ้ดำตั้�ง แลื่ะเปัิดำให้ ดำาวน์โห้ลื่ดำแอปั “ทางรัฐ” โดำยให้ เริ�มใช้ภายในห้น่วยงานแลื่ะห้น่วย งานนำาร่องแลื่ะเปัิดำให้บัริการกับั ปัระชาชนทั �วไปัวันท่� 1 ต้.ค. 63 • แผนแม่บัทเพื่�อขับัเคลื่�อนระยะ 3 ปัี สัำาห้รับัแพื่ลื่ต้ฟอร์มดำิจิทัลื่กลื่าง เพื่�อปัระชาชน• จำานวน 30 บัริการ 5 ลื้านราย ได้ำใช้ ปัระโยชน์จากบัริการ/63.46 ลื้าน บัาท*/สัพื่ร. (*Citizen+Foreigner+ Business Portals)• จำานวน 60 บัริการ 15 ลื้านราย ได้ำใช้ปัระโยชน์จากบัริการ/90 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กั.พั.รุ./สพัรุ./กัค. โครุงกัารุท่ � 2 กัารุพัฒนาแพัลติฟอรุ์มเพั่�อกัารุแลกัเปล่ �ยนข�อม้ลภาครุัฐ (Government Data Exchange: GDX) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อพืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มสัำาห้รับัแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐ • เพื่�อให้บัริการปัระชาชนแลื่ะภาคธุรกิจ โดำยไม่เร่ยกเก็บัสัำาเนาจากผู้เขั้ารับับัริการ คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: อยู่รัะหว่�งก�รัจิัดิทัำ�ม�ตรัฐ�นัก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐผ่�นัศูนัย์กล�งก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐ (GDX) ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • ขั้อเสันอแนะแนวทางการเช่�อมโยง ขั้อมูลื่ระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐ ว่าด้ำวยแนวทางการจัดาทำาบัญช่ ขั้อมูลื่ภาครัฐ (GDC) ผ่านการ รับัฟังความคิดำเห็้น 9 ก.ย. 63 • GDX ร่างขั้อเสันอแนะแนวทางการ เช่�อมโยงขั้อมูลื่ระห้ว่างห้น่วยงาน ภาครัฐ • 100 ห้น่วยงานภาค รัฐ 12 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/15.72 ลื้านบัาท*/สัพื่ร.• 160 ห้น่วยงานภาค รัฐ 30 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/50 ลื้าน บัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กั.พั.รุ./สพัรุ.3. 70ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 / CHAPTER 4โครุงกัารุท่ � 3 กัารุพัฒนารุะบบคลาวดิ์ กัลางภาครุัฐ (GDCC) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อจัดำให้ม่ระบับัคลื่าวดำ์ท่�รองรับัการใช้งานขัองห้น่วยงานภาครัฐต้ามความต้องการ เพื่�อให้เพื่ยงพื่อต่อการให้บัริการปัระชาชน แลื่ะบัริหำรจัดำการภายในภาครัฐ คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: อยู่รัะหว่�งก�รัจิัดิทัำ�ม�ตรัฐ�นัก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐผ่�นัศูนัย์กล�งก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐ (GDX) ในัส่ำวนัข้องม�ตรัฐ�นัข้อมูลเปิดิภ�ครัฐสำ�ม�รัถุศูึกษ�ไดิ้จิ�กรั�ยชื่�อในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • 98 ห้น่วยงาน • 258 ระบับั • 1450 VMs (ขั้อมูลื่ณ์ วันท่� 9 สัิงหำคม 63)• 12,000 VM ผู้ใช้งาน 1 ลื้านคนต่อปัี/ 845.76 ลื้านบัาท*/สัดำช.• 20,000 VM/1,992.900 ลื้าน บัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: ดิศ./สดิชื่. โครุงกัารุท่ � 4 กัารุพัฒนาแพัลติฟอรุ์มสำาหรุับจิัดิเกั็บข� อม้ลสิทธิสวัสดิกัารุปรุะชื่าชื่นในพั่ �นท่� วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อพืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มสัำาห้รับัห้น่วยงานรัฐในการจัดำเก็บัขั้อมูลื่สัิทธุิสัวัสัดิำการขัองปัระชาชนในพื่ �นท่� • เพื่�อให้เกิดำการรวมศูนย์ขั้อมูลื่สัิทธุิสัวัสัดิำการปัระชาชนแลื่ะใช้ปัระโยชน์ในการพืั่ฒนาบัริการเพื่�อแก้ไขัปัญหำปัระชาชนในพื่ �นท่� คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: อยู่รัะหว่�งก�รัจิัดิทัำ�ม�ตรัฐ�นัก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐผ่�นัศูนัย์กล�งก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐ (GDX) ในัส่ำวนัข้องม�ตรัฐ�นัข้อมูลเปิดิภ�ครัฐสำ�ม�รัถุศูึกษ�ไดิ้จิ�กรั�ยชื่�อในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• ปัระชาชน 10 ลื้านคนสัามารถึต้รวจ สัอบัสัิทธุิสัวัสัดิำการต้นเองได้ำ/ 70 ลื้าน บัาท**• ปัระชาชน 20 ลื้านคน สัามารถึ ต้รวจสัอบัสัิทธุิสัวัสัดิำการต้นเอง ได้ำ/30 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: พัม./กัค./สพัรุ./ปค./สศชื่. 71 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / โครุงกัารุท่ � 6 พัฒนารุะบบฐานข� อม้ลกัารุเกัษติรุ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อเพืิ่�มปัระสัิทธุิภาพื่ในการเช่�อมโยงขั้อมูลื่แลื่ะการสัำารวจจัดำเก็บัขั้อมูลื่ • เพื่�อพืั่ฒนา ออกแบับัจัดาทำาฐานขั้อมูลื่ขันาดำให้ญ่ • เพื่�อเปั็นศูนย์กลื่างขั้อมูลื่ขันาดำให้ญ่ด้ำานการเกษต้ร สัำาห้รับัใช้ในการวิเคราะห้์ขั้อมูลื่ตั้ดำสัินใจคาดำการณ์ เต่อนภัย เฝั้าระวัง รวมถึงจัดาทำารายงานต้ามความต้องการขัองผู้ใช้ • เพื่�อให้บัริการขั้อมูลื่แก่ภาครัฐ เอกชน เกษต้รกรแลื่ะปัระชาชน ผ่าน Program Platform (CPP) คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: อยู่รัะหว่�งก�รัจิัดิทัำ�ม�ตรัฐ�นัก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐผ่�นัศูนัย์กล�งก�รัแลกเปล่�ยนัข้อมูลภ�ครัฐ (GDX) ในัส่ำวนัข้องม�ตรัฐ�นัข้อมูลเปิดิภ�ครัฐสำ�ม�รัถุศูึกษ�ไดิ้จิ�กรั�ยชื่�อในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• แพื่ลื่ต้ฟอร์มระบับัฐานขั้อมูลื่ แลื่ะม่ ผู้ใช้งาน 1,500 คนต่อปัี/41.59 ลื้าน บัาท*/สัศก.• แพื่ลื่ต้ฟอร์มระบับัฐานขั้อมูลื่ แลื่ะม่ผู้ใช้งาน 1,500 คนต่อปัี/ 45 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สศกั./สพัรุ.โครุงกัารุท่� 5 บ้รุณากัารุรุะบบขัอม้ลทะเบ่ยนเกัษติรุกัรุ และจิัดิทำาข�อม้ลทางดิ�านกัารุเกัษติรุ แบบเปิดิเชื่�อมโยงกับศ้นย์กัลางข� อม้ลเปิดิภาครุัฐ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อพืั่ฒนาระบับังานทะเบั่ยนเกษต้รกรแลื่ะขั้อมูลื่อ่�นท่�เก่�ยวขั้อง มายังชุดำโครงสัร้างมาต้รฐานทางด้ำานการเกษต้ร • เพื่�อพืั่ฒนาชุดำโครงสัร้างมาต้รฐานเพื่�อการแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ทางด้ำานการเกษต้รแลื่ะการเช่�อมโยงขั้อมูลื่ • เพื่�อให้เกิดำการแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ด้ำานการเกษต้รระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐต้ามนโยบัายขัองรัฐบัาลื่ก้าวสัู่รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • โครงสัร้างมาต้รฐานเพื่�อการแลื่ก เปัลื่�ยนขั้อมูลื่ทางด้ำานการเกษต้ร/ 29.10 ลื้านบัาท*/สัวทช.• โครงสัร้างมาต้รฐานเพื่�อการ แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ทางด้ำาน การเกษต้ร/30 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กัษ./สพัรุ./สวทชื่. 72 ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 / CHAPTER 4แผู้นงานท่ � 2 กัารุส่งเสรุิม สนับสนุน กัารุสรุ�างความเชื่ �อมั�นและกัารุใชื่� บรุิกัารุดิจิทัลภาครุัฐในปรุะชื่าชื่น โครุงกัารุท่ � 1 กัิจิกัรุรุมเผู้ยแพัรุ่สรุ�างความติรุะหนักัในกัารุใชื่� บรุิกัารุดิจิทัลภาครุัฐแกั่ปรุะชื่าชื่น วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อสั่งเสัริมให้ปัระชาชนม่ความรู้ความเขั้าใจในการใช้บัริการดำิจิทัลื่ภาครัฐ • เพื่�อเปั็นขั้อมูลื่สัำาห้รับัภาครัฐในการปัรับัปัรุง ห้ร่อพืั่ฒนาบัริการดำิจิทัลื่สัำาห้รับัปัระชาชน คู่ม่อ/มาต้รฐาน: อยู่ระห้ว่างการจัดำทำามาต้รฐานการให้บัริการภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • ปัระชาชนรับัรู้บัริการดำิจิทัลื่ภาครัฐ อย่างน้อย 5 ลื้านราย/40 ลื้านบัาท**• ปัระชาชนรับัรู้บัริการดำิจิทัลื่ภาค รัฐอย่างน้อย 10 ลื้านราย/40 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ. และหน่วยงานรุัฐท่ �เกั่�ยวข�อง แผู้นงานท่ � 3 นวัติกัรุรุมบรุิกัารุภาครุัฐเพั่�อบรุิกัารุปรุะชื่าชื่น รุองรุับวิถ่ชื่วิติแนวใหม่และปรุะเดิ็นอุ บัติใหม่ โครุงกัารุท่ � 1 พัฒนารุะบบหนังส่อเดินทางสุขภาพั (Digital Health Passport Application) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อใช้ในการติ้ดำต้ามแลื่ะต้รวจสัอบัขั้อมูลื่ผู้เดาินทางเขั้า-ออกปัระเทศไทย ภายห้ลืั่งสัถึานการณ์ COVID-19 • เพื่�อเช่�อมโยงขั้อมูลื่ผู้เดาินทางในแลื่ะต่างปัระเทศ จากระบับัให้บัริการขัองภาครัฐท่�เก่�ยวขั้อง เช่น ต้ม., กรมควบัคุมโรค, ททท., กรมการกงสัุลื่, กรมการจัดาหำงาน เปั็นต้น ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • ระบับัท่�เช่�อมโยงระห้ว่างห้น่วยงาน รองรับัผู้เดาินทางจำานวน 10 ลื้านคน/ 40.7 ลื้านบัาท• ระบับัท่�เช่�อมโยงระห้ว่างห้น่วย งานรองรับัผู้เดาินทางจำานวน 10 ลื้านคน/80 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./ดิศ/ครุ./ททท. 73 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / แผู้นงานท่ � 4 กัารุยกัรุะดิับศักัยภาพักัารุให� บรุิกัารุและกัารุบรุิหารุจิัดิกัารุ ของหน่วยงานภาครุัฐดิ� วยนวัติกัรุรุมดิจิทัล โครุงกัารุท่ � 1 พัฒนานวัติกัรุรุมดิจิทัลภาครุัฐ เพั่�อกัารุบรุิกัารุดิจิทัลสำาหรุับปรุะชื่าชื่น วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อผลืั่กดำันการนำานวัต้กรรมจากเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่พื่ร้อมใช้ขัองไทย ให้เกิดาการปัระยุกต้์ใช้งานใน ห้น่วยงานรัฐแลื่ะเพืิ่�มขั่ดำความสัามารถึทั �งในเชิงบัริหำรจัดำการแลื่ะในการให้บัริการปัระชาชนขัองห้น่วยงานภาครัฐ ต้ลื่อดำจน เปัิดำโอกาสัแลื่ะสัร้างความเช่�อมั�นให้ผลื่งานนวัต้กรรมดิำจิทัลื่ภาครัฐไทย ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• 100 ห้น่วยงานภาครัฐ 12 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค ได้ำใช้ปัระโยชน์/35 ลื้านบัาท• 160 หน่วยงาน่ภาครัฐ 20 จังหวัดำ 4 ภูมูิภาคได้ำใชื้ปิระโยชื่น่์/45 ลำน่บาที่** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./สถ./สถาบันอุ ดิมศ่กัษา โครุงกัารุท่ � 2 ยกัรุะดิับศักัยภาพักัารุบรุิกัารุภาครุัฐ ดิ� วยนวัติกัรุรุมดิจิทัลสำาหรุับคนพัิกัารุ ผู้�ส้งอายุและปรุะชื่าชื่นในกัลุ่มผู้�ม่รุายไดิ�น� อย วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อลื่ดำขั้อจำากัดำ อุปัสัรรค ในการให้บัริการขัองห้น่วยงานภาครัฐต่อกลืุ่มคนพืิ่การ ผู้สัูงอายุแลื่ะ ปัระชาชนผู้ม่รายได้ำน้อย ผ่านนวัต้กรรมดิำจิทัลื่ให้ปัระชาชนสัามารถึเขั้าถึงบัริการสัาธุารณ์ะขัองรัฐได้ำโดำยสัะดำวก ทุกท่� ทุกเวลื่า ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - -• กลืุ่มคนพืิ่การ ผู้สัูงอายุแลื่ะ ปัระชาชนผู้ม่รายได้ำน้อยเขั้าถึง บัริการรัฐได้ำ ไม่น้อยกว่า 10 ลื้าน ราย/ 80 ลื้านบัาท ** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./พัม./สวทชื่./ดิศ.โครุงกัารุท่ � 2 แพัลติฟอรุ์มบรุิกัารุ เพั่�อบรุิหารุจิัดิกัารุแรุงงานข�ามชื่าติ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อจัดำให้ม่ระบับัแพื่ลื่ต้ฟอร์มบัริการ สัำาห้รับัการบัริหำรจัดำการ ติ้ดำต้าม ต้รวจสัอบัแรงงานขั้าม ชาติ้ท่�เขั้ามาทำางานในปัระเทศไทย ต้ลื่อดำจนจัดาให้ม่ฐานขั้อมูลื่เพื่�ออำานวยความสัะดำวกในการกำาห้นดานโยบัายขัองรัฐ รองรับั สัถึานการณ์การเขั้ามาขัองแรงงานขั้ามชาติ้ไร้ฝัีม่อในปัระเทศไทย ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - -• ระบบรายงาน่ข้อมูลแรงงาน่ข้ามู ชื่าติ้เพั่�อบริหารจัดาการและวาง น่โยบาย/35 ล้าน่บาที่** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: รุง./สพัรุ. 74 ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 / CHAPTER 4 โครุงกัารุท่ � 2 พัฒนารุะบบปรุะเมินสมรุรุถนะสำาหรุับหน่วยงานภาครุัฐ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อจัดำให้ม่ระบับัปัระเมินสัมรรถึนะสั่วนบัุคคลื่เพื่�อยกระดำับัทักษะต้ามขั่ดำความสัามารถึท่�ห้น่วยงานรัฐคาดำห้วัง • เพื่�อให้ผู้ได้ำรับัการปัระเมินทักษะสัามารถึนาสัิ�งท่�เร่ยนรู้ไปัปัระยุกต้์ใช้ในสัายงานวิชาช่พื่ โดำยจะได้ำรับัการปัระเมินแลื่ะ แนวทาง/คู่ม่อในการพืั่ฒนางานในองค์กร คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: ก.พั.รั., ก.พั.และ สำพัรั. จิะดิำ�เนัินัก�รัจิัดิทัำ�คู่ม่อก�รัปรัะเมินัสามรัรัถุนัะหนั่วยง�นัภ�ครัฐทั่�สำอดิคล้องกับ แนัวทั�งก�รัปฏิบัติ PDPA และ Cyber Security ต�มกฎหม�ยในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• องค์ความูรู้ /แน่วปิฏิบัติ้ที่างด้ำาน่ PDPA และ Cyber Security เพั่�อใชื้ใน่ การที่ำางาน่ /30 ล้าน่บาที่**• องค์ความูรู้ /แน่วปิฏิบัติ้เพั่�อใชื้ใน่ การที่ำางาน่ /30 ล้าน่บาที่** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สกัมชื่./สคชื่./สคส./สพัรุ.แผู้นงานท่ � 5 กัารุพัฒนาบุคลากัรุภาครุัฐให�ม่ทักัษะ และแนวทางในกัารุพัฒนาแพัลติฟอรุ์มและให� บรุิกัารุดิจิทัลภาครุัฐ โครุงกัารุท่ � 1 กัารุปรุะยุ กัติ์ใชื่�เทคโนโลย่ดิจิทัล เพั่�อเพัิ�มปรุะสิทธิภาพั กัารุทำางานและบรุิกัารุปรุะชื่าชื่น (Digital Transformation) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อให้คำาปัรึกษาแลื่ะปัระสัานงานสัำาห้รับัการสันับัสันุนห้น่วยงานภาครัฐให้ปัรับัเปัลื่�ยนรูปัแบับัการทำางาน • เพื่�อให้ห้น่วยงานรัฐม่แนวทาง แนวปัฏิบัติ้ในการให้บัริการดำิจิทัลื่อย่างเต็้มรูปัแบับั เช่น ท่�ปัรึกษาการจัดาซึ่�อจัดำจ้าง เปั็นต้น ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• เปั้าห้มาย 100 ห้น่วยงาน /50 ลื้านบัาท**• เปั้าห้มาย 100 ห้น่วยงาน/50 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ. 75 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / โครุงกัารุท่ � 3 กัารุพัฒนาทักัษะ ทัศนคติและความสามารุถบุคลากัรุภาครุัฐทางดิ�านดิจิทัล วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อสั่งเสัริมให้บัุคลื่ากรภาครัฐพืั่ฒนาทักษะ ทัศนคติ้ด้ำานดำิจิทัลื่ (Digital Mindset) แลื่ะ องค์ความรู้ทางด้ำานดำิจิทัลื่รวมทั�งสั่งเสัริมให้บัุคลื่ากรภาครัฐต้ระห้นักถึงความสัำาคัญในการให้บัริการภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่ คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: บุคล�กรัภ�ครัฐสำ�ม�รัถุทั่�จิะศูึกษ�แนัวทั�งก�รัพัฒนั�บุคล�กรัภ�ครัฐต�มเอกสำ�รัแนัะนัำ�ในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • สัดำช.แลื่ะสัพื่ร. จัดาทำาห้ลืั่กสัูต้ร ต้นแบับัสัำาห้รับัใช้ในกระบัวนการ รับัรองห้ลืั่กสัูต้รด้ำานการฝัึก อบัรมแลื่ะพืั่ฒนาทักษะดำิจิทัลื่ให้ แก่บัุคลื่ากรภาครัฐ * เปิดิโครังก�รัฝึกอบรัมผู้บรัิห�รั (CEO, e-Gepและ DTP) * อบรัมโครังก�รั DGF: Train the Partner * นัำ�ตัวอย่�งข้องบทัเรั่ยนัขึ้�นับนั รัะบบ Microsite ข้อง ThaiMOOC • จำานวนบัุคลื่ากรท่�พืั่ฒนาทักษะ ทัศนคติ้ด้ำานดำิจิทัลื่ไม่น้อยกว่า 10,000 คนต่อปัี/ งบั 10 ลื้านบัาท • จำานวนบัุคลื่ากรท่�พืั่ฒนาทักษะ ทัศนคติ้ด้ำานดำิจิทัลื่ไม่น้อยกว่า 50,000 คนต่อปัี/ งบั 30 ลื้าน บัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./กั.พั./ดิศ./สถาบันกัารุศ่กัษา 76ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 / CHAPTER 4แผู้นงานท่� 6 มาติรุฐานดิ�านความมั �นคงปลอดิภัยและกัารุคุ �มครุองข� อม้ลส่วนบุคคล ในกัารุใชื่� บรุิกัารุดิจิทัลภาครุัฐ โครุงกัารุท่� 1 กัารุจิัดิทำามาติรุฐานกัารุให� บรุิกัารุปรุะชื่าชื่นผู่านทางดิจิทัลและมาติรุกัารุท่�เชื่�อถ่อไดิ�เพั่�อเรุ่ง กัรุะบวนกัารุอนุมัติแบบดิจิทัล วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อจัดำทำาแลื่ะปัระกาศใช้มาต้รฐานการให้บัริการภาครัฐผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ • เพื่�อพืั่ฒนำมาต้รฐานในกรอบัเวท่สัากลื่ (International Standard) แลื่ะมาต้รฐานท่�จำาเปั็นเพื่�อปัระยุกต้์ใช้บัริการภาครัฐท่�จำาเปั็น • เพื่�อให้ห้น่วยงานรัฐม่แนวทางการปัรับัเปัลื่�ยนรูปัแบับัการบัริการให้เปั็นไปัต้ามมาต้รฐานท่�กำาห้นดำขัึ�น • เพื่�อจัดำให้ม่สันามทดำสัอบั (Sandbox) สัำาห้รับัทดำสัอบัการใช้งาน (Speed up e-Licensing) คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: สำ�ม�รัถุเข้�ถุึงข้อเสำนัอแนัะม�ตรัฐ�นัดิ้�นัเทัคโนัโลย่สำ�รัสำนัเทัศูและก�รัส่ำ�อสำ�รัทั่�จิำ�เป็นัต่อธุรักรัรัมทั�ง อิเล็กทัรัอนัิกสำ์ ว่�ดิ้วยแนัวทั�งก�รัใชื้ดิจิทัลไอดิ่สำ�หรับปรัะเทัศูไทัย-ก�รัย่นัยันัตัวตนัและสำ�ม�รัถุเข้�ถุึงแนัวทั�งก�รัใชื้ง�นั e-Documentและ e-Timestamping ไดิ้ต�มรั�ยก�รัในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • จัดำทำาโครงสัร้างขั้อมูลื่ (Schema) ท่� เก่�ยวขั้องกับักระบัวนการออกใบัอนุญาต้/ ห้ลืั่กฐานสัำาคัญภาครัฐ แลื้วทั�งสัิ�น จำานวน 34 ใบัอนุญาต้ • พืั่ฒนาระบับับัริการ เช่น TEDA Schemas, e-Document Validation, e-Timestamping, Digital Identity and Authentication: ETDA Connect ท่�สัามารถึให้บัริการได้ำ 24 ชั�วโมง 7 วันแลื่ะพืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มสัำาห้รับั ลื่งนามลื่ายม่อช่�อดำิจิทัลื่ร่วมกับัสัพื่ธุอ.แลื่ะ สัพื่ร. • พืั่ฒนากระบัวนการออกใบัอนุญาต้ห้ร่อ เอกสัารห้ลืั่กฐานขัองภาครัฐให้เปั็นระบับั ดำิจิทัลื่อำานวยความสัะดำวกต่อการปัระกอบั ธุรกิจแลื่ะปัระชาชนในการขัอใบัอนุญาต้ ต่าง ๆ โดำยเฉพื่าะ กระบัวนการอนุมัติ้การ เริ�มธุรกิจ การก่อสัร้าง การขัอใช้ไฟฟ้า • เปั้าห้มายอย่างน้อย 5 เร่�อง/ 30 ลื้านบัาท**• เปั้าห้มายอย่างน้อย 5 เร่�อง/ 30 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./สพัธอ. 77 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / แผู้นงานท่ � 7 แพัลติฟอรุ์มและรุะบบ เพั่�อเพัิ�มความมั �นคงปลอดิภัยในกัารุให� และใชื่�บรุิกัารุภาครุัฐ โครุงกัารุท่ � 1 กัารุพัฒนารุะบบกัารุย่นยันและพัิส้จิน์ติัวตินทางดิจิทัล (Digital ID & signature) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อจัดำทำาแพื่ลื่ต้ฟอร์มระบับัการย่นยันแลื่ะพืิ่สัูจน์ตั้วต้นทางดำิจิทัลื่แลื่ะระบับัท่�เก่�ยวขั้อง เช่น ระบับั Service Request & Tracking ระบับั e-license แลื่ะ e-Document • เพื่�อให้ปัระชาชนสัามารถึย่นยันตั้วต้นแลื่ะเกิดำความเช่�อมั�นในการใช้บัริการขัองภาครัฐ คู่ม่อ/มาต้รฐาน: สัามารถึเขั้าถึงขั้อเสันอแนะมาต้รฐานด้ำานเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศแลื่ะการสั่�อสัารท่�จำาเปั็นต่อธุรกรรมทาง อิเลื็่กทรอนิกสั์ ว่าด้ำวยแนวทางการใช้ดำิจิทัลื่ไอด่ำสัำาห้รับัปัระเทศไทย-การย่นยันตั้วต้น ได้ำต้ามรายการในภาคผนวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • พืั่ฒนาระบับั DGA Digital ID Platform-รองรับัการทำา eKYC ผ่านแอปั “ทางรัฐ” • อยู่ระห้ว่างการพืั่ฒนาแลื่ะนาร่อง ให้บัริการกับักรมปัศุสัต้ว์แลื่ะ KTB คาดำว่าจะเริ�มทดำสัอบัได้ำภายในเด่าอน ตุ้ลื่าคม 2563 • สัพื่ร.แลื่ะ สัพื่ธุอ. ได้ำร่วมกันออกแบับั e-Document/e-License Platform พืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มแลื่ะเริ�มให้บัริการ จริงกับัสัวก. 1 ใบัแลื่ะเต้ร่ยมเปัิดำให้ใช้ กับัใบัอนุญาต้จากระบับั Biz Portal 14 ใบั • การผลืั่กดำันให้ม่การออกเอกสัารห้ลืั่ก ฐานขัองทางราชการผ่านระบับัดำิจิทัลื่ ต้ามมติ้ครม.ฯ• 100 ห้น่วยงานภาครัฐ 12 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/150 ลื้านบัาท• 160 ห้น่วยงานภาครัฐ 12 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/80 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: ปค./สพัรุ. 78ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 / CHAPTER 4โครุงกัารุท่ � 2 กัารุพัฒนาความมั �นคงปลอดิภัยสารุสนเทศภาครุัฐ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อพืั่ฒนาสัภาพื่แวดำลื้อมท่�เอ่�อต่อการทำาธุรกรรมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์อย่างต่อเน่�อง • เพื่�อต้อบัสันองแลื่ะจัดาการเห้ตุ้การณ์ภัยคุกคามไซึ่เบัอร์ให้กับัโครงสัร้างพื่�นฐานสัำาคัญทางสัารสันเทศ ต้ามขั้อกำาห้นดำขัอง คณ์ะกรรมการไซึ่เบัอร์ • เพื่�อบัูรณ์าการกระบัวนการแลื่ะลื่ดำความซึ่ำาซึ้อนขัองการพืั่ฒนาโครงสัร้างพื่�นฐานท่�สัำาคัญแลื่ะจำาเปั็นสัำาห้รับัการทำา ธุรกรรมทางดำิจิทัลื่ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• บัริการเฝั้าระวังภัยคุกคามไซึ่เบัอร์ ให้กับัโครงสัร้างพื่�นฐานดำิจิทัลื่แลื่ะ บัริการออนไลื่น์ขัองห้น่วยงานภาครัฐ (GMS)/340.64 ลื้านบัาท*/สัพื่ธุอ.• บัริการเฝั้าระวังภัยคุกคาม ไซึ่เบัอร์ให้กับัโครงสัร้างพื่�นฐาน ดำิจิทัลื่แลื่ะบัริการออนไลื่น์ขัอง ห้น่วยงานภาครัฐ (GMS)/350 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัธอ./สกัมชื่. หมายเหตุ: * เปั็นังบปัรัะมาณที่� ถ่กบรัรัจิุไวั้ตามแผนังานับ่รัณาการัปัรัะจิำาปัีงบปัรัะมาณ 2564 ** เปั็นัการัคาดิการัณ์งบปัรัะมาณ 79 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น)แนวที่างกัาร่ขับเคล่ �อนแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 5 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 79 สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 80ยุทธศาสติรุ์ ท่� 2 อำานวยความสะดิวกั ภาคธุรุกัิจิไทย ดิ�วยเทคโนโลย่ดิจิทัล ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 2 ให้ความสู่ำาคัญกับูการใช้เที่คโนิโลยี ดำิจิทีั่ลเพื่�ออานิวยความสู่ะดำวกภาคธ่รกิจไที่ย ซึ่�งถ่อ เป็นิหนิึ�งในิการขับูเคล่�อนิเศรษฐกิจด้ำวยเที่คโนิโลยี ดำิจิทีั่ล เพื่�อให้ภาคธ่รกิจสู่ามารถลดาติ้นิที่นิและ ลดาระยะเวลาในิการประกอบูธ่รกิจ เพื่�อเพืิ่�มขัีดำ ความสู่ามารถในิการแขั่งขันิที่างธ่รกิจ โดำยการนิำา เที่คโนิโลยีดำิจิทีั่ลเขั้ามาช่วยติลอดำกระบูวนิการ ธ่รกิจ ติั�งแติ่การรับูคำาขัออนิ่ญาติผ่านิระบูบูดำิจิทีั่ล เพื่�อลดาระยะเวลาและลดาเอกสู่ารที่�ภาคธ่รกิจติ้องจัดำ เติรียม การพืั่ฒนิาระบูบูเอกสู่ารและใบูอนิ่ญาติ อิเล็กที่รอนิกสู่์ รวมถึงการสู่ร้างโอกาสู่ในิการที่ำา ธ่รกิจ โดำยสู่งเสู่ริมให้เกิดำการนิำาขั้อมูลไปพืั่ฒนิา บูริการและนิวัติกรรมที่�จะเป็นิประโยชนิ์ติ่อประเที่ศ ในิด้ำานิติ่าง ๆ 81 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)เป้าหมาย และตัวัช่�วัดิรายยุทัธิศาสตร์ ภาคธ่รกิจได้ำรับูความสู่ะดำวกในิการที่ำาธ่รกิจ (Ease of Doing Business)• ม้ระบบร้บคำาข้ออนิุญาตเพื�ออำานิวยความสะดำวกให์้ภาค ธิุรกิจ ซึ่�งให์้บริการแบบเบ็ดาเสร็จครบวงจรครอบคลุ่มในิ ห์้วข้อสาค้ญ* *อาทัิ้การเริ�มต้นิธิุรกิจ (Starting a Business) การ จดำทั้ะเบ้ยนิสินิทั้ร้พย์ (Registering Property) การ ชาระภาษ้ (Paying Taxes) การซึื่ �อข้ายข้ามพรมแดำนิ (Trading across Borders) ห์มายเห์ตุ อ้างอิงจากแนิวทั้างแล่ะผล่การจ้ดำอ้นิด้ำบ ความยากง่ายในิการดำาเนินิธิุรกิจ (Ease of Doing Business (EoDB)) จ้ดำทั้ำาโดำยธินิาคารโล่ก • ล่ดำระยะเวล่ำในิการปิระกอบธิุรกิจสาห์ร้บกระบวนิการ ธิุรกิจสำาค้ญ* ผ่านิช่องทั้างดำิจิทั้ล่อย่างนิ้อยร้อยล่ะ 50 *อาทัิ้การเริ�มต้นิธิุรกิจ (Starting a Business) การจดำทั้ะเบ้ยนิสินิทั้ร้พย์ (Registering Property) การชำาระภาษ้ (Paying Taxes) การซึื่ �อข้ายข้ามพรมแดำนิ (Trading across Borders) ห์มายเห์ตุ อ้างอิงจากแนิวทั้างแล่ะผล่การจ้ดำอ้นิด้ำบ ความยากง่ายในิการดำาเนินิธิุรกิจ (Ease of Doing Business (EoDB)) จ้ดำทั้ำาโดำยธินิาคารโล่กเพืิ่�มประสูิ่ที่ธิภาพื่ในิการสู่งเสู่ริมและพืั่ฒนิา ผู้ประกอบูการให้สู่ามารถแขั่งขันิได้ำเป้าหมาย ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์1. 82จิัดิให�ม่รุะบบบรุิกัารุดิจิทัลอำานวยความสะดิวกัผู้�ปรุะกัอบกัารุ • ให้คำาปิรึกษัาแก่หน่วยงาน่ภาครัฐ ใน่การปิระยุกต้์ใชื้ เที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลแก่ผู้ปิระกอบการ • จัดำให้มู่ระบบดำิจิทีั่ลเพั่�ออำาน่วยความูสะดำวกแก่ผู้ปิระกอบการ ใน่การจดำจัดาตั้�งและดำาเนิ่น่การที่างธิุรกรรมูดำิจิทีั่ล • จัดำให้มู่กลไก ส่งเสริมู สนั่บสนุ่น่ให้เกิดำการใชื้งาน่ใน่ภาค ธิุรกิจ อาทีิ่เชื่น่คู่มู่อ แน่วที่าง และสร้างแรงจูงใจใน่การใชื้ ปิระโยชื่น่์จากระบบบริการดำิจิทีั่ลกลไก/มาตรการ2. 1.ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 2 / CHAPTER 4 ส่งเสรุิม สนับสนุนให�เกัิดิแพัลติฟอรุ์มดิจิทัลภาครุัฐ ท่�เอ่�อติ่อกัารุดิำาเนินธุรุกัรุรุมดิจิทัลในภาคธุรุกัิจิทบทวน ปรุับปรุงและพัฒนากัฎหมาย กัฎรุะเบ่ยบ มาติรุกัารุท่�เอ่�อติ่อผู้�ปรุะกัอบกัารุในกัารุดิำาเนินธุรุกัิจิ • จัดำให้มู่แพัลต้ฟอร์มูกลางดำิจิทีั่ลภาครัฐ เพั่�ออำาน่วยความู สะดำวกแก่ผู้ปิระกอบการและสามูารถึน่าไปิต่อยอดำพัฒน่าให้ เกิดำคุณปิระโยชื่น่์มูากขึ้ �น่ • ส่งเสริมูให้หน่วยงาน่ภาครัฐเกิดำการเชื่�อมูโยงข้อมูลนิ่ติ้บุคคล เพั่�ออำาน่วยความูสะดำวกใน่การเร่ยกข้อมูลระหว่างหน่วยงาน่ ภาครัฐใน่การให้บริการแก่ภาคธิุรกิจ • ผลักดำัน่ให้หน่วยงาน่รัฐใชื้แพัลต้ฟอร์มูดำิจิทีั่ลสำาหรับให้ บริการภาคธิุรกิจ เพั่�อลดาขั้ �น่ต้อน่ และระยะเวลาใน่การ ต้รวจสอบข้อมูลหร่อย่น่ยัน่ตั้วต้น่ • ส่งเสริมูภาคธิุรกิจให้เกิดำความูเข้าใจและความูเชื่�อมูั �น่ใน่การ ใชื้บริการภาครัฐและการที่ำาธิุรกรรมูดำิจิทีั่ล• ศูึกษัากฎหมูาย กฎระเบ่ยบที่�เปิ็น่อุปิสรรคใน่การดำาเนิ่น่ ธิุรกิจด้ำวยเที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลเพั่�อวิเคราะห์แน่วที่างใน่การแก้ไข้ หร่อปิรับปิรุงกฎระเบ่ยบดำังกล่าว • สร้างความูร่วมูมู่อระหว่างหน่วยงาน่ด้ำาน่กฎหมูายและ หน่วยงาน่ เจ้าข้องบริการเพั่�อที่บที่วน่ปิรับปิรุง กำาหน่ดำ น่โยบาย กฎระเบ่ยบ แน่วที่างที่�เปิ็น่อุปิสรรคสาหรับการ ดำาเนิ่น่ธิุรกิจ • ผลักดำัน่ให้เกิดำการปิระกาศูและมู่ผลบังคับใชื้อย่างเปิ็น่รูปิธิรรมู • ติ้ดำต้ามู ปิระเมูิน่ผลสัมูฤที่ธิ �จากการปิระกาศูใชื้กฎระเบ่ยบ เพั่�อต้รวจสอบชื่องโหว่สิ�งที่�ควรปิรับปิรุงและกาหน่ดำ แน่วที่างปิรับปิรุงต่อไปิ2. 3. 83 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 2 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / อำานวยความสะดิวกัให� ภาคธุรุกัิจิสามารุถนำาข�อม้ล ไปพัฒนาบ รุิกัารุและนวัติกัรุรุม ท่�จิะเป็นปรุะโยชื่น์ติ่อ ปรุะเทศในดิ�านติ่าง ๆ • ศูึกษัา สารวจความูต้องการหร่อปิัญหา ใน่การดำาเนิ่น่ธิุรกิจ • จัดำหาน่วัต้กรรมูเที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลที่�เหมูาะสมูและชื่วยแก้ ปิัญหาเพั่�อให้ภาคธิุรกิจน่าไปิใชื้ปิระโยชื่น่์ • ส่งเสริมูภาครัฐให้เกิดำการสนั่บสนุ่น่ข้อมูลแก่ภาคธิุรกิจ เพั่�อน่าไปิพัฒน่าบริการและน่วัต้กรรมูที่�เปิ็น่ปิระโยชื่น่์ • ผลักดำัน่และสร้างแรงจูงใจให้ภาคธิุรกิจน่าข้อมูลไปิพัฒน่า บริการหร่อน่วัต้กรรมูที่�มู่ปิระโยชื่น่์4. เปิดิโอกัาสให�นาเทคโนโลย่พัรุ� อมใชื่�จิากัผู้�ปรุะกัอบกัารุ เทคโนโลย่ดิจิทัล เพั่�อเพัิ�มโอกัาสทางกัารุติลาดิ • จัดำให้มู่กลไก ส่งเสริมู สนั่บสนุ่น่ภาครัฐให้เกิดำการน่า เที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลพัร้อมูใชื้มูาปิระยุกต้์ใชื้ใน่องค์กรข้องรัฐ • สำารวจ รวบรวมูรายชื่�อน่วัต้กรรมูพัร้อมูใชื้ด้ำาน่เที่คโน่โลย่ ดำิจิทีั่ลและ ผู้ปิระกอบการที่�เชื่�อ มูั�น่ได้ำเพั่�อเปิ็น่แหล่งข้อมูลให้ หน่วยงาน่ภาครัฐพัิจารณาเล่อกใชื้ • สร้างความูเชื่�อมูั �น่แก่หน่วยงาน่ภาครัฐใน่การน่าเที่คโน่โลย่ ดำิจิทีั่ลพัร้อมูใชื้มูาปิรับใชื้ใน่องค์กร โดำยการรวบรวมูผลงาน่ หร่อรายชื่�อหน่วยงาน่รัฐที่�มู่การใชื้เที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลพัร้อมูใชื้ จากผู้ปิระกอบการ • สนั่บสนุ่น่ภาคธิุรกิจให้เกิดำความูรู้ความูเข้าใจใน่การพัฒน่า เที่คโน่โลย่ดำิจิทีั่ลและบริบที่ที่�เก่�ยวข้องเพั่�อต้อบสน่อง ความูต้องการภาครัฐ เชื่น่กระบวน่การภาครัฐ กฎระเบ่ยบ มูาต้รการที่�เก่�ยวข้อง ผู้มู่ส่วน่ได้ำส่วน่เส่ย เปิ็น่ต้น่ 5. 83 สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 84ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 2 / CHAPTER 4 แผู้นภาพัความเชื่ �อมโยงของเป้าหมาย มาติรุกัารุ และแผู้นงาน ภายใติ�ยุทธศาสติรุ์ท่� 2 85 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 2 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / ตัวัอย่างโค์รงการสาคั์ญ ผ้รับัผิดิชอบั และงบัประมาณ ภายใต้ยุทัธิศาสตร์ทั่� 2 แผู้นงานท่ � 1 รุะบบบรุิกัารุรุัฐ เพั่�ออำานวยความสะดิวกัแกั่กัารุปรุะกัอบธุ รุกัิจิ โครุงกัารุท่ � 1 รุะบบรุับคำาขออนุญาติเพั่�ออำานวยความสะดิวกัให� ภาคธุรุกัิจิ *กัารุพัฒนาชื่องทางกัารุให� บรุิกัารุภาคธุ รุกัิจิแบบเบ็ดิเสรุ็จิ (Business Portal) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อพืั่ฒนาระบับัรับัคาขัออนุญาต้สัำาห้รับัการปัระกอบักิจการแบับัเบั็ดำเสัร็จ ณ์ จุดำเด่ายว • เพื่�ออำานวยความสัะดำวกแก่ภาคธุรกิจในการใช้บัริการรัฐ คู่�มือ/มืาตรฐาน: อยู่�ระหว่ �างการจัดทำามืาตรฐานการให้บริการภาคู่รัฐผ่�านระบบดิจัิทัำล ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณปี 2565 เป้าหมาย/งบ ปรุะมาณ • ม่การพืั่ฒนาระบับัให้รองรับัการออกใบั อนุญาต้ ได้ำ 78 ใบัอนุญาต้ 25 ธุรกิจ • End - to - End service จานวน 10 ใบั อนุญาต้ • 400 ธุรกิจ ได้ำใช้ปัระโยชน์จาก บัริการ/63.4645 ลื้านบัาท*/ สัพื่ร.(Citizen+Foreigner+ Business Portals)• 500 SMEs ได้ำใช้ปัระโยชน์ จากบัริการ/50 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กั.พั.รุ./สพัรุ. แผู้นงานท่ � 2 แพัลติฟอรุ์มสนับสนุนกัารุทำาธุรุกัรุรุมดิจิทัลสำาหรุับธุ รุกัิจิ โครุงกัารุท่ � 1 กัารุพัฒนารุะบบกัารุย่นยันและพัิส้จิน์ติัวตินทางดิจิทัล (Digital ID & signature) สำาหรุับนิติบุคคล วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อพืั่ฒนาแพื่ลื่ต้ฟอร์มระบับัการย่นยันแลื่ะพืิ่สัูจน์ตั้วต้นทางดำิจิทัลื่สัำาห้รับัภาคธุรกิจ • เพื่�อให้ภาคธุรกิจสัามารถึทำาธุรกรรมดิำจิทัลื่ได้ำอย่างสัะดำวก ลื่ดำขั �นต้อนในการย่นยันตั้วต้น • เพื่�อให้ภาครัฐสัามารถึม่เคร่�องม่อในการต้รวจสัอบัการทำาธุรกรรมดิำจิทัลื่สัำาห้รับัธุรกิจเพื่�อใช้ปัระโยชน์ในด้ำานต่าง ๆ คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: สำ�ม�รัถุเข้�ถุึงข้อเสำนัอแนัะม�ตรัฐ�นัดิ้�นัเทัคโนัโลย่สำ�รัสำนัเทัศูและก�รัส่ำ�อสำ�รัทั่�จิำ�เป็นัต่อธุรักรัรัมทั�ง อิเล็กทัรัอนัิกสำ์ ว่�ดิ้วยแนัวทั�งก�รัใชื้ดิจิทัลไอดิ่สำ�หรับปรัะเทัศูไทัย - การย่น่ยัน่ตั้วต้น่ ได้ำต้ามูรายการใน่ภาคผน่วก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • ม่การพืั่ฒนาระบับัต้นแบับัเพื่�อเต้ร่ยม ทำาการทดำสัอบันำาร่องการใช้งาน ในรูปัแบับัขัอง Sandbox สัำาห้รับั ปัีงบัปัระมาณ์ พื่.ศ. 2564• 400 ธุรกิจ ได้ำใช้ปัระโยชน์จาก บัริการ/งบัปัระมาณ์ 80 ลื้านบัาท• 500 SMEs ได้ำใช้ปัระโยชน์จาก บัริการ/งบัปัระมาณ์ 80 ลื้านบัาท หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กัรุมพัฒนาธุ รุกัิจิฯ/สพัรุ.3. 86ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 2 / CHAPTER 4โครุงกัารุท่ � 2 กัารุขับเคล่ �อนแพัลติฟอรุ์มดิจิทัล เพั่�ออำานวยความสะดิวกั ในกัารุทำาธุรุกัรุรุมดิจิทัลของภาคธุ รุกัิจิ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • สั่งเสัริมให้เกิดำการใช้งานแลื่ะถึ่ายทอดำความรู้ความเขั้าใจในการใช้ปัระโยชน์จากแพื่ลื่ต้ฟอร์ม คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: อยู่รัะหว่�งก�รัจิัดิทัำ�ม�ตรัฐ�นัก�รัให้บรัิก�รัภ�ครัฐผ่�นัรัะบบดิจิทัล ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• ผลื่สัำารวจร้อยลื่ะ 80 ได้ำรับัความ พืึ่งพื่อใจในการใช้บัริการ/30 ลื้าน บัาท**• ผลื่สัำารวจร้อยลื่ะ 85 ได้ำรับั ความพืึ่งพื่อใจในการใช้บัริการ/ 30 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กัพัรุ./สพัรุ./หน่วยงานภาครุัฐท่ �เกั่�ยวข�อง แผู้นงานท่ � 3 กัารุสรุ�างความติรุะหนักัในกัารุใชื่� ดิจิทัลสำาหรุับให� บรุิกัารุรุัฐแกั่ภาคธุ รุกัิจิ โครุงกัารุท่ � 1 กัารุสรุ�างความติรุะหนักัของภาครุัฐในกัารุใชื่�รุะบบบรุิกัารุ และแพัลติฟอรุ์มดิจิทัลในกัารุให� บรุิกัารุภาคธุ รุกัิจิ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพั่�อสร้างความูเข้าใจและต้ระหนั่กถึงความูสาคัญข้องภาครัฐ ใน่การใชื้ระบบบริการและ แพัลต้ฟอร์มูดำิจิทีั่ลใน่การให้บริการภาคธุรกิจ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• ผลื่สัำารวจร้อยลื่ะ 80 ขัองห้น่วยงาน รัฐม่การรับัรู้/10ลื้านบัาท**• ผลื่สัำารวจร้อยลื่ะ 85 ขัอง ห้น่วยงานรัฐม่การรับัรู้/10ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กัพัรุ./สพัรุ./หน่วยงานภาครุัฐท่ �เกั่�ยวข�อง โครุงกัารุท่ � 2 กัารุสรุ�างความเข�าใจิกัรุะติุ �นกัารุใชื่� บรุิกัารุดิจิทัลภาครุัฐและทำาธุรุกัรุรุมดิจิทัล วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพั่�อกระตุ้น่ ให้เกิดำการใชื้บริการดำิจิทีั่ลภาครัฐและการที่ำาธิุรกรรมูดำิจิทีั่ล • เพั่�อให้ภาคธิุรกิจสามูารถึเข้าถึงชื่องที่างการให้บริการดำิจิทีั่ลภาครัฐมูากขึ้ �น่ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• จำานวนครั�งขัองการเขั้าใช้บัริการขัอง ภาคธุรกิจไม่น้อยกว่า 100,000 ครั �ง/ 10 ลื้านบัาท**• จำานวนครั �งขัองการเขั้าใช้ บัริการขัองภาคธุรกิจไม่น้อย กว่า 100,000 ครั�ง/10 ลื้าน บัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: ทุ กัหน่วยงาน 87 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 2 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / แผู้นงานท่ � 4 กัฎหมาย กัฎรุะเบ่ยบ ท่�ส่งเสรุิมให� เกัิดิกัารุปรุะกัอบธุ รุกัิจิผู่านชื่องทางดิจิทัลของรุัฐ โครุงกัารุท่ � 1 กัารุจิัดิทำาข�อเสนอแนะ มาติรุกัารุ กัลไกัอำานวยความสะดิวกัผู้�ปรุะกัอบกัารุ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อลื่ดำอุปัสัรรคด้ำานกฎห้มาย กฎระเบั่ยบั ในการทำาธุรกิจผ่านระบับัดำิจิทัลื่ขัองรัฐ • เพื่�อให้เกิดำการปัระกอบัธุรกิจผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ขัองรัฐมากขัึ�น ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • 2 ด้ำานต้ามปัระเดา็นมุ่งเน้น • 3 ด้ำานต้ามปัระเดา็นมุ่งเน้น หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กั.พั.รุ./กัฤษฎ่กัา/สพัรุ. แผู้นงานท่ � 5 นวัติกัรุรุมดิจิทัลในภาครุัฐเพั่�อให�บรุิกัารุภาคธุ รุกัิจิ โครุงกัารุท่ � 1 ศ้นย์พัฒนานวัติกัรุรุมดิจิทัลภาครุัฐ เพั่�อกัารุบรุิกัารุดิจิทัลสำาหรุับภาคธุ รุกัิจิ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�ออำานวยความสัะดำวกแก่ภาครัฐ ในการพืั่ฒนานวัต้กรรมบัริการสัำาห้รับัภาคธุรกิจ • เพื่�ออำานวยความสัะดำวกแก่ผู้ปัระกอบัการ ในการเพืิ่�มช่องทางการเขั้าถึงนวัต้กรรมดิำจิทัลื่ภาครัฐ คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: สำ�ม�รัถุติดิต่อข้อรับก�รัสำนับสำนัุนัไดิ้โดิยติดิต่อ สำพัรั. Contact Center ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณปี 2565 เป้าหมาย/งบ ปรุะมาณ ได้ำม่การพืั่ฒนาศูนย์พืั่ฒนานวัต้กรรมดิำจิทัลื่ ภาครัฐจำานวน 1 แห่งในพื่�นท่�เขัต้เศรษฐกิจ ภาคต้ะวันออก (EEC)• 12 ห้น่วยงานภาครัฐปัระยุกต้์ใช้ นวัต้กรรมดิำจิทัลื่/60 ลื้านบัาท (แห่งลื่ะ 5 ลื้านบัาท) **• 15 ห้น่วยงานภาครัฐ/75 ลื้าน บัาท (แห่งลื่ะ 5 ลื้านบัาท) ** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./หน่วยงานท่ �เกั่�ยวข�อง แผู้นงานท่ � 6 กัลไกั แนวทางในกัารุสรุ�างโอกัาสทางกัารุติลาดิภาครุัฐให� แกั่ภาคธุ รุกัิจิ โครุงกัารุท่ � 1 ส่งเสรุิมและสนับสนุนผู้�ปรุะกัอบกัารุดิจิทัลส่กัารุขับเคล่ �อนนวัติกัรุรุมบรุิกัารุภาครุัฐ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อสั่งเสัริมสันับัสันุนให้ห้น่วยงานรัฐไทย ได้ำใช้ปัระโยชน์จากผลื่งานนวัต้กรรมดิำจิทัลื่จาก ผู้ปัระกอบัการดำิจิทัลื่ไทย ต้ลื่อดำจนเปั็นการช่วยลื่ดำงบัปัระมาณ์การลื่งทุนด้ำานเทคโนโลื่ย่ดำิจทัลื่ท่�ไม่ต้องนำาเขั้าจาก ต่างปัระเทศ รวมถึงเปั็นการสัร้างการจ้างงานในปัระเทศให้เกิดาขัึ�น คู่ม่อ/มาต้รฐาน: สัพื่ร. จะดำาเนินการจัดำทำารายช่�อนวัต้กรรม แลื่ะผู้ปัระกอบัการแลื่ะเผยแพื่ร่ผ่านปัระกาศขัอง สัพื่ร. ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณปี 2565 เป้าหมาย/งบ ปรุะมาณ -• ระบับัขัึ�นทะเบั่ยนนวัต้กรรมดิำจิทัลื่ จากผู้ปัระกอบัการไทย ท่�เปัิดำเผย แลื่ะอ้างอิงราคากลื่างได้ำอย่าง น้อย 20 ราย/5 ลื้านบัาท**• ระบับัขัึ�นทะเบั่ยนนวัต้กรรมดิำจิทัลื่ จากผู้ปัระกอบัการไทย ท่�เปัิดำเผย แลื่ะอ้างอิงราคากลื่างได้ำอย่าง น้อย 50 ราย/5 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./NIA/depa หมืายู่เหตุ: * เป็นงบป็ระมืาณท่ำ�ถู่กบรรจัุไว้ตามืแผ่นงาน บ่รณาการป็ระจัำาป็ีงบป็ระมืาณ 2564 ** เป็นการคู่าดการณ์งบป็ระมืาณ 88ยุทธศาสติรุ์ ท่� 3 ผู้ลักัดิัน ให�เกัิดิธรุรุมาภิบาล ข�อม้ลภาครุัฐ ในทุกักัรุะบวนกัารุ ทำางานของรุัฐ ย่ที่ธศาสู่ติร์นิี�ให้ความสู่ำาคัญกับูการปรับูปร่ง กระบูวนิการที่ำางานิขัองภาครัฐ เพื่�อให้สู่ามารถ พืั่ฒนิาบูริการประชาชนิหร่อบูริหารจัดาการภายในิ ภาครัฐด้ำวยเที่คโนิโลยีดำิจิทีั่ลอย่างเติ็มศักยภาพื่ โดำย เป็นิการสู่งเสู่ริมและผลักดำันิติั�งแติ่ติ้นิกระบูวนิการ ค่อ การจัดาที่ำาขั้อมูลภาครัฐให้อยู่ในิรูปแบูบูดำิจิทีั่ล เพื่�อรองรับูการแลกเปลี �ยนิ เช่�อมโยง ในิการให้ บูริการประชาชนิการปรับูปร่งหร่อแก้ไขักฎหมาย เพื่�อให้สู่ามารถเปิดาเผย แลกเปลี �ยนิขั้อมูลได้ำอย่าง ถูกติ้องเป็นิไปติามกรอบูธรรมาภิบูาลขั้อมูลภาครัฐ จนิถึงกระบูวนิการการสู่งเสู่ริมให้ภาครัฐเปิดำเผย ขั้อมูลผ่านิศูนิย์กลางขั้อมูลเปิดำภาครัฐ เพื่�อให้ ประชาชนิสู่ามารถติรวจสู่อบูการที่ำางานิ โดำยเฉ พื่าะ ขั้อมูลการจัดาซึ่�อจัดำจ้างภาครัฐ เพื่�อให้เกิดำความ โปร่งใสู่ในิที่กขั �นิติอนิ 89 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)เป้าหมาย และตัวัช่�วัดิรายยุทัธิศาสตร์ ภาครัฐมีกลไก การเปิดาเผย แลกเปลี �ยนิและบูริหาร จัดำการขั้อมูลดำิจิทีั่ล (Digitization) ติามกรอบู ธรรมาภิบูาลขั้อมูลภาครัฐ• ภาคร้ฐม้การจ้ดำทั้ำาชุ้ดำข้อมูล่ให์้อยู่ในิรูปิแบบดำิจิทั้ล่แล่ะ ม้การล่งทั้ะเบ้ยนิข้อมูล่ดำิจิทั้ล่ (Data Register) ไม่นิ้อย กว่าร้อยล่ะ 70 ข้องจานิวนิชุ้ดำข้อมูล่ตามภารกิจสำาค้ญ ทั้�ตอบโจทั้ย์ปิระเทั้ศ • เกิดำการเชื้�อมโยงข้อมูล่ในิ 3 ระบบห์ล้กด้ำานิกำรบริห์าร จ้ดำการงบ ปิระมาณ (ระบบ e-Budgeting ระบบ e-GP แล่ะระบบ GFMIS*) * ระบบการวางแผนิงบปิระมาณ ระบบการจ้ดำทั้ำา คำาข้องบปิระมาณ ระบบจ้ดำซึื่ �อจ้ดำจ้างภาคร้ฐด้ำวย อิเล็่กทั้รอนิกส์ ระบบกำรบริห์ารการเงินิการคล้งภาคร้ฐ • จำานิวนิกลุ่มชุ้ดำข้อมูล่ทั้�ม้การเปิดำเผยข้อมูล่ผ่านิศูนิย์ ข้อมูล่เปิดำภาคร้ฐครอบคลุ่มจำานิวนิอย่างนิ้อย 15 กลุ่มชุ้ดำ ข้อมูล่ตามมาตรฐานิสากล่เกิดำการเช่�อมโยงระบูบูบูริหารจัดาการงบูประมาณ การจัดาซึ่�อจัดำจ้างภาครัฐที่�ประชาชนิสู่ามารถเขั้าถึง และติรวจสู่อบูได้ำ เกิดำศูนิย์กลางขั้อมูลเปิดำภาครัฐสู่ำาหรับูเปิดำเผยขั้อมูล ขัองหนิ่วยงานิรัฐในิรูปแบูบูและช่องที่างดำิจิทีั่ลเป้าหมาย ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์1. 90จิัดิให�ม่รุะบบดิจิทัลสนับสนุนกัารุเปิดิเผู้ย แลกัเปล่�ยน เชื่�อมโยงข� อม้ลภาครุัฐอย่างบ้รุณากัารุ • จัดำให้มู่บริการและแพัลต้ฟอร์มูกลางภาค รัฐที่�เปิดำเผย เชื่�อมูโยงข้อมูลภาครัฐ เพั่�อให้ปิระชื่าชื่น่สามูารถึเข้าถึงข้อมูล และน่าไปิใชื้ปิระโยชื่น่์ได้ำ • ส่งเสริมูให้เกิดำแพัลต้ฟอร์มูน่วัต้กรรมูดำิจิทีั่ลภาครัฐที่� ต่อยอดำจากข้อมูลภาครัฐ เพั่�อใชื้ใน่การให้บริการปิระชื่าชื่น่ และบริหารจัดาการภาครัฐ • ผลักดำัน่ให้หน่วยงาน่รัฐจัดำที่ำาข้อมูลเปิดำต้ามูมูาต้รฐาน่ และ หลักเกณฑ์การเปิดำเผยข้อมูลเปิดำภาครัฐ ใน่รูปิแบบข้อมูล ดำิจิทีั่ลต่อสาธิารณะ • บูรณาการระหว่างหน่วยงาน่รัฐต่าง ๆ เพั่�อเชื่�อมูโยงข้อมูล สำาคัญอัน่น่าไปิสู่กำรวิเคราะห์และจัดาที่ำาเปิ็น่ข้อมูลสนั่บสนุ่น่ การตั้ดำสิน่ใจเชืิ่งน่โยบายแก่หน่วยงาน่รัฐใน่การแก้ไข้ ปิระเดา็น่ปิัญหาสาคัญข้องปิระชื่าชื่น่ • สร้างความูเข้าใจ และต้ระหนั่กถึงความูสาคัญใน่การใชื้ ปิระโยชื่น่์จากข้อมูลเปิดำภาครัฐ ทีั่�งการต้รวจสอบการที่ำางาน่ ภาครัฐและการน่าข้อมูลไปิต่อยอดำเปิ็น่น่วัต้กรรมูบริการต่อไปิกลไก/มาตรการ2. 1.ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 3 / CHAPTER 4 พัฒนำมาติรุฐาน หลักัเกัณฑ์และวิธ่กัารุเกั่�ยวกับรุะบบ ดิจิทัล ในกัารุเชื่ �อมโยง กัารุเปิดิเผู้ยและแลกัเปล่�ยนข�อม้ล รุะหว่างกันในกัารุบรุิหารุจิัดิกัารุให� เกัิดิธรุรุมาภิบาล • ศูึกษัา สำารวจ มูาต้รฐาน่หลักเกณฑ์และวิธิ่การเก่�ยวกับระบบ ดำิจิทีั่ลใน่ปิัจจุบัน่ เพั่�อวิเคราะห์ชื่องโหว่ (Gap) และสิ �งที่�ควร ปิรับปิรุง เพั่�อให้สามูารถึเชื่�อมูโยง เปิดำเผยและแลกเปิล่�ยน่ ข้อมูลระหว่างกัน่ได้ำอย่างมู่ปิระสิที่ธิภาพัและครบวงจร • สร้างความูร่วมูมู่อระหว่างหน่วยงาน่ที่�รับผิดำชื่อบใน่การ จัดำที่ำา ปิรับปิรุงมูาต้รฐาน่หลักเกณฑ์และรับฟังความูคิดำเห็น่ จากผู้ใชื้มูาต้รฐาน่หลักเกณฑ์ เพั่�อให้เกิดำการน่าไปิใชื้อย่าง เปิ็น่รูปิธิรรมูและเกิดาผลสัมูฤที่ธิ � • ปิระกาศูมูาต้รฐาน่หลักเกณฑ์และวิธิ่การเก่�ยวกับระบบ ดำิจิทีั่ล เพั่�อให้หน่วยงาน่น่าไปิปิระยุกต้์ใชื้เพั่�อให้เกิดำการ เปิดำเผยและแลกเปิล่�ยน่ข้อมูลระหว่างกัน่อย่างถึูกต้อง ปิลอดำภัยและเกิดาธิรรมูาภิบาล • ผลักดำัน่ให้หน่วยงาน่รัฐปิระยุกต้์ใชื้กรอบแน่วที่าง ธิรรมูาภิบาลข้อมูลภาครัฐใน่การจัดาที่ำาและบริหารจัดาการ ข้อมูล (Digitization) รวมูทีั่ �ง มูาต้รฐาน่อ่�น่ ๆ ที่�เก่�ยวข้อง • ติ้ดำต้ามูและปิระเมูิน่ผลสำาเร็จ จากการปิระกาศูใชื้มูาต้รฐาน่ หลักเกณฑ์ เพั่�อปิรับปิรุงและ กำาหน่ดำแน่วที่างการ จัดำที่ำาใน่ ระยะถึัดำไปิ2. 91 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 2 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / พัฒนากัลไกักัารุเปิดิเผู้ยข�อม้ลกัารุจิัดิซึ่�อจิัดิจิ�างภาครุัฐ ให�โปรุ่งใส ม่มาติรุกัารุป้องกันกัารุทุจิรุิติทุกัขั�นติอน • จัดำให้มู่ระบบเปิดำเผยข้อมูลการจัดาซ่�อจัดำจ้างภาครัฐ เพั่�อเปิดำ โอกาสให้ปิระชื่าชื่น่ต้รวจสอบการที่ำางาน่ข้องภาครัฐ • ส่งเสริมูให้ภาครัฐเปิดำเผยข้อมูลการจัดาซ่�อจัดำจ้างภาครัฐผ่าน่ ระบบ และอยู่ใน่รูปิแบบดำิจิทีั่ลที่�น่าไปิวิเคราะห์หร่อปิระมูวล ผลต่อได้ำ • จัดำที่ำามูาต้รการ ติ้ดำต้ามู ต้รวจสอบข้อมูลการจัดาซ่�อจัดำจ้าง ภาครัฐ เพั่�อให้เกิดำความูโปิร่งใสใน่การดำาเนิ่น่การ3. 91 สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 92ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 3 / CHAPTER 4 แผู้นภาพัความเชื่ �อมโยงของเป้าหมาย มาติรุกัารุ และแผู้นงานภายใติ�ยุทธศาสติรุ์ท่� 3 93 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 3 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / แผู้นงานท่ � 1 รุะบบดิจิทัลสนับสนุนกัารุเปิดิเผู้ย แลกัเปล่ �ยน เชื่�อมโยงข� อม้ลภาครุัฐ อย่างบ้รุณากัารุ โครุงกัารุท่ � 1 กัารุพัฒนาศ้นย์กัลางกัารุเปิดิเผู้ยข� อม้ลภาครุัฐ (Open Data Platform) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�ออำานวยความสัะดำวกห้น่วยงานรัฐให้ม่ขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐ ในการให้บัริการแก่ปัระชาชนแลื่ะการ ดำาเนินงานขัองห้น่วยงาน ขัองรัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่ คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: สำ�ม�รัถุเข้�ถุึงกรัอบธุรัรัม�ภิบ�ลข้อมูลภ�ครัฐและม�ตรัฐ�นัข้อมูลเปิดิภ�ครัฐต�มรั�ยง�นัในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ Data Governance/โครงการศูนย์กลื่าง ขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐแลื่ะสั่งเสัริมการเปัิดำเผย แลื่ะใช้ปัระโยชน์จากขั้อมูลื่ • 400 ธุรกิจ ได้ำใช้ปัระโยชน์จาก บัริการ/41.36 ลื้านบัาท*/สัพื่ร.• 500 SMEs ได้ำใช้ปัระโยชน์จาก บัริการ/45 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ. โครุงกัารุท่ � 2 กัารุจิัดิทำาข�อม้ลปรุะวัติกัารุศ่กัษา และกัารุทำางานของบุคลากัรุภาครุัฐและปรุะชื่าชื่น (e-Portfolio) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อให้เกิดำฐานขั้อมูลื่ท่�เปั็นปัจจุบันขัองปัระวัติ้การศึกษาแลื่ะการทำางานขัองบัุคลื่ากรภาครัฐแลื่ะปัระชาชน ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • 5 ลื้านราย ได้ำใช้ปัระโยชน์จาก บัริการ/15 ลื้านบัาท**• 5 ลื้านราย ได้ำใช้ปัระโยชน์จาก บัริการ/15 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: อว./กั.พั. โครุงกัารุท่ � 3 กัารุเชื่ �อมโยงข� อม้ลดิ�านคมนาคม โลจิสติกัส์ในพั่ �นท่�เศรุษฐกัิจิพัิเศษ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อให้เกิดำฐานขั้อมูลื่ด้ำานคมนาคม โลื่จิสัติ้กสั์ สัำาห้รับัปัระกอบัการตั้ดำสัินใจเชิงนโยบัายรัฐในการพืั่ฒนาพื่�นท่� คู่�มือ/มืาตรฐาน: อยู่�ระหว่ �างการจัดทำามืาตรฐานการแลกเป็ล่�ยู่นข้อมื่ลภาคู่รัฐผ่�านศู่นยู่์กลางการแลกเป็ล่�ยู่นข้อมื่ลภาคู่รัฐ (GDX) ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • 70 ลื้านบัาท** • 70 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: กั.คมนาคม/สพัรุ.ตัวัอย่างโค์รงการสาคั์ญ ผ้รับัผิดิชอบัและงบัประมาณ ภายใต้ยุทัธิศาสตร์ทั่� 3 3. 94ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 3 / CHAPTER 4แผู้นงานท่ � 2 แพัลติฟอรุ์มนวัติกัรุรุมดิจิทัลภาครุัฐท่ �ติ่อยอดิจิากัข� อม้ลภาครุัฐ เพั่�อใชื่�ในกัารุให� บรุิกัารุปรุะชื่าชื่นและบรุิหารุจิัดิกัารุภาครุัฐ โครุงกัารุท่ � 1 กัารุพัฒนาแพัลติฟอรุ์มสนับสนุนกัารุบรุิหารุจิัดิกัารุหน่วยงานภาครุัฐ (ERP) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อสันับัสันุนให้เกิดำการบัริหำรทรัพื่ยากรขัองห้น่วยงานภาครัฐขัองปัระเทศไทย • เพื่�อลื่ดำความซึ่ำาซึ้อนขัองการลื่งทุนแลื่ะงบัปัระมาณ์ในการพืั่ฒนาระบับัในภาครัฐ คู่ม่อ/มาต้รฐาน: สัพื่ร.จะดำาเนินการจัดำทำามาต้รฐาน ERP ภาครัฐแลื่ะจะปัระกาศให้ห้น่วยงานรับัทราบั ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • 100 ห้น่วยงานภาครัฐ 12 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/30 ลื้านบัาท**• 160 ห้น่วยงานภาครัฐ 20 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/30 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./ดิศ. โครุงกัารุท่ � 2 กัารุพัฒนาและสนับสนุนให� เกัิดิกัารุปรุะยุ กัติ์ใชื่�แพัลติฟอรุ์มบรุิกัารุภาครุัฐดิ�านปัญญา ปรุะดิษฐ์ (AI Government as a service platform) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อให้เกิดำการต่อยอดำขั้อมูลื่ภาครัฐในการพืั่ฒนานวัต้กรรมบัริการท่�ม่ระบับัปัระมวลื่ผลื่แลื่ะกำรวิเคราะห้์เชิงลืึ่ก ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • แพื่ลื่ต้ฟอร์มท่�ม่ห้น่วยงานใช้ 20 ห้น่วยงาน/70 ลื้านบัาท**• แพื่ลื่ต้ฟอร์มท่�ม่ห้น่วยงานใช้ 20 ห้น่วยงาน/80 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./อว. โครุงกัารุท่ � 3 กัารุพัฒนาและสนับสนุนกัารุใชื่� แพัลติฟอรุ์มบรุิกัารุภาครุัฐดิ�านฐานข� อม้ลขนำดิใหญ่ (Big Data Government as a service platform) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อรวมศูนย์ขั้อมูลื่ภาครัฐขันาดำให้ญ่แลื่ะรองรับัการใช้ปัระโยชน์จากภาครัฐ • เพื่�อให้ภาครัฐม่ขั้อมูลื่สันับัสันุนท่�สัำาคัญในการตั้ดำสัินใจเชิงนโยบัาย ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• แพื่ลื่ต้ฟอร์มท่�ม่ห้น่วยงานใช้ 20 ห้น่วยงาน/70 ลื้านบัาท**• แพื่ลื่ต้ฟอร์มท่�ม่ห้น่วยงานใช้ 20 ห้น่วยงาน/80 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./อว./ดิศ 95 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 3 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / โครุงกัารุท่ � 4 กัารุส่งเสรุิม สนับสนุนให� เกัิดิกัารุปรุะยุ กัติ์ใชื่� Digital Twin ในภาครุัฐ สำาหรุับกัารุสรุ�าง แบบจิำาลองเม่องเพั่�อกัารุบรุิหารุจิัดิกัารุท� องถิ�น วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อให้เกิดำการบัูรณ์าการเทคโนโลื่ย่ท่�ห้ลื่ากห้ลื่าย • เพื่�อให้สัามารถึจาลื่องเห้ตุ้การณ์ท่�จะเกิดำขัึ�นแลื่ะม่แนวทางการแก้ปัญหำต่าง ๆ ได้ำทันท่วงท่ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• แพื่ลื่ต้ฟอร์มท่�ม่ห้น่วยงานใช้ 20 ห้น่วยงาน/70 ลื้านบัาท**• แพื่ลื่ต้ฟอร์มท่�ม่ห้น่วยงานใช้ 20 ห้น่วยงาน/80 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./GISTDA/สถ. แผู้นงานท่ � 3 มาติรุฐาน หลักัเกัณฑ์และวิธ่กัารุเกั่ �ยวกับรุะบบดิจิทัลเพั่�อให�เกัิดิธรุรุมาภิบาลข� อม้ลภาครุัฐ โครุงกัารุท่ � 1 จิัดิทำาและปรุะกัาศมาติรุฐานกัารุเปิดิเผู้ย แลกัเปล่ �ยนข�อม้ลติามหลักัธรุรุมาภิบาล วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อให้ภาครัฐม่มาต้รฐาน แนวทางในการปัรับัปัรุงขั้อมูลื่ระบับัดำิจิทัลื่ให้เปั็นธุรรมาภิบัาลื่ คู่ม่อ/มาต้รฐาน: สัามารถึเขั้าถึงกรอบัธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ภาครัฐได้ำต้ามรายการในภาคผนวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • ดำาเนินการปัรับัปัรุงเอกสัาร Open Data Quick Guide v.1.0 แลื่ะ High Value Datasets Quick Guide v.1.0 • จัดำทำาสัรุปัผลื่การรับัฟังความ คิดำเห็้นร่างปัระกาศแลื่ะแนวทาง ทางการจัดำทำากระบัวนการแลื่ะการ ดำาเนินงานทางดำิจิทัลื่ว่าด้ำวยเร่�อง การใช้ดำิจิทัลื่ไอด่ำ• 100 ห้น่วยงานภาครัฐ 12 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/5 ลื้านบัาท**• 160 ห้น่วยงานภาครัฐ 20 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/5 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ. โครุงกัารุท่ � 2 ส่งเสรุิมภาครุัฐให�นำากัรุอบธรุรุมาภิบาลไปใชื่� ปรุับปรุงข� อม้ล วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อให้ห้น่วยงานภาครัฐต้ระห้นักถึงความสัำาคัญแลื่ะปัระโยชน์ขัองการปัระยุกต้์ใช้กรอบั ธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ในองค์กร คู่ม่อ/ม�ตรัฐ�นั: สำ�ม�รัถุเข้�ถุึงกรัอบธุรัรัม�ภิบ�ลข้อมูลภ�ครัฐไดิ้ต�มรั�ยก�รัในัภ�คผนัวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ • ได้ำม่การสันับัสันุนท่�ปัรึกษา สัำาห้รับัการนำาธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ ภาครัฐไปัใช้ปัรับัปัรุงขั้อมูลื่ใน ห้น่วยงานสั่วนกลื่าง • 100 ห้น่วยงานภาครัฐ 12 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/20 ลื้านบัาท**• 160 ห้น่วยงานภาครัฐ 20 จังห้วัดำ 4 ภูมิภาค/ 20 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./กั.พั.รุ./สพัธอ. 96ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 3 / CHAPTER 4แผู้นงานท่ � 4 กัลไกักัารุเปิดิเผู้ยข� อม้ลกัารุจิัดิซึ่�อจิัดิจิ�างภาครุัฐ ให� โปรุ่งใส โครุงกัารุท่� 1 กัารุพัฒนารุะบบเปิดิเผู้ยข� อม้ลกัารุจิัดิซึ่�อจิัดิจิ�างภาครุัฐเพั่�อเปิดิโอกัาสให� ปรุะชื่าชื่นติรุวจิสอบ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อให้เกิดำความโปัร่งใสัในการจัดาซึ่�อจัดำจ้างภาครัฐ • เพื่�อสัร้างการม่สั่วนร่วมขัองปัระชาชนในการต้รวจสัอบัการทำางานภาครัฐ คู่ม่อ/มาต้รฐาน: สัามารถึเขั้าถึงมาต้รฐานขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐได้ำต้ามรายการในภาคผนวก 4 ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณปี 2565 เป้าหมาย/งบ ปรุะมาณ -• จำานวนชุดำขั้อมูลื่ท่�เปัิดำเผยไม่น้อย กว่า 50 รายการ/30 ลื้านบัาท**• จำานวนชุดำขั้อมูลื่ท่�เปัิดำเผย ไม่น้อยกว่า 50 รายการ/ 20 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ.และหน่วยงานท่ �เกั่�ยวข�อง โครุงกัารุท่ � 2 กัารุสนับสนุนให� เกัิดิกัารุเชื่ �อมโยงข� อม้ล กัารุบรุิหารุจิัดิกัารุงบปรุะมาณจิากัรุะบบสำาคัญของปรุะเทศ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อให้เกิดำการรวมศูนย์แลื่ะเช่�อมโยงขั้อมูลื่ใน 3 ระบับัห้ลืั่กด้ำานการบัริหำรจัดำการงบัปัระมาณ์ (ระบับั e-Budgeting ระบับั e-GP แลื่ะ ระบับั GFMIS) • เพื่�อเปั็นขั้อมูลื่สันับัสันุนสัำาคัญในการกำาห้นดานโยบัายห้ร่อการจัดำสัรรงบัปัระมาณ์ปัระเทศ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - -• ระบับัเช่�อมโยงขั้อมูลื่ด้ำาน บัริหำรจัดำการงบัปัระมาณ์ ขัองรัฐ/80 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สงป./ บกั./ สพัรุ. หมืายู่เหตุ: * เป็นงบป็ระมืาณท่ำ�ถู่กบรรจัุไว้ตามืแผ่นงาน บ่รณาการป็ระจัำาป็ีงบป็ระมืาณ 2564 ** เป็นการคู่าดการณ์งบป็ระมืาณ 97 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 3 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 1 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น)แนวที่างกัาร่ขับเคล่ �อนแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 5 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 97 สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 98ยุทธศาสติรุ์ ท่� 4 พัฒนากัลไกั กัารุม่ส่วนรุ่วม ของทุกัภาคส่วน รุ่วมขับเคล่ �อน รุัฐบาลดิจิทัล ย่ที่ธศาสู่ติร์ที่� 4 ม่งเนิ้นิการสู่งเสู่ริมให้ที่กภาค สู่วนิ มีสู่วนิร่วมในิการขับูเคล่�อนิรัฐบูาลดาิจิทีั่ล ผ่านิการ แสู่ดำงความคิดำเห็นิหร่อเสู่นิอแนิวที่าง หร่อนิโยบูาย การพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลผ่านิช่องที่างดำิจิทีั่ลที่� ประชาชนิสู่ามารถเขั้าถึงได้ำ โดำยครอบูคล่มการเสู่นิอ ความคิดำเห็นิและการติดำติามผลในิด้ำานิติ่าง ๆ ที่� เกี�ยวขั้อง อาทีิ่การมีสู่วนิร่วมในิบูริการภาครัฐ การมี สู่วนิร่วมในิโครงการและการใช้งบูประมาณ และ การสู่วนิร่วมในิการออกกฎหมายสู่าธารณะ เป็นิติ้นิ รวมทีั่�งการปรับูปร่ง หร่อแก้ไขักฎหมายที่�เป็นิ อ่ปสู่รรคติ่อการมีสู่วนิร่วมขัองที่กภาคสู่วนิ เพื่�อให้ เกิดำรัฐบูาลดาิจิทีั่ลที่�ประชาชนิมีสู่วนิร่วมอย่างแที้จริง 99 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)เป้าหมาย และตัวัช่�วัดิรายยุทัธิศาสตร์ ลดาปัญหา อ่ปสู่รรคในิการมีสู่วนิร่วมขัองที่ก ภาคสู่วนิติ่อการขับูเคล่�อนิรัฐบูาลดาิจิทีั่ล• ม้การปิร้บปิรุงห์รือแก้ไข้กฎห์มาย กฎระเบ้ยบทั้ �เปิ็นิ อุปิสรรคต่อการม้ส่วนิร่วมข้องทัุ้กภาคส่วนิในิปิระเดา็นิ สำาค้ญ ไม่นิ้อยกว่าร้อยล่ะ 30 • ม้ระบบสร้างการม้ส่วนิร่วม (e-Participation) ในิการ กำาห์นิดำเชิ้งนิโยบาย เพื�อให์้ปิระชำช้นิม้ส่วนิร่วมได้ำอย่าง ทั้�วถ่งแล่ะเทั่าเทั้ยมประชาชนิมีสู่วนิร่วมในิการติัดำสูิ่นิใจเชิงนิโยบูายและ ให้ขั้อเสู่นิอแนิะในิการพืั่ฒนิาประเที่ศผ่านิระบูบูดำิจิทีั่ลเป้าหมาย ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์1. 100จิัดิให�ม่รุะบบดิจิทัล เปิดิโอกัาสให�ทุกัภาคส่วนไดิ� แสดิงข� อคิดิเห็น ข�อเสนอแนะท่�เป็นปรุะโยชื่น์ติ่อ กัารุพัฒนาปรุะเทศ • จัดำให้มู่แพัลต้ฟอร์มูหร่อระบบบริการดำิจิทีั่ล ที่�เปิ็น่ชื่องที่าง สร้างการมู่ส่วน่ร่วมูและรับฟังความูคิดำเห็น่จากปิระชื่าชื่น่ โดำยปิระชื่าชื่น่สามูารถึติ้ดำต้ามูและต้รวจสอบผลการแสดำง ความูคิดำเห็น่ได้ำผ่าน่ระบบดำิจิทีั่ล • ผลักดำัน่ให้หน่วยงาน่รัฐปิรับปิรุงระบบบริการให้มู่คุณสมูบัติ้ รองรับการรับความูคิดำเห็น่หร่อข้อเสน่อแน่ะจากปิระชื่าชื่น่ หร่อผู้ใชื้บริการ • ส่งเสริมู กระตุ้น่ปิระชื่าชื่น่ ให้เข้ามูามู่ส่วน่ร่วมูและแสดำง ความูคิดำเห็น่ใน่น่โยบายหร่อโครงการภาครัฐ ผ่าน่ระบบ บริการดำิจิทีั่ลภาครัฐกลไก/มาตรการ2. 1.ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 4 / CHAPTER 4 จิัดิให�ม่เวท่หรุ่อชื่องทางดิจิทัลเพั่�อรุับฟังความคิดิเห็น ในกัารุกัำาหนดินโยบาย กัฎหมาย กัฎรุะเบ่ยบ มาติรุฐาน มาติรุกัารุ กัารุขับเคล่�อนรุัฐบาลดิจิทัลกับทุกัภาคส่วน เปิดิเผู้ยข�อม้ลหรุ่อข่าวสารุสาธารุณะของหน่วยงานรุัฐใน รุ้ปแบบและ ชื่องทางดิจิทัล เพั่�อให�ปรุะชื่าชื่นเข�าถ่งไดิ�โดิย สะดิวกัม่ส่วนรุ่วม และติรุวจิสอบกัารุดิำาเนินงานของรุัฐ • จัดำกิจกรร มูที่�ส่งเสริมูการมู่ส่วน่ร่วมูข้องปิระชื่าชื่น่ต่อการ พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ลใน่ด้ำาน่ต่าง ๆ • ปิรับปิรุง จัดำที่ำามูาต้รการส่งเสริมูการมู่ส่วน่ร่วมูข้อง ปิระชื่าชื่น่ เพั่�อให้สามูารถึตั้ดำสิน่ใจ (e-Decision making) ด้ำาน่น่โยบาย กฎหมูาย กฎระเบ่ยบข้องรัฐ • สรุปิผลการมู่ส่วน่ร่วมู การแสดำงความูคิดำเห็น่ข้องปิระชื่าชื่น่ และการดำาเนิ่น่การข้องรัฐ รวมูทีั่ �งเผยแพัร่เปิ็น่สถึิติ้เปิดำเผย ให้รับที่ราบ เพั่�อให้เกิดำความูโปิร่งใส • จัดำให้มู่ชื่องที่างการส่�อสารข้อมูลสาธิารณะข้องหน่วยงาน่ ภาครัฐที่�เปิ็น่ปิระโยชื่น่์แก่ปิระชื่าชื่น่ • กระตุ้น่ และผลักดำัน่ให้ภาครัฐเปิดำเผยข้อมูลหร่อข่าวสาร ผ่าน่ ชื่องที่างดำิจิทีั่ล • ส่�อสาร ปิระชื่าสัมูพัน่ธิ์ให้ปิระชื่าชื่น่สา มูารถึเข้าถึง ชื่องที่างการส่�อสารข้อมูลข้องหน่วยงาน่รัฐ3. 2. 101 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 4 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / แผู้นภาพัความเชื่ �อมโยงของเป้าหมาย มาติรุกัารุ และแผู้นงาน ภายใติ�ยุทธศาสติรุ์ท่� 4 ี 102ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 4 / CHAPTER 4ตัวัอย่างโค์รงการสาคั์ญ ผ้รับัผิดิชอบัและงบัประมาณ ภายใต้ยุทัธิศาสตร์ทั่� 4 แผู้นงานท่ � 1 รุะบบดิจิทัลเพั่�อรุับฟังความคิดิเห็นและกัารุม่ส่วนรุ่วมจิากัปรุะชื่าชื่น โครุงกัารุท่ � 1 กัารุพัฒนารุะบบรุับฟังความคิดิเห็นปรุะชื่าชื่นผู่านชื่องทางดิจิทัล (e-Participation) วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อให้ม่ช่องทางการม่สั่วนร่วมขัองปัระชาชนผ่านช่องทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ • เพื่�อสั่งเสัริมให้ปัระชาชนเขั้ามาม่สั่วนร่วมในการตั้ดำสัินใจนโยบัายแลื่ะการปัรับัปัรุงบัริการภาครัฐ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ อยู่ระห้ว่างการพืั่ฒนาระบับักลื่าง โดำยสัามารถึเขั้าถึงผ่าน ideaexchange.onde.go.th• ระบับักลื่างสัร้างการม่สั่วนร่วมให้ ปัระชาชน/15 ลื้านบัาท**• ร้อยลื่ะ 70 ความสัำาเร็จขัองการ ปัรับัปัรุงบัริการต้ามขั้อเสันอแนะ ขัองปัระชาชน/10 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สดิชื่./กั.พั.รุ. โครุงกัารุท่ � 2 รุะบบดิจิทัลเพั่�อกัารุส่ �อสารุ กัารุเปิดิเผู้ยข� อม้ลดิจิทัลท่�เป็นปรุะโยชื่น์แกั่ปรุะชื่าชื่น ทั�งภาคเอกัชื่น ภาคกัารุศ่กัษาและปรุะชื่าสังคม วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ • เพื่�อพืั่ฒนาต่อยอดำช่องทางการม่สั่วนร่วม ฯ ให้ปัระชาชนสัามารถึม่สั่วนร่วมในการตั้ดำสัินใจภาครัฐในระดาับัต่าง ๆ ทั�งใน ระดาับัชาติ้ระดาับัภูมิภาคแลื่ะระดาับัท้องถึิ�น • เพื่�อให้เกิดำการดำาเนินงานขัองรัฐเปั็นไปัต้ามความต้องการขัองปัระชาชนต้ามห้ลืั่ก Citizen Centric ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• ต่อยอดำระบับักลื่างสัร้างการม่สั่วนร่วม ให้ปัระชาชนระดาับัท้องถึิ�น/25 ลื้าน บัาท**• ร้อยลื่ะ 70 ความสัำาเร็จขัองการ ปัรับัปัรุงบัริการต้ามขั้อเสันอแนะ ขัองปัระชาชน/30 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ.3. 103 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ยุที่ธศาสำติร่์ที่ � 4 CHAPTER 4 /CHAPTER 4 / แผู้นงานท่� 2 สรุ�างกัารุรุับรุ้�ของปรุะชื่าชื่น ดิ� วยชื่องทางกัารุส่�อสารุข�อม้ลสาธารุณะภาครุัฐผู่านรุะบบดิจิทัล โครุงกัารุท่ � 1 สรุ�างกัารุรุับรุ้� เผู้ยแพัรุ่ความรุ้� เพัิ �มความเข�าใจิดิ�วยกัารุส่ �อสารุข� อม้ลหน่วยงานภาครุัฐ ผู่านชื่องทางดิจิทัล วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อจัดำให้ม่ช่องทางการสั่�อสัาร การเปัิดำเผยขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่ท่�เปั็นปัระโยชน์แก่ปัระชาชน ทั �งภาค เอกชน ภาคการศึกษาแลื่ะปัระชาสังคม ผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• ผลื่สัำารวจการรับัรู้ ไม่น้อยกว่า ร้อยลื่ะ 85/10 ลื้านบัาท**• ผลื่สัำารวจการรับัรู้ ไม่น้อยกว่า ร้อยลื่ะ 85/50 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: นรุ./สพัรุ.และหน่วยงานท่ �เกั่�ยวข�อง แผู้นงานท่� 3 กัารุส่งเสรุิมปรุะชื่าชื่นในกัารุแสดิงความคิดิเห็นติ่อนโยบายหรุ่อมาติรุกัารุรุัฐผู่านชื่องทางดิจิทัล โครุงกัารุท่ � 1 กัารุส่งเสรุิมภาครุัฐให�จิัดิกัิจิกัรุรุมติ่าง ๆ เชื่น Crowdsourcing Hackathon กัารุม่ส่วน รุ่วมในกัารุจิัดิทำางบปรุะมาณ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ เพื่�อสัร้างความรู้ความเขั้าใจ ในการม่สั่วนร่วมแสัดำงความคิดำเห็้นต่อนโยบัายห้ร่อมาต้รการขัองรัฐ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ -• ร้อยลื่ะ 65 ขัองปัระชาชนท่�เขั้าร่วม กิจกรรมม่สั่วนร่วมในการแสัดำง ความคิดำเห็้น/10 ลื้านบัาท**• ร้อยลื่ะ 75 ขัองปัระชาชนท่�เขั้าร่วม กิจกรรมม่สั่วนร่วมในการแสัดำง ความคิดำเห็้น/10 ลื้านบัาท** หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ./ดิศ. โครุงกัารุท่ � 2 กัารุปรุับปรุงหรุ่อแกั�ไขกัฎหมาย กัฎรุะเบ่ยบ ข�อบังคับ เพั่�อเพัิ�มกัารุม่ส่วนรุ่วม ในกัารุติัดิสินใจินโยบายรุัฐ วัติถุปรุะสงค์โครุงกัารุ จัดำทำาขั้อเสันอแนะท่�เปั็นปัระโยชน์ต่อการปัรับัปัรุงห้ร่อแก้ไขักฎห้มาย กฎระเบั่ยบัขั้อบังคับั เพื่�อ ลื่ดำ ลื่ะ เลืิ่ก แลื่ะขัจัดำอุปัสัรรคในการสัร้างการม่สั่วนร่วมในการแสัดำงความคิดำเห็้นท่�เปั็นปัระโยชน์แลื่ะสัร้างสัรรค์ขัอง ปัระชาชนผ่านระบับัดำิจิทัลื่ ปี 2563 ผู้ลกัารุดิำาเนินงาน ปี 2564 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ ปี 2565 เป้าหมาย/งบปรุะมาณ - • 2 ด้ำานต้ามปัระเดา็นมุ่งเน้น • 3 ด้ำานต้ามปัระเดา็นมุ่งเน้น หน่วยงานหลักั/หน่วยงานรุ่วม: สพัรุ. และหน่วยงานท่ �เกั่�ยวข�อง หมืายู่เหตุ: * เป็นงบป็ระมืาณท่ำ�ถู่กบรรจัุไว้ตามืแผ่นงาน บ่รณาการป็ระจัำาป็ีงบป็ระมืาณ 2564 ** เป็นการคู่าดการณ์งบป็ระมืาณ 104 5แนวทางกัารุขับเคล่ �อน แผู้นพัฒนารุัฐบาลดิจิทัล 105 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) การขับูเคล่�อนิรัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัองประเที่ศไที่ย ภายใติ้แผนิพืั่ฒนิารัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัองประเที่ศไที่ย พื่.ศ. 2563-2565 เพื่�อผลักดำันิให้ประเที่ศไที่ยเกิดำ รัฐบูาลดาิจิทีั่ลที่�ได้ำมีการนิำาเที่คโนิโลยีมาใช้เป็นิ เคร่�องม่อในิการบูริหารงานิภาครัฐและการบูริการ สู่าธารณะ โดำยปรับูปร่งการบูริหารจัดาการ และ บูรณาการขั้อมูลภาครัฐและการที่ำางานิให้มีความ สู่อดำคล้อง และเช่�อมโยงเขั้าด้ำวยกันิอย่างมั�นิคง ปลอดำภัยและมีธรรมาภิบูาล จำาเป็นิติ้องอาศัยกลไก การขับูเคล่�อนิในิรูปแบูบูติ่าง ๆ เพื่�อให้แผนิพืั่ฒนิา รัฐบูาลดาิจิทีั่ลขัองประเที่ศไที่ยประ สู่บูความ สู่ำาเร็จ โดำยอาศัยกลไกการขับูเคล่�อนิที่�สู่ำาคัญ 5 กลไก ได้ำแก่กลไกเชิงนิโยบูาย กลไกการดำาเนินิงานิ และด้ำานิงบูประมาณ กลไกการมีสู่วนิร่วมจาก หนิ่วยงานิภาคีและภาคเอกชนิกลไกการปรับูปร่ง โครง สู่ร้างระ บูบูราชการ ด้ำานิบู่คลากรภาครัฐ รวมทีั่ �งกลไกการติดำติามประเมินิผลโครงการ ซึ่�งมี รายละเอียดำดัำงนิี� 106 ต้ามท่�พื่ระราชบัญญัติ้การบัริหำรงานแลื่ะการให้บัริการ ภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่พื่.ศ. 2562 ได้ำม่การจัดำตั้�งคณ์ะกรรมการ พืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ม่ห้นำท่�แลื่ะอำานาจในการเสันอแนะนโยบัาย แลื่ะจัดำทำาแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่เสันอต่อคณ์ะรัฐมนต้ร่ เพื่�อ พืิ่จารณ์าอนุมัติ้การจัดำทำาธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ภาครัฐเพื่�อเปั็น ห้ลืั่กการแลื่ะแนวทางในการดำาเนินการให้เปั็นไปัต้าม พื่.ร.บั. การบัริหำรงานฯ รวมทั�งการกำาห้นดำมาต้รฐาน ขั้อกำาห้นดำแลื่ะ ห้ลืั่กเกณ์ฑ์เก่�ยวกับัระบับัดำิจิทัลื่การกำาห้นดำแนวทางการพืั่ฒนา ศักยภาพื่บัุคลื่ากรภาครัฐ เพื่�อปัระโยชน์ในการบัริหำรงานแลื่ะ การให้บัริการภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่ต้ลื่อดำจนให้คำาแนะนำาห้ร่อ ขั้อเสันอแนะแก่ห้น่วยงานขัองรัฐ พื่ร้อมทั�งการกำากับัติ้ดำต้ามการ ดำาเนินงานขัองศูนย์แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่กลื่างแลื่ะศูนย์กลื่างขั้อมูลื่ เปัิดำภาครัฐ รวมทั�งเสันอแนะต่อคณ์ะรัฐมนต้ร่เพื่�อให้ม่การดำาเนิน งานต้ามยุทธุศาสัต้ร์ เปั้าห้มายท่�กำาห้นดำ อ่กทั�ง มาต้รา 7 วรรคสัอง ได้ำม่การระบัุว่า “เพื่�อปัระโยชน์ในการปัฏิบัติ้งานต้ามวรรคห้นึ �ง คณ์ะกรรมการ พืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่อาจแต่งตั้�งคณ์ะอนุกรรมการ ห้ร่อบัุคคลื่ใดำเพื่�อปัฏิบัติ้การต้ามท่�คณ์ะกรรมการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่มอบัห้มาย” ดำังนั�น นโยบัายในการไปัสัู่การเปั็นรัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่คณ์ะกรรมการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่แลื่ะอนุกรรมการท่�ถึูก จัดำตั้�ง จึงเปั็นผู้ผลืั่กดำันให้เกิดำนโยบัายไปัสัู่การเปั็นรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ โดำย สัพื่ร. จะเปั็นห้น่วยงานท่�เช่�อมโยงระห้ว่างผู้กำาห้นดานโยบัาย แลื่ะผู้รับันโยบัายไปัปัฏิบัติ้ห้น่วยงานรัฐซึ่�งเปั็นผู้ท่�รับันโยบัายไปั ปัฏิบัติ้จะดำาเนินการจัดำทำาโครงการบัรรจุเขั้ามายังแผนพืั่ฒนา รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ โดำยท่�โครงการท่�ดำาเนินการเปั็นไปัต้ามขั้อกำาห้นดำท่� คณ์ะกรรมการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ได้ำกำาห้นดำแนวทางไว้กลไกเชิงนุโยบัาย 1. จากรายงานวิเคราะห้์ผลื่การติ้ดำต้ามแลื่ะปัระเมินผลื่ การปัฏิบัติ้งานต้ามแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ. 2561-2564 แลื่ะรายงานผลื่การสัำารวจระดาับัความ พื่ร้อมรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัองห้น่วยงานภาครัฐขัองปัระเทศไทย ปัระจำาปัี พื่.ศ. 2562 ท่�รายงานว่าห้นึ�งในปัญหำ อุปัสัรรคท่�สั่งผลื่ให้การดำาเนินโครงการไม่ปัระสับัความ สัำาเร็จ ค่อ ปัญหำอุปัสัรรคด้ำานการจัดาสัรรงบัปัระมาณ์ ท่�ไม่ได้ำรับัการสันับัสันุน ดำังนั�น การดำาเนินโครงการม่ ความจำาเปั็นต้องอาศัยการสันับัสันุนงบัปัระมาณ์เพื่�อช่วย ขับัเคลื่�อนให้โครงการ ปัระสับัความสัำาเร็จต่อไปัดำังนั�น เพื่�อให้ แผนฯ ปัระสับัความสัำาเร็จเปั็นไปัต้ามเปั้าห้มาย จึงได้ำม่การเพืิ่�ม ความสัำาคัญในมิติ้ขัองการพืิ่จารณ์ากลืั่ �นกรองงบัปัระมาณ์ โดำย ได้ำม่การจัดำทำาแผนงานบัูรณ์าการรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ซึ่�งม่เปั้าห้มาย แลื่ะกรอบัแนวคิดำท่�สันับัสันุนการดำาเนินงานขัองแผนพืั่ฒนา รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ซึ่�งมุ่งเน้นโครงการภายใต้แผนท่�ม่ลืั่กษณ์ะการ บัูรณ์าการร่วมกันระห้ว่างห้น่วยงานอย่างน้อย 2 ห้น่วยงาน รวมทั�งม่การกำาห้นดำเปั้าห้มายแลื่ะตั้วช่�วัดำโครงการร่วมกัน (Shared KPI) ทั�งน่� เพื่�อให้กระบัวนการพืิ่จารณ์างบัปัระมาณ์ เปั็นไปัอย่างม่ปัระสัิทธุิภาพื่แลื่ะลื่ดำความซึ่ำาซึ้อนหำกโครงการ ใดำได้ำรับัการบัรรจุในแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ แลื่ะม่ลืั่กษณ์ะ ต้รงต้ามห้ลืั่กเกณ์ฑ์ขัองแผนงานบัูรณ์าการรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ งบัปัระมา ณ์ขัองโครงการดำังกลื่าวจะเขั้าสัู่กระบัวนการจัดาสัรร งบัปัระมาณ์ภายใต้แผนงานบัูรณ์าการรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ เพื่�อนำาเสันอ แก่สัำานักงบัปัระมาณ์พืิ่จารณ์าจัดำสัรรงบัปัระมาณ์เพื่�ออนุมัติ้ จัดำสัรรงบัปัระมาณ์ต้ามผลื่การพืิ่จารณ์ากลืั่ �นกรองต่อไปั แนวที่างกัาร่ขับเคล่ �อนแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 5 กลไกการดิำาเนุินุงานุ และการพัิจารณากลั �นุกรอง งบัประมาณ2. 107 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) การม่สั่วนร่วมจากห้น่วยงานภาค่ แลื่ะภาคเอกชน เปั็นกลื่ไกท่�ช่วยผลืั่กดำันให้ภาพื่ความสัำาเร็จขัองการเปั็นรัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่ม่ความรว ดำเร็วมากยิ�งขัึ�น เน่�องด้ำวยการขับัเคลื่�อนรัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่จำาเปั็นต้องอาศัยการทำางานขัองห้น่วยงานรัฐในรูปัแบับั ท่�ม่ลืั่กษณ์ะเปั็นการบัูรณ์าการ เน้นการม่สั่วนร่วมในการช่วยคิดำ ร่วมกำาห้นดานโยบัาย ร่วมวางแผน แบั่งปันขั้อมูลื่ต้ลื่อดำจนการ สันับัสันุนด้ำานงบัปัระมาณ์ เพื่�อให้ห้น่วยงานรัฐดำาเนินงานเปั็นไปั อย่างม่มาต้รฐานแลื่ะรูปัแบับัเด่ายวกัน โดำยเฉพื่าะการม่สั่วนร่วม จากห้น่วยงานท่�เปั็นห้น่วยงานกลื่างขัองรัฐ เช่น สัำานักงานสัภา พืั่ฒนาการเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้ (สัศช.) สัำานักงานคณ์ะ กรรมการพืั่ฒนาระบับัราชการ (ก.พื่.ร.) แลื่ะ สัำานักงานคณ์ะ กรรมการขั้าราชการพื่ลื่เร่อน (สัำานักงาน ก.พื่.) เปั็นต้น ห้น่วยงาน ทั�งห้มดำลื้วนม่บัทบัาทสัำาคัญในการพืั่ฒนาปัระเทศ นอกจากน่� ภาคเอกชน ถึ่อว่าเปั็นกลืุ่มองค์กรท่�ม่ความสัำาคัญในบัริบัทด้ำาน เศรษฐกิจขัองปัระเทศ ดำังนั�น กลืุ่มดำังกลื่าวจะสัามารถึสัะท้อน ขั้อมูลื่ทั�งในฐานะผู้ปัระกอบัการแลื่ะผู้รับับัริการจากภาครัฐซึ่�ง เปั็นการสัร้างการม่สั่วนร่วมในการพืั่ฒนาปัระเทศผ่านการแสัดำง ความเห็้น ห้ร่อในอ่กด้ำาน ภาคเอกชนถึ่อว่าม่บัทบัาทสัำาคัญในการ พืั่ฒนาเทคโนโลื่ย่ดำิจิทัลื่อย่างมาก เน่�องจากม่บัุคลื่ากรท่�ม่ความ เช่�ยวชาญแลื่ะม่ศักยภาพื่ดำังนั�น จึงเปัร่ยบัเสัม่อนสั่วนเติ้มเต็้ม ในการพืั่ฒนาด้ำานรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ซึ่�งจำาเปั็นต้องอาศัยความ เช่�ยวชาญแลื่ะปัระสับัการณ์ขัองบัุคลื่ากรในการ พืั่ฒนาบัริการ แลื่ะระบับัต่าง ๆ ในภาครัฐอย่างมาก รวมถึงการถึ่ายทอดำความรู้ แลื่ะ ปัระสับัการณ์ เพื่�อเสัริมสัร้างศักยภาพื่ให้กับับัุคลื่ากรภาครัฐต่อไปั การปัรับัโครงสัร้างด้ำานบัุคลื่ากรภาครัฐ เปั็นกลื่ไก สัำาคัญในการพืั่ฒนาภาครัฐในมิติ้ด้ำานดำิจิทัลื่ไม่เพื่ยงแต่การ ยกระดาับับัุคลื่ากรภาครัฐให้สัามารถึทำางานภายใต้สัภาพื่ แวดำลื้อมเชิงดำิจิทัลื่ท่�ทุกห้น่วยงานภาครัฐเร่งดำาเนินการ เท่านั�น ภาครัฐควรม่มาต้รการในการ สั่งเสัริมแลื่ะเปัิดำโอกาสัให้ บัุคลื่ากรภายนอกท่�ม่ความรู้ความสัามารถึด้ำานดำิจิทัลื่จาก ภาคเอกชน ห้ร่อสั่วนอ่�น ๆ เขั้ามาม่สั่วนร่วมในการผ ลืั่กดำันแลื่ะ ยกระดาับัการทำางานขัองรัฐ เปัิดำพื่�นท่�ให้บัุคลื่ากรท่�ม่ปัระสัิทธุิภาพื่ โดำยเฉพื่าะด้ำานดำิจิทัลื่เขั้ามาปัฏิบัติ้งานในภาครัฐมากยิ�งขัึ�น เพื่�อ สัร้างพื่�นท่�ขัองการแลื่กเปัลื่�ยน เร่ยนรู้จากองค์ความรู้ภายนอก ขัยายมุมมองการทำางานด้ำวยดำิจิทัลื่ขัองรัฐให้กว้างไกลื่เท่าทันกับั สังคมภายนอกแลื่ะนำารูปัแบับัท่�เห้มาะสัมต่อบัริบัทขัองรัฐไทย เขั้ามาปัระยุกต้์ใช้กับัห้น่วยงานภาครัฐ ร่วมกับัการพืั่ฒนาทักษะ บัุคลื่ากรด้ำานดำิจิทัลื่ในมิติ้ต่าง ๆ ให้แก่ CIO แลื่ะเจ้าห้นำท่�ใน ระดาับัปัฏิบัติ้การอย่างต่อเน่�อง ครอบัคลืุ่ม เพื่�อลื่ดำปัญหำอุปัสัรรค ท่�เกิดำจากวิธุ่คิดำในการทำางานขัองบัุคคลื่ในรูปัแบับัเดาิมแลื่ะ ยกระดาับัให้มิติ้ด้ำานบัุคลื่ากรเปั็นกลื่ไกสัำาคัญในการขับัเคลื่�อน รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ โดำยห้น่วยงานห้ลืั่กท่�จะผลืั่กดำันปัระเดา็นดำังกลื่าวให้ ปัระสับัความสัำาเร็จ ได้ำแก่สัำานักงาน ก.พื่. สัำานักงาน ก.พื่.ร. สัพื่ร. แลื่ะห้น่วยงานท่�เก่�ยวขั้องแนวที่างกัาร่ขับเคล่ �อนแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 5 / กลไกการม่ส่วันุร่วัม จากหนุ่วัยงานุภาค์่ และภาค์เอกชนุ กลไกการปรับัปรุงโค์รงสร้าง ระบับัราชการดิ้านุบัุค์ลากรภาค์รัฐ3. 4. 108 การติ้ดำต้ามแลื่ะปัระเมินผลื่โครงการ เปั็นกลื่ไกท่� จะสัะท้อนว่าแผนงาน/โครงการท่�ห้น่วยงานรัฐดำาเนินการ ม่ผลื่สัมฤทธุิ �เกิดำปัระสัิทธุิภาพื่ (Efficiency) ปัระสัิทธุิผลื่ (Effectiveness) ห้ร่อลื้มเห้ลื่ว (Failed) ซึ่�งสัามารถึเริ�ม ดำาเนินการในลืั่กษณ์ะคู่ขันานพื่ร้อมกับัช่วงระยะเวลื่าท่�ห้น่วย งานเริ�มต้นดำาเนินโครงการได้ำทันท่ซึ่�งรูปัแบับัการติ้ดำต้าม แลื่ะปัระเมินผลื่โครงการภายใต้แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัอง ปัระเทศไทย พื่.ศ. 2563-2565 จะม่ลืั่กษณ์ะรูปัแบับัท่�เปั็นการ ผสัมผสัานระห้ว่างบัุคลื่ากร (Human) แลื่ะระบับั (System) รวมทั�งรูปัแบับัวิธุ่การติ้ดำต้ามท่�เห้มาะสัมกับับัริบัทขัองแต่ลื่ะ ห้น่วยงาน เพื่�อให้เกิดำความย่ดำห้ยุ่นในการดำาเนินงานแลื่ะช่วย เสัริมสัร้างปัฏิสัมพืั่นธุ์ระห้ว่างห้น่วยงาน ซึ่�งม่กิจกรรมท่�สัำาคัญ เช่น การสัร้างความเขั้าใจกับัห้น่วยงานในเร่�องขัองการจัดา ทำาแผนงาน/โครงการภายใต้แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ขัอง ปัระเทศไทย การติ้ดำต้ามขั้อมูลื่การดำาเนินโครงการขัอง แต่ลื่ะห้น่วยงาน เพื่�อนำาขั้อมูลื่ท่�ได้ำรับัมาวิเคราะห้์ สังเคราะห้์ ปัระเมินถึงค่าความสัำาเร็จท่�จะเกิดำขัึ�นในแต่ลื่ะโครงการ รูปัแบับัวิธุ่การติ้ดำต้ามอาจจะต้องม่เคร่�องม่อ ห้ร่อระบับัเขั้า มาเปั็นสั่วนเสัริมในการทำางาน เพื่�อไม่ให้เกิดำภาระกับัห้น่วย งานท่�ดำาเนินการจัดำทำาโครงการ ซึ่�งอาจต้องใช้กลื่ไกการม่สั่วน ร่วมจากห้น่วยงานกลื่างขัองรัฐในการเช่�อมโยงขั้อมูลื่อาทิ ระบับัติ้ดำต้ามแลื่ะปัระเมินผลื่แห่งชาติ้ห้ร่อระบับั eMENSCR ซึ่�งเปั็นระบับัติ้ดำต้ามการดำาเนินโครงการขัองภาครัฐภาย ใต้แผนยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ เพื่�อรายงานขั้อมูลื่การดำาเนินงาน ต้ามแผนงานระดาับัชาติ้อ่กทั�ง สัำานักงาน ก.พื่.ร. ได้ำม่ระบับัรายงานผลื่การปัระเมินสั่วนราชการต้ามมาต้รการปัรับัปัรุง ปัระสัิทธุิภาพื่ในการปัฏิบัติ้ราชการ ห้ร่อ ระบับั e-SAR ท่�ให้ ห้น่วยงานรัฐได้ำรายงานผลื่การดำาเนินงานด้ำวยเช่นกัน แต่เน่�องด้ำวยขั้อมูลื่ท่� สัพื่ร. จะต้องนำามาวิเคราะห้์ในสั่วนขัองค่า ความสัำาเร็จโครงการภายใต้แผน พืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ซึ่�งอาจ ม่ขั้อมูลื่ในบัางมิติ้ท่�ห้น่วยงานไม่ได้ำกรอกเขั้ามาภายในระบับั eMENSCR แลื่ะระบับั e-SAR ดำังนั �น สัพื่ร. อาจจะดำาเนินการ รวบัรวมขั้อมูลื่เพืิ่�มเติ้มผ่านช่องทางอ่�น ๆ ท่�เห้มาะสัมเพื่�อเปั็นการ อำานวยความสัะดำวกให้กับัห้น่วยงานแลื่ะเพืิ่�มความรวดำเร็ว ในการติ้ดำต้ามขั้อมูลื่ห้ากม่ความจำาเปั็นผ่านแบับัรายงานผลื่ การดำาเนินโครงการ ห้ร่อรายการต้รวจสัอบัขั้อมูลื่โครงการ (Checklist) โดำยใช้ช่องทางการติ้ดำต้ามในรูปัแบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์ แลื่ะการจัดาสั่งเอกสัาร (Paper) เพื่�อนำาขั้อมูลื่มาปัระเมินผลื่ สัมฤทธุิ�แลื่ะรายงานต่อคณ์ะรัฐมนต้ร่ทราบัในลื่ำาดำับัต่อไปัแนวที่างกัาร่ขับเคล่ �อนแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล / CHAPTER 5 กลไกการติดิตาม และประเมินุผลโค์รงการ 5. 109 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)แนวที่างกัาร่ขับเคล่ �อนแผนพัฒนารั่ฐบาลดิจิทีั่ล CHAPTER 5 / สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 109 สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) 110 6นิยามอักัษรุย่อ 111 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)กัค. กระทรวงการคลืั่ง กั.พั. สัำานักงานคณ์ะกรรมการขั้าราชการพื่ลื่เร่อน กั.พั.รุ. สัำานักงานคณ์ะกรรมการพืั่ฒนาระบับัราชการ กัรุมพัฒนาธุ รุกัิจิฯ กรมพืั่ฒนาธุรกิจการค้า กัษ. กระทรวงเกษต้รแลื่ะสัห้กรณ์ คม. กระทรวงคมนาคม ครุ. กรมควบัคุมโรค ครุม. คณ์ะรัฐมนต้ร่ ดิศ. กระทรวงดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคม ทท. การท่องเท่�ยวแห่งปัระเทศไทย ธปท. ธุนาคารแห่งปัระเทศไทย นรุ. สัำานักนายกรัฐมนต้ร่ บกั. กรมบัญช่กลื่าง ปค. กรมการปักครอง พัม. กระทรวงพืั่ฒนาสังคมแลื่ะความมั �นคงขัองมนุษย์ รุง. กระทรวงแรงงาน สกัมชื่. สัำานักงานคณ์ะกรรมการการรักษาความมั �นคงปัลื่อดำภัยไซึ่เบัอร์แห่งชาติ้ สคกั. สัำานักงานคณ์ะกรรมการกฤษฎ่กา สคชื่. สัถึาบันคุณ์วุฒิวิชาช่พื่ สคส. สัำานักงานคณ์ะกรรมการคุ้มครองขั้อมูลื่สั่วนบัุคคลื่ สงป. สัำานักงบัปัระมาณ์ สดิชื่. สัำานักงานคณ์ะกรรมการดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้ สถ. กรมสั่งเสัริมการปักครองท้องถึิ�น สติม. สัำานักงานต้รวจคนเขั้าเม่องนิยามอักัษร่ย่อ CHAPTER 6 / 112สบรุ. สัำานักงานบัริหำรแลื่ะพืั่ฒนาองค์ความรู้ สบทรุ. สัำานักบัริการเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศภาครัฐ สป.กัค. สัำานักงานปัลืั่ดำกระทรวงการคลืั่ง สป.ดิศ. สัำานักงานปัลืั่ดำกระทรวงดำิจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคม สพัธอ. สัำานักงานพืั่ฒนาธุรกรรมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ สพัรุ. สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ สรุอ. สัำานักงานรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ สวทชื่. สัำานักงานพืั่ฒนาวิทยาศาสัต้ร์แลื่ะเทคโนโลื่ย่แห่งชาติ้ สศกั. สัำานักงานเศรษฐกิจการเกษต้ร สศชื่.สัำานักงานสัภาพืั่ฒนาการเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้/สัำานักงานคณ์ะกรรมการ พืั่ฒนาการเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้ สผู้. สัำานักงานเลื่ขัาธุิการผู้แทนราษฎร อว. กระทรวงการอุดามศึกษา วิทยาศาสัต้ร์ วิจัยแลื่ะนวัต้กรรม AI เทคโนโลื่ย่ปัญญาปัระดำิษฐ์ (Artificial Intelligence) APIช่องทางห้นึ �งท่�จะเช่�อมต่อกับัเว็บัไซึ่ต้์ผู้ให้บัริการ (Application Programming Interface) Biz Portalศูนย์กลื่างขั้อมูลื่ให้ธุรกิจติ้ดำต่อราชการแบับัเบั็ดำเสัร็จ ครบัวงจร ณ์ จุดำเด่ายว (Business Portal) CIO ผู้บัริหำรเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศระดาับัสัูง (Chief Information Officer) CYB ความมั�นคงปัลื่อดำภัยทางไซึ่เบัอร์ (Cyber Security) depa สัำานักงานสั่งเสัริมเศรษฐกิจดำิจิทัลื่ ED ดำัชน่วัดำระดาับัความยากง่ายขัองการปัระกอบัธุรกิจ (ED) EGDI ดำัชน่พืั่ฒนารัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ ขัององค์การสัห้ปัระชาชาติ้ eMENSCR ระบับัติ้ดำต้ามแลื่ะปัระเมินผลื่แห่งชาติ้ EMG การใช้เทคโนโลื่ย่สัารสันเทศอุบัติ้ให้ม่ (Emerging ICT Technologies) EPAR การสั่งเสัริมการม่สั่วนร่วมอิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Participation/Digital Inclusion) EPI ดำัชน่การม่สั่วนร่วมอิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Participation Index)นิยามอักัษร่ย่อ / CHAPTER 6 113 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)EPRO การสั่งเสัริมรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (D-Government Promotion) e-SARระบับัการรายงานผลื่การปัระเมินสั่วนราชการต้ามมาต้รการปัรับัปัรุงปัระสัิทธุิภาพื่ใน การปัฏิบัติ้ราชการ GCIO ผู้บัริหำรเทคโนโลื่ย่สัารสันเทศระดาับัสัูงภาครัฐ GDX ศูนย์แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่กลื่างภาครัฐ (Government Data Exchange) GIN เคร่อขั่ายสัารสันเทศกลื่างขัองภาครัฐ (Government Information Network) HCI ดำัชน่ท่�ปัระเมินระดาับัการเขั้ารับัการศึกษาในระบับัขัองปัระชาชนในปัระเทศ IoT อินเทอร์เน็ต้ในทุกสัิ�ง (Internet of Things) IT เทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ (Information Technology) LOSI ดำัชน่การให้บัริการออนไลื่น์ขัองรัฐบัาลื่ท้องถึิ�น (Local Online Service Index) MO ปัระสัิทธุิภาพื่การบัริหำรจัดำการ (Management Optimization) NASA องค์การบัริหำรการบัินแลื่ะอวกาศแห่งชาติ้สัห้รัฐอเมริกา NECTEC ศูนย์เทคโนโลื่ย่อิเลื็่กทรอนิกสั์แลื่ะคอมพืิ่วเต้อร์แห่งชาติ้ NIA สัำานักงานนวัต้กรรมแห่งชาติ้ NIP ความพื่ร้อมด้ำานโครงสัร้างพื่�นฐาน (Network Infrastructure Preparedness) NP พื่อร์ทัลื่แห่งชาติ้ (National Portal) OECD องค์การเพื่�อความร่วมม่อทางเศรษฐกิจแลื่ะการพืั่ฒนา OGD การเปัิดำเผยขั้อมูลื่ภาครัฐ (Open Government Data) OS การให้บัริการออนไลื่น์ (Online Services) OSI ดำัชน่ท่�ปัระเมินความสัามารถึในการให้บัริการออนไลื่น์ขัองห้น่วยงานภาครัฐ OSS ศูนย์บัริการแบับัเบั็ดำเสัร็จครบัวงจร ณ์ จุดำเด่ายว (One - Stop Service) SMEs ธุรกิจขันาดากลื่างแลื่ะขันาดาย่อม TII ดำัชน่ท่�สัะท้อนถึงความพื่ร้อมด้ำานโครงสัร้างพื่�นฐานด้ำานโทรคมนาคม VR/AR เทคโนโลื่ย่การจาลื่องภาพื่ห้ร่อสัถึานการณ์เห้ม่อนจริง (Virtual Reality/Augmented Reality)นิยามอักัษร่ย่อ CHAPTER 6 / 114บรุรุณานุกัรุม 7 116• Obi, T. (2018). The 14th Waseda- IAC International Digital Government Ranking 2018 Report. Tokyo, Japan: The Institute of D-Government at Waseda University and International Academy of CIO (IAC) . • Smart Nation Digital Government Group. (2018). Digital Government Blueprint; A Singapore Government that is Digital to the Core and Serves with Heart. Singapore: Smart Nation Digital Government Group. • The World Bank. (2020, January 2). Doing Business Measuring Business Regulations. From The World Bank: https://www.doingbusiness.org/en/rankings • Tiarawut, S. (2020). Digital Government Roadmap. e-Government for Chief Executive Officer Program: e-GCEO (p. 12). Bangkok, Thailand: Digital Government Development Agency (DGA). • United Nations. (2018). United Nations E-Government Survey 2018. New York, USA: United Nations. • World Economic Forum . (2017). Government with the People: A New Formula for Creating Public Value. Geneva, Switzerland: World Economic Forum . • ปัฎิมา สัุคนธุมา. (2551). การศึกษาเร่�องผลื่กระทบัขัองระบับัพืิ่ธุ่การ ศุลื่กากรอิเลื็่กทรอนิกสั์แบับัไร้เอกสัารท่�ม่ต่อธุรกิจบัริการด้ำานการ เปั็นตั้วแทนออกขัองกรณ์่ศึกษา บัริษัท โซึ่น่� ซึั่พื่พื่ลื่ายเชน โซึ่ลืู่ชั�น (ปัระเทศไทย). ชลื่บัุร่, ปัระเทศไทย: วิทยานิพื่นธุ์วิทยาศาสัต้รมหำ บัณ์ฑิ์ต้, มหำวิทยาลืั่ยบัูรพื่า. • วันเพื็่ญ เพื็่งสัมบัูรณ์, จันทิมา ทำทองแลื่ะนัฐภูมิงามเนต้ร. (2561). การศึกษาผลื่กระทบัจากการเปัลื่�ยนแปัลื่งการสั่งออกทางเร่อแบับั เบั็ดำเสัร็จด้ำวยระบับัอ่คอนเทนเนอร์. วารสัารมห้ำวิทยาลืั่ยรามคำาแห้ง ฉบับับัณ์ฑิ์ต้ย์วิทยาลืั่ย ปัีท่� 1 ฉบับัท่� 1, 95-109.• สัำานักเลื่ขัาธุิการสัภาผู้แทนราษฎร. (2558). การบัริหำรจัดำการ ภาครัฐ รัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ (e-Government.สัำานักวิชาการ. สั่บัค้น 28 มิถึุนายน 2562 จาก https://library2.parliament.go.th/ ejournal/content_af/2558/apr2558-2.pdf) • ทิพื่าวด่ำ เมฆสัวรรค์. (2543). การบัริหำรมุ่งผลื่สัมฤทธุ์. สัถึาบัน มาต้รฐานสัากลื่ภาครัฐแห่งปัระเทศไทย สัำานักงานคณ์ะกรรมการ ขั้าราชการพื่ลื่เร่อน. กรุงเทพื่ฯ. • ยุทธุพื่ร อิสัรชัย. (2549). อินเต้อร์เน็ต้กับัการเม่องไทย. วารสัาร เทคโนโลื่ย่สัารสันเทศ. ปัีท่� 2 ฉบับัท่� 3: มกราคม-มิถึุนายน. • ระบับัสัารำนุกรมภาษ่. (ม.ปั.ปั.). ระบับั National Single Window (NSW). สั่บัค้น 9 กรกฎาคม 2563 จาก http://wiki.mof.go.th/ mediawiki/index.php/%E0%B8%A3%E0% • กรมศุลื่กากร.รายงานความก้าวห้นำการพืั่ฒนาระบับั National Single Window: NSW (ขั้อมูลื่ณ์ เด่าอนม่นาคม 2563). สั่บัค้น 9 กรกฎาคม 2563 จาก http://www.thainsw.net • วิชาญ ทรายอ่อน.ระบับัการเช่�อมโยงขั้อมูลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ขัอง ปัระเทศไทย (Thailand National Single Window: NSW) สัู่การเช่�อม โยงขั้อมูลื่ระห้ว่างปัระเทศสัมาชิกอาเซึ่ยน (ASEAN Single Window: ASW) .สั่บัค้น 9 กรกฎาคม 2563 จาก https://library2.parliament. go.th/ebook/content-issue/2559/hi2559-035.pdf • สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่. (2562). รายงานวิเคราะห้์ผลื่การ ติ้ดำต้ามแลื่ะปัระเมินผลื่การปัฏิบัติ้งานต้ามแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่. สั่วนงบัปัระมาณ์แลื่ะติ้ดำต้ามนโยบัาย. ฝั่ายขับัเคลื่�อนรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่. • สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (2563). 4 ปัีกฎห้มายอานวย ความสัะดำวก เร่งขับัเคลื่�อนการพืั่ฒนาการออกเอกสัารดำิจิทัลื่ เพื่�อ การให้บัริการ e-Service เต็้มรูปัแบับั. สั่บัค้นเม่�อ 8 กรกฎาคม 2563, จาก สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (องค์การมหำชน) (สัพื่ร.) https://www.dga.or.th/th/content/913/13951/ • สัำานักงานคณ์ะกรรมดิำจิทัลื่เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้. (2562). โครงการศึกษาการเต้ร่ยมความพื่ร้อมแลื่ะการกำาห้นดำ แนวทางการพืั่ฒนาสัู่รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่อย่างเต็้มรูปัแบับั. กรุงเทพื่ฯ.บร่ร่ณ์านุ กัร่ม / CHAPTER 7 117 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)• สัำานักงานรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์. (2558). ขั้อเสันอแนะแนวทางการ พืั่ฒนานโยบัายรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์แห่งชาติ้. กรุงทเพื่ฯ. • สัำานักงานเลื่ขัาธุิการสัภาผู้แทนราษฎร. (2559). ภาครัฐไทยกับัการ ก้าวเขั้าสัู่รัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่. สัำานักวิชาการ. เอกสัารวิชาการ. กรงเทพื่ฯ. • สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่. (2562). ผลื่สัำารวจระดาับัความ พื่ร้อมรัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ห้น่วยงานภาค รัฐขัองปัระเทศไทย ปัระจำาปัี 2562. กรุงเทพื่ฯ. กัฎหมายและแผู้นนโยบายท่ �เกั่�ยวข�อง • ราชกิจจานุเบักษา. (2560). รัฐธุรรมนูญแห่งราชอาณ์าจักรไทย พื่.ศ. 2560. เลื่ม 134 ต้อนท่� 40 ก, 1. • ราชกิจจานุเบักษา. (2558). พื่ระราชบัญญัติ้การอำานวยความ สัะดำวกในการพืิ่จารณ์าอนุญาต้ขัองทางราชการ พื่.ศ. 2558. เลื่ม 132 ต้อนท่� 4 ก, 1. • ราชกิจจานุเบักษา. (2562). พื่ระราชบัญญัติ้การบัริหำรงานแลื่ะ การให้บัริการภาครัฐผ่านระบับัดำิจิทัลื่พื่.ศ. 2562. เลื่ม 136 ต้อนท่� 67 ก, 57. • ราชกิจจานุเบักษา. (2562). พื่ระราชบัญญัติ้คุ้มครองขั้อมูลื่สั่วน บัุคคลื่พื่.ศ. 2562. เลื่ม 136 ต้อนท่� 69 ก, 52. • ราชกิจจานุเบักษา. (2562). พื่ระราชบัญญัติ้การรักษาความมั �นคง ปัลื่อดำภัยไซึ่เบัอร์ พื่.ศ. 2562. เลื่ม 136 ต้อนท่� 69 ก, 20. • ราชกิจจานุเบักษา. (2554). พื่ระราชกฤษฎ่กา จัดำตั้�งสัำานักงาน รัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์ (องค์การมหำชน) พื่.ศ. 2554. เลื่ม 128 ต้อน ท่� 10 ก, 16. • ราชกิจจานุเบักษา. (2561). พื่ระราชกฤษฎ่กา จัดำตั้�งสัำานักงาน พืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ (องค์การมหำชน) พื่.ศ. 2561. เลื่ม 135 ต้อนท่� 33 ก, 80.• ราชกิจจานุเบักษา. (2562). พื่ระราชกฤษ ฎ่กา ว่าด้ำวยห้ลืั่กเกณ์ฑ์ แลื่ะวิธุ่การบัริหำรกิจการบั้านเม่องท่�ด่ำ (ฉบับัท่� ๒) พื่.ศ.2562. เลื่ม 136 ต้อนท่� 56 ก, 253. • สัำานักงานคณ์ะกรรมการพืั่ฒนาเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้. (2540). แผนพืั่ฒนาเศรษฐ กิจแลื่ะสังคม แห่งชาติ้ฉบับัท่� 8 พื่.ศ.2540-2544. กรุงเทพื่ฯ. • สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่. (2562). แต่งตั้�งคณ์ะกรรมการจัดา ทำาแผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่. คำาสั�งสัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ท่� 17/2562. • สัำานักงานรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์. (2559). แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ขัองปัระเทศไทย ระยะ 3 ปัี (พื่.ศ. 2559-2561). สั่วนนโยบัายรัฐบัาลื่ อิเลื็่กทรอนิกสั์. ฝั่ายนโยบัายแลื่ะยุทธุศาสัต้ร์. • สัำานักงานรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์. (2560). แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ขัองปัระเทศไทย พื่.ศ.2560-2564. สั่วนนโยบัายรัฐบัาลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์. ฝั่ายนโยบัายแลื่ะยุทธุศาสัต้ร์. • สัำานักงานสัภาพืั่ฒนาการเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้. (2561). ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ 20 ปัีพื่.ศ. 2561-2580. กรุงเทพื่ฯ. • สัำานักงานสัภาพืั่ฒนาการเศรษฐ กิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้. (2562). สัรุปัสัาระสัำาคัญขัองแผนปัฏิรูปัปัระเทศ. กรุงเทพื่ฯ. • สัำานักงานสัภาพืั่ฒนาการเศรษฐ กิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้. (2560). แผนพืั่ฒนาเศรษฐกิจแลื่ะสังคม แห่งชาติ้ฉบับัท่� 12 พื่.ศ. 2560-2564. กรุงเทพื่ฯ. • สัำานักงานสัภาพืั่ฒนาการเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแห่งชาติ้. (2561). แผน แม่บัทภายใต้ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ (20) ปัระเดา็น การบัริการปัระชาชนแลื่ะ ปัระสัิทธุิภาพื่ภาครัฐ (พื่.ศ. 2561-2580). • สัำานักเลื่ขัาธุิการคณ์ะรัฐมนต้ร่. (2559). มติ้คณ์ะรัฐมนต้ร่ท่� นร0505/ว เร่�อง ขัอความเห็้นชอบัต่อ (ร่าง) แผนพืั่ฒนำดิำจิทัลื่ เพื่�อเศรษฐกิจแลื่ะสังคมแลื่ะ (ร่าง) แผนพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ระยะ 3 ปัี (พื่.ศ. 2559-2561). 5 เมษายน 2559.บร่ร่ณ์านุ กัร่ม CHAPTER 7 / 118ภาคผู้นวกัภาคผนวก 1: รายช่�อบริการผ่านแพัลตฟอร์มบริการภาครัฐ (Common Platform) 8 119 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)กัลุ่มนโยบาย บรุิกัารุ หน่วยงาน กัรุะทรุวง แพัลติฟอรุ์ม 1. กัารุเกัษติรุ1.1 การขัึ�นทะเบั่ยนเกษต้รกร กรมสั่งเสัริม การเกษต้รกระทรวงเกษต้ร แลื่ะสัห้กรณ์Citizen Platform 2. กัารุศ่กัษา2.1 บัริการให้กู้ย่มเพื่�อการศึกษาท่�ผูกกับั รายได้ำในอนำคต้ 2.2 บัริการกู้ย่มเงินเพื่�อการศึกษากองทุนเงินให้กู้ย่ม เพื่�อการศึกษากระทรวงการคลืั่งCitizen Platform 3. สาธารุณสุข สุขภาพัและกัารุ แพัทย์3.1 บัริการ Tele-psychiatry 3.2 บัริการรับัขั้อมูลื่แลื่ะการให้คำาปัรึกษา เก่�ยวกับัสัุขัภาพื่จิต้กรมสัุขัภาพื่จิต้กระทรวง สัาธุารณ์สัุขัCitizen Platform 3.3 บัริการรับัขั้อมูลื่แลื่ะการให้คำาปัรึกษา เก่�ยวกับัสัุขัภาพื่กรมอนามัย กระทรวง สัาธุารณ์สัุขัCitizen Platform 4. ความเหล่ �อม ลำ�าทางสิทธิ สวัสดิกัารุ ปรุะชื่าชื่น4.1 บัริการขัึ�นทะเบั่ยนผู้ปัระกันต้นต้าม มาต้รา 40 4.2 บัริการขัอขัึ�นทะเบั่ยนผู้ปัระกันต้น มาต้รา 33, 39 4.3 บัริการต้รวจสัอบัขั้อมูลื่ผู้ปัระกันต้น (กรณ์่เสั่ยช่วิต้, ชราภาพื่, คลื่อดำบัุต้ร, เจ็บัปั่วย, ทุพื่ลื่ลื่ภาพื่, ว่างงาน แลื่ะสังเคราะห้์บัุต้ร) 4.4 บัริการต้รวจสัอบัสัถึานพื่ยาบัาลื่ แลื่ะ การย่�นแบับัขัอเปัลื่�ยนสัถึานพื่ยาบัาลื่ 4.5 บัริการต้รวจสัอบัขั้อมูลื่ใบัเสัร็จรับัเงิน มาต้รา 39 ผ่านระบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์สัำานักงานปัระกัน สังคมกระทรวงแรงงาน Citizen Platform 4.6 กองทุนสังเคราะห้์ลืู่กจ้าง กรณ์่ออก จากงาน ห้ร่อต้ายกรมสัวัสัดิำการแลื่ะ คุ้มครองแรงงานกระทรวงแรงงาน Citizen Platform บัริการบัต้รสัวัสัดิำการแห่งรัฐ กรมบัญช่กลื่าง กระทรวงการคลืั่งCitizen Platform 4.7 การขัอเงินอุดำห้นุนเพื่�อการเลื่ �ยงดำูเดา็ก แรกเกิดำ 4.8 บัริการสัวัสัดิำการสังคมสัำาห้รับัแม่วัยรุ่นกรมกิจการเดา็ก แลื่ะเยาวชนกระทรวงพืั่ฒนา สังคมแลื่ะความ มั�นคงขัองมนุษย์Citizen Platform 4.9 ศูนย์บัริการคนพืิ่การ กรมสั่งเสัริมแลื่ะ พืั่ฒนาคุณ์ภาพื่ ช่วิต้คนพืิ่การกระทรวงพืั่ฒนา สังคมแลื่ะความ มั�นคงขัองมนุษย์Citizen Platform 4.10 สัิทธุิลื่ดำห้ย่อนค่าโดำยสัารยาน พื่าห้นะกรมกิจการผู้สัูง อายุกระทรวงพืั่ฒนา สังคมแลื่ะความ มั�นคงขัองมนุษย์Citizen Platform 4.11 ขัอรับัเบั่�ยยังช่พื่ผู้สัูงอายุ กรมสั่งเสัริมการ ปักครองท้องถึิ�นกระทรวง มหำดำไทยCitizen Platformภาคผู้นวกั 1: รุายชื่ �อบรุิกัารุผู่านแพัลติฟอรุ์มบรุิกัารุภาครุัฐ (Common Platform) ภาคผนวกั CHAPTER 8 / 1204.12 สัิทธุิห้ลืั่กปัระกันสัุขัภาพื่ (สัิทธุิบัต้ร ทอง) 4.13 บัริการระบับัลื่งทะเบั่ยนสัิทธุิห้ลืั่ก ปัระกันสัุขัภาพื่แห่งชาติ้ 4.14 บัริการต้รวจสัอบัสัิทธุิรักษาพื่ยาบัาลื่สัำานักงานห้ลืั่ก ปัระกันสัุขัภาพื่แห่ง ชาติ้กระทรวง สัาธุารณ์สัุขัCitizen Platform 4.15 บัริการจัดำหำงาน ผ่าน Smart Job Center 4.16 บัริการแจ้งการเดาินทางไปัทำางาน ต่างปัระเทศด้ำวยต้นเอง 4.17 บัริการแจ้งการเดาินทำงกลืั่บัไปั ทำางานต่างปัระเทศขัองคนงานท่�เดาินทาง กลืั่บัปัระเทศไทยเปั็นการชั�วคราว 4.18 ระบับัแจ้งการทำางานขัองคนต่างด้ำาวกรมการจัดาหำงาน กระทรวงแรงงาน Citizen Plat - form/Foreigner Platform 4.19 บัริการ Digital ID 4.20 บัริการแจ้งเกิดำ 4.21 บัริการแจ้งต้าย 4.22 บัริการคัดำรับัรองรายการทะเบั่ยน ราษฎร์ 4.23 บัริการทะเบั่ยนบั้าน 4.24 บัริการจดำทะเบั่ยนสัมรสั 4.25 บัริการทำาบัต้รปัระจาตั้วปัระชาชนกรมการปักครอง กระทรวง มหำดำไทยCitizen Platform 4.26 บัริการการค่นเงินภาษ่เงินได้ำบัุคคลื่ ธุรรมดำา 4.27 บัริการค่นภาษ่ 4.28 บัริการชำาระภาษ่ 4.29 บัริการย่�นแบับัแสัดำงรายการภาษ่ 4.30 บัริการลื่งทะเบั่ยนใช้บัริการทาง อิเลื็่กทรอนิกสั์กรมสัรรพื่ากร กระทรวงการคลืั่งCitizen Platform 4.31 การชาระค่าเช่าท่�ราชพืั่สัดำุ ผ่านช่อง ทางอิเลื็่กทรอนิกสั์กรมธุนารักษ์กระทรวงการคลืั่งCitizen Platform 5. ความโปรุ่งใส กัารุม่ส่วนรุ่วม และติรุวจิสอบไดิ� ของปรุะชื่าชื่น5.1 ระบับัร้องเร่ยนรถึโดำยสัารสัาธุารณ์ะ กรมการขันสั่ง ทางบักกระทรวงคมนาคม Citizen Platform 5.2 ระบับัฐานขั้อมูลื่ต้รวจสัอบัแลื่ะปัฏิบัติ้ การแลื่ะระบับัฐานขั้อมูลื่ร้องทุกขั์พืิ่ทักษ์ ผลื่ปัระโยชน์ขัองผู้บัริโภคกรมการค้าภายใน กระทรวงพื่าณิ์ชย์Citizen Platform 5.3 การรับัเร่�องร้องเร่ยน สัำานักปัลืั่ดำสัำานัก นายกรัฐมนต้ร่สัำานักนายก รัฐมนต้ร่Citizen Platformภาคผนวกั / CHAPTER 8 121 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)6. กัารุส่งเสรุิม วิสาหกัิจิขนำดิ กัลางและขนำดิ ย่อม (SME)6.1 บัริการจดำทะบั่ยนพื่าณิ์ชย์ 6.2 บัริการจดำทะเบั่ยนพื่าณิ์ชย์ อิเลื็่กทรอนิกสั์กรมพืั่ฒนาธุรกิจ การค้ากระทรวงพื่าณิ์ชย์Business Platform 6.3 บัริการขัอห้นังสั่ออนุมัติ้แผนการจัดา ตั้�งสัถึานพื่ยาบัาลื่สัต้ว์ 6.4 บัริการขัอใบัอนุญาต้ให้ตั้�งสัถึาน พื่ยาบัาลื่สัต้ว์ 6.5 บัริการขัอใบัอนุญาต้ให้ดำาเนินการ สัถึานพื่ยาบัาลื่สัต้ว์กรมปัศุสัต้ว์กระทรวงเกษต้ร แลื่ะสัห้กรณ์Business Plat - form 6.6 การจดำทะเบั่ยนการปัระกอบัธุรกิจ ต้ลื่าดำแบับัต้รง 6.7 บัริการการจดำทะเบั่ยนการปัระกอบั ธุรกิจขัายต้รงสัำานักงานคณ์ะ กรรมการคุ้มครอง ผู้บัริโภคสัำานักนายก รัฐมนต้ร่Business Platform 6.8 บัริการขัอใบัอนุญาต้ปัระกอบักิจการ สัถึานปัระกอบัการเพื่�อสัุขัภาพื่ 6.9 บัริการขัอใบัอนุมัติ้แผนงานจัดาตั้�งสัถึาน พื่ยาบัาลื่ (ปัระเภทท่�รับัผู้ปั่วยไว้ค้างค่น) 6.10 บัริการขัอใบัอนุญาต้ให้ปัระกอบั กิจการสัถึานพื่ยาบัาลื่ (ปัระเภทท่�รับั ผู้ปั่วยไว้ค้างค่น) 6.11 บัริการขัอรับัใบัอนุญาต้ให้ดำาเนินการ สัถึานพื่ยาบัาลื่ (ปัระเภทท่�รับัผู้ปั่วยไว้ค้างค่น) 6.12 บัริการขัอใบัอนุมัติ้แผนงานจัดาตั้�ง สัถึานพื่ยาบัาลื่ (ปัระเภทไม่รับัผู้ปั่วยไว้ ค้างค่น) 6.13 บัริการขัอใบัอนุญาต้ให้ปัระกอบั กิจการสัถึานพื่ยาบัาลื่ (ปัระเภทไม่รับั ผู้ปั่วยไว้ค้างค่น) 6.14 บัริการขัอรับัใบัอนุญาต้ให้ดำาเนินการ สัถึานพื่ยาบัาลื่ (ปัระเภทไม่รับัผู้ปั่วยไว้ค้างค่น)กรมสันับัสันุน บัริการสัุขัภาพื่กระทรวง สัาธุารณ์สัุขัBusiness Platform 6.15 บัริการขัอใบัอนุญาต้ขัายสัุรา 6.16 บัริการขัอใบัอนุญาต้ขัายยาสัูบั 6.17 บัริการขัอใบัอนุญาต้ขัายไพื่กรมสัรรพื่สัามิต้กระทรวงการคลืั่งBusiness Platform 6.18 บัริการขัออนุญาต้ระบัายนาทิ�ง /เช่�อมท่อระบัายนากรมเจ้าท่า กระทรวง คมนาคมBusiness Platformภาคผนวกั CHAPTER 8 / หมูายเหตุ้: บริการที่�ระบุไว้ต้ามูภาคผน่วก 1 น่� สามูารถึปิรับแก้ได้ำต้ามูวงรอบข้องการพัิจารณาปิรับปิรุง แผน่พัฒน่ารัฐบาลดำิจิทีั่ล ข้องปิระเที่ศูไที่ย พั.ศู.2563-2565 122ภาคผู้นวกั 2: รุายชื่�อหน่วยงานภาครุัฐท่ �จิะติ�องดิำาเนินกัารุเปิดิเผู้ยข� อม้ลภาครุัฐผู่านศ้นย์ข�อม้ลเปิดิภาครุัฐ และแลกัเปล่ �ยนข�อม้ลภาครุัฐผู่านศ้นย์กัลางแลกัเปล่ �ยนข�อม้ลภาครุัฐ กัลุ่มนโยบาย กัรุะทรุวง (ติัวอย่าง) ชืุ่ ดิข�อม้ลท่�ควรุจิะแลกัเปล่ �ยนหรุ่อเปิดิเผู้ย 1. กัารุเกัษติรุ (กัารุเกัษติรุ ทรุัพัยากัรุนำ �า ทรุัพัยากัรุธรุรุมชื่าติและ กัารุพัยากัรุณ์อากัาศ)1. กระทรวงเกษต้รแลื่ะสัห้กรณ์1. จำานวนผู้ขัึ�นทะเบั่ยนเกษต้รกร (ด้ำานการเพื่าะปัลืู่ก ปัศุสัต้ว์ ปัระมงแลื่ะอ่�น ๆ) ในระดาับัพื่�นท่� 2. สัถึานะทางเศรษฐกิจแลื่ะสังคมขัองเกษต้รกรในระดาับัพื่�นท่� 3. ขันาดำแลื่ะสัดำสั่วนพื่�นท่�ทำาการเกษต้รในระดาับัพื่�นท่� 4. จำานวนห้ร่อสัดำสั่วนเกษต้รกรในพื่ �นท่�เขัต้ชลื่ปัระทานใน ระดาับัพื่�นท่� (จำาแนกปัระเภทการทำาเกษต้ร) 5. ปัริมาณ์ผลื่ผลืิ่ต้ทางด้ำานการเกษต้รในระดาับัพื่�นท่� 6. ขั้อมูลื่ราคาสัินคำเกษต้ร (จาแนกต้ามรายการสัินคำเกษต้ร แลื่ะปัระเภทขัองสัินคำเกษต้ร) 7. ขั้อมูลื่ราคาปัจจัยการผลืิ่ต้ (จำาแนกต้ามรายการสัินคำ) ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 2. กระทรวงการอุดามศึกษา วิทยาศาสัต้ร์ วิจัย แลื่ะ นวัต้กรรม1. ขั้อมูลื่ทรัพื่ยากรนำาเพื่�อการเกษต้ร 2. ขั้อมูลื่การวิจัยเพื่�อการเกษต้ร ทรัพื่ยำกรธุรรมชาติ้แลื่ะ ทรัพื่ยากรนำา ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 3. กระทรวง ทรัพื่ยากรธุรรมชาติ้แลื่ะสัิ�ง แวดำลื้อม1. ขั้อมูลื่พื่�นท่�ปั่าไม้พื่�นท่�ชุ่มนำา แห้ลื่งนำา (นอกเขัต้ชลื่ปัระทาน) แลื่ะพื่�นท่�สั่เขั่ยว 2. ขั้อมูลื่การปัลื่ดำปัลื่อยก๊าซึ่เร่อนกระจก 3. ขั้อมูลื่ปัริมาณ์การผลืิ่ต้การเก็บัขันแลื่ะการจัดาการขัยะ 4. ขั้อมูลื่นำาเสั่ยแลื่ะการบัำาบัดำนาเสั่ย 5. ขั้อมูลื่คุณ์ภาพื่อากาศ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 4. กระทรวงดำิจิทัลื่เพื่�อ เศรษฐกิจแลื่ะสังคม1. ขั้อมูลื่การพื่ยากรณ์อากาศ 2. ขั้อมูลื่สัถึิติ้ท่�เก่�ยวขั้องกับัการเกษต้ร สัถึานะทางเศรษฐกิจ แลื่ะสังคมขัองเกษต้รกร ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ภาคผนวกั / CHAPTER 8 123 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)2. กัารุศ่กัษา (กัารุศ่กัษา กั่อนปรุะถมวัย กัารุศ่กัษา ปรุะถมวัย กัารุศ่กัษา มัธยมศ่กัษา กัารุศ่กัษา รุะดิับอุดิมศ่กัษาและกัารุ เรุ่ยนรุ้�ติลอดิชื่วิติ)1. กระที่รวงศูึกษัาธิการ 1. ข้อมูลนั่กเร่ยน่ใน่แต่ละระดาับปิระถึมูศูึกษัา มูัธิยมูศูึกษัาและ อาชื่วศูึกษัา (รายพั่ �น่ที่�) 2. ข้อมูลผู้สาเร็จการศูึกษัา (รายพั่ �น่ที่�) 3. ข้อมูลนั่กเร่ยน่ที่�ออกจากโรงเร่ยน่ก่อน่สำาเร็จการศูึกษัา (ราย พั่�น่ที่�) 4. ข้อมูลการสมูัครและออกจากสถึาน่ศูึกษัา (รายพั่ �น่ที่�) 5. ข้อมูลสถึาน่ะที่างเศูรษัฐกิจและสังคมูข้องนั่กเร่ยน่ (รายพั่ �น่ที่�) 6. ข้อมูลผลการจัดาการที่ดำสอบนั่กเร่ยน่ใน่ระดาับชื่าติ้ (รายพั่ �น่ที่�) 7. ข้อมูลจาน่วน่ครู (รายพั่ �น่ที่�) 8. ข้อมูลสถึาน่ะที่างเศูรษัฐกิจและสังคมูข้องครู (รายพั่ �น่ที่�) หร่อรายการข้อมูลอ่�น่ ๆ ที่�มู่ความูพัร้อมูจะแลกเปิล่�ยน่และเปิดำ เผยข้อมูล 2. กระทรวงการอุดามศึกษา วิทยาศาสัต้ร์ วิจัยแลื่ะ นวัต้กรรม1. ขั้อมูลื่ผู้เขั้ารับัการศึกษาต่อในระดาับัอุดามศึกษา แลื่ะบัณ์ฑิ์ต้ย์ศึกษา 2. ขั้อมูลื่ผู้สัำาเร็จการศึกษาในระดาับัอุดามศึกษา แลื่ะบัณ์ฑิ์ต้ย์ศึกษา 3. ขั้อมูลื่ผู้ออกจากการศึกษาก่อนสัำาเร็จการศึกษา แลื่ะบัณ์ฑิ์ต้ย์ศึกษา 4. ขั้อมูลื่สัถึานะทางเศรษฐกิจแลื่ะสังคมขัองผู้ศึกษาต่อใน ระดาับัอุดามศึกษาแลื่ะบัณ์ฑิ์ต้ย์ศึกษา 5. ขั้อมูลื่อาจารย์ผู้สัอนในระดาับัอุดามศึกษาแลื่ะบัณ์ฑิ์ต้ย์ศึกษา 6. ขั้อมูลื่การศึกษาวิจัยในระดาับัอุดามศึกษาแลื่ะบัณ์ฑิ์ต้ย์ศึกษา 7. ขั้อมูลื่การปัระกอบัอาช่พื่ห้ลืั่งสัำาเร็จการศึกษาขัองบัณ์ฑิ์ต้ มหำบัณ์ฑิ์ต้ แลื่ะดำุษฎ่บัณ์ฑิ์ต้ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ภาคผนวกั CHAPTER 8 / 1243. กระทรวงมหำดำไทย 1. ขั้อมูลื่นักเร่ยนในแต่ลื่ะระดาับัปัระถึมศึกษา มัธุยมศึกษา สัำาห้รับัโรงเร่ยนในสังกัดาองค์กรปักครองสั่วนท้องถึิ�น (รายพื่�นท่�) 2. ขั้อมูลื่ผู้สัำาเร็จการศึกษา สัำาห้รับัโรงเร่ยนในสังกัดาองค์กร ปักครองสั่วนท้องถึิ�น (รายพื่�นท่�) 3. ขั้อมูลื่นักเร่ยนท่�ออกจากโรงเร่ยนก่อนสัำาเร็จการศึกษา สัำาห้รับัโรงเร่ยนในสังกัดาองค์กรปักครองสั่วนท้องถึิ�น (รายพื่�นท่�) 4. ขั้อมูลื่การสัมัคร แลื่ะออกจากสัถึานศึกษา สัำาห้รับัโรงเร่ยนใน สังกัดำองค์กรปักครองสั่วนท้องถึิ�น (รายพื่�นท่�) 5. ขั้อมูลื่สัถึานะทางเศรษฐกิจแลื่ะสังคมขัองนักเร่ยนสัำาห้รับั โรงเร่ยนในสังกัดาองค์กรปักครองสั่วนท้องถึิ�น (รายพื่�นท่�) 6. ขั้อมูลื่จำานวนครู สัำาห้รับัโรงเร่ยนในสังกัดาองค์กรปักครองสั่วน ท้องถึิ�น (รายพื่�นท่�) 7. ขั้อมูลื่สัถึานะทางเศรษฐกิจแลื่ะสังคมขัองครู สัำาห้รับัโรงเร่ยน ในสังกัดำองค์กรปักครองสั่วนท้องถึิ�น (รายพื่�นท่�) ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�นๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 3. สาธารุณสุข สุขภาพั และกัารุแพัทย์ (กัารุรุักัษา พัยาบาล โรุคติดิติ่อและโรุค ไม่ติดิติ่อและสุขภาพัสุข ภาวะของปรุะชื่าชื่น)1.กระทรวงสัาธุารณ์สัุขั1. ขั้อมูลื่สัถึานะทางสัุขัภาพื่การระบัาดำแลื่ะการอุบัติ้ขัองโรค ในผู้อยู่อาศัยในปัระเทศไทย 2. ขั้อมูลื่จำานวนผู้เขั้ารับัการรักษาพื่ยาบัาลื่ในโรงพื่ยาบัาลื่ขัอง รัฐ เอกชนแลื่ะอ่�น ๆ 3. ขั้อมูลื่สัถึานพื่ยาบัาลื่ขัองรัฐ เอกชนแลื่ะอ่�น ๆ 4. ขั้อมูลื่ภาวะฉุกเฉินเร่งด่ำวนทางด้ำานสัุขัภาพื่แลื่ะสัาธุารณ์ภัย ขัองปัระเทศ 5. ขั้อมูลื่การให้แลื่ะรับับัริการการแพื่ทย์ฉุกเฉิน 6. ขั้อมูลื่การแพื่ทย์ทางเลื่อก 7. ขั้อมูลื่จำานวนแพื่ทย์ พื่ยาบัาลื่แลื่ะเจ้าห้นำท่�สัาธุารณ์สัุขัใน ด้ำานต่าง ๆ 8. ขั้อมูลื่การรักษาสัุขัภาวะ สัุขัอนามัยขัองปัระชาชน ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ภาคผนวกั / CHAPTER 8 125 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)2. กระทรวงพืั่ฒนาสังคมแลื่ะ ความมั�นคงขัองมนุษย์1. ขั้อมูลื่ผู้ปั่วยเอดำสั์ ผู้พืิ่การ ผู้สัูงอายุ ผู้ต้องการการดำูแลื่เปั็นการ เฉพื่าะ (รายพื่ �นท่�) ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 3. กระทรวงการอุดามศึกษา วิทยาศาสัต้ร์ วิจัยแลื่ะ นวัต้กรรม1. ขั้อมูลื่การวิจัยทางด้ำานสัุขัภาพื่สัุขัภาวะ ทั�งทางด้ำาน วิทยาศาสัต้ร์แลื่ะสังคมศาสัต้ร์ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 4. ความเหล่ �อมลำ�าทาง สิทธิสวัสดิกัารุปรุะชื่าชื่น (สิทธิสวัสดิกัารุกัารุรุักัษา พัยาบาล กัารุดิ้ แลทาง สังคม กัารุม่งานทำาและกัารุ จิ�างงาน ความยากัจิน)1. กระทรวงแรงงาน1. ขั้อมูลื่แรงงานในแลื่ะนอกระบับั 2. ขั้อมูลื่ผู้ม่สัิทธุิแลื่ะรับัสัิทธุิปัระกันสังคม 3. ขั้อมูลื่นายจ้าง 4. ขั้อมูลื่ความต้องการจ้างงาน แลื่ะภาวการณ์ ม่งานทำา ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 2. กระทรวงพืั่ฒนาสังคมแลื่ะ ความมั�นคงขัองมนุษย์1. ขั้อมูลื่สัิทธุิสัวัสัดิำการปัระชาชน กลืุ่มเปัราะบัางแลื่ะกลืุ่มด้ำอย โอกาสั ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 3. กระทรวงสัาธุารณ์สัุขั1. ขั้อมูลื่ผู้ม่แลื่ะการเขั้าถึงสัิทธุิห้ลืั่กปัระกันสัุขัภาพื่แห่งชาติ้ 2. ขั้อมูลื่งบัปัระมาณ์การสั่งเสัริมสัุขัภาพื่ในระดาับัท้องถึิ�น ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 4. กระทรวงการคลืั่ง1. ขั้อมูลื่การรับัสัิทธุิสัวัสัดิำการจากรัฐ 2. ขั้อมูลื่ผู้ขัึ�นทะเบั่ยนคนจนแลื่ะผู้ขัอรับัสัิทธุิสัวัสัดิำการภาครัฐ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 5. กระทรวงมหำดำไทย1. ขั้อมูลื่ผู้รับัสัิทธุิสัวัสัดิำการผู้สัูงอายุ 2. ขั้อมูลื่ผู้รับัสัิทธุิสัวัสัดิำการผู้ติ้ดำเช่�อเอชไอว่ 3. ขั้อมูลื่ผู้รับัสัิทธุิสัวัสัดิำการอ่�น ๆ 4. ขั้อมูลื่ผู้ม่ความเปัรำะบัางในระดาับัพื่�นท่� ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ภาคผนวกั CHAPTER 8 / 1266. สัภาพืั่ฒนาการเศรษฐกิจ แลื่ะสังคมแห่งชาติ้1. ขั้อมูลื่คนยากจน ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ 7. ธุนาคารแห่งปัระเทศไทย1. ขั้อมูลื่เคร่องม่อช่�วัดำทางเศรษฐกิจแลื่ะสังคมต่าง ๆ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ 5. ความโปรุ่งใส กัารุม่ส่วน รุ่วมและติรุวจิสอบไดิ� ของ ปรุะชื่าชื่น (ข� อรุ�องเรุ่ยน และกัารุม่ส่วนรุ่วมของ ปรุะชื่าชื่น)1. สัำานักนายกรัฐมนต้ร่1. ขั้อมูลื่การร้องเร่ยนทุจริต้แลื่ะการร้องทุกขั์ขัองปัระชาชนต่อ ห้น่วยงานภาครัฐ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 2. สัำานักงานคณ์ะกรรมการ ปั้องกันแลื่ะปัราบัปัรามการ ทุจริต้แห่งชาติ้1. ขั้อมูลื่การร้องเร่ยนทุจริต้แลื่ะขั้อมูลื่การพืิ่จารณ์าคด่ำ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ 3. สัำานักงานปั้องกันแลื่ะปัราบั ปัรามการฟอกเงิน1. ขั้อมูลื่การร้องเร่ยนทุจริต้แลื่ะขั้อมูลื่การพืิ่จารณ์าคด่ำ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ 4. สัำานักงานต้รวจเงินแผ่นดำิน1. ขั้อมูลื่การต้รวจสัอบัการใช้จ่ายงบัปัระมาณ์ภาครัฐ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ 5. สัำานักงานผู้ต้รวจการแผ่นดำิน1. ขั้อมูลื่การต้รวจสัอบัการใช้จ่ายงบัปัระมาณ์ภาครัฐ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ 6. กระทรวงการคลืั่ง1. ขั้อมูลื่การใช้จ่ายงบัปัระมาณ์ภาครัฐ 2. ขั้อมูลื่การจัดำสัรรงบัปัระมาณ์ภาครัฐ 3. ขั้อมูลื่การจัดำเก็บัรายได้ำขัองรัฐ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะ เปัิดำเผยขั้อมูลื่ภาคผนวกั / CHAPTER 8 127 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)6. กัารุส่งเสรุิมวิสาหกัิจิ ขนำดิกัลางและขนำดิย่อม (SME) (กัารุขอจิัดิติั�งสถาน ปรุะกัอบกัารุ กัารุขออนุ มัติ ใบอนุญาติปรุะกัอบกัิจิกัารุ และกัารุขอรุับบรุิกัารุ สาธารุณ้ปโภคภาครุัฐ)1. กระทรวงพื่าณิ์ชย์1. ขั้อมูลื่จดำทะเบั่ยนธุรกิจแลื่ะการออกใบัอนุญาต้ปัระกอบั กิจการ 2. ขั้อมูลื่สัถึิติ้การค้าภายในปัระเทศ 3. ขั้อมูลื่สัถึิติ้การค้าต่างปัระเทศ 4. ขั้อมูลื่ดัำชน่การค้า 5. ขั้อมูลื่ดัำชน่ราคา ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 2. กระทรวงอุต้สัาห้กรรม1. ขั้อมูลื่ธุรกิจวิสัาห้กิจขันาดากลื่างแลื่ะขันาดาย่อม 2. ขั้อมูลื่สัถึิติ้อุต้สัาห้กรรม ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 3. กระทรวงการคลืั่ง1. ขั้อมูลื่ภาษ่สัำาห้รับัการสั่งเสัริมวิสัาห้กิจขันาดากลื่างแลื่ะ ขันาดำย่อม 2. ขั้อมูลื่พืิ่กัดำศุลื่กากร ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ 4. ธุนาคารแห่งปัระเทศไทย1. ขั้อมูลื่สัถึิติ้ทางด้ำานเศรษฐกิจต่าง ๆ ห้ร่อรายการขั้อมูลื่อ่�น ๆ ท่�ม่ความพื่ร้อมจะแลื่กเปัลื่�ยนแลื่ะเปัิดำ เผยขั้อมูลื่ภาคผนวกั CHAPTER 8 / หมูายเหตุ้: รายชื่�อข้อมูลน่ �สามูารถึปิรับแก้ได้ำต้ามูความูเหมูาะสมู และสอดำคล้องกับสถึาน่การณ์ต่างๆ 128ภาคผู้นวกั 3: คำาอธิบายติัวชื่ �วัดิรุายยุทธศาสติรุ์ ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์ ท่� 1 ยกัรุะดิับคุณภาพักัารุให� บรุิกัารุแกั่ปรุะชื่าขนดิ� วยเทคโนโลย่ดิจิทัล ติัวชื่�วัดิท่� 1 • ความพืึ่งพื่อใจในคุณ์ภาพื่การให้บัริการดำิจิทัลื่ขัองรัฐ ไม่น้อยกว่าร้อยลื่ะ 85* ภายในปัีพื่.ศ. 2565 *ตั้วช่�วัดำแผนแม่บัทภายใต้ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ปัระเดา็นท่� 20 วิธ่วัดิผู้ล• อ้างอิงจากผลื่ความพืึ่งพื่อใจต้ามเปั้าห้มายแลื่ะตั้วช่�วัดำขัองแผนแม่บัทภายใต้ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ ปัระเดา็นท่� 20 การบัริการปัระชาชนแลื่ะปัระสัิทธุิภาพื่ภาครัฐ • วัดำจากค่าเฉลื่�ยขัองความพืึ่งพื่อใจในคุณ์ภาพื่บัริการดำิจิทัลื่ขัองรัฐในกลืุ่มบัริการสัำาคัญ* โดำย บัริการดำิจิทัลื่ท่�จะนำามาวัดำความพืึ่งพื่อใจนั�นจะต้องให้บัริการมาเปั็นระยะเวลื่าอย่างน้อย 1 ปัีซึ่�ง รวบัรวมผลื่ความพืึ่งพื่อใจฯ ร่วมกับัสัำานักงาน ก.พื่.ร. • ห้น่วยงานเจ้าขัองบัริการเปั็นผู้กำาห้นดำวิธุ่แลื่ะดำาเนินการวัดำผลื่ความพืึ่งพื่อใจ ติัวชื่�วัดิท่� 2• ร้อยลื่ะขัองจานวนเอกสัาร/ทะเบั่ยนดำิจิทัลื่ต้ามโจทย์สัำาคัญเร่งด่ำวนขัองปัระเทศ เกิดาการ แลื่กเปัลื่�ยน เช่�อมโยงระห้ว่างห้น่วยงานภาครัฐผ่านศูนย์แลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่กลื่าง ไม่น้อยกว่าร้อยลื่ะ 70 วิธ่วัดิผู้ล• วัดำจากสัดำสั่วนขัองเอกสัาร/ทะเบั่ยนดำิจิทัลื่ขัองภาครัฐท่�ม่การแลื่กเปัลื่�ยน เช่�อมโยงระห้ว่างห้น่วย งานภาครัฐ ไม่น้อยกว่าร้อยลื่ะ 70 ขัองจานวนเอกสัาร/ทะเบั่ยนดำิจิทัลื่จากการสัำารวจร่วมกับั ขั้อมูลื่จากกรมการปักครอง ติัวชื่�วัดิท่� 3• จำานวนบัริการดำิจิทัลื่แบับัเบั็ดำเสัร็จ (End - to - End Digital Services) 50 บัริการ ในกลืุ่มบัริการ สัำาคัญ* *การศึกษา, สัุขัภาพื่แลื่ะการแพื่ทย์, การเกษต้ร, ความเห้ลื่�อมลื่ำาทางสัิทธุิสัวัสัดิำการปัระชาชน, การ ม่สั่วนร่วม โปัร่งใสัแลื่ะต้รวจสัอบัได้ำขัองปัระชาชน, การสั่งเสัริมวิสัาห้กิจขันาดากลื่างแลื่ะขันาดำ ย่อม (SME) วิธ่วัดิผู้ล• วัดำจากจำานวนบัริการดำิจิทัลื่ท่�ให้บัริการตั้�งแต่ต้นจนจบักระบัวนการให้บัริการด้ำวยดำิจิทัลื่จำานวน 50 บัริการ ซึ่�งเปั็นบัริการท่�พืั่ฒนา ปัรับัปัรุงเพื่�อให้เปั็นบัริการดำิจิทัลื่แบับัเบั็ดำเสัร็จแลื่ะให้บัริการแก่ ปัระชาชนได้ำภายในระยะเวลื่าขัองแผนฯ ติัวชื่�วัดิท่� 4• สัดำสั่วนความสัำาเร็จขัองกระบัวนงานท่�ได้ำรับัการปัรับัเปัลื่�ยนให้เปั็นดำิจิทัลื่ร้อยลื่ะ 100* *ตั้วช่�วัดำแผนย่อยการพืั่ฒนาบัริการปัระชาชน ภายใต้แผนแม่บัทภายใต้ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ปัระเดา็น ท่� 20 วิธ่วัดิผู้ล• อ้างอิงจากผลื่การปัระเมินต้ามเปั้าห้มายแลื่ะตั้วช่�วัดำขัองแผนย่อยการพืั่ฒนาบัริการปัระชาชน ภายใต้แผนแม่บัทภายใต้ยุทธุศาสัต้ร์ชาติ้ปัระเดา็นท่� 20 การบัริการปัระชาชนแลื่ะปัระสัิทธุิภาพื่ ภาครัฐ ภาคผนวกั / CHAPTER 8 129 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์ ท่� 2 อำานวยความสะดิวกัภาคธุ รุกัิจิไทยดิ� วยเทคโนโลย่ดิจิทัล ติัวชื่�วัดิท่� 1 • ม่ระบับัรับัคำาขัออนุญาต้เพื่�ออานวยความสัะดำวกให้ภาคธุรกิจ ซึ่�งให้บัริการแบับัเบั็ดำเสัร็จ ครบัวงจรครอบัคลืุ่มในหั้วขั้อสัำาคัญ* วิธ่วัดิผู้ล• ระบับัรับัคำาขัออนุญาต้เพื่�ออานวยความสัะดำวกให้ภาคธุรกิจ จะต้องให้บัริการได้ำต้าม วัต้ถึุปัระสังค์แลื่ะคุณ์สัมบัติ้สัำาคัญขัองระบับั โดำยสัามารถึให้บัริการแก่ภาคธุรกิจได้ำจริง ภายในระยะแผนฯ ห้ร่อม่ความก้าวห้นำในการดำาเนินงานไม่น้อยกว่าร้อยลื่ะ 80 ขัองแผนงาน • กระบัวนการธุรกิจท่�สัำาคัญ* อาทิการเริ�มต้นธุรกิจ (Starting a Business), การจดำทะเบั่ยน สัินทรัพื่ย์ (Registering Property), การชาระภาษ่ (Paying Taxes), การซึ่ �อขัายขั้ามพื่รมแดำน (Trading across Borders) • ห้มายเห้ตุ้ อ้างอิงจากแนวทางแลื่ะผลื่การจัดาอันดำับัความยากง่ายในการดำาเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business (EoDB)) จัดาทำาโดำยธุนาคารโลื่ก ติัวชื่�วัดิท่� 2• ลื่ดำระยะเวลื่าในการปัระกอบัธุรกิจสัำาห้รับักระบัวนการธุรกิจท่�สัำาคัญ*ผ่านช่องทางดำิจิทัลื่อย่าง น้อยร้อยลื่ะ 50 วิธ่วัดิผู้ล• วัดำจากระยะเวลื่าท่�สัามารถึลื่ดำได้ำโดำยเฉลื่�ยจากกระบัวนการธุรกิจสัำาคัญผ่านช่องทางดำิจิทัลื่ ซึ่�งรวบัรวมจากการสัำารวจ ร่วมกับัขั้อมูลื่สัำานักงาน ก.พื่.ร. • กระบัวนการธุรกิจท่�สัำาคัญ* อาทิการเริ�มต้นธุรกิจ (Starting a Business), การจดำทะเบั่ยน สัินทรัพื่ย์ (Registering Property), การชาระภาษ่ (Paying Taxes), การซึ่ �อขัายขั้ามพื่รมแดำน (Trading across Borders) ห้มายเห้ตุ้ อ้างอิงจากแนวทางแลื่ะผลื่การจัดาอันดำับัความยากง่ายในการดำาเนินธุรกิจ (Ease of Doing Business (EoDB)) จัดาทำาโดำยธุนาคารโลื่กภาคผนวกั CHAPTER 8 / 130ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์ ท่� 3 ผู้ลักัดิันให� เกัิดิธรุรุมาภิบาลข� อม้ลภาครุัฐ ในทุ กักัรุะบวนกัารุทำางานของรุัฐ ติัวชื่�วัดิท่� 1• ภาครัฐม่การจัดำทำาชุดำขั้อมูลื่ให้อยู่ในรูปัแบับัดิำจิทัลื่ แลื่ะม่การลื่งทะเบั่ยนขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่ (Data Register) ไม่น้อยกว่าร้อยลื่ะ 70 ขัองจานวนชุดำขั้อมูลื่ต้ามภารกิจสัำาคัญ ท่�ต้อบัโจทย์ปัระเทศ วิธ่วัดิผู้ล• วัดำจากสัดำสั่วนจำานวนชุดำขั้อมูลื่ขัองภาครัฐท่�จัดำทำาอยู่ในรูปัแบับัดิำจิทัลื่แลื่ะม่การลื่งทะเบั่ยน ขั้อมูลื่ (Data Register) จากจานวนชุดำขั้อมูลื่ดิำจิทัลื่ภาครัฐท่�สัำารวจ ร่วมกับัขั้อมูลื่จาก สัำานักงานสัถึิติ้แห่งชาติ้ ติัวชื่�วัดิท่� 2• เกิดำการเช่�อมโยงขั้อมูลื่ใน 3 ระบับัห้ลืั่กด้ำานการบัริหำรจัดำการงบัปัระมาณ์ (ระบับั e-Budgeting ระบับั e-GP แลื่ะ ระบับั GFMIS*) * ระบับัการวางแผนงบัปัระมาณ์ ระบับัการจัดาทำาคำาขัองบัปัระมาณ์, ระบับัจัดาซึ่�อจัดำจ้างภาครัฐ ด้ำวยอิเลื็่กทรอนิกสั์, ระบับัการบัริหำรการเงินการคลืั่งภาครัฐแบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์ วิธ่วัดิผู้ล• วัดำจากความสัามารถึการทำางานขัองระบับัโดำยต้องเช่�อมโยงขั้อมูลื่ใน 3 ระบับัห้ลืั่ก เพื่�อให้สัามารถึ แสัดำงผลื่ขั้อมูลื่ ได้ำแก่การขัอรับังบัปัระมาณ์ การจัดาซึ่�อจัดำจ้าง แลื่ะการเบัิกจ่ายงบัปัระมาณ์ อย่างเปั็นระบับัแลื่ะสัะท้อนผลื่การบัริหำรจัดำการงบัปัระมาณ์แบับับัูรณ์าการ* *ระดาับัการเช่�อมโยงห้ร่อการบัูรณ์าการขั้อมูลื่ด้ำานงบัปัระมาณ์จะขัึ �นกับัความพื่ร้อมขัองแต่ลื่ะ ระบับัห้ลืั่กเปั็นสัำาคัญ ติัวชื่�วัดิท่� 3• จำานวนกลืุ่มชุดำขั้อมูลื่ท่�ม่การเปัิดำเผยขั้อมูลื่ผ่านศูนย์ขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐครอบัคลืุ่มจำานวนอย่างน้อย 15 กลืุ่มชุดำขั้อมูลื่ต้ามมาต้รฐานสัากลื่ วิธ่วัดิผู้ล• วัดำจากจำานวนชุดำขั้อมูลื่ท่�เปัิดำเผยอย่างน้อย 15 กลืุ่มชุดำขั้อมูลื่สัำาคัญ*ผ่านศูนย์ขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐ อาทิงบัปัระมาณ์ (Budget), การจัดาซึ่�อจัดำจ้าง (Procurement), ทะเบั่ยนบัริษัท (Company Register), ผลื่การเลื่อกตั้�ง (Election Results), กรรมสัิทธุิ�ท่�ดำิน (Land Ownership), การพื่ยากรณ์อากาศ (Weather Forecast), ขั้อมูลื่ทรัพื่ยากรนำา (Water Resource), คุณ์ภาพื่อากาศ (Air Quality) เปั็นต้น *อ้างอิงจากผลื่การศึกษาต้ามดำัชน่ขั้อมูลื่เปัิดำโลื่ก (Global Open Data Index)ภาคผนวกั / CHAPTER 8 131 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)ติัวชื่�วัดิยุทธศาสติรุ์ ท่� 4 พัฒนากัลไกักัารุม่ส่วนรุ่วมของทุ กัภาคส่วน รุ่วมขับเคล่ �อนรุัฐบาลดิจิทัล ติัวชื่�วัดิท่� 1 • ม่การปัรับัปัรุงห้ร่อแก้ไขักฎห้มาย กฎระเบั่ยบัท่�เปั็นอุปัสัรรคต่อการม่สั่วนร่วมขัองทุก ภาคสั่วนในปัระเดา็นสัำาคัญ ไม่น้อยกว่าร้อยลื่ะ 30 วิธ่วัดิผู้ล• วัดำผลื่จากสัดำสั่วนจำานวนกฎห้มาย กฎระเบั่ยบัท่�ได้ำรับัการปัรับัปัรุง แก้ไขัเพื่�อให้เกิดำการ ม่สั่วนร่วม จากจำานวนกฎห้มาย กฎระเบั่ยบัท่�ต้องปัรับัปัรุงทั�งห้มดำท่�เก่�ยวกับัการม่สั่วนร่วม ในการพืั่ฒนารัฐบัาลื่ดิำจิทัลื่ ติัวชื่�วัดิท่� 2• ม่ระบับัสัร้างการม่สั่วนร่วม (e–Participation) ในการกำาห้นดำเชิงนโยบัายเพื่�อให้ปัระชาชน ม่สั่วนร่วมได้ำอย่างทั�วถึงแลื่ะเท่าเท่ยม วิธ่วัดิผู้ล• วัดำจากการม่ระบับัสัร้างการม่สั่วนร่วม ซึ่�งสัามารถึรับัฟังความคิดำเห็้นขัองปัระชาชนแลื่ะติ้ดำต้าม ผลื่การแสัดำงความคิดำเห็้นในด้ำานต่าง ๆ ได้ำแก่การม่สั่วนร่วมในบัริการภาครัฐ การม่สั่วนร่วมใน โครงการแลื่ะการใช้งบัปัระมาณ์ แลื่ะการสั่วนร่วมในการออกกฎห้มายสัาธุารณ์ะ ห้ร่อม่ความ ก้าวห้นำในการดำาเนินงานไม่น้อยกว่าร้อยลื่ะ 80 ขัองแผนงานภาคผนวกั CHAPTER 8 / 132ภาคผู้นวกั 4: รุายกัารุมาติรุฐาน หลักัเกัณฑ์ ค่ม่อและกัฎหมายท่ �เกั่�ยวข�อง รุายชื่�อเอกัสารุ ลิงค์ (Link) เอกัสารุท่ �เกั่�ยวข�อง 1. พื่.ร.บั. การบัริหำรงานแลื่ะการให้บัริการภาครัฐผ่านระบับั ดำิจิทัลื่พื่.ศ. 2562 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PD - F/2562/A/067/T_0057.PDF?fbclid=IwAR1q12ny - 8BzvWV0FetnGJYgKTpLiw9JtJbc0MkLm4Wx - Jm0hJWBGzAKTBrn0 2. พื่.ร.บั. ว่าด้ำวยธุรกรรมทางอิเลื็่กทรอนิกสั์ (ฉบับัท่� 4) พื่.ศ. 2562http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PD - F/2562/A/067/T_0203.PDF 3. พื่.ร.บั.คุ้มครองขั้อมูลื่สั่วนบัุคคลื่พื่.ศ. 2562 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PD - F/2562/A/069/T_0052.PDF 4. พื่.ร.บั. การรักษาความมั �นคงปัลื่อดำภัยไซึ่เบัอร์ พื่.ศ. 2562 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PD - F/2562/A/069/T_0020.PDF 5. พื่.ร.ก. ว่าด้ำวยการปัระชุมผ่านสั่�ออิเลื็่กทรอนิกสั์ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PD - F/2563/A/030/T_0020.PDF 6. (ร่าง) มาต้รฐานแลื่ะแนวทางปัฏิบัติ้การออกแบับั โครงสัร้างพื่�นฐานทางด้ำาน สัารสันเทศเพื่�อการปัระมวลื่ผลื่ ขั้อมูลื่ภาครัฐhttps://gdcc.onde.go.th/wp-content/uploads/2019/ 07/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0 %B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95 %E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8 %99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0 - %B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%9B %E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8 %B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AF.pdfภาคผนวกั / CHAPTER 8 133 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั)7. ห้ลืั่กสัูต้รการพืั่ฒนาบัุคลื่ากรภาครัฐ สัถึาบันพืั่ฒนา บัุคลื่ากรภาครัฐทางด้ำานดำิจิทัลื่สัำานักงานพืั่ฒนารัฐบัาลื่ ดำิจิทัลื่https://www.ocsc.go.th/%E0%B8%AB%E0%B8%9 9%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B 8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A7% E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99/%E0%B8 %A76-2561-%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%8 1%E0%B8%A9%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B 9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%94%E 0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%9 7%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B 8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E 0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8 A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B 9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E 0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B 2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B 8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E 0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B 7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B 8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E 0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9 B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B 8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E 0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B 1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B 8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E 0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5 8. ปัระกาศขั้อเสันอแนะมาต้รฐานฯ เก่�ยวกับัแนวทางการใช้ ดำิจิทัลื่ไอด่ำสัำาห้รับัปัระเทศไทยhttps://standard.etda.or.th/?p=10132 9. ปัระกาศขั้อเสันอแนะมาต้รฐานฯ ว่าด้ำวยแนวทางการลื่ง ลื่ายม่อช่�ออิเลื็่กทรอนิกสั์https://standard.etda.or.th/?p=11755 10. ปัระกาศขั้อเสันอแนะมาต้รฐานฯ ว่าด้ำวยการรักษาความ มั�นคงปัลื่อดำภัยสัารสันเทศสัำาห้รับัผู้ให้บัริการจัดำทำา สั่งมอบั แลื่ะเก็บัรักษาขั้อมูลื่อิเลื็่กทรอนิกสั์https://standard.etda.or.th/?p=10603 11. ปัระกาศ สัพื่ธุอ. เร่�องขั้อเสันอแนะมาต้รฐานฯ ว่าด้ำวยการ กำาห้นดำขั้อมูลื่ในใบัรับัรองแลื่ะรายการเพืิ่กถึอนใบัรับัรองhttps://standard.etda.or.th/?p=7300 12. ปัระกาศ สัพื่ธุอ. เร่�องขั้อเสันอแนะมาต้รฐานฯ ว่าด้ำวยการ จัดำทำาห้นังสั่อรับัรองในรูปัแบับัhttps://standard.etda.or.th/?p=7259ภาคผนวกั CHAPTER 8 / 13413. ปัระกาศ สัพื่ธุอ. เร่�องขั้อเสันอแนะมาต้รฐานฯ ว่าด้ำวย การให้ความยินยอมในการเปัิดำเผยขั้อมูลื่โดำยวิธุ่การผ่าน ระบับัอินเทอร์เน็ต้https://standard.etda.or.th/?p=7039 14. ปัระกาศ สัพื่ธุอ. เร่�องขั้อเสันอแนะมาต้รฐานฯ ว่าด้ำวย การจำาแนกปัระเภทแลื่ะระบัุห้มายเลื่ขัไอด่ำขัองบัริการภาครัฐhttps://standard.etda.or.th/?p=6998 15. แนวทางการจัดาทำาเอกสัารในรูปัแบับัอิเลื็่กทรอนิกสั์ เช่น ไฟลื่์เอกสัาร ไฟลื่์รูปัภาพื่รวมถึง e-Timestampinghttps://www.etda.or.th/th/Our-Service/Digital-Trust - ed-services-Infrastructure/TEDA/e-Document.aspx 16. มาต้รฐาน E-INVOICE & E-TAX INVOICE https://standard.etda.or.th/?page_id=4922 17. ธุรรมาภิบัาลื่ขั้อมูลื่ภาครัฐ (Data Governance Frame - work:DGF)https://www.dga.or.th/th/content/920/13854/ 18. มาต้รฐานแลื่ะห้ลืั่กเกณ์ฑ์การเปัิดำเผยขั้อมูลื่เปัิดำภาครัฐhttps://www.dga.or.th/th/profile/2180/ 19. คู่ม่อแนะนำาการใช้งานระบับั data.go.th https://www.dga.or.th/th/profile/987/ 20. มาต้รฐานการแลื่กเปัลื่�ยนขั้อมูลื่ระห้ว่างระบับัสัารบัรรณ์ อิเลื็่กทรอนิกสั์https://dga.or.th/th/profile/977/ภาคผนวกั / CHAPTER 8 135 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) ภาคผู้นวกั 5: คำาสั�งแติ่งติั�งคณะทำางานจิัดิทำา (รุ่าง) แผู้นพัฒนารุัฐบาลดิจิทัลของปรุะเทศไทย พั.ศ. 2563-2565 ภาคผนวกั CHAPTER 8 / 137 สำ�นักง�นัพัฒนั�รัฐบ�ลดิจิทัล (องค์ก�รัมห�ชนั) สำานักงานพิัฒนารั่ฐบาลดิจัิทัล (องค์การ่มหาชั้น) เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๑๒๗ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๓๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:117743", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/127/T_0032.PDF", "year": null }
nonweb_77305
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (นายจอมจิน จันทรสกุล) ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง นายเกษม วัฒนชัย ให้ดำรงตำแหน่ง นายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๗ นั้น เนื่องจาก นายเกษม วัฒนชัย ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาครบกำหนดตามวาระในวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๙ และ ในการประชุมคณะกรรมการสรรหานายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานีได้สรรหาผู้สมควรดำรงตำแหน่งใหม่ สืบแทน และได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง นายจอมจิน จันทรสกุล ให้ดำรงตำแหน่ง นายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานีสืบแทน ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๙ ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เล่ม: ๑๒๓ หมวด: ๑๒๙ ง ประกาศ ณ: ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ หน้า: ๑๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:77306", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (นายจอมจิน จันทรสกุล)", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2549/D/129/10.PDF", "year": null }
nonweb_98755
ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมด หรือบางส่วนตามความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย สำหรับภาษีในโควตาสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๐ ถึงปี ๒๕๖๒ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษี ทั้งหมด หรือบางส่วนตามความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย สำหรับภาษีในโควตา สินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ปี ๒๕ ถึงปี 2562 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรอง แสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดห รือบางส่วนตามความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย สำหรับภาษีในโควตาในการนำเข้าสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ปี ๒๕ ถึงปี 2562 พ.ศ. 2560 เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 และมติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ครั้งที่ 8/2561 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ วรรคสอง ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้า เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งออกตามความใน มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการออกหนังสือรับรอ งแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนตามความตกลง การค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย สำหรับภาษีในโควตา สินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ปี ๒๕ ถึงปี 2562 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ 6 (2) ของระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน ตามความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย สำหรับภาษีในโควตา สินค้านมและครีม เครื่องดื่ม ประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ปี ๒๕ ถึงปี 2562 พ.ศ. 2560 และให้ใช้ความ ดังต่อไปนี้แทน “(2) ปริมาณนมและครีม และเครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง ที่จะจัดสรร มีปริมาณรวมไม่เกิน ปีละ 164.27 เมตริกตัน โดยเป็นนมและครีม 162.40 เมตริกตัน และเครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง 1.87 เมตริกตัน สำหรับปริมาณนมผงขาดมันเนยที่จะจัดสรร ปี 2560 มีปริมาณรวมไม่เกิน 3,011.58 เมตริกตัน และปี 2561 ถึงปี 2562 มีปริมาณรวมไม่เกินปีละ 3,312.74 เมตริกตัน” ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๓๓๑ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:98756", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมด หรือบางส่วนตามความตกลงการค้าเสรี ไทย - ออสเตรเลีย สำหรับภาษีในโควตาสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๐ ถึงปี ๒๕๖๒ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/331/T_0001.PDF", "year": null }
nonweb_100301
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก [นายสมชาย ปฐมศิริ] ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายสิน พันธุ์พินิจ ให้ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ นั้น เนื่องจาก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคำสั่งที่ ๓๙/๒๕๕๙ เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหา ธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๕๙ เรื่อง การกำหนดรายชื่อสถาบันอุดมศึกษาอื่น ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการจึงได้มีคำสั่ง ที่สกอ. ๑๔๔๒/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ สั่งให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตะวันออก อธิการบดีหรือผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันที่คำสั่งนี้ ใช้บังคับพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ และแต่งตั้งคณะบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตะวันออก ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นมา และในการประชุมคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอขอพระราชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายสมชาย ปฐมศิริ ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. ๒๕๔๘ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความ กราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งบุคคลดังกล่าว ให้ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชม งคลตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๒๙๘ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๒๔
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:100302", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก [นายสมชาย ปฐมศิริ]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/298/T_0024.PDF", "year": null }
nonweb_78394
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ และเหรียญลูกเสือสดุดี [จำนวน ๘๔๔ ราย] ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ และเหรียญลูกเสือสดุดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือ สดุดีชั้นพิเศษ และเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ ๑ ชั้นที่ ๒ และชั้นที่ ๓ ให้แก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และผู้มีอุปการคุณต่อกิจการลูกเสือ ประจำปี ๒๕๔๖ รวมจำนวนทั้งสิ้น ๘๔๔ ราย ดังรายนาม ท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บัญชีรายนามผู้ได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๖ ๑ นางจรวยพร ธรณินทร์ ๒ ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ๓ นายทวี สุระบาล ๔ นายธำรง ทัศนาญชลี ๕ นายประดับ แก้วผลึก ๖ นายประเสริฐ งามพันธุ์ ๗ นางพรนิภา ลิมปพยอม ๘ นายพรัชฌ์ ผุดผ่อง ๙ ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย ๑๐ นายวิษณุ เครืองาม ๑๑ พลเอก ศิรินทร์ ธูปกล่ำ ๑๒ นายสมมาต สังขพันธ์ ๑๓ พลเรือตรี สมัคร หนูไพโรจน์ ๑๔ นายสายัณห์ สันทัด บัญชีรายนามผู้ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๖ ชั้นที่ ๑ จำนวน ๑๖๕ ราย ๑ นางกนกอร สารีบุตร ๒ นางกลางใจ เงินตระกูล ๓ นางกานดา สุบรรณ ๔ นายกำจัด ก้อนไพบูลย์ ๕ นายกำจัด คงหนู ๖ จ่าสิบตำรวจ เกษตร ขันคำ ๗ พลอากาศเอก เกษม อยู่สุข ๘ นางเกษมศรี ปรุงแต่ง ๙ นายเกษมศักดิ์ แสนโภชน์ ๑๐ นายเกียรติศักดิ์ เจริญผล ๑๑ นางโกสุม วิรัตติยา ๑๒ พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา ๑๓ นายคณิศวร์ วรรณโชติ ๑๔ นายคมชิด ยโสธร ๑๕ นายคำรณ คูณแก้ว ๑๖ นายคูนีอีชิ โคมาจิ ๑๗ นายโคจิ โอกูริ ๑๘ นายโฆษิต มณีอินทร์ ๑๙ นางจรรยา ชวนานนท์ ๒๐ นางจรรยา ดุริยะพันธ์ ๒๑ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ๒๒ นายจรูญ เจษฎาชัยยุทธ ๒๓ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ๒๔ นายจารึก ศรีเลิศ ๒๕ นายจินดา สุพรรณ ๒๖ นางจินตนา เผ่าจินดา ๒๗ นายจิรพัฒน์ พูมิบวรกุล ๒๘ นางจุรี ทัพวงษ์ ๒๙ นายจุลสิงห์ พิชญานนท์ ๓๐ นายเจโจมา ซี บิเนย์ ๓๑ นายโจเกน จี.รัสมูสเซน ๓๒ พลตำรวจโท เฉลิมเดช ชมพูนุช ๓๓ นางชไมพร เขมาวุฒานนท์ ๓๔ นายชัยครุฑ สุพรรณ ๓๕ นายชัยอนันต์ สมุทวณิช ๓๖ นายชาญชัย สุนทรมัฏฐ์ ๓๗ พลตำรวจเอก ชาญชิต เพียรเลิศ ๓๘ นายชาตรี รอยวิรัตน์ ๓๙ นายชาย ศรีสงวนสกุล ๔๐ นายชาลี กางอิ่ม ๔๑ นางชุติมา สัจจาพิทักษ์ ๔๒ พลอากาศเอก ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร ๔๓ พลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรี ๔๔ นายณัฐพัชร สังข์สวัสดิ์ ๔๕ นางสาวดวงพร นิลภูมิ ๔๖ นายดิเรก ศรีเกื้อกลิ่น ๔๗ นายถาวร รุ่งโชติ ๔๘ นายทรงเดช จังติยานนท์ ๔๙ นายทวีศักดิ์ ฉ่ำดวง ๕๐ นายทองใบ กลิ่นอุบล ๕๑ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ๕๒ นายธนวัฒน์ เลิศสมบัติวัฒนา ๕๓ นายธรรมนูญ ตาเพ็ชร ๕๔ นายธวัชชัย กรวิศวยศ ๕๕ นายธวัชชัย สวัสดิ์สาลี ๕๖ พลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญ ๕๗ นายธีระวัฒน์ อัตตโยธิน ๕๘ คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ๕๙ ท่านผู้หญิงนราวดี ชัยเฉนียน ๖๐ นางนวลศรี อินทรรักษ์ ๖๑ นายน้อม พงศ์กาญจนานุกูล ๖๒ นายนิคม ไชยเทพ ๖๓ นายนิพนธ์ แก้วสุทธา ๖๔ นายนิยม ศรีวิเศษ ๖๕ นายบรรยง เพ็ญชรี ๖๖ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ๖๗ นายปกาศิต ยังคง ๖๘ นายประจวบ พรหมพิทักษ์ ๖๙ นายประชัน จุลละนันทน์ ๗๐ นายประพัฒน์พงศ์ เสนาฤทธิ์ ๗๑ นายประเมศฐ์ สุดตา ๗๒ นายประสงค์ศักดิ์ อักษรมัต ๗๓ นางปราณี อินทรขาว ๗๔ นายปรีชา กล่ำรัศมี ๗๕ นายปองพล อดิเรกสาร ๗๖ นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ๗๗ นายแผน วรรณเมธี ๗๘ นายพงษ์ นวลศิริ ๗๙ นายพงษ์อนันต์ จันทร์ไพร ๘๐ นายพยุงศักดิ์ เสสะเวช ๘๑ นายพรรณชัย เจนนพกาญจน์ ๘๒ นายพลสัณห์ โพธิ์ศรีทอง ๘๓ นางพัชรินทร์ สุทธิเศรณี ๘๔ นายดาบตำรวจ พันธ์ศิลป์ ผดุงศักดิ์ ๘๕ นายพิทักษ์ ต้องโพนทอง ๘๖ นางพุทธชาติ บริบูรณ์ทรัพย์ ๘๗ นายเพา ฉี ฮัง ๘๘ ร้อยเอก ไพบูลย์ สุขเจตนี ๘๙ นายไพรัช เกษเจริญคุณ ๙๐ นางภารดี พาทีทิน ๙๑ นายภุชงค์ ภาคธรรม ๙๒ นายมงคล เกียรติสมชาย ๙๓ นายมงคล ภักดีกุล ๙๔ นายมนตรี อุทธวัง ๙๕ นายมนัส กันประชา ๙๖ ท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ๙๗ นางมัณฑนา ศังขะกฤษณ์ ๙๘ นายยัง ฉัว ชิน ๙๙ นายระเบียบ รอดรัศมี ๑๐๐ ท่านผู้หญิงรวิจิตร์ สุวรรณบุปผา ๑๐๑ นางราตรี ตาเพ็ชร ๑๐๒ นายเรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ ๑๐๓ นางสาวลออ วิลัย ๑๐๔ นางลาวัลย์ ฉิมชั้น ๑๐๕ นางวรรณะ สำเภาทอง ๑๐๖ นายวัชรพงศ์ ขุมเพ็ชร ๑๐๗ นายวัธนพล อิศรางกูร ณ อยุธยา ๑๐๘ นายวินัย ฉิมชั้น ๑๐๙ นางวิไล ทองเกตุ ๑๑๐ นางวิไลรัตน์ เสนารักษ์ ๑๑๑ นายวีรเชษฐ์ บุญหวังช่วย ๑๑๒ นายศศีเทพ ปร่ำนาค ๑๑๓ พันตำรวจโท ศิริชัย ศรีกัลลา ๑๑๔ นางศิรินันท์ สวนรัตน์ ๑๑๕ นายสง่า พัฒนะชีวพูล ๑๑๖ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ๑๑๗ นายสมชัย บุญทวีสวัสดิ์ ๑๑๘ นายสมชาย พิณนุวัตร ๑๑๙ นายสมชาย เอี่ยมอิ่มจิตต์ ๑๒๐ นายสมบัติ จันทร์พิพัฒน์ ๑๒๑ นายสมบูรณ์ เพียรเพชร ๑๒๒ นายสมบูรณ์ สุขสำราญ ๑๒๓ นายสมยศ พรหมจันทร์ ๑๒๔ นายสมศักดิ์ พรหมฉิน ๑๒๕ นายสวิส แก้วบางพูด ๑๒๖ นายสันติ ภิรมย์ภักดี ๑๒๗ จ่าสิบตำรวจ สาคร ทนดี ๑๒๘ นายสายัณห์ ต่ำยหลี ๑๒๙ ร้อยตำรวจเอก สาโรจน์ พลมณี ๑๓๐ นางสาวสำเริง อยู่พุ่ม ๑๓๑ นายสิทธิ ส. ศรีโสภาค ๑๓๒ นายสิทธิพร เกียรติศิริโรจน์ ๑๓๓ นายสิทธิพร วิริยะนรอนันต์ ๑๓๔ นางสาวสิริทิพย์ เพ็ญจันทร์ ๑๓๕ พลเรือเอก สุชาติ กลศาสตร์เสนี ๑๓๖ นายสุชาติ สุชาติเวชภูมิ ๑๓๗ นายสุทธิ ผลสวัสดิ์ ๑๓๘ นายสุเทพ ขิตยวงษ์ ๑๓๙ นางสุนันท์ บุญศักดิ์ ๑๔๐ พลเอก สุพิทย์ วรอุทัย ๑๔๑ นายสุภาพ วรศิริ ๑๔๒ นายสุรชัย นุ่มมีชัย ๑๔๓ นายสุรพันธ์ กุศลส่ง ๑๔๔ นายสุริยนต์ บุตรศรี ๑๔๕ นายสุวัฒน์ เสมพูล ๑๔๖ นางสุวัฒนา ธรรมประภาส ๑๔๗ นายสุวิทย์ คุณกิตติ ๑๔๘ นายเสวก พ่วงปาน ๑๔๙ นางเสาวลักษณ์ พากเพียรทรัพย์ ๑๕๐ นายอดิศัย โพธารามิก ๑๕๑ นายอนันต์ พระเดโช ๑๕๒ พลอากาศเอก อนุพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ๑๕๓ นายอมร อภิธนาคุณ ๑๕๔ นางอรุณี สีวิภาพงษ์ ๑๕๕ นางสาวอัจฉรา อ่อนจันทร์ ๑๕๖ นายอับดุลลาห์ ราชีท ๑๕๗ นางอาจารีย์ ยวดลาด ๑๕๘ คุณหญิงอารยา พิบูลนครินทร์ ๑๕๙ พลเอก อารักษ์ โรจนุตมะ ๑๖๐ นายอาสา สารสิน ๑๖๑ นายอำนวย ปทุมารักษ์ ๑๖๒ นายอีริค คู ๑๖๓ นางสาวอุทิพร สำเภา ๑๖๔ นางอุษณีย์ นุกูลกิจ ๑๖๕ นายฮาจิ ไซนัล อะบิดิน บิน เป็งฮูลู ไฮ อัลปรำฮิม ชั้นที่ ๒ จำนวน ๒๔๘ ราย ๑ นายกฤษณ์ สุวรรณประดิษฐ์ ๒ นางกษมา ยุกตะทัต ๓ นายดาบตำรวจ กำจัด จาวรรณ์ ๔ นายกิตติโชค ห้อยยี่ภู่ ๕ นายกู้ศักดิ์ สารกิตติพันธ์ ๖ นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ๗ นายเกรียงศักดิ์ พัฒนโกวิท ๘ นายเกษม แก้วเจริญ ๙ นายเกียรติศักดิ์ หอมพิกุล ๑๐ นายโกมล จิรชัยสุทธิกุล ๑๑ นายโกศล บุญไชย ๑๒ นายคนึง เพ็ญศิริ ๑๓ นายจงชนะ บำรุงจิตต์ ๑๔ นายจรูญ เจริญรักษ์ ๑๕ นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ๑๖ นายจำนงค์ ปานสมบัติ ๑๗ นายจำเนียร คชประเสริฐ ๑๘ นายจำรูญ พรมสุวรรณ ๑๙ นายจินตพงศ์ จรดล ๒๐ เรือตรี จิรานุวัฒน์ บุญลาภ ๒๑ นางสาวจิราภรณ์ วงศ์ถิรวัฒน์ ๒๒ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ๒๓ นายจุมพต พวงบุษบา ๒๔ นางฉลอง ไตรสารศรี ๒๕ นางฉวีวรรณ ควรแสวง ๒๖ นางฉันทนา คำนวณสกุลนี ๒๗ นางชไมพร ตุ้มพงษ์ ๒๘ นายชลอ ใบเจริญ ๒๙ นายชะนะ แสงลอย ๓๐ นายชะอุ้ม เชื้อทอง ๓๑ นายชัชวาล หมั่นเพ็ชร ๓๒ นายชัชวาลย์ พื้นพรหม ๓๓ สิบตำรวจเอก ชัยณรงค์ สุขอินทร์ ๓๔ นายชัยยุทธ ภักดิ์สันติพงษ์ ๓๕ นายชัยวัธน์ อังกิตานนท์ ๓๖ นายชัยสิทธิ์ รัตนชัยสิทธิ์ ๓๗ นายชัยสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง ๓๘ นายชาคริต ศรีวิภาค ๓๙ นายชาญชัย ประดิษฐ์ศิลป์ ๔๐ นายไชยรัตน์ สูติบุตร์ ๔๑ นายแซน ชื่นศิวา ๔๒ ร้อยตำรวจเอกหญิง ฐิตินันท์ สติมานนท์ ๔๓ นายณรงค์ แก่นแท่น ๔๔ นายณรงค์ จันทร์ประสิทธิ์ ๔๕ นายณัฐพล บุญนาค ๔๖ นายดำริ สดชื่น ๔๗ นายดิเรก ก้อนกลีบ ๔๘ ว่าที่พันตรี เดชา คัณฑักษ์ ๔๙ นายเดชา โชคโสภณกูล ๕๐ นายเดชา พวงงาม ๕๑ นายถาวร เจียมเจริญ ๕๒ นายทรงเกียรติ เสียงเจริญ ๕๓ ว่าที่ร้อยตรี ทรงพล เทพคำ ๕๔ นายทวีศักดิ์ คชสวัสดิ์ ๕๕ นายทศพร เสรีรักษ์ ๕๖ นายทองคำ ตอนศรี ๕๗ นายทองดี มอญจำแลง ๕๘ นายทองเพียร มนัสตรง ๕๙ ร้อยตรี ทองหล่อ กัญญาพันธ์ ๖๐ นายทองหล่อ ซุ้ยวงค์ษา ๖๑ นายธงชัย เงินทอง ๖๒ นายธงชัย เตยะธิติ ๖๓ นายธวพงศ์ อ่อนนุช ๖๔ นายธวัช ธิวงศ์คำ ๖๕ นายธัมมารัตน์ นาคทอง ๖๖ นายธาตรี นามะสนธิ ๖๗ นางสาวนวพร ดวงนิล ๖๘ นายนิคม เกิดขันหมาก ๖๙ พันตำรวจโท นิคม ดวงชุนนุ้ย ๗๐ นายนิธิดล วงศ์ศิริกุล ๗๑ เรืออากาศตรี นิวัฒน์ชัย วิมลสุข ๗๒ นาวาเอก นิวัตน์ พุกะทรัพย์ ๗๓ นายบรรจง ชมภูวงศ์ ๗๔ พันตำรวจโท บรรจบ บุญเกษม ๗๕ นายบุญทิ้ง ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ๗๖ นายบุญเทียม พันธุ์รอด ๗๗ พันตำรวจโท บุญปลูก หิรัญรัตน์ ๗๘ นายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์ ๗๙ นายบุญส่ง จงรักษ์ลิขิต ๘๐ นายปฏิเวธ พึ่งอุบล ๘๑ นางปณิตา เจริญบุญ ๘๒ นายประกอบ หมื่นพวง ๘๓ นายประจวบ นิลเนตร์ ๘๔ นายประจักษ์ กาวี ๘๕ นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ๘๖ นายประชุม วิบูลย์ศิลป์ ๘๗ นายประดิษฐ์ เจริญชาติ ๘๘ นายประดิษฐ์ สมบุญเจริญ ๘๙ นายประธาน ดวงพัตรา ๙๐ นายประนอม ป้ญญาดี ๙๑ นายประพันธ์ ยอดวงษ์ ๙๒ นายประภัศร์ จงสงวน ๙๓ นายประยุทธ วรรณบุตร ๙๔ นายประยูร เหตุเกษ ๙๕ นายประวิทย์ วิริยะนรอนันต์ ๙๖ นายประเวศ คำหงส์ ๙๗ นายประสิทธิ์ เชิดชู ๙๘ นายประสิทธิ์ อภัยรัตน์ ๙๙ นายประเสริฐ กันธะวัง ๑๐๐ นายประเสริฐ วิบูลรัตน์ ๑๐๑ นายประเสริฐ โอสถาพันธุ์ ๑๐๒ ว่าที่ร้อยตรี ประเสริฐชัย สามกษัตริย์ ๑๐๓ นางประหยัด เถกิงเดช ๑๐๔ นางปราณี ประภานุมาศ ๑๐๕ นางปริศนา เรืองศรี ๑๐๖ นายปลื้ม บุญรัศมี ๑๐๗ นายป้ญญา ทองประเสริฐ ๑๐๘ นายปิยะ เคนขยัน ๑๐๙ นายเปลื้อง อร่ามศรี ๑๑๐ นายพงศ์เทพ พันธุ์นิติพงศ์ ๑๑๑ นายพงษ์พันธ์ ทองเจือ ๑๑๒ นายพงษ์อนันต์ ธรรมศิริ ๑๑๓ นายพนมวิทย์ สราญรมย์ ๑๑๔ นายพรสวัสดิ์ เลิศวิทยาวิวัฒน์ ๑๑๕ นางพวงเพชร บุตรี ๑๑๖ นายพอลลัส ที จักระวัณ ทำนิงจาจา ๑๑๗ นายพัฒพงศ์ พยัคฆันตร ๑๑๘ นายพันธุ์ศักดิ์ เกตุวัตถา ๑๑๙ นายพิฆเณศ โคกทอง ๑๒๐ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ๑๒๑ นายพีระพงษ์ ปริญญาจารย์ ๑๒๒ นายไพฑูรย์ พันธุ์ชาตรี ๑๒๓ นายไพบูลย์ สิงห์คำ ๑๒๔ นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ ๑๒๕ นายไพโรจน์ เจาะจง ๑๒๖ นายไพโรจน์ ราชแสนเมือง ๑๒๗ ว่าที่พันตรี ไพโรจน์ เอมวัฒน์ ๑๒๘ นายไพศาล อาจธะขันธ์ ๑๒๙ นายมณฑล ประทุมราช ๑๓๐ นายมนตรี สืบสิงห์ ๑๓๑ นายมนต์อมร เพ็ญสุวรรณ ๑๓๒ นายมานพ ดีมี ๑๓๓ นางสาวมุจรินทร์ พวงนาค ๑๓๔ นายเมธี ชัยสิทธิ์ ๑๓๕ นายโมฮาหมัด ไซนัล อะบีดิน ๑๓๖ นายไมตรี แก่นจันทร์ ๑๓๗ นายไมตรี บุญยัง ๑๓๘ นายยงขจร หนองหารพิทักษ์ ๑๓๙ นายยิ้ม อินทรมาลำ ๑๔๐ ว่าที่เรือโท ยุทธ นุชสวัสดิ์ ๑๔๑ พันตำรวจเอก ยุทธนา ตุงคะเสน ๑๔๒ ว่าที่ร้อยตรี รังสรรค์ กรึงไกร ๑๔๓ นางรัชนี ศรีทอง ๑๔๔ พันตำรวจโท รัฐบวร บำรุงรส ๑๔๕ นายเรืองฤทธิ์ จอมสืบ ๑๔๖ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ๑๔๗ นายวชิรา นามบุญ ๑๔๘ นายวรกิตติ์ ศรีอ่ำอ่วม ๑๔๙ นางสาววรนุช ตรีวิจิตรเกษม ๑๕๐ นายวรพงษ์ วงษ์ชาญศรี ๑๕๑ นายวรพจน์ สุพรรณ ๑๕๒ นางวรรณงาม ปุ๋นวิจิตร ๑๕๓ นางวรรณภา กล่อมเกลี้ยง ๑๕๔ นายวรสิทธิ์ โรจนพานิช ๑๕๕ นางวลัยพร เทวะเวชพงษ์ ๑๕๖ นายวัชรินทร์ ศรีบุรินทร์ ๑๕๗ นายวัฒนา ปฐมรักษ์ ๑๕๘ นายวันชาติ บัวสิงห์ ๑๕๙ พันจ่าอากาศเอก วิจิตร กุลริวงษ์ ๑๖๐ นายวิจิตร ศรีสว่าง ๑๖๑ นายวิเชียร คำชุม ๑๖๒ ว่าที่พันตรี วิเชียร อุส่าห์ ๑๖๓ นายวิฑูรย์ เฮียงก่อ ๑๖๔ นายวิทยา ผิวผ่อง ๑๖๕ นายวินัย ไชยวงค์ญาติ ๑๖๖ นายวินัย ทองแย้ม ๑๖๗ นายวิมล จันทวานิช ๑๖๘ นายวิรัช พ่วงทิพากร ๑๖๙ นายวิรัตน์ แก้วโพนเพ็ก ๑๗๐ นายวิรุณ ทิพากร ๑๗๑ นายวิวัฒน์ จิรายุพัฒน์ ๑๗๒ พันจ่าอากาศเอก วิวัฒน์ พาณิชย์ ๑๗๓ นายวิวัฒน์ อนิวรรตกูล ๑๗๔ นายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ๑๗๕ นายวิเศษ ปากหวาน ๑๗๖ นายวิเศษ ภูมิวิชัย ๑๗๗ นางวีณา วิวัฒนเดชากุล ๑๗๘ นายวีระ กรีธาชาติ ๑๗๙ นายวีระพงศ์ เดชบุญ ๑๘๐ พันตำรวจเอก วีระพงศ์ อุ่นทรัพย์ ๑๘๑ นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ๑๘๒ นางศรีเรือน ลิขิตเดชาโรจน์ ๑๘๓ นายศักดา สุขผุย ๑๘๔ นายศักดิ์สิทธิ์ น้อยตำแย ๑๘๕ นายศิริพงศ์ ผดุงศาสน์ ๑๘๖ ว่าที่ร้อยตรี เศวตชัย ทรัพย์เจริญ ๑๘๗ นายสงกรานต์ คำพิไสย์ ๑๘๘ นายสท้าน พันธุ์เพชร ๑๘๙ นายสนั่น หล้านามวงศ์ ๑๙๐ นายสมชาย พฤฒิกัลป์ ๑๙๑ ร้อยตำรวจเอก สมนึก มากจันทร์ ๑๙๒ นายสมบัติ แสงสว่างสัจกุล ๑๙๓ นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ ๑๙๔ นางสาวสมบูรณ์ ภูมิภาค ๑๙๕ นางสมพร ชัยนาพันธุ์ ๑๙๖ นายสมพร ทีหอคำ ๑๙๗ นายสมศักดิ์ นุฤทธิ์มนตรี ๑๙๘ นายสมหมาย คงแข็ง ๑๙๙ นายสมหมาย รัตนาภรณ์กุล ๒๐๐ นายสมหวัง ศรีทับทิม ๒๐๑ นายสมัย เลขยันต์ ๒๐๒ นายสมานศักดิ์ สุวรรณธาตรี ๒๐๓ พันโท สังเวียน ครอบครอง ๒๐๔ นายสัญญา หาญบุญพาท ๒๐๕ นายสันติพงศ์ โนนจันทร์ ๒๐๖ นายสัมฤทธิ์ พัฒนารังสรรค์ ๒๐๗ นายสำเนา บุญชู ๒๐๘ นายสำราญ สุขาภิรมย์ ๒๐๙ นายสิงห์โต แก้วกัลยา ๒๑๐ นางสิริยุพา ศกุนตะเสฐียร ๒๑๑ นางสุกานดา พันธุ์นิติพงศ์ ๒๑๒ นายสุขวิทย์ ไชยานุกูล ๒๑๓ นางสุคนธ์ สกุณา ๒๑๔ นายสุชาติ ต. วัฒนผล ๒๑๕ นายสุเชษฐ์ ธีรัทธานนท์ ๒๑๖ นางสุดถนอม วรรณพัฒน์ ๒๑๗ นายสุเทพ ทับสุข ๒๑๘ นายสุนทร รัตนวราหะ ๒๑๙ นายสุนทร สุมาลย์โรจน์ ๒๒๐ นายสุนัย จุลพงศธร ๒๒๑ นายสุพจน์ สุคำภา ๒๒๒ นายสุเมธ การศรีทอง ๒๒๓ นายสุรชัย ลิ้นทอง ๒๒๔ นายสุรชัย ศักดิ์ศิริวุฒโฒ ๒๒๕ นายสุรเดช สุวรรณปากแพรก ๒๒๖ พันตำรวจโท สุรพงษ์ ไทยสมบูรณ์ ๒๒๗ นายสุรพล กัณหา ๒๒๘ นายสุรพล สมภักดี ๒๒๙ นายสุรพล อุทรา ๒๓๐ นายเสฏฐนันท์ อังกูรภาสวิชญ์ ๒๓๑ นายเสน่ห์ เจริญศักดิ์ ๒๓๒ ว่าที่ร้อยตรี เสนอ จันทรพิชัย ๒๓๓ นายเสมอ เหมพงศ์พันธุ์ ๒๓๔ นายเสรี พิจิตรศิริ ๒๓๕ นางเสาวคนธ์ ขันธราช ๒๓๖ นายโสพิศ ธุระพ่อค้า ๒๓๗ นายโสภณ กาญจนนท์ ๒๓๘ นายอดิศักดิ์ ไทยแท้ ๒๓๙ นายอนันต์ เมตตาไพจิตร ๒๔๐ นายอนุพันธ์ ชัมภูธนะ ๒๔๑ นายอนุรักษ์ อุปพงศ์ ๒๔๒ นายอเนก เกษมสุข ๒๔๓ นายอเล็กซานเตอร์ วอง ๒๔๔ นายอานันท์ ปรีชาวุฒิ ๒๔๕ นายอำนาจ ชลวัฒนะ ๒๔๖ นายอำพล ดีรัศมี ๒๔๗ นายเอก ชมภูนิช ๒๔๘ นายเอกชัย เขียวชอุ่ม ชั้นที่ ๓ จำนวน ๔๑๗ ราย ๑ นายกฤษณา ธุถาวร ๒ นายกอบชัย อรุณรัตน์ ๓ นางกันยา นันทโต ๔ นางสาวกัลยาณี จูทอง ๕ นางกานดา จินดาโชตสิริ ๖ นายกำธร อารีรักษ์ ๗ นายกิจศิริ เลิญบุญสุข ๘ นายกิตติ วิชัยดิษฐ์ ๙ นายกิตติกร ทรงสัตย์ ๑๐ นางกุลนิษฐ์ บัวทอง ๑๑ นายเกรียงศักดิ์ เที่ยงพร้อม ๑๒ นายเกรียงศักดิ์ เมืองจั่น ๑๓ นางเกศณี พืชโรจน์ ๑๔ นางสาวเกศริน สุวพันธ์ ๑๕ นางโกสุม ผาพันธุ์ ๑๖ นางขจีพรรณ ทิพผล ๑๗ นายขวัญชัย แก้วประเสริฐ ๑๘ นายคณพล จันทร์หอม ๑๙ นายคมศักดิ์ แกสันเทียะ ๒๐ นายคำทรัพย์ ลอยทอง ๒๑ นายคำนับ ชูกลิ่น ๒๒ นายเงิน ใจวงศ์ ๒๓ นายจรัส ทิพย์มณฑา ๒๔ นางสาวจริยา กมุทมาศ ๒๕ นางจรีพร เทพผดุงพร ๒๖ นายจวน ศิริพันธ์ ๒๗ ร้อยตำรวจตรี จวน สังข์ทอง ๒๘ นางจันทรจิรา พิทักษ์กำพล ๒๙ นางสาวจารุวรรณ ศิริเมืองจันทร์ ๓๐ นายจำนง พยุงตน ๓๑ นางสาวจำนงค์ บุญเสริม ๓๒ นายจำเนียร ลิมปนเวทยานน์ ๓๓ นายจำรุญ เสรียศ ๓๔ นายจิตรัตน์ เจริญทรัพย์ ๓๕ นายจิรายุ จันทร์เพ็ง ๓๖ นางสาวจุฬาลักษณ์ แสนเสมอ ๓๗ นายเจตจรัส ศรีรัตนพร ๓๘ นายเจนวิทย์ ปะเมโท ๓๙ นายเจริญ เซมา ๔๐ ว่าที่ร้อยตรี เจษฎา แก้วจิโน ๔๑ นายฉลวย ราชคฤห์ ๔๒ นางฉวีวรรณ บุญศิริ ๔๓ นายฉัตรชัย ประภัศร ๔๔ นางสาวฉันทะรัตน์ จีนา ๔๕ นายเฉลิม หวังเจริญเดช ๔๖ นายเฉลิมเกียรติ ศรีนวล ๔๗ นายเฉลียว วงศ์ป้ดแก้ว ๔๘ นายเฉลียว วิโสจสงคราม ๔๙ นางชนกานต์ กอบุตร ๕๐ นายดาบตำรวจ ชม ตระกูลเจริญ ๕๑ ว่าที่เรือโท ชวลิต ทองคล้ำ ๕๒ นายชัชวาลย์ มาเกิด ๕๓ ว่าที่ร้อยตรี ชัยนิตย์ พรรณาวร ๕๔ นายชัยรัตน์ เมืองสุวรรณ ๕๕ นายชาคริต ท่าจันทร์ ๕๖ นายชาญชัย พูนสรรพสิทธิ์ ๕๗ จ่าสิบตำรวจ ชาญชัย อนุรักษ์ ๕๘ นายชิดชัย บุตรรัตนะ ๕๙ นายชินวัฒน์ น้ำทิพย์ ๖๐ นางสาวชุติสา ลีธนวัฒน์ ๖๑ นายชุมพล ใจอุ่น ๖๒ จ่าสิบตำรวจ ชุมพล อยู่ศรี ๖๓ นายชูเกียรติ โตพัญญะ ๖๔ นายชูชาติ เฉลยรูป ๖๕ นายชูชาติ มั่นคง ๖๖ นายชูศักดิ์ หมั่นสระเกษ ๖๗ นายเชาวน์วัศ วรเชษฐ์ ๖๘ ว่าที่ร้อยโท เชาวลิต ยุทธนาวา ๖๙ นายโชคชัย ชัยรัตน์ศักดา ๗๐ นายโชคชัย สกุลทอง ๗๑ นายไชยยา ศรีบุญเรือง ๗๒ นางสาวฐาปนีย์ ทำจันทร์ ๗๓ นายณรงค์กรณ์ จันทร์ศิริ ๗๔ นางสาวณัฐวรรณ ไตรสารศรี ๗๕ นางณัฐิกานต์ บุตรพรหม ๗๖ นายดนัย ศรีวิชัย ๗๗ นางดำริณี มุตตามระ ๗๘ นายดิเรก อาจกล้า ๗๙ นายดุสิต วณีสอน ๘๐ นายเดชา ตรีพรหม ๘๑ นายติณณภพ หลวงมณีวรรณ์ ๘๒ นางเตือนใจ ศรีมารุต ๘๓ ร้อยตรี ถวิล ทองนาค ๘๔ นายถิรวัฒน์ ขำสิน ๘๕ นายแถม กลิ่นฟุ้ง ๘๖ นายทรงธรรม วัฒนอมรเกียรติ ๘๗ นางทรงพร มาละลา ๘๘ นายทรงฤทธิ์ ชาญกิจ ๘๙ นางสาวทรงศรี ณ ป้อมเพชร์ ๙๐ นายทรงศักดิ์ จารุมาศ ๙๑ นายทวี ชัยเจริญ ๙๒ นายทวีชัย สิงห์โทราช ๙๓ นายทวีผล เร่งพลั้ง ๙๔ นายทวีศักดิ์ วิธีจงเจริญ ๙๕ นายทวีศักดิ์ ศิริพูน ๙๖ นางสาวทองขาว อรรฆยานนท์ ๙๗ นางทัตณา กว้านสกุล ๙๘ นางทัศนีย์ มหาผล ๙๙ นายทำยุทธ ผลวานิชย์ ๑๐๐ นางทุเรียน จิตต์อารีย์ ๑๐๑ นายธงชัย เค้ามูล ๑๐๒ นายธนพล ฉ่ำเพียร ๑๐๓ นายธนวัฒน์ เมธีพุทธิพงศ์ ๑๐๔ นายธนวัฒน์ วิกสูงเนิน ๑๐๕ นายธเนตร สนประเสริฐ ๑๐๖ นายธรรมรงค์ ทองเกต ๑๐๗ นายธวัช สิงหฬ ๑๐๘ นายธวัชชัย พึ่งอู ๑๐๙ นายธีรบูรณ์ มานุพีรพันธ์ ๑๑๐ นายธีรยุทธ มังกรแก้ว ๑๑๑ นายธีรศักดิ์ ชัยวัฒนกุล ๑๑๒ นายธีระพล คุ้มพ่วง ๑๑๓ นายธีระยุทธ สุนทรชื่น ๑๑๔ นายนพดล วรวิชา ๑๑๕ นางสาวนัฑรินธร สกุณา ๑๑๖ นางสาวนารี เตชะสุภากูร ๑๑๗ นายนิติ เลิศไกร ๑๑๘ ว่าที่ร้อยตรี นิตินัย นิยมวัน ๑๑๙ นายนิยม ทวีทรัพย์ ๑๒๐ นายนิยม สุขขวัญ ๑๒๑ นายนิวัฒน์ สวนนันท์ ๑๒๒ นายนิสัน ป้ญจขันธ์ ๑๒๓ นางนุชนาถ กัญจนิตานนท์ ๑๒๔ นายแนบ จิตต์อารีย์ ๑๒๕ นายบรรจง สลีวงศ์ ๑๒๖ นางบรรจง สุดเจริญ ๑๒๗ นายดาบตำรวจ บรรเจิด เมืองขวา ๑๒๘ นายบัญชา บริสุทธิ์ ๑๒๙ นายบัญญัติ ประมูลศิลป์ ๑๓๐ นางบัวชิด เรืองภิญโญ ๑๓๑ นายบำเพ็ญ โกศลานนท์ ๑๓๒ นายบุญเกิด เผือกใต้ ๑๓๓ นางบุญเกื้อ เกียรติสมชาย ๑๓๔ นายบุญเกื้อ พุทธเจริญ ๑๓๕ นายบุญช่วย โกษะ ๑๓๖ นายบุญไทย แสนอุบล ๑๓๗ นายบุญรับ สิทธิรัตน์ ๑๓๘ นายบุญรินทร์ คงมา ๑๓๙ นายบุญเรือง ชอบใช้ ๑๔๐ นายบุญเลิศ นุ้ยเมือง ๑๔๑ นายบุญสนอง สมวงศ์ ๑๔๒ นายบุตร สุดสังข์ ๑๔๓ นางเบญจพร เบญจธรรมรักษ์ ๑๔๔ นางเบ็ญจวรรณ หัตถีชาติ ๑๔๕ นายปกป้อง น่วมอยู่ ๑๔๖ นายปกาศิต เกตุสิงห์สร้อย ๑๔๗ นางปนัดดา เปรมยิ่ง ๑๔๘ นายปรภัสร์ มาสะอาด ๑๔๙ นายประกอบ มุกุระ ๑๕๐ นายประกอบ อินทนิล ๑๕๑ นายประจักษ์ สวยรูป ๑๕๒ นายประชา คูคำ ๑๕๓ นายประดิษฐ์ ชัยประสิทธิ์โรจน์ ๑๕๔ นายประดิษฐ์ ชัยปรีชา ๑๕๕ นายประทวน เปรมกมล ๑๕๖ นายดาบตำรวจ ประทีป บุญรอด ๑๕๗ นางประเทือง สังเกต ๑๕๘ นางประนอม สันทนานุการ ๑๕๙ นายประพันธ์ คำจ้อย ๑๖๐ นายประพันธ์ บริสุทธิ์ ๑๖๑ นายประมวล พืชโรจน์ ๑๖๒ นายประยงค์ ยิ่งสกุล ๑๖๓ นายประยูร นงนาคพะเนาว์ ๑๖๔ นายประสงค์ ชัยสาร ๑๖๕ นายประสงค์ รามสิทธิ์ ๑๖๖ นายประสิทธิ์ กองแก้ว ๑๖๗ นายประสิทธิ์ คชรินทร์ ๑๖๘ นายประสิทธิ์ โพธิ์มั่น ๑๖๙ นายประเสริฐ ศรีสุวรรณ ๑๗๐ นายปรีชา ยินดีสุข ๑๗๑ นายปรีชา วงศ์น้อย ๑๗๒ นายปรีชา สุวรรณหงษ์ ๑๗๓ นายปรีเปรม ธรรมเขต ๑๗๔ นายป้ญญา หอมเนียม ๑๗๕ นางปาริชาติ เช่งแก้ว ๑๗๖ นางปิยรัตน์ สุชาติวัฒนะ ๑๗๗ นางสาวผกาทิพย์ แก้วผนึกรังษี ๑๗๘ นางผ่องเพ็ญ กาละ ๑๗๙ นางสาวผานิต ธรรมวาจา ๑๘๐ นายดาบตำรวจ เผด็จ เกตุศิริ ๑๘๑ นายพยงค์ เรืองงาม ๑๘๒ นายพยัพ สาธุพันธ์ ๑๘๓ นายพโยม อุตรพันธ์ ๑๘๔ นางพรทิพย์ เจริญอาภรณ์วัฒนา ๑๘๕ นางพัชรี อินทนิล ๑๘๖ นางพิกุล นามบุญ ๑๘๗ นายพิเชษฐ์ เจ้ยทองศรี ๑๘๘ นายพิเชษฐ ป้ญโญ ๑๘๙ นางพิมพ์สุชา จารุมณี ๑๙๐ นายพิระ ยอดมงคล ๑๙๑ นางพิศวาท สวยรูป ๑๙๒ นายพิศาล พงศ์พิพัฒน์ ๑๙๓ นายพิษณุ บุญประสิทธิ์ ๑๙๔ สิบตำรวจเอก พีรศิษฐ์ อินต๊ะเสนา ๑๙๕ นายพีระพัฒน์ พิชญเวชช์ ๑๙๖ นายพีระศักดิ์ วรฉัตร ๑๙๗ นายไพ ใจว่อง ๑๙๘ ว่าที่ร้อยตรี ไพบูลย์ พืชนุกูล ๑๙๙ นายไพบูลย์ สงฆ์โนนเหล็ก ๒๐๐ นายไพศาล ขัติวงศ์ ๒๐๑ นายภาคย์ นาคะรัตนากร ๒๐๒ นายภานุมาส สุริยะโชติ ๒๐๓ นายภูชิต ชาวบางใหญ่ ๒๐๔ นายมงคล ศรีเอี่ยม ๒๐๕ นายมงคล หมั่นประพฤติ ๒๐๖ นางมนัสนันท์ ผ่องสุขสกุล ๒๐๗ นายมาดี ศรีขำ ๒๐๘ นายมานพ บุญประสงค์ ๒๐๙ นางมาลี เรือนงาม ๒๑๐ ร้อยตำรวจตรี มุ่ง สังข์ทอง ๒๑๑ นายยงยุทธ บุญศรี ๒๑๒ นางยิ่งพันธ์ ชำนาญณรงค์ ๒๑๓ นายยุคศิลป์ ไชยภักดิ์ ๒๑๔ นายยุทธนา ทองรอด ๒๑๕ นายยุทธนา นาอุดม ๒๑๖ นางสาวยุพนันท์ แย้มสิน ๒๑๗ นางสาวยุพา ไฮ้เจริญ ๒๑๘ นายโยธิน ไทยภักดิ์ ๒๑๙ นายรวินันท์ หมื่นสุข ๒๒๐ นางสาวระภีพรรณ ร้อยพิลา ๒๒๑ นางรัชนี ตั้งวิวัฒนาพานิช ๒๒๒ นางสาวรัตน์นา อนันต์นาคิน ๒๒๓ นางสาวรัตนา บุญวงศ์ ๒๒๔ นางรัตนา แสนสิงห์ ๒๒๕ นายรุจ คเนจร ณ อยุธยา ๒๒๖ นางรุจิรา วงศ์แก้ว ๒๒๗ นายเรวัต แซ่ลิ่ม ๒๒๘ นายเริงชัย หล่อพูลกิจสกุล ๒๒๙ นายเรืองชัย ตามรภาค ๒๓๐ นายเรืองศิลป์ นิราราช ๒๓๑ นางละออ ตั้งคารวคุณ ๒๓๒ นางลัดดา มีประเสริฐ ๒๓๓ นางลัดดา วิศวผลบุญ ๒๓๔ นางสาวลำใย พุ่มดอกไม้ ๒๓๕ นายลิขิต รุ่งเรือง ๒๓๖ นางสาวเลิศลักขณา อัมพรพืช ๒๓๗ นางวนิดา ไวยรัตน์ ๒๓๘ นายวรเชษฐ์ พูวัฒนาธนสิน ๒๓๙ นายวรเทพ ศรีพุทธพร ๒๔๐ นางวรนุช จิตต์เจียรนัย ๒๔๑ นางวรรณา เหลืองสีนาค ๒๔๒ นายวรินทร์ ศาสตรวาหา ๒๔๓ นางวรีรัตน์ เสธา ๒๔๔ ว่าที่ร้อยตรี วฤษฎิ์ อินทร์มา ๒๔๕ นายวัชระ ขยัน ๒๔๖ นายวัชระ เจริญภาพ ๒๔๗ นายวัชระ ทองธีระ ๒๔๘ นายวันชาติ ปรีดี ๒๔๙ นางวันเพ็ญ แม้นหิรัญ ๒๕๐ นางวันเรียม เจียมเจริญ ๒๕๑ นางวาณี ผู้พัฒนะพงศ์ ๒๕๒ นางวาริน จำรัส ๒๕๓ นายวิเชียร หัสถาดล ๒๕๔ นางวิมลา ไตรทศวิทย์ ๒๕๕ นายวิรัตน์ ดำริการ์นนท์ ๒๕๖ นายวิโรจน์ กรีถาวร ๒๕๗ นายวิโรจน์ จันทร์แย้ม ๒๕๘ นายวิโรจน์ หล่อประดิษฐ์ ๒๕๙ นายวิโรจน์ อริยะเครือ ๒๖๐ นางสาววิไลพรรณ ศีติสาร ๒๖๑ นางวิไลลักษณ์ คำสม ๒๖๒ ว่าที่ร้อยตรี วิศิษฐ พชรวโรทัย ๒๖๓ นายวีระชัย สมาคม ๒๖๔ นายวีระศักดิ์ คงศิลป์ ๒๖๕ นายวุฒิกร เลี่ยมยองใย ๒๖๖ นายวุฒิพงศ์ อุดมผล ๒๖๗ นายศตวรรษ แก้วสว่าง ๒๖๘ นางศรีจันทร์ บุรีวงศ์ ๒๖๙ นางสาวศรีเศวต เมืองสุวรรณ ๒๗๐ นายศิริชัย หัศจรรย์ ๒๗๑ ร้อยเอก ศิริพัฒน์ เพียรเจริญ ๒๗๒ นายศิลป์ชัย ทัศณีวรรณ์ ๒๗๓ นายศุภชัย เพชรสุก ๒๗๔ นายศุภชัย สุวรรณกนิษฐ ๒๗๕ นายศุภชัย เหลืองแสงทอง ๒๗๖ นายศุภโชค เช่งแก้ว ๒๗๗ นางศุลีพร ชาญพนา ๒๗๘ นายเศียร สุขมา ๒๗๙ นายสงบ สาทใย ๒๘๐ นายสถาพร ทรงพร ๒๘๑ พันเอก สนิธชนก สังข์จันทร์ ๒๘๒ นายสมเกียรติ ปานศิริ ๒๘๓ สิบตำรวจโท สมเกียรติ มูลพันธ์ ๒๘๔ นายสมคะเน พิสัยพันธ์ ๒๘๕ นายสมคิด แสนจำหน่าย ๒๘๖ นางสมคิด อยู่เมือง ๒๘๗ นางสาวสมจิตร หนองแสง ๒๘๘ นายสมเจตน์ เย็นศิริ ๒๘๙ นางสมใจ บุญหวังช่วย ๒๙๐ นายสมชัย ชัยพัฒนาการ ๒๙๑ นายสมชาติ ศิลาเลิศ ๒๙๒ นายสมชาย กล่อมสวัสดิ์ ๒๙๓ นายสมชาย ถาวรยิ่งรัตน์ ๒๙๔ นายสมชาย สุขดิษฐ์ ๒๙๕ นายสมเดช พุ่มชา ๒๙๖ นายสมทรง ศรีทอง ๒๙๗ จ่าสิบตำรวจ สมนึก ชุมเพ็ญ ๒๙๘ นายสมนึก ศรีจันทร์ ๒๙๙ นางสาวสมนึก สำอางค์ ๓๐๐ นางสมบัติ เต็งศิริ ๓๐๑ นายสมบัติ สมมโนหมาย ๓๐๒ นายสมบูรณ์ โดยด่วน ๓๐๓ นายสมบูรณ์ บุญศิริ ๓๐๔ นายสมบูรณ์ วัฒนมงคลสุข ๓๐๕ ร้อยตำรวจเอก สมพงษ์ ชนะพล ๓๐๖ นางสาวสมพร เสรีวัลลภ ๓๐๗ นายสมภพ ประเสริฐ ๓๐๘ จ่าสิบเอก สมยศ ชาตะสิงห์ ๓๐๙ นายสมยศ โชคเหมาะ ๓๑๐ นางสมร ต้องโพนทอง ๓๑๑ นายสมศักดิ์ คงพิบูลย์ ๓๑๒ นายสมศักดิ์ เจรียงประเสริฐ ๓๑๓ นายสมศักดิ์ นัสการ ๓๑๔ นายสมศักดิ์ บัวคอม ๓๑๕ นายสมศักดิ์ พึ่งรุ่ง ๓๑๖ นายสมศักดิ์ วงศ์คำ ๓๑๗ นายสมหมาย พิทักษา ๓๑๘ นายสมหมาย ยินดีสิทธิ์ ๓๑๙ นายสมหมาย สารเทพ ๓๒๐ นางสมหวัง การินทร์ ๓๒๑ จ่าสิบตำรวจ สมาน วันแก้ว ๓๒๒ นายสรายุทธ สุมาลย์โรจน์ ๓๒๓ นายสะเทื้อน บรรทัดจันทร์ ๓๒๔ นายสัณฐิติชนพร ณัฐศรีวัฒน ๓๒๕ นายสันทัด มีชาญเชี่ยว ๓๒๖ นายสัมพันธ์ จารุมิลินท ๓๒๗ นายสา สีทอง ๓๒๘ นายสามารถ สรรพ่อค้า ๓๒๙ นายสายัณห์ สุขยิ่ง ๓๓๐ นายสารวิทย์ สุคนธปรีย์ ๓๓๑ นายสาโรจน์ จันทร์แจ่ม ๓๓๒ นายสำรวย เกริกพงศ์พันธ์ ๓๓๓ เรือตรี สำลี ดอกไม้ ๓๓๔ นายสิทธิชัย ลำไย ๓๓๕ นางสินีนาฎ ดีสอน ๓๓๖ นางสาวสิรินภา วิงวอน ๓๓๗ นายสิโรตม์ ป้ญญานุวัฒน์ ๓๓๘ นายสืบสวัสดิ์ เจริญพร ๓๓๙ นางสุกัญญา สุมาลย์โรจน์ ๓๔๐ นางสุคนธ์ เพ็ชรกาฬ ๓๔๑ นายสุชาติ นิยมเดชา ๓๔๒ นายสุชาติ เนียรนาทสกุล ๓๔๓ นายสุชาติ แป้นประเสริฐ ๓๔๔ นายสุชาติ สร้อยสม ๓๔๕ ว่าที่ร้อยตรี สุชีพ ทองมาก ๓๔๖ นางสุดารัตน์ ศรีวิภาค ๓๔๗ นายสุทัศน์ จัตุรโพธิ์ ๓๔๘ นางสุทิน กองแก้ว ๓๔๙ นายสุเทพ จอมคำ ๓๕๐ นายดาบตำรวจ สุเทพ พุฒน้อย ๓๕๑ นายสุเทพ รุ่งโรจน์ ๓๕๒ นายสุเทพบุตร บานเย็น ๓๕๓ นายสุนทร กุญชร ๓๕๔ นางสาวสุปราณี ไวศยะชาตรี ๓๕๕ นายสุพจน์ ว่องวิทยา ๓๕๖ นายสุพจน์ สุคำภา ๓๕๗ นายสุพจน์ ออยประเสริฐ ๓๕๘ นางสุพรรณ แสร์เชื้อ ๓๕๙ นายสุพิศ แก้วมณี ๓๖๐ นางสุภลักษณ์ หาญสุรนันท์ ๓๖๑ นางสาวสุภาวดี มากมี ๓๖๒ นางสาวสุภาวรรณ เชาวรัตน์ ๓๖๓ นางสุมาลี นาคะลักษณ์ ๓๖๔ นางสุมาลี บำรุงจิตต์ ๓๖๕ นายสุเมธ สุวรรณพรหม ๓๖๖ นายสุรกานต์ ดะห์ลัน ๓๖๗ จ่าสิบตำรวจ สุรพันธ์ รดกัน ๓๖๘ นายสุรสิงห์ สรชาติ ๓๖๙ นายสุรัฐ จิระรัตนวงศ์ ๓๗๐ จ่าสิบตำรวจ สุราษฎร์ สมรูป ๓๗๑ นางสุรีรัตน์ พันธุกูล ๓๗๒ นายสุวรรณ เรืองนุช ๓๗๓ นางสุวัฒนา แพงงาม ๓๗๔ นางสาวสุวารี สังข์เงิน ๓๗๕ นายเสกสรร กาวินชัย ๓๗๖ นายเสนอ ศุกรเกยูร ๓๗๗ นางเสมอใจ แก้วรัตนอัมพร ๓๗๘ นายเสริม จันทร์หอม ๓๗๙ นางสาวเสาวลักษณ์ รักษานุ่น ๓๘๐ จ่าสิบตำรวจ แสงจันทร์ จันทฤทธิ์ ๓๘๑ นายโสภณ อริยะวงศ์วัฒน์ ๓๘๒ นางไสว สุดแก้ว ๓๘๓ นายหัสนัย จิตอารีย์ ๓๘๔ ร้อยโท องอาจ ศาตะโยธิน ๓๘๕ นายอดุลย์ ไทรเล็กทิม ๓๘๖ นายอนุพงษ์ อู่อ่อน ๓๘๗ นายอเนก แก้วสว่าง ๓๘๘ นายอภัย ปทุมบาล ๓๘๙ นายอภิเดช เอี่ยมสอาด ๓๙๐ นางอมร ประภานนท์ ๓๙๑ นางสาวอรชร กิจทวี ๓๙๒ นายอรรถ แสงจิตต์ ๓๙๓ นางอัญชลี กุศลรักษ์ ๓๙๔ นางสาวอัญชลี ณ ลำปาง ๓๙๕ นายอานนท์ ช่อทอง ๓๙๖ จ่าสิบตำรวจ อาพร โพธิ์นาคร ๓๙๗ นายอายุ คิดดี ๓๙๘ นางสาวอารี พลดี ๓๙๙ นางอารีย์ ศาลาศรัย ๔๐๐ ร้อยตำรวจเอก อาลักษณ์ บุษบา ๔๐๑ นายอำนวย ชัยรัตน์ ๔๐๒ นายอำนวย บูรณะไทย ๔๐๓ นายอำนาจ โรจน์ประทักษ์ ๔๐๔ นายอิทธิศักดิ์ แผงพงศ์ ๔๐๕ นางสาวอุดมศรี วงษ์สง่า ๔๐๖ นางอุบลรัตน์ แก้วมณี ๔๐๗ ร้อยตำรวจตรี อุบลศักดิ์ สีเทา ๔๐๘ นางสาวอุไร เสนาจอหอ ๔๐๙ นางอุไรวรรณ นฤปกรณ์ ๔๑๐ นางอุไรวรรณ วิทยาพิทักษ์สกุล ๔๑๑ นายเอกชัย ปราบพาล ๔๑๒ นายเอกชัย ลำเหลือ ๔๑๓ นายเอกพงษ์ พงษ์สูงเนิน ๔๑๔ นายเอกพงษ์ พิทักษ์กำพล ๔๑๕ พันจ่าอากาศเอก เอกสิทธิ์ ทิมา ๔๑๖ นางเอมอร หมอยาทิพย์ ๔๑๗ นายเอิ้ม ช่อมณี เล่ม: ๑๒๓ หมวด: ๑ ข ประกาศ ณ: ๐๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ หน้า: ๒๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:78395", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ และเหรียญลูกเสือสดุดี [จำนวน ๘๔๔ ราย]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2549/00179430.PDF", "year": null }
nonweb_84583
ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง ที่ ๒๗/๒๕๕๔ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน [สหภาพแรงงานอีเอ็มเคอัญมณีเครื่องประดับ] ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง ที่ ๒๗/๒๕๕๔ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน ขอประกาศว่า นายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลางได้รับจดทะเบียนสหภาพแรงงาน ตามความในมาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ เลขทะเบียนที่กธ. ๑๑๐๓ วันรับจดทะเบียน ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ชื่อ สหภาพแรงงานอีเอ็มเคอัญมณีเครื่องประดับ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้าง ๒. ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และระหว่าง ลูกจ้าง ด้วยกัน สำนักงาน เลขที่ ๒๘/๔๑ หมูที่ ๑๐ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ผู้เริ่มก่อการ ๑. นายจรัญ เลศักดิ์ ๒. นางสาวศรีไพร อินกลม ๓. นางสาวนัยนา มะหะหมัด ๔. นางสาวจิตรพร สิริใจ ๕. นางสาวจุรวรรณ แสงภักดี ๖. นางพัชริกา ทะนันชัย ๗. นางสาววิมลศรี จันทะเสน ๘. นางวันเพ็ญ โชติพรม ๙. นางมาเดีย สิงห์ขอนอาจ ๑๐. นางสาวประนอม สังสี ๑๑. นางสาวศุภิสรา ภูเขียว ๑๒. นายนิกร จินะใจ ๑๓. นายคำรนท์ สีดี ๑๔. นางสาวทัศนีย์ มังคละคีรี ๑๕. นายสุมิตร เสียงใส ๑๖. นายสมคิด เบียนขุนทด ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ อาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง เล่ม: ๑๒๘ หมวด: ๑๗๙ ง ประกาศ ณ: ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หน้า: ๒๗๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:84584", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนกลาง ที่ ๒๗/๒๕๕๔ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน [สหภาพแรงงานอีเอ็มเคอัญมณีเครื่องประดับ]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/D/179/272.PDF", "year": null }
nonweb_101898
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง "มูลนิธิบีบีจี" ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิบีบีจี” ด้วย นายเอกภพ เดชเกรียงไกรสร ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิบีบีจี ต่อนายทะเบียน มูลนิธิกรุงเทพมหานคร มีใจความสำคัญตามข้อบังคับของมูลนิธิ ดังนี้ ๑. มูลนิธิชื่อ “มูลนิธิบีบีจี” ๒. วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ คือ ๒.๑ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสหรือเคยกระทำความผิด ให้เป็น บุคลากรที่มีคุณภาพสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมต่อไป ๒.๒ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกีฬาที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก และเยาวชนและสภาพสังคมอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ๒.๓ ดำเนินการด้านการช่วยเหลือเพื่อสาธารณประโยชน์ และร่วมมือกับองค์กรการกุศล ภาครัฐ , ภาคเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ ๒.๔ ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด ๓. สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๓๑ ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๖๕ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ๔. ทรัพย์สินของมูลนิธิมีทุนเริ่มแรก คือ เงินสด จำนวน ๒ ๐๐,๐๐๐ บาท (สองแสนบาทถ้วน) ๕. การจัดการของมูลนิธิในวาระเริ่มแรก มีคณะกรรมการดำเนินงานดังรายนามต่อไปนี้ ๕.๑ นายเอกภพ เดชเกรียงไกรสร ประธานกรรมการ ๕.๒ นางสาวนิธิชญา ศรีสุขพรชัย รองประธานกรรมการ ๕.๓ นางสาวปิยวรรณ ภูมิแก้ว กรรมการ ๕.๔ นางสาววิภาวี เดชเกรียงไกรสร กรรมการ ๕.๕ นางสาวสุพัทรา ตุลาธรรมธร กรรมการและเหรัญญิก ๕.๖ นายณัฐพล เลาหกุลเวทิต กรรมการและเลขานุการ หน้า ๕๘ นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานค ร มีคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิรายนี้แล้ว เลขทะเบียน ลำดับที่กท ๒๙๐๓ ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรว งมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๘๕ ง ประกาศ ณ: ๐๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๕๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:101899", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง "มูลนิธิบีบีจี"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/D/085/T_0058.PDF", "year": null }
nonweb_110263
ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนา ฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา 39 (3) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ โดยความเห็นชอบ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในประกาศนี้สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ หมายถึง ช่างที่มีความรู้ความสามารถในการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย ในการทำงาน สถานที่ปฏิบัติงาน การป้องกันอันตรายส่วนบุคคล หุ่นยนต์เชื่อม เครื่องเชื่อมพร้อม อุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน วัสดุ อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน การเชื่อมโยงสัญญาณ ควบคุมและสั่งงานอุปกรณ์เสริม การควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม การเขียนโปรแกรม (teaching) การออกแบบพารามิเตอร์การเชื่อม การปรับแก้ไขและเรียกใช้โปรแกรมการเชื่อมงานได้การใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยงานได้อย่างถูกต้องปลอดภัย การตรวจสอบและบันทึกข้อบกพร่องของชิ้นงาน การจัดเก็บเครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน สถานที่ปฏิบัติงานได้ บำรุงรักษาหุ่นยนต์เชื่อม รวมถึงสอนงานผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ข้อ ๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบ งานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ แบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ๒.๑ ระดับ ๑ หมายถึง ช่างที่มีความรู้ความสามารถในการเตรียมความพร้อม ด้านความปลอดภัยในการทำงาน สถานที่ปฏิบัติงาน การป้อ งกันอันตรายส่วนบุคคล หุ่นยนต์เชื่อม เครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน วัสดุ อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน และทำงานตามแบบสั่งงาน การควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม การเขียนโปรแกรม (teaching) การเรียกใช้โปรแกรมการเชื่อมงานได้การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยงานได้อย่างถูกต้องปลอดภัย การตรวจสอบข้อบกพร่องของชิ้นงาน การจัดเก็บเครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ ในการปฏิบัติงานและสถานที่ปฏิบัติงานได้ ๒.๒ ระดับ ๒ หมายถึง ช่างที่มีความรู้ความสามารถในการเตรียมความพร้อม ด้านความปลอดภัยในการทำงาน สถานที่ปฏิบัติงาน การป้องกันอันตรายส่วนบุคคล หุ่นยนต์เชื่อม เครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน วัสดุ อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน การควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม การเขียนโปรแกรม (teaching) การออกแบบพารามิเตอร์ หน้า ๒๐ การเชื่อม การปรับแก้ไขและเรียกใช้โปรแกรมการเชื่อมงานได้ ใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยงานได้อย่าง ถูกต้องปลอดภัย การตรวจสอบและบันทึกข้อบกพร่องของชิ้นงาน การจัดเก็บเครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงานและสถานที่ปฏิบัติงานได้ ๒.๓ ระดับ ๓ หมายถึง ช่างที่มีความรู้ความสามารถในการเตรียมความพร้อม ด้านความปลอดภัยในการทำงาน สถานที่ปฏิบัติงาน การป้องกันอันตรายส่วนบุคคล หุ่นยนต์เชื่อม เครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน วัสดุ อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน การควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม การเขียนโปรแกรม (teaching) การออกแบบพารามิเตอร์การเชื่อม การปรับแก้ไขและเรียกใช้โปรแกรมการเชื่อมงานได้การเชื่อมโยงสัญญาณควบคุมและสั่งงานอุปกรณ์เสริม การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ช่วยงา นได้อย่างถูกต้องปลอดภัย การตรวจสอบและบันทึกข้อบกพร่อง ของชิ้นงาน การจัดเก็บเครื่องเชื่อมพร้อมอุปกรณ์ประกอบ เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติงาน สถานที่ ปฏิบัติงานได้บำรุงรักษาหุ่นยนต์เชื่อมได้รวมถึงสอนงานผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ข้อ ๓ ข้อกำหนดทางวิชาการที่ใช้ เป็นเกณฑ์วัดความรู้ความสามารถและทัศนคติ ในการทำงานของผู้ประกอบอาชีพในสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อม จุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์ ให้เป็นดังนี้ ๓.๑ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๑ ได้แก่ ๓.๑.๑ ความรู้ความเข้าใจ ประกอ บด้วย ขอบเขตความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๑.๑.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) ความปลอดภัยในการทำงาน (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน (ค) อันตรายที่เกิดจากการเชื่อมงาน (ง) สัญลักษณ์ด้านความปลอดภัยในสถานที่ ปฏิบัติงาน (๒) เครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุในการปฏิบัติงาน (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน (ง) วัสดุชิ้นงาน (๓) เครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ หน้า ๒๑ (๔) หุ่นยนต์เชื่อม (ก) ส่วนประกอบของหุ่นยนต์เชื่อม (ข) การใช้งานปุ่มต่าง ๆ (๕) แบบสั่งงาน (ก) สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในงานเชื่อม (ข) ข้อกำหนดตามแบบสั่งงาน ๓.๑.๑.๒ การเชื่อมงาน (๑) การควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม (ก) การใช้งานปุ่มต่าง ๆ (ข) พิกัดการเคลื่อนไหวแกนของหุ่นยนต์เชื่อม (ค) การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ (๒) การเขียนโปรแกรม (teaching) (ก) คำสั่งต่าง ๆ ในการเขียนโปรแกรม (ข) การตรวจสอบโปรแกรม (๓) การตรวจสอบข้อบกพร่องของชิ้นงาน (ก) ข้อบกพร่องของชิ้นงาน (ข) เครื่องมือวัดชิ้นงานเชื่อม ๓.๑.๑.๓ การบำรุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) ด้านความปลอดภัย (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สถานที่ปฏิบัติงาน (๒) เครื่องมือต่าง ๆ (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (๓) เครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) หุ่นยนต์เชื่อม (ก) อุปกรณ์ประกอบ (ข) การบำรุงรักษาเบื้องต้น ๓.๑.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน เชื่อมชิ้นงานตามแบบกำหนดได้อย่างถูกต้องปลอดภัย ในเรื่องดังต่อไปนี้หน้า ๒๒ ๓.๑.๒.๑ เตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) ตรวจสอบความปลอดภัยในการทำงาน (ก) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน (ข) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ค) ใช้งานอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (๒) ตรวจสอบเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุใน การปฏิบัติงาน (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน (ง) วัสดุชิ้นงาน (๓) ตรวจสอบความพร้อมเครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) ตรวจสอบความพร้อมหุ่นยนต์เชื่อม (ก) ส่วนประกอบของหุ่นยนต์เชื่อม (ข) ปุ่มต่าง ๆ (๕) ตรวจสอบแบบสั่งงาน (ก) แบบสั่งงาน (ข) วางแผนการทำงาน ๓.๑.๒.๒ เชื่อมงานตามแบบสั่งงาน (๑) ควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม (ก) ทดสอบการใช้งานปุ่มต่าง ๆ (ข) ทดสอบการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ (๒) เขียนโปรแกรม (teaching) (ก) เขียนโปรแกรมตามแบบสั่งงาน (ข) ตรวจสอบโปรแกรม (ค) ทำความสะอาดชิ้นงาน (ง) เชื่อมงานตามแบบสั่งงาน (๓) ตรวจสอบข้อบกพร่องของชิ้นงานเชื่อม (ก) ใช้เครื่องมือตรวจสอบข้อบกพร่องของ ชิ้นงานเชื่อม (ข) บันทึกข้อมูล หน้า ๒๓ ๓.๑.๒.๓ การบำรุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) บำรุงรักษาด้านความปลอดภัย (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สถานที่ปฏิบัติงาน (๒) บำรุงรักษาเครื่องมือต่าง ๆ (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (๓) บำรุงรักษาเครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) บำรุงรักษาหุ่นยนต์เชื่อม (ก) อุปกรณ์ประกอบ (ข) การทำความสะอาด ๓.๑.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วยการปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา การรักษาวินัย ในการทำงาน ความปลอดภัยในการทำงาน ความละเอียดรอบคอบ และความประหยัด ๓.๒ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๒ ได้แก่ ๓.๒.๑ ความรู้ความเข้าใจ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๒.๑.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) ความปลอดภัยในการทำงาน (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน (ค) อันตรายที่เกิดจากการเชื่อมงาน (ง) สัญลักษณ์ด้านความปลอดภัยในสถานที่ ปฏิบัติงาน (๒) เครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุในการปฏิบัติงาน (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน (ง) วัสดุชิ้นงาน หน้า ๒๔ (๓) เครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) หุ่นยนต์เชื่อม (ก) ส่วนประกอบของหุ่นยนต์เชื่อม (ข) การใช้งานปุ่มต่าง ๆ (๕) แบบสั่งงาน (ก) สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในงานเชื่อม (ข) ข้อกำหนดตามแบบสั่งงาน ๓.๒.๑.๒ การเชื่อมงาน (๑) การเชื่อมจุดความต้านทาน (ก) กระบวนการเชื่อม (ข) การปรับแก้ไขพารามิเตอร์ (๒) การควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม (ก) การใช้งานปุ่มต่าง ๆ (ข) พิกัดการเคลื่อนที่แกนหุ่นยนต์เชื่อม (ค) การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ (๓) การเขียนโปรแกรม (teaching) (ก) คำสั่งต่าง ๆ ในการเขียนและเรียกใช้โปรแกรม (ข) พารามิเตอร์ต่าง ๆ ในการเชื่อมด้วยหุ่นยนต์ (ค) การปรับแก้โปรแกรม (ง) การตรวจสอบโปรแกรม (๔) การตรวจสอบข้อบกพร่องของชิ้นงานเชื่อม (ก) ข้อบกพร่องของชิ้นงานเชื่อม (ข) เครื่องมือวัดชิ้นงานเชื่อม ๓.๒.๑.๓ การบำรุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) ด้านความปลอดภัย (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สถานที่ปฏิบัติงาน (๒) เครื่องมือต่าง ๆ (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด หน้า ๒๕ (๓) เครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) หุ่นยนต์เชื่อม (ก) อุปกรณ์ประกอบ (ข) การบำรุงรักษาเบื้องต้น ๓.๒.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามารถในการปฏิบัติงาน เชื่อมชิ้นงานตามแบบกำหนดได้อย่างถูกต้องปลอดภัย ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๒.๒.๑ เตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) ตรวจสอบความปลอดภัยในการทำงาน (ก) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน (ข) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ค) ใช้งานอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (๒) ตรวจสอบเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุในการปฏิบัติงาน (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน (ง) วัสดุชิ้นงาน (๓) ตรวจสอบความพร้อมเครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) ตรวจสอบความพร้อมหุ่นยนต์เชื่อม (ก) ส่วนประกอบของหุ่นยนต์เชื่อ ม (ข) ปุ่มต่าง ๆ (๕) ตรวจสอบแบบสั่งงาน (ก) แบบสั่งงาน (ข) วางแผนการทำงาน ๓.๒.๒.๒ เชื่อมงานตามแบบสั่งงาน (๑) ควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม (ก) ทดสอบการใช้งานปุ่มต่าง ๆ (ข) ทดสอบการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ หน้า ๒๖ (๒) เขียนโปรแกรม (ก) เขียนโปรแกรมตามแบบสั่งงาน (ข) กำหนดค่าพารามิเตอร์การเชื่อม (ค) ตรวจสอบโปรแกรม (ง) แก้ไขโปรแกรมและพารามิเตอร์การเชื่อม (จ) เชื่อมงานตามแบบสั่งงาน (๓) ตรวจสอบข้อบกพร่องของชิ้นงานเชื่อม (ก) ใช้เครื่องมือตรวจสอบข้อบกพร่องของ ชิ้นงานเชื่อม (ข) บันทึกข้อมูล ๓.๒.๒.๓ การบำรุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) บำรุงรักษาด้านความปลอดภัย (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สถานที่ปฏิบัติงาน (๒) บำรุงรักษาเครื่องมือต่าง ๆ (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (๓) บำรุงรักษาเครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) บำรุงรักษาหุ่นยนต์เชื่อม (ก) อุปกรณ์ประกอบ (ข) การทำความสะอาด ๓.๒.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา การรักษาวินัย ในการทำงาน ความปลอดภัยในการทำงาน ความละเอียดรอบคอบ และความประหยัด ๓.๓ มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ ๓ ได้แก่ ๓.๓.๑ ความรู้ความเข้าใจ ประกอบด้วย ขอบเขตความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.๓.๑.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) ความปลอดภัยในการทำงาน (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน หน้า ๒๗ (ค) อันตรายที่เกิดจากการเชื่อมงาน (ง) สัญลักษณ์ด้านความปลอดภัยในสถานที่ ปฏิบัติงาน (๒) เครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุในการปฏิบัติงาน (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน (ง) วัสดุชิ้นงาน (จ) อุปกรณ์เสริมที่ใช้กับหุ่นยนต์เชื่อม (๓) เครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) หุ่นยนต์เชื่อม (ก) ส่วนประกอบของหุ่นยนต์เชื่อม (ข) การใช้งานปุ่มต่าง ๆ (๕) แบบสั่งงาน (ก) สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในงานเชื่อม (ข) ข้อกำหนดตามแบบสั่งงาน ๓.๓.๑.๒ การเชื่อมงาน (๑) การควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม (ก) การใช้งานปุ่มต่าง ๆ (ข) พิกัดการเคลื่อนไหวแกนหุ่นยนต์เชื่อม (ค) การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ (๒) การเขียนโปรแกรม (teaching) (ก) คำสั่งต่าง ๆ ในการเขียนและเรียกใช้ โปรแกรม (ข) ลำดับการทำงานของหุ่นยนต์และอุปกรณ์ ประกอบ (ค) พารามิเตอร์ต่าง ๆ ในการเชื่อมด้วยหุ่นยนต์ (ง) การแก้ไขโปรแกรม (จ) การตรวจสอบโปรแกรม หน้า ๒๘ (๓) การเชื่อมโยงสัญญาณควบคุม (ก) วิธีการเชื่อมโยงสัญญาณกับช่องสัญญาณ (ข) วิธีการสั่งงานอุปกรณ์ประกอบ (๔) การตรวจสอบข้อบกพร่องของชิ้นงาน (ก) ข้อบกพร่องของชิ้นงาน (ข) เครื่องมือวัดชิ้นงานเชื่อม ๓.๓.๑.๓ การบำรุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) ด้านความปลอดภัย (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สถานที่ปฏิบัติงาน (๒) เครื่องมือต่าง ๆ และอุปกรณ์ (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์เสริมที่ใช้กับหุ่นยนต์เชื่อม (๓) เครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) หุ่นยนต์เชื่อม (ก) อุปกรณ์ประกอบ (ข) การบำรุงรักษาเบื้องต้น ๓.๓.๑.๔ การสอนงาน (๑) การเรียบเรียงแบบสั่งงาน (ก) ข้อมูลการสั่งงานของหุ่นยนต์ เครื่องเชื่อม (ข) ข้อมูลพารามิเตอร์ในการเชื่อม (๒) การสอนงานผู้ใต้บังคับบัญชา (ก) วิธีการนำเสนอ (ข) เครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอ ๓.๓.๒ ความสามารถ ประกอบด้วย ขอบเขตความสามาร ถในการปฏิบัติงาน เชื่อมชิ้นงานตามแบบกำหนดได้อย่างถูกต้องปลอดภัย ในเรื่องดังต่อไปนี้ ๓.3.๒.๑ เตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน (๑) ตรวจสอบความปลอดภัยในการทำงาน (ก) สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน หน้า ๒๙ (ข) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ค) ใช้งานอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (๒) ตรวจสอบเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุในการปฏิบัติงาน (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์จับยึดชิ้นงาน (ง) ลวดเชื่อม (จ) วัสดุชิ้นงาน (ฉ) แก๊สปกคลุม (ช) อุปกรณ์เสริมสำหรับเชื่อมโยงสัญญาณ (๓) ตรวจสอบความพร้อมเครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) ตรวจสอบความพร้อมหุ่นยนต์เชื่อม (ก) ส่วนประกอบของหุ่นยนต์เชื่อม (ข) ปุ่มต่าง ๆ (๕) ตรวจสอบแบบสั่งงาน (ก) แบบสั่งงาน (ข) วางแผนการทำงาน ๓.3.๒.๒ เชื่อมงานตามแบบ (๑) ควบคุมการเคลื่อนที่หุ่นยนต์เชื่อม (ก) ทดสอบการใช้งานปุ่มต่าง ๆ (ข) ทดสอบการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ (๒) เขียนโปรแกรม (ก) เขียนโปรแกรมตามแบบสั่งงานและลำดับงาน (ข) ทดสอบโปรแกรม (ค) แก้ไขโปรแกรม (ง) ตรวจสอบโปรแกรม (๓) เชื่อมโยงสัญญาณควบคุม (ก) ตรวจสอบช่องสัญญาณ (ข) ทดสอบโปรแกรมสั่งงานอุปกรณ์ประกอบ หน้า ๓๐ (๔) ตรวจสอบข้อบกพร่องของชิ้นงานเชื่อม (ก) ใช้เครื่องมือตรวจสอบข้อบกพร่องของ ชิ้นงานเชื่อม (ข) บันทึกข้อมูล ๓.3.๒.๓ การบำรุงรักษาหลังการใช้งาน (๑) บำรุงรักษาด้านความปลอดภัย (ก) อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (ข) สถานที่ปฏิบัติงาน (๒) บำรุงรักษาเครื่องมือต่าง ๆ และอุปกรณ์ (ก) เครื่องมือทั่วไป (ข) เครื่องมือวัด (ค) อุปกรณ์เสริมที่ใช้กับหุ่นยนต์เชื่อม (๓) บำรุงรักษาเครื่องเชื่อม (ก) เครื่องเชื่อม (ข) อุปกรณ์ประกอบ (๔) บำรุงรักษาหุ่นยนต์เชื่อม (ก) อุปกรณ์ประกอบ (ข) การบำรุงรักษาเบื้องต้น ๓.๓.๒.๔ สอนงาน (๑) เรียบเรียงแบบสั่งงาน (ก) เรียบเรียงข้อมูลการสั่งงานของหุ่นยนต์ เครื่องเชื่อม (ข) เรียบเรียงข้อมูลพารามิเตอร์ในการเชื่อม (๒) สอนงานผู้ใต้บังคับบัญชา (ก) นำเสนอ (ข) ใช้เครื่องมือในการนำเสนอ ๓.๓.๓ ทัศนคติ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานที่ตรงต่อเวลา การรักษาวินัย ในการทำงาน ความปลอดภัยในการทำงาน ความละเอียดรอบคอบ และความประหยัด ประกาศ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๒๘๔ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๒๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:110264", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เรื่อง มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างอุตสาหการ สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมจุดความต้านทาน ด้วยหุ่นยนต์", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/284/T_0020.PDF", "year": null }
nonweb_145169
ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดทางน้ำชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 (ฉบับที่ 23/2566) ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดทำงน้าชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ (ฉบับที่ 23/๒๕๖6) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดให้ทำงน้าในเขตโครงการส่งน้าและบ้ารุงรักษา กิ่วลม - กิ่วคอหมา เป็นทำงน้าชลประทานประเภท 1 จ้านวน 11 ทำงน้า ตามบัญชีแนบท้ายประกาศนี ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน้า ๒๒ บัญชีทางน้ำชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา (แนบท้ายประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 23/๒๕๖6) เลขที่ชื่อทางน้ำ กำหนดเขต จาก ถึง ทางน้ำชลประทานประเภท 1 1 2 3 คลองแยกซอย 1 ขวา ของคลองซอย 10.060 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 0.469 กิโลเมตร) คลองแยกซอย 3 ขวา ของคลองแยกซอย 0.5 ซ้าย ของคลองแยกซอย 2.1 ขวา ของคลองซอย 23.0 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 0.340 กิโลเมตร) คลองแยกซอย 5 ขวา ของคลองแยกซอย 0.5 ซ้าย ของคลองแยกซอย 2.1 ขวา ของคลองซอย 23.0 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 0.230 กิโลเมตร) กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 0.080 ของคลองซอย 10.060 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลบุญนาคพัฒนา อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 0.743 ของคลองแยกซอย 0.5 ซ้าย ของคลองแยกซอย 2.1 ขวา ของคลองแยกซอย 23.0 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝ ั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 1.147 ของคลองแยกซอย 0.5 ซ้าย ของคลองแยกซอย 2.1 ขวา ของคลองแยกซอย 23.0 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.469 ตำบลบุญนาคพัฒนา อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.340 ตำบลทุ ่งฝาย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.230 ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เลขที่ชื่อทางน้ำ กำหนดเขต จาก ถึง 4 5 6 7 คลองแยกซอย 6 ซ้าย ของคลองแยกซอย 0.5 ซ้าย ของคลองแยกซอย 2.1 ขวา ของคลองซอย 23.0 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 0.200 กิโลเมตร) คลองซอย 21.520 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 0.020 กิโลเมตร) คลองซอย 38.660 ซ้ าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 0.020 กิโลเมตร) คลองซอย 7 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 5.740 กิโลเมตร) กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 1.150 ของคลองแยกซอย 0.5 ซ้าย ของคลองแยกซอย 2.1 ขวา ของคลองแยกซอย 23.0 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 21.520 ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 38.660 ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 52.489 ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลห้างฉัตร อำเภอห้างฉั ตร จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.200 ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.020 ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.020 ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 5.740 ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เลขที่ชื่อทางน้ำ กำหนดเขต จาก ถึง 8 9 10 11 คลองแยกซอย 1 ขวา ของคลองซอย 7 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 1.387 กิโลเมตร) คลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 10.768 กิโลเมตร) คลองแยกซอย 1 ซ้าย ของคลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็ บน้ำกิ่วลม (ยาว 3.820 กิโลเมตร) คลองแยกซอย 2 ซ้าย ของคลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม (ยาว 1.980 กิโลเมตร) กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 2.688 ของคลองซอย 7 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 60.805 ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ ำกิ่วลม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 4.270 ของคลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 0.000 แยกตรงกิโลเมตรที่ 4.820 ของคลองซอย 1 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 1.387 ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 10.768 ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 3.820 ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง กิโลเมตรที่ 1.980 ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง เล่ม: 140 หมวด: 183 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 27/07/2023 หน้า: 22
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:145170", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดทางน้ำชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 (ฉบับที่ 23/2566)", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D183S0000000002200.pdf", "year": null }
nonweb_87407
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๔๒๘ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การเก็บและวิเคราะห์อนุภาคแขวนลอย ในอากาศในสภาวะแวดล้อมการทำงาน ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๔๒๘ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การเก็บและวิเคราะห์อนุภาคแขวนลอยในอากาศในสภาวะแวดล้อมการทำงาน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การเก็บและวิเคราะห์อนุภาคแขวนลอยในอากาศในสภาวะแวดล้อมการทำงาน มาตรฐานเลขที่ มอก. 2574 - 2555 ไว้ดังมีรายละเอียดต่อท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอก. 2574 - 2555 -1- มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การเก็บและวิเคราะห์อนุภาคแขวนลอยในอากาศ ในสภาวะแวดล้อมการทำงาน 1. ขอบข่าย 1.1 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้กำหนดเป็นแนวปฏิบัติในการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ความเข้มข้น ของอนุภาคแขวนลอยในอากาศในสภาวะแวดล้อมการทำงาน ทั้งนี้อนุภาคตามมาตรฐานนี้คือ อนุภาคที่ไม่ ละลายในน้ำหรือละลายได้น้อย และมีความเป็นพิษต่ำ นั่นคือไม่เป็นพิษต่อเซลล์ (cytotoxic) ไม่เป็นพิษ ต่อยีน (genotoxic) หรือไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับเนื้อเยื่อปอด หรือทำให้เกิดภูมิไวรับ (sensitization) โดย เก็บตัวอย่างด้วยการดูดอากาศผ่านกระดาษกรองและวิเคราะห์ปริมาณอนุภาคด้วยการชั่งน้ำหนัก เพื่อ คำนวณหาความเข้มข้นของอนุภาคในหน่วยน้ำหนักต่อปริมาตรอากาศ การเก็บตัวอย่างอนุภาคในสภาวะ แวดล้อมการทำงานตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ แบ่งเป็น 2 ประเภท ตามขนาดของอนุภาค คือ การเก็บตัวอย่างอนุภาคทุกขนาดที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ (inhalable dust หรือ total dust) และการเก็บตัวอย่างอนุภาคขนาดเล็กที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ (respirable dust) 1.2 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้สามารถใช้ได้กับองค์กรทั่วไป ทุกขนาด และทุกสาขาอาชีพ 2. บทนิยาม ความหมายของคำที่ใช้ในมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้มีดังต่อไปนี้ 2.1 การสอบเทียบ (calibration) หมายถึง ชุดของการดำเนินการซึ่งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างค่าการชี้บอก โดย เครื่องวัดหรือระบบการวัดหรือค่าที่แสดง โดยเครื่องวัดที่เป็นวัสดุกับค่าสมนัยที่รู้ของปริมาณที่วัดภายใต้ สภาวะที่บ่งไว้ 2.2 การสอบเทียบอัตราการไหลของอากาศ (air flow calibration) หมายถึง การสอบเทียบอัตราการไหลของ อากาศผ่านอุปกรณ์เก็บอนุภาค ด้วยเครื่องวัดอัตราการไหลอากาศชนิดปฐมภูมิ (primary standards flow meter) หรือเทียบเท่า หรือที่ผ่านการสอบเทียบกับเครื่องวัดอัตราการไหลอากาศชนิดปฐมภูมิ 2.3 ขนาดอนุภาค (aerodynamic diameter ; D ae ) หมายถึง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสมมติของอนุภาคใด ๆ ซึ่ง เทียบเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางของอนุภาคทรงกลมที่มีความหนาแน่น 1 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร (g/cm 3 ) ที่มีความเร็วปลาย (terminal velocity) เท่ากับอนุภาคนั้น มอก. 2574 - 2555 -2- 2.4 ความแม่น (accuracy) หมายถึง ความถูกต้องใกล้เคียงกันระหว่างผลของการวัดกับค่าจริง (สัญนิยม) ของ ปริมาณที่วัด 2.5 ไซโคลน (cyclone) หมายถึง อุปกรณ์สำหรับคัดแยกอนุภาคขนาดเล็กออกจากอนุภาคขนาดใหญ่กว่าด้วย แรงหนีศูนย์กลาง (centrifugal force) และแรงโน้มถ่วง (gravity) 2.6 ดีห้าสิบ สี่ (D 50,4 ) ซึ่งต่อไปนี้ในมาตรฐานนี้จะเรียกว่า D 50,4 หมายถึง สมบัติของอุปกรณ์เก็บตัวอย่างอากาศ ในการคัดขนาดอนุภาค โดย 50 % ของอนุภาคที่เก็บได้ด้วยอุปกรณ์นั้น มีขนาดอนุภาค เล็กกว่าหรือเท่ากับ 4 ไมโครเมตร (  m) 2.7 ที่ระดับหายใจ (breathing zone) หมายถึง ระยะห่างจากจมูกของผู้ปฏิบัติงานในรัศมี 30 เซนติเมตร (cm) 2.8 สภาพไว (sensitivity) หมายถึง ค่าน้อยที่สุดที่เครื่องมือสามารถอ่านได้ 2.9 อนุภาคขนาดเล็กที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ (respirable dust) หมายถึง อนุภาคขนาดเล็ก แขวนลอยในอากาศที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และสามารถเข้าถึงและสะสมในบริเวณพื้นที่ แลกเปลี่ยนอากาศของปอด 2.10 อนุภาคทุกขนาดที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ (inhalable dust หรือ total dust) หมายถึง อนุภาค แขวนลอยในอากาศที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ 2.11 อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาค (sampler) หมายถึง อุปกรณ์ซึ่งประกอบด้วยตลับกระดาษกรอง (filter cassette) แผ่นรองกระดาษกรอง (supported pad) และกระดาษกรอง (filter) ประกอบเข้าด้วยกันและผนึกป้องกันการ รั่วซึมของอากาศได้ 2.12 อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคเปล่าภาคสนาม (field blank sampler) หมายถึง อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคที่เตรียมและ ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ เช่นเดียวกับอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคที่ใช้เก็บตัวอย่างทุกประการ และนำไปยังพื้นที่เก็บ ตัวอย่างอากาศด้วย แต่ไม่ได้ใช้ในการเก็บตัวอย่าง ใช้เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนจากแหล่งอื่น นอกเหนือ จากการเก็บตัวอย่างอากาศ 3. หลักการ 3.1 หลักการ 3.1.1 อนุภาคต่าง ๆ ที่แขวนลอยในอากาศสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยการหายใจ และตกค้างสะสมใน ส่วนต่าง ๆ ของทางเดินหายใจตามขนาดอนุภาค กล่าวคือ อนุภาคขนาดใหญ่ (มากกว่า 100  m) ส่วนใหญ่ตกค้างสะสมในทางเดินหายใจส่วนต้น อนุภาคขนาดกลาง (20-100  m) ส่วนใหญ่ตกค้าง สะสมในทางเดินหายใจส่วนกลาง และอนุภาคขนาดเล็ก (น้อยกว่า 20  m) ส่วนใหญ่ตกค้างสะสมใน ทางเดินหายใจส่วนปลาย จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพที่ต่างกันด้วย ระดับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับ มอก. 2574 - 2555 -3- ร่างกายนั้นขึ้นกับปริมาณของอนุภาคที่เข้าสู่ร่างกาย ในลักษณะแปรผันตามความเข้มข้นของอนุภาคใน อากาศ กล่าวคือ เมื่อปริมาณความเข้มข้นของอนุภาคมีมากขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากขึ้น ไปด้วย การประเมินความเข้มข้นของอนุภาคในอากาศทำได้โดยการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างอากาศ 3.1.2 วิธีการเก็บตัวอย่างอนุภาคในอากาศ แบ่งออกเป็น 2 วิธีตามขนาดของอนุภาคที่ต้องการประเมินได้แก่ อนุภาคทุกขนาดที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้และอนุภาคขนาดเล็กที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดิน หายใจได้การเก็บตัวอย่างอากาศทำโดยใช้เครื่องดูดอากาศผ่านกระดาษกรอง อนุภาคจะถูกกักเก็บไว้ บนกระดาษกรอง จากนั้นนำกระดาษกรองมาชั่งน้ำหนัก เพื่อคำนวณความเข้มข้นของอนุภาคในหน่วย น้ำหนักต่อปริมาตรอากาศ แล้วนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับค่าอ้างอิงหรือค่ามาตรฐาน หากค่าที่ วิเคราะห์ได้สูงกว่าค่าอ้างอิงหรือค่ามาตรฐาน ต้องดำเนินการเพื่อควบคุมสภาวะแวดล้อมการทำงานตาม หลักสุขศาสตร์อุตสาหกรรม ได้แก่การควบคุมที่แหล่งกำเนิดอนุภาค การควบคุมที่ทางผ่าน และการ ควบคุมที่ตัวบุคคล 3.2 เครื่องมือ มีดังนี้ 3.2.1 เครื่องดูดอากาศ ควรมีลักษณะเฉพาะ (specification) ดังนี้ 3.2.1.1 ทำงานด้วยอัตราการไหลอากาศคงที่ แปรผันในขณะเก็บตัวอย่างไม่เกิน ± 5% 3.2.1.2 สามารถชดเชยอัตราการไหลอากาศ (back compensation) ได้เมื่อความต้านทานในระบบเพิ่มขึ้น และหยุดทำงานเมื่ออัตราการไหลอากาศลดลงมากกว่าหรือเท่ากับ 5% 3.2.1.3 มีระบบบอกสภาวะการทำงานที่ผิดปกติ เช่น แสงไฟกะพริบ หรือข้อความแสดง หมายเหตุ ในกรณีเก็บตัวอย่างในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด เครื่องดูดอากาศควรเป็นชนิดป้องกันการ ระเบิด (explosion proof) 3.2.2 อุปกรณ์ดักเก็บตัวอย่างอากาศ ประกอบด้วยอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคและไซโคลน 3.2.2.1 อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคสำหรับอนุภาคทุกขนาด ประกอบด้วย ตลับกระดาษกรอง (filter cassette) ชนิด 3 ตอน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 37 มิลลิเมตร (mm) หรืออุปกรณ์อื่นที่ให้ผลลัพธ์เทียบเท่า กระดาษกรองชนิดพีวีซีที่มีขนาดรู (pore size) ขนาด 5  m หรือไฟเบอร์กลาส และแผ่นรอง กระดาษกรอง 3.2.2.2 อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคสำหรับอนุภาคขนาดเล็กได้ประกอบด้วย ตลับกระดาษกรองชนิด 3 ตอน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 37 mm และไซโคลน (cyclone) ที่มีค่าประสิทธิภาพการเก็บตัวอย่างตาม นิยามของ ACGIH/ISO/CEN นั่นคือ D 50 เท่ากับ 4  m (D 50,4 ) หรืออุปกรณ์อื่นที่ให้ผลลัพธ์เทียบเท่า มอก. 2574 - 2555 -4- 3.2.3 เครื่องมือวัดอัตราการไหลอากาศ ที่มีความแม่น ± 0.5% เช่น เครื่องวัดอัตราการไหลอากาศ ซึ่ง ประกอบด้วยบิวเรท ขาตั้ง แก้วใส่น้ำสบู่ และนาฬิกาจับเวลา หรือเครื่องมืออื่นที่มีความแม่นเทียบเท่า 3.2.4 อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับชุดเก็บตัวอย่างอากาศ ชุดเก็บตัวอย่างอากาศประกอบด้วยอุปกรณ์ดักเก็บตัวอย่างอากาศและเครื่องดูดอากาศ อุปกรณ์ที่ใช้ ร่วมกับชุดเก็บตัวอย่างอากาศ มีดังนี้ 3.2.4.1 สายนำอากาศ (flexible tube) 3.2.4.2 อุปกรณ์ยึดอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคและไซโคลนให้มั่นคงและอยู่ในทิศทางที่เหมาะสม 3.2.4.3 ตัวหนีบยึดอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคกับผู้ปฏิบัติงานหรือขาตั้ง 3.2.4.4 อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เพิ่มความสะดวกในการเก็บตัวอย่างอากาศ เช่น สายคาดเอวหรือเข็มขัด ขาตั้ง เครื่องดูดอากาศ 3.2.5 เครื่องชั่ง 3.2.5.1 เครื่องชั่งที่ใช้ชั่งกระดาษกรองต้องมีสภาพไว 0.01 มิลลิกรัม (mg) 3.2.5.2 เครื่องชั่งต้องได้รับการสอบเทียบและควบคุมคุณภาพในการชั่งตามมาตรฐานที่สากลยอมรับ 3.2.5.3 เพื่อการควบคุมคุณภาพ สถานที่ตั้งเครื่องชั่งต้องมีความมั่นคง สามารถป้องกันการสั่นสะเทือน และ ควบคุมสภาวะแวดล้อมตามมาตรฐานของผู้ผลิต 3.2.6 อุปกรณ์ดูดความชื้น (desiccator) เพื่อป้องกันความชื้นจากสิ่งแวดล้อมขณะวัด 3.3 วิธีการเก็บตัวอย่างอนุภาคทุกขนาดที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ 3.3.1 วิธีการเตรียมกระดาษกรองก่อนการเก็บตัวอย่างอากาศ 3.3.1.1 เก็บกระดาษกรองไว้ในอุปกรณ์ดูดความชื้นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (h) เพื่อให้ความชื้นคงที่ 3.3.1.2 การชั่งกระดาษกรอง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ (1) เปิดเครื่องชั่งเพื่ออุ่นเครื่องตามคู่มือผู้ผลิต ปรับเครื่องชั่งให้อ่านค่าที่ศูนย์ (2) ชั่งกระดาษกรองทันที เมื่อนำกระดาษกรองออกจากอุปกรณ์ดูดความชื้น โดยใช้ปากคีบ (forceps) คีบกระดาษกรองวางลงบนจานเครื่องชั่ง (3) อ่านค่าน้ำหนักและจดบันทึก มอก. 2574 - 2555 -5- (4) การชั่งน้ำหนักกระดาษกรอง ควรชั่งซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง แล้วคำนวณค่าน้ำหนักเฉลี่ย น้ำหนัก กระดาษกรองเฉลี่ยสำหรับการเก็บตัวอย่างให้บันทึกค่าเป็น m 1 ส่วนกระดาษกรองที่ไม่ได้ ผ่านการเก็บอนุภาคให้บันทึกค่าเป็น m b1 3.3.1.3 คีบกระดาษกรองจากเครื่องชั่งวางลงในตลับกระดาษกรอง ซึ่งมีแผ่นรองกระดาษกรองวางไว้แล้ว 3.3.1.4 ประกอบตลับกระดาษกรองทั้ง 3 ชิ้นเข้าด้วยกัน กดให้แน่นสนิท และพันกระดาษกาวหรือเทปรัด ตลับกระดาษกรอง 3.3.1.5 ปิดจุกด้านบนและล่างของตลับกระดาษกรอง 3.3.1.6 เขียนหรือติดหมายเลขรหัสตัวอย่างบนตลับกระดาษกรอง 3.3.2 วิธีการสอบเทียบอัตราการไหลอากาศของเครื่องดูดอากาศ 3.3.2.1 ประกอบตลับกระดาษกรอง เครื่องดูดอากาศ และเครื่องวัดอัตราการไหลอากาศ ดังรูปที่ 1 รูปที่ 1 การสอบเทียบอัตราการไหลอากาศสำหรับเก็บตัวอย่างอนุภาคทุกขนาด (ข้อ 3.3.2.1) 3.3.2.2 เปิดเครื่องดูดอากาศ แล้วอ่านค่าที่เครื่องวัดอัตราการไหลอากาศ 3.3.2.3 ปรับอัตราการไหลของเครื่องดูดอากาศเพื่อให้ค่าอยู่ระหว่าง 1 ลิตรต่อนาที (l/min) ถึง 2 l/min 3.3.2.4 วัดอัตราการไหลอากาศทั้งก่อนและหลังเก็บตัวอย่าง แล้วบันทึกอัตราการไหลอากาศก่อนเก็บ ตัวอย่าง (F 1 ) มอก. 2574 - 2555 -6- 3.3.3 วิธีการเตรียมและเก็บตัวอย่างอากาศ 3.3.3.1 ติดตั้งอุปกรณ์ที่ตัวบุคคลยึดเครื่องดูดอากาศกับเข็มขัดหรือสายคาดเอวของผู้ปฏิบัติงาน และหนีบ อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคกับเสื้อให้อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคอยู่ที่ระดับหายใจของผู้ปฏิบัติงาน โดยไม่มี สิ่งปิดบังทางเข้าของอากาศและสายนำอากาศเชื่อมต่ออุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคและเครื่องดูดอากาศไม่ เกะกะขัดขวางการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน ดังรูปที่ 2 รูปที่ 2 การติดตั้งอุปกรณ์ดักเก็บตัวอย่างอากาศที่ตัวบุคคล (ข้อ 3.3.3.1) 3.3.3.2 การติดตั้งอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคแบบพื้นที่วางขาตั้งสามขาหรือขาตั้งที่มั่นคงและไม่กีดขวางการ ทำงานของผู้ปฏิบัติงาน ยึดอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคกับขาตั้งให้มั่นคง โดยให้อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคอยู่ ในระดับเดียวหรือใกล้เคียงกับระดับจมูกของผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่ในพื้นที่นั้น 3.3.3.3 เปิดเครื่องดูดอากาศและเก็บตัวอย่างให้ได้ปริมาตรอากาศ 7 ลิตร (l) ถึง 133 l ทั้งนี้ ให้พิจารณาจาก ความเข้มข้นของอนุภาคในอากาศโดยการสังเกตหรือจากข้อมูลเดิมที่มีอยู่ปริมาตรอากาศ 7 l เป็นปริมาตรต่ำสุดที่สามารถวิเคราะห์ตัวอย่างอนุภาคได้ และ 133 l เป็นปริมาตรอากาศสูงสุดที่ อนุภาคสะสมบนกระดาษกรองโดยไม่ทำให้กระดาษกรองอุดตันหรือล้นจนไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เมื่อความเข้มข้นอนุภาคในอากาศประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (mg/m 3 ) (ค่ามาตรฐาน สำหรับอนุภาคที่อาจถูกสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้) 3.3.3.4 ชักตัวอย่างอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคอย่างน้อย 2 ตัวอย่าง ถึง 4 ตัวอย่าง ต่อการเตรียมและเก็บตัวอย่าง 1 ครั้ง เพื่อเป็นอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคเปล่าภาคสนาม และให้ปฏิบัติกับอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคเปล่า ภาคสนามเช่นเดียวกับตัวอย่างทุกประการ ยกเว้นไม่ดูดอากาศผ่านกระดาษกรองและไม่เปิดจุกตลับ กระดาษกรองไว้ขณะเก็บตัวอย่างอากาศ มอก. 2574 - 2555 -7- 3.3.3.5 บันทึกข้อมูลก่อนการเก็บตัวอย่างดังต่อไปนี้ (1) หมายเลขรหัสตัวอย่าง (2) ชื่อบุคคลที่ถูกติดตั้งอุปกรณ์ และ/หรือพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์ (3) อัตราการไหลอากาศก่อนเก็บตัวอย่างอากาศ (F 1 ) (4) เวลาเริ่มต้นการเก็บตัวอย่างอากาศ (t 1 ) (5) ข้อมูลอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการวิเคราะห์ 3.3.3.6 ปิดเครื่องดูดอากาศ เมื่อการเก็บตัวอย่างสิ้นสุด ปิดจุกรูทางอากาศเข้าของตลับกระดาษกรองทันที ทำความสะอาดภายนอกตลับกระดาษกรองหากมีอนุภาคเกาะอยู่ด้วยแปรงขนอ่อน เพื่อป้องกันการ ปนเปื้อนตัวอย่าง 3.3.3.7 สอบเทียบอัตราการไหลอากาศอีกครั้ง ด้วยวิธีการเดียวกับการสอบเทียบก่อนการเก็บตัวอย่าง (ดูข้อ 3.3.2) ในบริเวณที่สะอาด 3.3.3.8 ถอดตลับกระดาษกรองออกจากเครื่องดูดอากาศ ปิดจุกรูทางอากาศเข้าของตลับกระดาษกรองทันที ทำความสะอาดภายนอกตลับกระดาษกรองหากมีอนุภาคเกาะติดอยู่ด้านนอกตลับกระดาษกรอง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของตัวอย่าง 3.3.3.9 ถอดตลับกระดาษกรองออกจากสายนำอากาศและปิดจุกรูทางออกอากาศ นำอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาค ออกจากพื้นที่และตรวจสอบอัตราการไหลอากาศหลังการเก็บตัวอย่างอีกครั้ง 3.3.3.10 บันทึกข้อมูลหลังการเก็บตัวอย่างดังต่อไปนี้ (1) อัตราการไหลอากาศหลังเก็บตัวอย่างอากาศ (F 2 ) (2) เวลาสิ้นสุดการเก็บตัวอย่างอากาศ (t 2 ) บันทึกระยะเวลาการเก็บตัวอย่าง (t = t 2 - t 1 ) (3) ข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อการวิเคราะห์ 3.3.4 วิธีการขนส่งตัวอย่างไปห้องปฏิบัติการ 3.3.4.1 บรรจุตลับกระดาษกรองในภาชนะที่เหมาะสมป้องกันการขยับเขยื้อนขณะขนส่งซึ่งอาจทำให้ อนุภาคหลุดออกจากกระดาษกรอง ทั้งนี้กล่องบรรจุตัวอย่างควรทำด้วยไม้หรือวัสดุซึ่งไม่เหนี่ยวนำ ไฟฟ้าสถิต 3.3.4.2 บันทึกข้อมูลสำหรับการส่งตัวอย่าง ดังต่อไปนี้ (1) ชื่อสถานประกอบการ/หน่วยงาน/โรงงานที่เก็บตัวอย่าง (2) ที่อยู่ มอก. 2574 - 2555 -8- (3) ผู้เก็บตัวอย่าง (4) วันที่เก็บตัวอย่าง (5) ชนิดของอุปกรณ์เก็บตัวอย่าง (6) จำนวนตัวอย่าง ดูตัวอย่างภาคผนวก ก. 3.3.4.3 ไม่บรรจุตัวอย่างชนิดอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนในภาชนะนำส่งเดียวกัน 3.3.5 วิธีการวิเคราะห์ตัวอย่าง 3.3.5.1 ถอดจุกปิดตลับกระดาษกรองส่วนบนและล่างออก วางตลับกระดาษกรองไว้ในอุปกรณ์ดูดความชื้น เป็นเวลาอย่างน้อย 2 h 3.3.5.2 เปิดตลับกระดาษกรอง และใช้ปากคีบหยิบกระดาษกรองออกจากตลับกระดาษกรองโดยไม่ให้ อนุภาคหลุดออกจากกระดาษกรอง 3.3.5.3 ชั่งกระดาษกรองตามข้อ 3.3.1.2 โดยใช้เครื่องชั่งเครื่องเดียวกันกับการชั่งน้ำหนักก่อนเก็บตัวอย่าง แล้วคำนวณค่าน้ำหนักเฉลี่ย น้ำหนักกระดาษกรองเฉลี่ยสำหรับการเก็บตัวอย่างให้บันทึกค่าเป็น m 2 ส่วนกระดาษกรองเปล่าภาคสนามให้บันทึกค่าเป็น m b2 3.3.5.4 จดบันทึกสภาพของกระดาษกรองที่เห็นได้ชัดเจน เช่น ฉีกขาด เปียก หรือมีฝุ๋นล้นกระดาษกรอง (overload) 3.4 วิธีการเก็บตัวอย่างอนุภาคขนาดเล็กที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ 3.4.1 วิธีการเตรียมกระดาษกรองก่อนการเก็บตัวอย่างอากาศ ทำเช่นเดียวกับข้อ 3.3.1 3.4.2 วิธีการสอบเทียบอัตราการไหลอากาศของเครื่องดูดอากาศ 3.4.2.1 ตรวจสภาพภายในไซโคลน หากพบรอยขูดขีดหำมนำไปใช้งาน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการ คัดแยกขนาดอนุภาคเปลี่ยนไป 3.4.2.2 ทำความสะอาดที่รองรับอนุภาคขนาดใหญ่ 3.4.2.3 ประกอบตลับกระดาษกรองเข้ากับไซโคลน เครื่องดูดอากาศ และเครื่องวัดอัตราการไหลอากาศ ดังรูปที่ 3 หรือตามวิธีที่ผู้ผลิตไซโคลนแนะนำ 3.4.2.4 เปิดเครื่องดูดอากาศ และปรับอัตราการไหลอากาศให้ได้ค่าตามที่ผู้ผลิตไซโคลนกำหนด มอก. 2574 - 2555 -9- รูปที่ 3 การสอบเทียบอัตราการไหลอากาศสำหรับเก็บตัวอย่างอนุภาคขนาดเล็ก (ข้อ 3.4.2.3) 3.4.3 วิธีการเก็บตัวอย่างอากาศ 3.4.3.1 การติดตั้งอุปกรณ์ที่ตัวบุคคล ยึดเครื่องดูดอากาศกับเข็มขัดหรือสายคาดเอวผู้ปฏิบัติงาน และหนีบ อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคกับเสื้อให้อุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคอยู่ที่ระดับหายใจของผู้ปฏิบัติงาน โดยไม่มี สิ่งปิดบังทางเข้าของอากาศ และสายยางเชื่อมต่ออุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคและเครื่องดูดอากาศไม่ เกะกะขัดขวางการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน ดังรูปที่ 4 รูปที่ 4 การติดตั้งอุปกรณ์ดักเก็บตัวอย่างอากาศที่ตัวบุคคลด้วยไซโคลน (ข้อ 3.4.3.1) มอก. 2574 - 2555 -10- 3.4.3.2 การติดตั้งอุปกรณ์ในพื้นที่ที่ต้องการเก็บตัวอย่างอากาศ ปฏิบัติเช่นเดียวกับ 3.3.3.2 3.4.3.3 เปิดเครื่องดูดอากาศและเก็บตัวอย่างให้ได้ปริมาตร 20 l ถึง 400 l ทั้งนี้ ให้พิจารณาจากความเข้มข้น ของอนุภาคในอากาศโดยการสังเกตหรือจากข้อมูลเดิมที่มีอยู่ปริมาตรอากาศ 20 l เป็นปริมาตร ต่ำสุดที่สามารถวิเคราะห์ตัวอย่างอนุภาคได้ และ 400 l เป็นปริมาตรอากาศสูงสุดที่อนุภาคสะสมบน กระดาษกรองโดยไม่ทำให้กระดาษกรองอุดตันหรือล้นจนไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เมื่อความเข้มข้น อนุภาคในอากาศประมาณ 5 mg/m 3 (ค่ามาตรฐานสำหรับอนุภาคขนาดเล็กที่อาจถูกสูดเข้าสู่ระบบ ทางเดินหายใจได้) 3.4.3.4 ชักตัวอย่างอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคอย่างน้อย 2 ตัวอย่าง ถึง 4 ตัวอย่าง ต่อการเตรียมและเก็บตัวอย่าง 1 ครั้ง เพื่อเป็นอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคเปล่าภาคสนาม และให้ปฏิบัติกับอุปกรณ์ดักเก็บอนุภาคเปล่า ภาคสนามเช่นเดียวกับตัวอย่างทุกประการ ยกเว้นไม่ดูดอากาศผ่านกระดาษกรองและไม่เปิดจุกตลับ กระดาษกรองไว้ขณะเก็บตัวอย่างอากาศ 3.4.3.5 บันทึกข้อมูลก่อนการเก็บตัวอย่างดังต่อไปนี้ (1) หมายเลขรหัสตัวอย่าง (2) ชื่อบุคคลที่ถูกติดตั้งอุปกรณ์ และ/หรือพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์ (3) อัตราการไหลอากาศก่อนเก็บตัวอย่างอากาศ (F 1 ) (4) เวลาเริ่มต้นการเก็บตัวอย่างอากาศ (t 1 ) (5) ข้อมูลอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการวิเคราะห์ 3.4.3.6 ปิดเครื่องดูดอากาศ เมื่อการเก็บตัวอย่างสิ้นสุด ทำความสะอาดภายนอกตลับกระดาษกรองหากมี อนุภาคเกาะอยู่ด้วยแปรงขนอ่อนเพื่อป้องกันการปนเปื้อนตัวอย่าง 3.4.3.7 สอบเทียบอัตราการไหลอากาศอีกครั้ง ด้วยวิธีการเดียวกับการสอบเทียบก่อนการเก็บตัวอย่าง (ดูข้อ 3.4.2) ในบริเวณที่สะอาด 3.4.3.8 ถอดตลับกระดาษกรองออกจากไซโคลน โดยระวังไม่คว่ำไซโคลนซึ่งจะทำให้อนุภาคขนาดใหญ่ ตกลงบนกระดาษกรอง ปิดตลับกระดาษกรองชั้นบนและจุกทั้งด้านบนและด้านล่าง 3.4.3.9 บันทึกข้อมูลหลังการเก็บตัวอย่างดังต่อไปนี้ (1) อัตราการไหลอากาศหลังเก็บตัวอย่างอากาศ (F 2 ) (2) เวลาสิ้นสุดการเก็บตัวอย่างอากาศ (t 2 ) บันทึกระยะเวลาการเก็บตัวอย่าง (t = t 2 - t 1 ) (3) ข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อการวิเคราะห์ มอก. 2574 - 2555 -11- 3.4.4 วิธีขนส่งตัวอย่างไปห้องปฏิบัติการ ทำเช่นเดียวกับข้อ 3.3.4 3.4.5 วิธีการวิเคราะห์ตัวอย่าง ทำเช่นเดียวกับ 3.3.5 3.5 การคำนวณค่าความเข้มข้นของอนุภาค 3.5.1 ค่าปริมาตรอากาศที่เก็บได้คำนวณด้วยสูตร V = ((F 1 + F 2 ) / 2)  t 1 00 0 เมื่อ V คือ ปริมาตรอากาศที่เก็บได้ เป็น m 3 F 1 คือ อัตราการไหลอากาศก่อนเก็บตัวอย่าง เป็น l/min F 2 คือ อัตราการไหลอากาศหลังเก็บตัวอย่าง เป็น l/min t คือ ระยะเวลาการเก็บตัวอย่าง (t = t 2 -t 1 ) เป็น min t 1 คือ เวลาเริ่มต้นการเก็บตัวอย่างอากาศ t 2 คือ เวลาสิ้นสุดการเก็บตัวอย่างอากาศ 3.5.2 ค่าความเข้มข้นของอนุภาค คำนวณด้วยสูตร เมื่อ c คือ ความเข้มข้นของอนุภาค เป็น mg/m 3 m 1 คือ น้ำหนักเฉลี่ยของกระดาษกรองก่อนเก็บตัวอย่าง เป็น mg m 2 คือ น้ำหนักเฉลี่ยของกระดาษกรองหลังเก็บตัวอย่าง เป็น mg m b1 คือ น้ำหนักเฉลี่ยของกระดาษกรองตัวอย่างเปล่าภาคสนามก่อนเก็บตัวอย่าง เป็น mg m b2 คือ น้ำหนักเฉลี่ยของกระดาษกรองตัวอย่างเปล่าภาคสนามหลังเก็บตัวอย่าง เป็น mg V คือ ปริมาตรอากาศที่เก็บได้ เป็น m 3 (คำนวณได้จากข้อ 3.5.1) ดูตัวอย่างภาคผนวก ก. c = (m 2 -m 1 ) - (m b2 -m b1 ) V มอก. 2574 - 2555 -12- 3.6 การรายงานผลการตรวจวัดอนุภาค ควรระบุข้อมูลต่อไปนี้ 3.6.1 ชื่อสถานประกอบการ/สถานที่ตรวจวัด เช่น โรงงาน โรงซ่อม สถานที่ทำงาน แผนก ฝ๋าย ฯลฯ โดยแนบ ผังแสดงจุดเก็บตัวอย่าง 3.6.2 วัน เดือน ปี และเวลาที่เก็บตัวอย่าง 3.6.3 ผู้เก็บตัวอย่าง 3.6.4 ยี่ห้อ รุ่น และหมายเลขเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ตัวอย่าง 3.6.5 วิธีการเก็บและวิเคราะห์ 3.6.6 อัตราการไหลอากาศของเครื่องมือเก็บตัวอย่างอากาศที่ใช้ 3.6.7 ระยะเวลาการเก็บตัวอย่าง 3.6.8 ความเข้มข้นของอนุภาคที่ตรวจวัดได้ 3.6.9 แปลผลการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะ 3.6.10 ข้อมูลประกอบอื่น ๆ ได้แก่สภาพสถานที่/บริเวณขณะตรวจวัด งานที่ทำการตรวจวัด ลักษณะของ อนุภาค รวมถึงรูปแบบการเกิดของอนุภาค ดูตัวอย่างภาคผนวก ข. มอก. 2574 - 2555 -13- ภาคผนวก ก. ตัวอย่างแบบฟอร์มบันทึกข้อมูลและส่งตัวอย่าง (ข้อ 3.3.4.2 และข้อ 3.5) ก.1 ชื่อสถานประกอบการ................................................................................................................................... ที่อยู่ ............................................................ .................... ...................... .... ........... ........................................... ........ ............................................................. .................... ...................... .... ......................................... ........... โทรศัพท์..................................................................... โทรสาร..................................................................... วันที่เก็บตัวอย่าง.....................................เดือน...................................................พ.ศ. .................................... ชนิดของอุปกรณ์เก็บตัวอย่าง......................................................................................................................... อุณหภูมิ...................... o C ความดันบรรยากาศ.....................Pa ตารางที่ก.1 การบันทึกข้อมูลการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่าง (ข้อ ก.1) หมายเลข ตัวอย่าง ชื่อ-สกุล/ บริเวณที่ทำงาน ลักษณะงาน น้ำหนัก กระดาษกรอง (mg) น้ำหนัก อนุภาค (m)* (mg) อัตราการ ไหลอากาศ (F)** (l/min) ระยะเวลาการเก็บ ตัวอย่าง (t)*** (min) ปริมาตรอากาศ ที่เก็บได้ (V)**** (m 3 ) ความเข้มข้นของ อนุภาค (c)***** (mg/m 3 ) ก่อน (m 1 ) หลัง (m 2 ) ตัวอย่างเปล่าภาคสนาม 1 (m b1 ) 1 (m b2 ) 1 m’ b 1 ตัวอย่างเปล่าภาคสนาม 2 (m b1 ) 2 (m b2 ) 2 m’ b 2 หมายเหตุ 1. * m = (m 2 -m 1 ) - (m’ b ) m’ b = (m’ b2 + m’ b1 )/2 m’ b1 = ((m b1 ) 1 - (m b1 ) 2 )/2 m’ b2 = ((m b2 ) 1 - (m b2 ) 2 )/2 2. ** F = (F 1 +F 2 )/2 3. *** t = t 2 –t 1 4. **** V = (F  t)/1,000 5. ***** c = m/V ลงชื่อ ...... .. .................................................. ผู้วิเคราะห์ (.......................................................) วันที่..................................................... มอก. 2574 - 2555 -14- ภาคผนวก ข. ตัวอย่างการรายงานผลการตรวจวัดอนุภาคแขวนลอยในอากาศในสภาวะแวดล้อมการทำงาน (ข้อ 3.6) ข.1 ข้อมูลทั่วไป ชื่อสถานประกอบการ...................................................................................................................................... ที่อยู่ .......... ..... .. ......................... ............... .................... ...................... .... ........ ..... ................... ........................... ...... ............................................................. .................... ...................... .... ... ................................ ....... . . . ...... ..... โทรศัพท์................................................................. โทรสาร.......................................................................... สภาพอากาศ ........ . ............................. ............................ ................................................... ............ ................... วันที่เก็บตัวอย่าง....................เดือน...................................พ.ศ. ..................เวลา..................ถึง....................... จำนวนกะ.................กะ ช่วงเวลาแต่ละกะ................................................................................................... สถานประกอบกิจการแบ่งการทำงานออกเป็น............แผนก ดังนี้ ชื่อแผนก จำนวนพนักงานของบริษัท (คน) จำนวนพนักงานของผู้รับเหมา (คน) ชาย หญิง ชาย หญิง 1. 2. 3. 4. รวม ข.2. สภาพทั่วไป ข.2.1 ลักษณะอาคาร (เช่น อาคารคอนกรีตชั้นเดียว โล่งไม่แบ่งกั้นห้อง ขนาด – กว้าง ยาว สูง) ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ข.2.2 การระบายอากาศภายในอาคาร (การระบายอากาศแบบธรรมชาติมีระบบระบายอากาศเฉพาะที่ใน กระบวนการผลิตที่มีสารเคมีฟุ้งกระจาย มีระบบทำความเย็น ฯลฯ) ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... มอก. 2574 - 2555 -15- ข.3. แผงผังแสดงบริเวณการเก็บตัวอย่าง มอก. 2574 - 2555 -16- ข.4. ผลการตรวจวิเคราะห์ ข.4.1 อนุภาคทุกขนาดที่อาจถูกสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ (inhalable dust หรือ total dust) เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เก็บตัวอย่าง (ระบุยี่ห้อ/รุ่น/หมายเลขเครื่องมือ..................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... วันที่สอบเทียบเครื่องมือและอุปกรณ์............................เดือน......................................พ.ศ....................... วันที่เตรียมตัวอย่าง............................................เดือน.......................................พ.ศ................................... จำนวนกระดาษกรองที่ไม่ได้ผ่านการเก็บอนุภาค....................................................................................... อัตราการไหลอากาศ.........................l/min ชื่อผู้เก็บตัวอย่าง .................................................................... วันที่เก็บตัวอย่าง................เดือน................................พ.ศ.................เวลา.....................ถึง........................ วันที่วิเคราะห์ตัวอย่าง............................เดือน................................................พ.ศ...................................... เกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานที่ใช้เปรียบเทียบ (ระบุหน่วยงาน)...................................... ................................................................................................................................................................... ค่ามาตรฐานหรือค่าอ้างอิงที่ใช้เปรียบเทียบ................................................................................................ ตารางที่ข.1 ผลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณอนุภาคทุกขนาดที่อาจสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ (inhalable dust หรือ total dust) (ข้อ ข.4.1) ลำดับที่ชื่อ – สกุล บริเวณที่ทำงาน / หน้าที่ความเข้มข้นของ อนุภาค (mg/m 3 ) ผลการประเมิน หมายเหตุ ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ........................................................ ผู้ทำรายงาน (.......................................................) วันที่............................................................ มอก. 2574 - 2555 -17- ข.4.2 อนุภาคขนาดเล็กที่อาจถูกสูดเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ (respirable dust) เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เก็บตัวอย่าง (ระบุยี่ห้อ/รุ่น/หมายเลขเครื่องมือ...................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... วันที่สอบเทียบเครื่องมือและอุปกรณ์............................เดือน......................................พ.ศ......................... วันที่เตรียมตัวอย่าง............................................เดือน.......................................พ.ศ................................... จำนวนกระดาษกรองที่ไม่ได้ผ่านการเก็บอนุภาค....................................................................................... อัตราการไหลอากาศ.........................l/min ชื่อผู้เก็บตัวอย่าง ..................................................................... วันที่เก็บตัวอย่าง..............เดือน.............................พ.ศ.................เวลา.........................ถึง.......................... วันที่วิเคราะห์ตัวอย่าง............................เดือน................................................พ.ศ...................................... เกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานที่ใช้เปรียบเทียบ (ระบุหน่วยงาน)........................................ ................................................................................................................................................................... ค่ามาตรฐานหรือค่าอ้างอิงที่ใช้เปรียบเทียบ................................................................................................ ตารางที่ข.2 แสดงผลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณอนุภาคขนาดเล็กที่อาจสูดเข้าสู่ ระบบทางเดินหายใจได้ (respirable dust) (ข้อ ข.4.2.) ลำดับที่ชื่อ – สกุล บริเวณที่ทำงาน / หน้าที่ความเข้มข้นของ อนุภาค (mg/m 3 ) ผลการประเมิน หมายเหตุ ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ....... .... ............................................... ผู้ทำรายงาน (...... .. ...............................................) วันที่........................................................... _______________________________ เล่ม: ๑๒๙ หมวด: ๑๒๙ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ หน้า: ๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:87408", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๔๒๘ (พ.ศ. ๒๕๕๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การเก็บและวิเคราะห์อนุภาคแขวนลอย ในอากาศในสภาวะแวดล้อมการทำงาน", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/129/8.PDF", "year": null }
nonweb_82091
nan ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิธรรมะเกษตรธรรมชาติ” ด้วย นายอดิศวร์ วงษ์วัง ผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิธรรมะ เกษตรธรรมชาติ ต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร มีใจความสำคัญตามข้อบังคับของมูลนิธิ ดังนี้ ๑. มูลนิธิชื่อ “มูลนิธิธรรมะเกษตรธรรมชาติ” ๒. วัตถุประสงค์ของมูลนิธินี้คือ ๒.๑ ส่งเสริม สนับสนุนการจัดสร้างสถานที่ฝกอบรม ศูนย์การเรียนรู้ศูนย์สาธิตและ โครงการตัวอย่างของเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสานและวนเกษตร โดยใช้แนวทาง ของพุทธศาสนาเป็นหลักในการฝกอบรม ๒.๒ ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เผยแพร่ถ่ายทอดความรู้ด้านพลังงาน สะอาดแก่ประชาชนและผู้สนใจ ๒.๓ พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างงานและสังคมในแนวเศรษฐกิจพอเพียง เน้นการพึ่งพา ตนเองและหลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้แก่ชุมชนควบคู่ไปกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์ธรรมชาติ ๒.๔ ดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรักในการรักษาป๋าไม้และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางในพระพุทธศาสนา ๒.๕ ส่งเสริม สนับสนุนการบริหารจัดการหมู่บ้านตามแนวพระราชดำริให้คนกับป๋า อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน สมดุลและยั่งยืน ๒.๖ ส่งเสริม สนับสนุน หรือร่วมมือกับวัด สำนักสงฆ์และองค์กรต่าง ๆ เพื่อการฟื้นฟู ระบบนิเวศน์ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและต้นน้ำลำธาร ๒.๗ ส่งเสริม สนับสนุนและร่วมมือกับองค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ ดำเนินกิจกรรม ในทางสาธารณประโยชน์ ๒.๘ ส่งเสริม สนับสนุนการศึกษา ค้นคว้าสมุนไพรและพันธุ์ไม้รวมถึงการฟื้นฟูและ อนุรักษ์พันธุ์ไม้ดั้งเดิมของป๋าดงพญาเย็นทุกประเภทและการสร้างเครือข่ายเพื่อดำเนินการดังกล่าว ๒.๙ ส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ฝกอบรมและเผยแพร่แนวทางการแพทย์องค์รวม ซึ่งจะเน้นการใช้ภูมิป้ญญาของแพทย์ แผนไทยและแพทย์ตะวันออก โดยอยู่ในแนวทางที่สามารถนำมา ประยุกต์กับแพทย์แผนป้จจุบัน ๒.๑๐ ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ประการใด ๓. สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๕/๒๒ ซอยสุขุมวิท ๑๖ (สามมิตร) แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ๔. ทรัพย์สินของมูลนิธิ มีทุนเริ่มแรก คือ เงินสด จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท (สองแสนบาทถ้วน) ๕. การจัดการของมูลนิธิในวาระเริ่มแรก มีคณะกรรมการดำเนินงานดังรายนามต่อไปนี้ ๕.๑ นายเอกภพ เสตะพันธุ ประธานกรรมการ ๕.๒ นางอาภรณ์ ภูมิพันนา รองประธานกรรมการ ๕.๓ นายสุทิน ลิมโปดม กรรมการ ๕.๔ นายฉัตรชัย ศรีบัณฑิต กรรมการ ๕.๕ นายสุชาติ ตั้งบรรเจิดวณิช กรรมการ ๕.๖ นางสาวรัชนีย์ ตั้งจรูญวาณิชย์ กรรมการและเหรัญญิก ๕.๗ นายอดิศวร์ วงษ์วัง กรรมการและเลขาธิการ นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร ได้อนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิรายนี้แล้ว เลขทะเบียน ลำดับที่กท ๑๗๐๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๑ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ พระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวง ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เล่ม: ๑๒๕ หมวด: ๙๗ ง ประกาศ ณ: ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หน้า: ๗๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:82092", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "nan", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/D/097/71.PDF", "year": null }
nonweb_105019
ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดพัทลุง เรื่อง จดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัดพัทลุง ขึ้นใหม่ทั้งชุด ประกาศนายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดพัทลุ ง เรื่อง จดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการ สมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัดพัทลุง ขึ้นใหม่ทั้งชุด ด้วย นางวรรณา เพชรกาศ อยู่บ้านเลขที่ ๖๐ หมู่ที่ ๖ ตำบลพญาขัน อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ได้ยื่นขออนุญาตจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคม เนื่องจากสมาคมมีมติที่ประชุม แต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ณ โรงเรียนวีรนาทศึกษา เลขที่ ๘๑ ถนนคูหาสวรรค์ ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง มีใจความตามที่ขอเปลี่ยนแปลง ดังนี้ ๑. นายชื่น ฤทธิวงศ์ นายกสมาคม ๒. นายจินดา สุวรรณภักดี อุปนายก คนที่ ๑ ๓. นายสิทธิชาติ บุญปล้อง อุปนายก คนที่ ๒ ๔. นายสมหมาย หนูเจริญ กรรมการ ๕. นายสวัสดิ์ ฤทธิศักดิ์ กรรมการ ๖. นางอุบล สงเนียม กรรมการ ๗. นางนันทำ ณ นคร กรรมการ ๘. นางอุบล จาระวรรณ กรรมการ ๙. นายมงคล ฉ้วนกลิ่น นายทะเบียน ๑๐. นางสาวธนานันท์ ทุเรทพล ผู้ช่วยนายทะเบียน ๑๑. นางสาวสุพัตรา บุญมาก ประชาสัมพันธ์ ๑๒. นางวรนุช องศน์สุวรรณ เหรัญญิก ๑๓. นางกาญจนา จันทรรัตน์ ผู้ช่วยเหรัญญิก ๑๔. นางวรรณา เพชรกาศ เลขานุการ ๑๕. นายสิริชัย บุญเผือก กรรมการที่ปรึกษา นายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดพัทลุง ได้รับจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของสมาคมนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ หน้า ๒๒๖ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ นพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดพัทลุง เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๗๙ ง ประกาศ ณ: ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๒๒๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:105020", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดพัทลุง เรื่อง จดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัดพัทลุง ขึ้นใหม่ทั้งชุด", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/D/079/T_0226.PDF", "year": null }
nonweb_92054
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน [นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ] ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ ข้าราชการ พลเรือนสามัญ ตำแหน่ง หัวหน้าสำนักงาน (ผู้อำนวยการระดับสูง) สำนักงานรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต (นักบริหารการทูตระดับสูง) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี รัฐลิเบีย (ปฏิบัติราชการ ที่กระทรวงการต่างประเทศ) ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เล่ม: ๑๓๒ หมวด: ๓๔๐ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ หน้า: ๕๔
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:92055", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน [นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/340/54.PDF", "year": null }
nonweb_127256
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่อง จดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิขึ้นใหม่ทั้งชุด [มูลนิธิเพื่อการศึกษาโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ สุราษฎร์ธานี] ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่อง จดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของ “มูลนิธิเพื่อการศึกษาโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ สุราษฎร์ธานี” ขึ้นใหม่ทั้งชุด ด้วย มูลนิธิเพื่อการศึก ษาโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ สุราษฎร์ธานี สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ ๓๑ หมู่ที่ ๖ ถนนสุราษฎร์ธานี -นาสาร ซอยพิเศษ ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิขึ้นใหม่ทั้งชุด ต่อนายทะเบียนมู ลนิธิจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังต่อไปนี้ ๑. นายนิวัติ แก้วประดับ ประธานกรรมการ ๒. นายณัฐพล บุญนำ รองประธานกรรมการ ๓. นายเชาวพงศ์ ฐิติสวัสดิ์ กรรมการ ๔. นายนภดล ศรีภัทรา กรรมการ ๕. นางนิภา ช่อผกาพันธ์ กรรมการ ๖. นายพงค์เทพ สุธีรวุฒิ กรรมการ ๗. นางสุวลักษ์ วิสุนทร กรรมการ ๘. นายยุทธพงศ์ เพียรโรจน์ กรรมการ ๙. นางสุชาดา ทิพย์มนตรีกรรมการ ๑๐. นางกาญจนลักขณ์ เพชรชนะ กรรมการ ๑๑. นายวชิระ แก้วพิชัย กรรมการและเหรัญญิก ๑๒. นางสาวดวงพร วงษ์สวัสดิ์ กรรมการและเลขานุการ หน้า ๑๔๔ นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่ง ให้รับจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิ ขึ้นใหม่ทั้งชุด ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๕ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ มนตรา พรมสินธุ ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัด สุราษฎร์ธานี นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัด สุราษฎร์ธานี เล่ม: ๑๓๙ หมวด: ๔๗ ง ประกาศ ณ: ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ หน้า: ๑๔๔
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:127257", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่อง จดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิขึ้นใหม่ทั้งชุด [มูลนิธิเพื่อการศึกษาโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ สุราษฎร์ธานี]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/D/047/T_0144.PDF", "year": null }
nonweb_91047
ประกาศนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี เรื่อง มอบหมายกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกาศนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี เรื่อง มอบหมายกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ๑๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมี ผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ซึ่งสาระสำคัญของพระราชบัญญัติดังกล่าว ประการหนึ่งคือ การเพิ่มเติมให้นายทะเบียนประจำจังหวัดสามารถมอบหมายอำนาจหน้าที่ของตน ให้ข้าราชการในสังกัดกรมการขนส่งทางบกกระทำการแทนได้ (มาตรา ๖ วรรคสี่) นั้น โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการมอบหมายกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน ประจำจังหวัดปัตตานี เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็วสามารถอำนวยประโยชน์ ให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ นายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี จึงมอบหมายกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน ประจำจังหวัดปัตตานี ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี เรื่อง มอบหมาย กิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี พ.ศ. ๒๕๕๘” ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ทำการแทน ในส่วนที่เกี่ยวกับ ๓.๑ การประกอบการขนส่งประจำทาง ซึ่งมีเส้นทางที่ทำการขนส่งภายในเขต จังหวัดที่รับผิดชอบ ดังนี้ (ก) การบรรจุรถ (ข) การเปลี่ยนรถ (ค) การถอนรถ ๓.๒ การประกอบการขนส่งประจำทางและการประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ซึ่งมีท้องที่ทำการขนส่งภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ ดังนี้ (ก) การออกใบอนุญาต (ข) การต่ออายุใบอนุญาต (ค) การออกใบแทนใบอนุญาต (ง) การกำหนดเงื่อนไขในใบอนุญาต (จ) การกำหนด (ปรับปรุง) เงื่อนไขในใบอนุญาต (ฉ) การบรรจุรถ (ช) การเปลี่ยนรถ (ซ) การถอนรถ (ฌ) การลดจำนวนตามเงื่อนไขในกรณีที่มิได้นำรถมาดำเนินการทางทะเบียน ภายในระยะเวลาที่กำหนด ๓.๓ การอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ซึ่งมีเส้นทาง ที่ทำการขนส่งภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบกระทำการ ดังนี้ (ก) ใช้รถผิดประเภทเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา ๒๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ข) ใช้รถทำการขนส่งนอกเส้นทางเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ค) เดินรถหมุนเวียน ตามมาตรา ๓๙/๑ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๓.๔ การอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง และการประกอบการ ขนส่งส่วนบุคคล ซึ่งมีท้องที่ทำการขนส่งภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบใช้รถผิดประเภทเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา ๒๗ วรรค ๓ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๓.๕ การสั่งผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งกระทำการ ดังต่อไปนี้ (ก) สั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางซึ่งมีเส้นทาง ทำการขนส่งภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบเปลี่ยนแปลงเส้นทางการเดินรถ เวลา และจำนวนเที่ยวของ การเดินรถเป็นการชั่วคราว หรือให้ส่งรถที่ตนได้รับอนุญาตไปช่วยเหลือเป็นการชั่วคราว กรณีมีเหตุฉุกเฉิน หรือมีความจำเป็นที่จะแก้ไขสถานการณ์เพื่อให้การขนส่งได้รับความสะดวกหรือให้มีรถเพียงพอ แก่การขนส่งตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ข) สั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง และผู้ได้รับ ใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ซึ่งมีท้องที่ทำการขนส่งภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ ส่วนรถที่ตน ได้รับอนุญาตไปช่วยเหลือเป็นการชั่วคราว กรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นที่จะแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้การขนส่งได้รับความสะดวก หรือให้มีรถเพียงพอแก่การขนส่ง ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติ การขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๓.๖ การดำเนินการตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ หมวด ๔ การชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการขนส่ง ๓.๗ การเรียกผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางซึ่งมีเส้นทางที่ทำการขนส่ง ภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง และผู้ได้รับใบอนุญาต ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลซึ่งมีท้องที่ทำการขนส่งภายในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ หรือผู้จัดการ และพนักงานของผู้ได้รับใบอนุญาต มาให้ถ้อยคำหรือสั่งให้ยื่นคำชี้แจงแสดงข้อเท็จจริง ตามมาตรา ๔๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๔ ให้นักวิชาการขนส่ง กลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ทำการแทน ตามข้อ ๓.๑ และข้อ ๓.๒ (ฉ) (ช) (ซ) (ฌ) ข้อ ๕ ให้หัวหน้าฝ่ายทะเบียนรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ทำการแทนเกี่ยวกับ ๕.๑ การดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ ดังนี้ (ก) การจดทะเบียน (ข) การเสียภาษีประจำปี (ค) การโอนรถ (ง) การย้ายรถ (จ) การอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบ ของรถในสาระสำคัญ ตามมาตรา ๗๘ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ฉ) การแจ้งเลิกใช้รถ ตามมาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ช) การแจ้งไม่ใช้รถ ตามมาตรา ๘๙ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ซ) การดำเนินการเกี่ยวกับการขอรับแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถหรือเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี แทนที่สูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ๕.๒ การสั่งให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งจัดการส่งไปให้พนักงานตรวจสภาพ หรือสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับอนุญาตตรวจสอบความบกพร่อง ตามมาตรา ๘๓ แห่งพระราชบัญญัติ การขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๕.๓ การอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งใช้รถที่ได้ทำการซ่อมแซม ปรับปรุง หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์หรือส่วนควบถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งผ่านการตรวจสอบ ความถูกต้องจากพนักงานตรวจสภาพหรือสถานตรวจสภาพที่ได้รับอนุญาตแล้ว ตามมาตรา ๘๔ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๖ ให้หัวหน้าฝ่ายตรวจสภาพรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ทำการแทน ตามข้อ ๕.๑ (จ) ข้อ ๕.๒ และข้อ ๕.๓ ข้อ ๗ ให้เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน สังกัดงานทะเบียนขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ทำการแทนตามข้อ ๕.๑ (ข) (ค) (จ) (ฉ) (ช) และ (ซ) ข้อ ๘ ให้หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี สาขาอำเภอสายบุรี และเจ้าพนักงานขนส่ง ชำนาญงาน สำนักงานขนส่งสาขา ได้รับมอบหมายข้อ ๕.๑ (ข) (ค) (ง) (จ) (ฉ) (ช) และ (ซ) และข้อ ๕.๒ (เฉพาะงานประกอบการขนส่งส่วนบุคคลในเขตพื้นที่รับผิดชอบ) ในส่วนที่เกี่ยวกับการมอบหมาย อำนาจหน้าที่ (ก) (ข) (ค) (ง) (จ) (ฉ) (ช) และ (ฌ) ข้อ ๙ ให้หัวหน้าฝ่ายใบอนุญาตขับรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี เป็นผู้ทำการแทน เกี่ยวกับ (ก) การออกใบอนุญาต (ข) การต่ออายุใบอนุญาต (ค) การออกใบแทนใบอนุญาต (ง) การสั่งพักใบอนุญาต (จ) การเพิกถอนใบอนุญาต ข้อ ๑๐ ให้เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน ฝ่ายใบอนุญาตขับรถสำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี ทำการแทนตามข้อ (ข) และ (ค) ข้อ ๑๑ ในกรณีที่นายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี ได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่เรื่องใดไว้ เป็นการเฉพาะแล้ว ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในเรื่องนั้น ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ชยุต สุขมิ่ง นายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี เล่ม: ๑๓๒ หมวด: ๒๑๘ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ หน้า: ๓๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:91048", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี เรื่อง มอบหมายกิจการอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนประจำจังหวัดปัตตานี พ.ศ. ๒๕๕๘", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/218/33.PDF", "year": null }
nonweb_113286
ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าถ้ำผาตูบ และป่าน้ำยาว และป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ให้เป็นวนอุทยาน พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าถ้าผาตูบ และป่าน้ายาว และป่าน้าสวด ในท้องที่ต้าบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ให้เป็นวนอุทยาน พ.ศ. 2563 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 26 และมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 รัฐมนตรีว่าการกระทรว งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 กำหนดบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าถ้าผาตูบ และป่าน้ายาว และป่าน้าสวด ในท้องที่ต้าบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ เป็นวนอุทยาน ข้อ 2 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เล่ม: ๑๓๗ หมวด: ๓๐๑ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หน้า: ๓๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:113287", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าถ้ำผาตูบ และป่าน้ำยาว และป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ให้เป็นวนอุทยาน พ.ศ. ๒๕๖๓", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/301/T_0038.PDF", "year": null }
nonweb_93032
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา เรื่อง การควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา เรื่อง การควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยที่เป็นการสมควรตราข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา ว่าด้วยกิจการ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหาร ส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกอบกับมาตรา ๓๒ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๓ มาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ องค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา โดยความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญาและนายอำเภอบางเลน จึงตราข้อบัญญัติไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา เรื่อง การควบคุม กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญาตั้งแต่วันถัดจากวัน ในประกาศในราชในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา เรื่อง การควบคุมกิจการที่เป็น อันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘ บรรดาข้อบัญญัติ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่ได้ตราไว้แล้ว ในข้อบัญญัตินี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบัญญัตินี้ ให้ใช้ข้อบัญญัตินี้แทน ข้อ ๔ ในข้อบัญญัตินี้ “สถานประกอบกิจการ” หมายความว่า สถานที่ที่ใช้ในการประกอบกิจการที่เป็นอันตราย ต่อสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกตามความในมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ “ผู้ดำเนินกิจการ” หมายความว่า ผู้เป็นเจ้าของหรือบุคคลที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งรับผิดชอบ ดำเนินการสถานประกอบกิจการนั้น “คนงาน” หมายความว่า ผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการ “มลพิษทางเสียง” หมายความว่า สภาวะของเสียงอันเกิดจากการประกอบกิจการของ สถานประกอบกิจการที่ทำให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของสาธารณชน “มลพิษความสั่นสะเทือน” หมายความว่า สภาวะของความสั่นสะเทือนอันเกิดจาก การประกอบกิจการของสถานประกอบกิจการที่ทำ ให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ของสาธารณชน “มลพิษทางอากาศ” หมายความว่า สภาวะของอากาศอันเกิดจากการประกอบกิจการของ สถานประกอบกิจการที่ทำให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของสาธารณชน “มลพิษทางน้ำ” หมายความว่า สภาวะของน้ำทิ้งอันเกิดจาก การประกอบกิจการของสถาน ประกอบกิจการที่ทำให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของสาธารณชน “อาคาร” หมายความว่า ตึก บ้าน เรือน โรง ร้าน แพ คลังสินค้า สำนักงาน หรือสิ่งที่ สร้างขึ้นอย่างอื่นซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ “สิ่งปฏิกูล” หมายความว่า อุจจาระหรือป้สสาวะ และรวมถึงสิ่งอื่นใดซึ่งเป็นสิ่งปฏิกูลหรือมีกลิ่นเหม็น “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา “เจ้าพนักงานสาธารณสุข” หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุขให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ “ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า ข้าราชการหรือพนักงาน องค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเพื่อให้ปฏิบัติการตาม มาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๕ ให้กิจการประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมภายในเขตองค์การ บริหารส่วนตำบลลำพญาตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๕.๑ กิจการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง (๑) การเพาะพันธุ์ เลี้ยง และการอนุบาลสัตว์ทุกชนิด (๒) การประกอบกิจการเลี้ยง รวบรวมสัตว์ หรือธุรกิจอื่นใดอันมีลักษณะทำนองเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนเข้าชมหรือเพื่อประโยชน์ของกิจการนั้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีการเรีย กเก็บค่าดูหรือค่าบริการ ในทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ก็ตาม ๕.๒ กิจการที่เกี่ยวกับสัตว์และผลิตภัณฑ์ (๑) การฆ่าหรือชำแหละสัตว์ ยกเว้นในสถานที่จำหน่ายอาหาร เร่ขาย หรือขายในตลาด (๒) การหมัก ฟอก ตาก หรือสะสมหนังสัตว์ ขนสัตว์ (๓) การสะสมเขา กระดูก ที่ยังมิได้แปรรูป (๔) การเคี่ยวหนัง เอ็น ไขสัตว์ (๕) การผลิตสิ่งของเครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากเปลือก กระดอง กระดูก เขา หนัง ขนสัตว์หรือส่วนอื่น ๆ ของสัตว์ ด้วยการต้ม นึ่ง ตาก เผา หรือกรรมวิธีใด ๆ ซึ่งมิใช่เพื่อเป็นอาหาร (๖) การผลิต โม่ป๋น บด ผสม บรรจุ สะสม หรือกระทำอื่นใดต่อสัตว์หรือพืช หรือ ส่วนหนึ่งส่วนใดของสัตว์หรือพืช เพื่อเป็นอาหารสัตว์หรือส่วนประกอบของอาหารสัตว์ (๗) การผลิต แปรรูป สะสม หรือล้างครั่ง ๕.๓ กิจการที่เกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม น้ำดื่ม ยกเว้นในสถาน ที่จำหน่ายอาหาร การเร่ขาย การขายในตลาด และการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน (๑) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำพริกแกง น้ำพริกปรุงสำเร็จ เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว น้ำจิ้ม หรือซอสปรุงรสชนิดต่าง ๆ (๒) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ อาหารหมัก ดอง จากสัตว์ ได้แก่ปลาร้า ปลาเจ่า กุ้งเจ่า ปลาส้ม ปลาจ่อม แหนม หม่ำ ไส้กรอก กะปิ น้ำปลา หอยดอง น้ำเคย น้ำบูดู ไตปลา หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน (๓) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ อาหารหมัก ดอง แช่อิ่ม จากผัก ผลไม้หรือพืช อย่างอื่น (๔) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ อาหารจากพืชหรือสัตว์โดยการตาก บด นึ่ง ต้ม ตุน เคี่ยว กวน ฉาบ ทอด อบ รมควัน ปิ้ง ย่าง เผา หรือวิธีอื่นใด (๕) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุลูกชิ้น (๖) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ เส้นหมี่ขนมจีน กวยเตี๋ยว เต้าฮวย เต้าหู้ วุ้นเส้น เกี้ยมอี๋ เนื้อสัตว์เทียม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน (๗) การผลิตบะหมี่มักกะโรนี สปาเกตตี พาสต้า หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆที่คล้ายคลึงกัน (๘) การผลิต ขนมป้งสด ขนมป้งแห้ง จันอับ ขนมเปียะ ขนมอบอื่น ๆ (๙) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำนม หรือผลิตภัณฑ์จากน้ำนมสัตว์ (๑๐) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ เนย เนยเทียม เนยผสม ผลิตภัณฑ์เนย ผลิตภัณฑ์เนยเทียม และผลิตภัณฑ์เนยผสม (๑๑) การผลิตไอศกรีม (๑๒) การคั่ว สะสม หรือแบ่งบรรจุกาแฟ (๑๓) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ ใบชาแห้ง ชาผง หรือเครื่องดื่มชนิดผงอื่น ๆ (๑๔) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ เอทิลแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ ไวน์ น้ำส้มสายชู ข้าวหมาก น้ำตาลเมา (๑๕) การผลิตน้ำกลั่น น้ำบริโภค น้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ (๑๖) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ หรือขนส่งน้ำแข็ง (๑๗) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำโซดา น้ำจากพืช ผัก ผลไม้ เครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ บรรจุกระปอง ขวดหรือภาชนะอื่นใด (๑๘) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ อาหารบรรจุกระปอง ขวด หรือภาชนะอื่นใด (๑๙) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ ผงชูรส หรือสารปรุงแต่งอาหาร (๒๐) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำตาล น้ำเชื่อม (๒๑) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุแบะแซ (๒๒) การแกะ ตัดแต่ง ล้างสัตว์น้ำ ที่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของกิจการห้องเย็น (๒๓) การประกอบกิจการห้องเย็นแช่แข็งอาหาร (๒๔) การเก็บ การถนอมอาหารด้วยเครื่องจักร ๕.๔ กิจการที่เกี่ยวกับยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (๑) การผลิต โม่บด ผสม หรือบรรจุยา (๒) การผลิต บรรจุยาสีฟ้น แชมพู ผ้าเย็น กระดาษเย็น เครื่องสำอาง รวมทั้งสบู่ที่ใช้ กับร่างกาย (๓) การผลิต บรรจุสำลี ผลิตภัณฑ์จากสำลี (๔) การผลิตผ้าพันแผล ผำปิดแผล ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมสำเร็จรูป (๕) การผลิตผงซักฟอก สบู่น้ำยาทำความสะอาด หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ๕.๕ กิจการที่เกี่ยวกับการเกษตร (๑) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุน้ำมันจากพืช (๒) การล้าง อบ รม หรือสะสมยางดิบ (๓) การผลิต หรือแบ่งบรรจุแป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคู แป้งจากพืช หรือแป้งอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน (๔) การสีข้าว นวดข้าวด้วยเครื่องจักร หรือแบ่งบรรจุข้าวด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม (๕) การผลิตยาสูบ (๖) การขัด กะเทาะ หรือบดเมล็ดพืช (๗) การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุปุยหรือวัสดุที่นำไปผลิตปุย (๘) การผลิตเส้นใยจากพืช (๙) การตาก สะสม ขนถ่ายผลิตผลของมันสำปะหลัง ข้าวเปลือก อ้อย ข้าวโพด ๕.๖ กิจการที่เกี่ยวกับโลหะห รือแร่ (๑) การผลิตภาชนะ เครื่องประดับ เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วยโลหะ หรือแร่ (๒) การถลุงแร่การหลอม หรือหล่อโลหะทุกชนิด ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาต ใน ๕.๖ (๑) (๓) การกลึง เจาะ เชื่อม ตี ตัด ประสาน รีด หรืออัดโลหะด้วยเครื่องจักรหรือก๊าซ หรือไฟฟ้า ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๕.๖ (๑) (๔) การเคลือบ ชุบโลหะด้วยตะกั่ว สังกะสี ดีบุก โครเมียม นิกเกิล หรือโลหะอื่นใด ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๕.๖ (๑) (๕) การขัด ล้างโลหะด้วยเครื่องจักร หรือสารเคมี ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาต ใน ๕.๖ (๑) (๖) การทำเหมืองแร่สะสม แยก คัดเลือก หรือล้างแร่ ๕.๗ กิจการที่เกี่ยวกับยานยนต์ เครื่องจักรหรือเครื่องกล (๑) การต่อ ประกอบ เคาะ ปะผุ พ่นสี หรือพ่นสารกันสนิมยานยนต์ (๒) การผลิตยานยนต์ เครื่องจักร หรือเครื่องกล (๓) การซ่อม การปรับแต่งเครื่องยนต์ เครื่องจักร เครื่องกล ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ หรืออุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของยานยนต์ เครื่องจักร หรือเครื่องกล (๔) การประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ เครื่องจักรหรือเครื่องกล ซึ่งมีไว้บริการหรือ จำหน่าย และในการประกอบธุรกิจนั้นมีการซ่อมหรือปรับปรุงยานยนต์ เครื่องจักรหรือเครื่องกลดังกล่าวด้วย (๕) การล้าง ขัดสี เคลือบสี หรืออัดฉีดยานยนต์ (๖) การผลิต สะสม จำหน่าย ซ่อม หรืออัดแบตเตอรี่ (๗) การจำหน่าย ซ่อม ปะ เชื่อมยางยานยนต์ หรือตั้ง ศูนย์ถ่วงล้อ (๘) การผลิต ซ่อม ประกอบ หรืออัดผำเบรก ผำคลัตช์ (๙) การสะสม การซ่อมเครื่องกล เครื่องจักรเก่าหรืออุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของยานยนต์ เครื่องจักร หรือเครื่องกลเก่า ๕.๘ กิจการที่เกี่ยวกับไม้หรือกระดาษ (๑) การผลิตไม้ขีดไฟ (๒) การเลื่อย ซอย ขัด ไส เจาะ ขุดร่อง ทำคิ้ว หรือตัดไม้ด้วยเครื่องจักร (๓) การผลิต พ่น ทำสารเคลือบเงา หรือสีแต่งสำเร็จสิ่งของเครื่องใช้ผลิตภัณฑ์จากไม้ หวาย ชานอ้อย (๔) การอบไม้ (๕) การผลิต สะสม แบ่งบรรจุธูป (๖) การผลิตสิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องเขียน หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดด้วยกระดาษ (๗) การผลิตกระดาษชนิดต่าง ๆ (๘) การเผาถ่าน หรือสะสมถ่าน ๕.๙ กิจการที่เกี่ยวกับการบริการ (๑) การประกอบกิจการสปาเพื่อสุขภาพ เว้นแต่เป็นการให้บริการในสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (๒) การประกอบกิจการ อาบ อบ นวด (๓) การประกอบกิจการนวดเพื่อสุขภาพ เว้นแต่เป็นการให้บริการที่ได้รับใบอนุญาต ใน ๕.๙ (๑) หรือในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (๔) การประกอบกิจการสถานที่อาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร เว้นแต่เป็นการให้บริการ ที่ได้รับใบอนุญาตใน ๕.๙ (๑) หรือในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (๕) การประกอบกิจการโรงแรม สถานที่พักที่มิใช่โรงแรมที่จัดไว้เพื่อให้บริการพักชั่วคราว สำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน หรือกิจการอื่นในทำนองเดียวกัน (๖) การประกอบกิจการหอพัก อาคารชุดให้เช่า ห้องเช่า หรือห้องแบ่งเช่าหรือกิจการอื่น ในทำนองเดียวกัน (๗) การประกอบกิจการโรงมหรสพ (๘) การจัดให้มีมหรสพ การแสดงดนตรี เต้นรำ รำวง รองเง็ง ดิสโกเทก คาราโอเกะ หรือตู้เพลง หรือการแสดงอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน (๙) การประกอบกิจการสระว่ายน้ำ หรือกิจการอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน เว้นแต่เป็น การให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๕.๙ (๑) (๑๐) การประกอบกิจการการเล่นสเกต หรือโรลเลอร์เบลด หรือการเล่นอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน (๑๑) การประกอบกิจการเสริมสวย หรือแต่งผม เว้นแต่กิจการที่อยู่ในบังคับตามกฎหมาย ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (๑๒) การประกอบกิจการสถานที่ออกกำลังกาย (๑๓) การประกอบกิจการให้บริการควบคุมน้ำหนัก (๑๔) การประกอบกิจการสวนสนุก โบว์ลิ่ง หรือตู้เกม (๑๕) การประกอบกิจการให้บริการคอมพิวเตอร์ (๑๖) การประกอบกิจการสนามกอล์ฟ หรือสนามฝกซ้อมกอล์ ฟ (๑๗) การประกอบกิจการห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ การสาธารณสุข วิทยาศาสตร์ หรือสิ่งแวดล้อม (๑๘) การประกอบกิจการสักผิวหนัง หรือเจาะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย (๑๙) การประกอบกิจการให้บริการเลี้ยงและดูแลเด็กที่บ้านของผู้รับบริการ (๒๐) การประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการ (๒๑) การประกอบกิจการให้บริการสปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์ชั่วคราว ๕.๑๐ กิจการที่เกี่ยวกับสิ่งทอ (๑) การป้นด้าย กรอด้าย ทอผ้าด้วยเครื่องจักร หรือทอผ้าด้วยกี่กระตุก (๒) การสะสมปอ ป๋าน ฝ้าย นุ่น หรือใยสังเคราะห์ (๓) การป้นฝ้าย นุ่น ใยสังเคราะห์ด้วยเครื่องจักร (๔) การทอเสื่อ กระสอบ พรม หรือสิ่งทออื่น ๆ ด้วยเครื่องจักร (๕) การเย็บ ป้กผำ หรือสิ่งทออื่น ๆ ด้วยเครื่องจักร (๖) การพิมพ์ผำ และสิ่งทออื่น ๆ (๗) การซัก อบ รีด หรืออัดกลีบผำด้วยเครื่องจักร (๘) การย้อม ฟอก กัดสีผำหรือสิ่งทออื่น ๆ ๕.๑๑ กิจการที่เกี่ยวกับหิน ดิน ทราย ซีเมนต์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง (๑) การผลิตภาชนะดินเผาหรือผลิตภัณฑ์ดินเผา (๒) การระเบิด โม่บด หรือย่อยหินด้วยเครื่องจักร (๓) การผลิตสิ่งของ เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วยซีเมนต์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง (๔) การสะสม ผสมซีเมนต์ หิน ดิน ทราย วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งการขุด ตัก ดูด โม่ บด หรือย่อยด้วยเครื่องจักร ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๕.๑๑ (๒) (๕) การเจียระไนเพชร พลอย หิน หรือกระจก หรือวัตถุที่คล้ายคลึง (๖) การเลื่อย ตัด หรือประดิษฐ์หินเป็นสิ่งของ เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ (๗) การผลิตชอล์ก ปูนปลาสเตอร์ ปูนขาว ดินสอพอง หรือเผาหินปูน (๘) การผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบหรือส่วนผสม (๙) การผลิต ตัด บดกระจกหรือผลิตภัณฑ์แก้ว (๑๐) การผลิตกระดาษทราย หรือผำทราย (๑๑) การผลิตใยแก้ว หรือผลิตภัณฑ์จากใยแก้ว (๑๒) การล้าง การขัดด้วยการพ่นทรายลงบนพื้นผิวกระจก แก้ว หิน หรือวัตถุอื่นใด ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๕.๖ (๕) ๕.๑๒ กิจการที่เกี่ยวกับปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ถ่านหิน ถ่านโค้ก และสารเคมีต่าง ๆ (๑) การผลิต สะสม บรรจุ หรือขนส่งกรด ด่าง สารออกซิไดซ์ หรือสารตัวทำละลาย (๒) การผลิต สะสม บรรจุ หรือขนส่งก๊าซ (๓) การผลิต สะสม กลั่น หรือขนส่งปิโตรเลียมหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (๔) การผลิต สะสม หรือขนส่งถ่านหิน หรือถ่านโค้ก (๕) การพ่นสี ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๗ (๑) (๖) การผลิตสิ่งของเครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์ด้วยยางเทียม พลาสติก เซลลูลอยด์ เบเกอร์ไลท์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง (๗) การโม่สะสม หรือบดชัน (๘) การผลิตสีหรือน้ำมันผสมสี (๙) การผลิต ล้างฟิล์มรูปถ่ายหรือฟิล์มภาพยนตร์ (๑๐) การเคลือบ ชุบวัตถุด้วยพลาสติก เซลลูลอยด์ เบเกอร์ไลท์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง (๑๑) การผลิตพลาสติก เซลลูลอยด์ เบเกอร์ไลท์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง (๑๒) การผลิต หรือบรรจุสารเคมีดับเพลิง (๑๓) การผลิตน้ำแข็งแห้ง (๑๔) การผลิต สะสม ขนส่งดอกไม้เพลิง หรือสารเคมีอันเป็นส่วนประกอบในการผลิต ดอกไม้เพลิง (๑๕) การผลิตเชลแล็ก หรือสารเคลือบเงา (๑๖) การผลิต สะสม บรรจุ ขนส่งสารกำจัด ศัตรูพืชหรือพาหะนำโรค (๑๗) การผลิต สะสม หรือบรรจุกาว ๕.๑๓ กิจการอื่น ๆ (๑) การพิมพ์หนังสือหรือสิ่งพิมพ์อื่นที่มีลักษณะเดียวกันด้วยเครื่องจักร (๒) การผลิต ซ่อมเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า (๓) การผลิตเทียน หรือเทียนไข หรือวัตถุที่คล้ายคลึง (๔) การพิมพ์แบบ พิมพ์เขียว หรือถ่ายเอกสาร (๕) การสะสมวัตถุหรือสิ่งของที่ชำรุด ใช้แล้วหรือเหลือใช้ (๖) การประกอบกิจการโกดังสินค้า (๗) การล้างขวด ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วเพื่อนำไปใช้ใหม่หรือแปรสภาพเป็น ผลิตภัณฑ์ใหม่ (๘) การพิมพ์ เขียน พ่นสี หรือวิธีอื่นใดลงบนวัตถุที่มิใช่สิ่งทอ (๙) การประกอบกิจการท่าเทียบเรือประมง สะพานปลา หรือแพปลา (๑๐) การบรรจุหีบห่อสินค้าโดยใช้เครื่องจักร (๑๑) การให้บริการควบคุมป้องกันและกำจัดแมลง หรือสัตว์พาหะนำโรค (๑๒) การผลิตสิ่งของ เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์จากยาง (๑๓) การผลิต สะสม หรือขนส่งไบโอดีเซลและเอทานอล ข้อ ๖ สถานประกอบกิจการที่ต้องมีการควบคุมตามข้อบัญญัตินี้ที่ตั้งอยู่ในเขตที่กฎหมาย ว่าด้วยการผังเมือง หรือกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารมีผลใช้บังคับ หรือสถานประกอบกิจการใด ที่เข้าข่ายเป็นโรงงาน หรือมีการประกอบกิจการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ว่าด้วยการนั้นและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วแต่กรณี ข้อ ๗ สถานประกอบกิจการต้องตั้งอยู่ห่างจากชุมชน วัด ศาสนสถาน โบราณสถาน โรงเรียน สถา บันการศึกษา โรงพยาบาล หรือสถานที่อื่น ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและกฎหมาย อื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในกรณีที่สถานประกอบกิจการที่ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงาน สถานประกอบกิจการนั้น จะต้องมีสถานที่ตั้งตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธรณสุขประกาศกำ หนด โดยคำนึงถึงลักษณะและประเภทของการประกอบกิจการของสถานประกอบการนั้น ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิด อันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนหรือก่อเหตุรำคาญด้วย ข้อ ๘ สถานประกอบกิจการที่มีอาคารต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องเป็นอาคารที่มีความมั่นคง แข็งแรง เหมาะสมที่จะประกอบกิจการ ที่ขออนุญาตได้ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องบันไดหนีไฟหรือทางออก ฉุกเฉินมีลักษณะเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ต้องไม่มี สิ่งกีดขวาง มีแสงสว่างเพียงพอ และมีป้ายหรือเครื่องหมายแสดงชัดเจน โดยทางออกฉุกเฉินต้องมี ไฟส่องสว่างฉุกเฉินเมื่อระบบไฟฟ้าปกติขัดข้อง (๒) ต้องจัดให้มีระบบการจัดแสงสว่างและการระบายอากาศให้เป็นไปตามกฎหมาย ว่าด้วยการควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง (๓) ต้องมีห้องน้ำและห้องส้วมตามแบบและ จำนวนที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วย การควบคุมอาคารและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมีการดูแลรักษาความสะอาดให้อยู่ในสภาพ ที่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำทุกวัน ข้อ ๙ สถานประกอบกิจการที่คนงานอาจเปรอะเปื้อนจากสารเคมี วัตถุอันตรายหรือสิ่งอื่นใด อันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพต้อง จัดให้มีที่อาบน้ำฉุกเฉิน ที่ล้างตาฉุกเฉิน ตามความจำเป็นและ เหมาะสมกับคุณสมบัติของวัตถุอันตรายและขนาดของการประกอบกิจการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ว่าด้วยวัตถุอันตรายและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๐ สถานประกอบกิจการต้องมีการเก็บ รวบรวม หรือกำจัดมูลฝอยที่ถู กสุขลักษณะ ดังนี้ (๑) มีภาชนะบรรจุหรือภาชนะรองรับที่เหมาะสมและเพียงพอกับปริมาณและ ประเภทมูลฝอย รวมทั้งมีการทำความสะอาดภาชนะบรรจุหรือภาชนะรองรับและบริเวณที่เก็บภาชนะนั้น อยู่เสมอ (๒) ในกรณีที่มีการกำจัดเองต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและ ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบัญญัติว่าด้วยการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย (๓) กรณีที่มีมูลฝอยที่ปนเปื้อนสารพิษหรือวัตถุอันตรายหรือสิ่งอื่นใดที่อาจเป็น อันตรายต่อสุขภาพหรือมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจะต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๑ สถานประกอบกิจการต้องมีการป้องกันและกำจัดแมลงและสัตว์ที่เป็นพาหะของ โรคติดต่อให้ถูกต้องตามหลักวิชาการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ข้อ ๑๒ สถานประกอบกิจการที่มีโรงอาหารหรือห้องครัวที่จัดไว้สำหรับการประกอบอาหาร การปรุงอาหาร การสะสมอาหารสำหรับคนงานต้องมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบัญญัติว่าด้วย สถานจำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร ข้อ ๑๓ สถานประกอบกิจการต้องจัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดภัยเป็นสัดส่วน และต้องรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ข้อ ๑๔ สถานประกอบกิจการต้องมีมาตรการความปลอดภัยในการทำงานและปฏิบัติให้เป็นไป ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๕ สถานประกอบกิจการต้องจัดให้มีการป้องกันเพื่อความปลอดภัย ดังนี้ (๑) มีระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้และเครื่องดับเพลิง ตามกฎหมายว่าด้วย การควบคุมอาคารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้จะต้องมีการบัน ทึกการบำรุงรักษาเครื่องดับเพลิง อย่างน้อยหกเดือนต่อครั้ง และมีการฝกอบรมการดับเพลิงเบื้องต้นจากหน่วยงานที่ทางราชการกำหนด หรือยอมรับให้แก่คนงานไม่น้อยกว่าร้อยละสี่สิบของจำนวนคนงานในสถานประกอบกิจการนั้น (๒) กรณีที่มีวัตถุอันตรายต้องมีสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเก็บรักษาวัตถุอันตราย หรือสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรืออัคคีภัยได้ง่ายไว้โดยเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๑๖ สถานประกอบกิจการใดที่การประกอบกิจการอาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงหรือ ความสั่นสะเทือน มลพิษทางอากาศ มลพิษ ทางน้ำ ของเสียอันตราย หรือมีการใช้สารเคมีหรือ วัตถุอันตรายจะต้องดำเนินการควบคุมและป้องกันมิให้เกิดผลกระทบจนเป็นเหตุรำคาญหรือเป็นอันตราย ต่อสุขภาพของคนงานและผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง ข้อ ๑๗ เมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ห้ามมิให้ผู้ใด ดำเนินกิจการตามที่ต้องมีการควบคุมตามข้อ ๕ ในลักษณะที่เป็นการค้า เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาต จากเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการออกใบอนุญาต เจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจกำหนดเงื่อนไขโดยเฉพาะให้ผู้รับ ใบอนุญาตปฏิบัติเพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชนเพิ่ม เติมจากที่กำหนดไว้โดยทั่วไป ในข้อบัญญัตินี้ก็ได้ ข้อ ๑๘ ผู้ใดประสงค์จะประกอบกิจการตามที่ต้องมีการควบคุมตามข้อ ๕ ในลักษณะ ที่เป็นการค้าจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามแบบที่กำหนดไว้ท้ายข้อบัญญัตินี้พร้อมกับเอกสาร และหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือ ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง (๒) สำเนาทะเบียนบ้าน ทะเบียนบ้านของสถานประกอบการ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง (๓) สำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคารของสถานที่ขออนุญาตประกอบกิจการค้า กรณีที่ก่อสร้างหลังพระราชบัญญัติค วบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ใช้บังคับ (๔) สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมสำเนาบัตรประจำตัว ประชาชนของผู้แทนนิติบุคคล (ในกรณีที่ผู้ขออนุญาตเป็นนิติบุคคล) (๕) หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้าน ของผู้รับรอง (๖) เอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เจ้าหน้าที่เห็นว่าสมควรเรียกเพิ่มเพื่อประกอบ การพิจารณาอนุญาต ข้อ ๑๙ ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ต้องดูแลรักษาสถานที่ตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในข้อบัญญัตินี้ ให้อยู่ในสภาวะ อันดีอยู่เสมอ และทำความสะอาดกวาดล้างสถานที่ประกอบการคำให้สะอาดทุกวัน (๒) ต้องพิจารณากิจการนั้น ๆ ภายในเขตสถานที่และตามกำหนด วัน เวลา ที่ได้รับอนุญาต (๓) ต้องดูแลรักษาเครื่องมือ เครื่องใช้ ในการประกอบการทุกอย่างให้สะอาด เรียบร้อย (๔) ต้องดูแลรักษาสถานที่อย่าให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน ยุง หรือสัตว์นำโรคอื่น ๆ (๕) ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเพิ่มเติมสถานที่ต้องได้รับอนุญาตจาก เจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน (๖) ต้องปฏิบัติการทุกอย่าง เพื่อให้ถูกต้องตามสุขลักษณะตามคำแนะนำของ เจ้าพนักงานสาธารณสุข หรือคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น (๗) ต้องยินยอมให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือเจ้าพนักงานสาธารณสุข หรือผู้ที่ได้รับ การแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น เข้าตรวจสถานที่สถานประกอบการ เครื่องมือ เครื่องใช้ตลอดจน วิธีการประกอบการค้านั้นได้ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการ เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตามข้อบัญญัติ (๘) อื่น ๆ ตามที่ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญาประกาศกำหนด ข้อ ๒๐ เมื่อได้รับคำขอรับใบอนุญาตหรือคำขอต่ออายุใบอนุญาตให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจ ความถูกต้องและความสมบูรณ์ของคำขอ ถ้าปรากฏว่าคำขอดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นรวบรวม ความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์นั้นทั้งหมด และแจ้งให้ผู้ขออนุญาตแก้ไขให้ถูกต้องและสมบูรณ์ ในคราวเดียวกัน และในกรณีจำเป็นที่จะต้องส่งคืนคำขอแก่ผู้ขออนุญาตก็ให้ส่งคืนคำขอพร้อมทั้ง แจ้งความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ให้ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันได้รับคำขอ เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องออกใบอนุญาตหรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผล ให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับคำขอซึ่งมีรายละเอียดถูกต้องหรือครบถ้วนตามที่ กำหนดในข้อบัญญัตินี้ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่อาจออกใบอนุญาตหรือยังไม่อาจมีคำสั่งไม่อนุญาต ได้ภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน แต่ต้องมีหนังสือแจ้งการขยายเวลาและเหตุจำเป็นแต่ละครั้งให้ผู้ขออนุญาตทราบก่อนสิ้นกำหนดเวลา ตามวรรคสองหรือตามที่ได้ขยายเวลาไว้แล้วนั้น แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๑ ในการออกใบอนุญาตตามข้อ ๒๐ เจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจกำหนดเงื่อนไขโดยเฉพาะ ให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติเพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชนเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้โดยทั่วไป ในข้อบัญญัตินี้ก็ได้ ใบอนุญาตตามข้อ ๒๐ ให้ใช้ได้สำหรับกิจการประเภทเดียวและสำหรับสถานที่แห่งเดียว ข้อ ๒๒ ผู้ได้รับการอนุญาตต้องมารับใบอนุญาตภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แจ้งการอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หากไม่มารับภายในกำหนดเวลาดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าสละสิทธิ์ ข้อ ๒๓ บรรดาใบอนุญาตที่ออกให้ตามข้อบัญญัตินี้ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต และให้ใช้ได้เพียงในเขตอำนาจขององค์การบริหารส่วนตำบลลำพญาเท่านั้น การขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอพร้อมกับเสีย ค่าธรรมเนียมแล้วให้ประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต ข้อ ๒๔ ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตตามอัตราที่กำหนดไว้ท้าย ข้อบัญญัตินี้ในวันที่มารับใบอนุญาต สำหรับกรณีที่เป็นการขอรับใบอนุญาตครั้งแรก หรือก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุสำหรับกรณีที่เป็นการขอต่ออายุใบอนุญาต ตลอดเวลาที่ยังดำเนินกิจการนั้น ถ้ามิได้เสียค่าธรรมเนียมภายในเวลาที่กำหนด ให้ชำระ ค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าธรรมเนียม ที่ค้างชำระ เว้นแต่ผู้ได้รับใบอนุญาตจะได้บอกเลิกการดำเนินกิจการนั้นก่อนถึงกำหนดการเสียค่าธรรมเนียมครั้งต่อไป ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งค้างชำระค่าธรรมเนียมติดต่อกันเกินกว่า สองครั้ง ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดการดำเนินกิจการไว้จนกว่าจะได้เสียค่าธรรมเนียม และค่าปรับจนครบจำนวน ข้อ ๒๕ บรรดาค่าธรรมเนียมและค่าปรับตามข้อบัญญัตินี้ให้เป็นรายได้ขององค์การบริหาร ส่วนตำบลลำพญา ข้อ ๒๖ ผู้ได้ใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบกิจการตลอดเวลาที่ประกอบกิจการ ข้อ ๒๗ ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระที่สำคัญ ให้ผู้ได้รับ ใบอนุญาตยื่นขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด ตามแบบที่ได้กำหนดไว้ท้ายข้อบัญญัตินี้ การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย ให้ผู้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตนำสำเนาบันทึก การแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แห่งท้องที่ที่ใบอนุญาตสูญหายมาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ประกอบด้วย (๒) ในกรณีใบอนุญาตถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระที่สำคัญ ให้ผู้ยื่นคำขอรับ ใบแทนใบอนุญาตนำใบอนุญาตเดิมเท่าที่เหลืออยู่มาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นประกอบด้วย ข้อ ๒๘ ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง ตามบทแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติ การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือข้อบัญญัตินี้หรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเรื่องที่กำหนดไว้ เกี่ยวกับการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งพักใช้ ใบอนุญาตได้ภายในเวลาที่เห็นสมควรแต่ต้องไม่เกินสิบห้าวัน ข้อ ๒๙ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาต (๑) ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่สอง ครั้งขึ้นไปและมีเหตุที่จะต้องถูกสั่งพักใช้ ใบอนุญาตอีก (๒) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๓) ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือข้อบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไข ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเรื่องที่กำหนดไว้เกี่ยวกับการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ และการไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องนั้นก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ ของประชาชน ห รือมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน ข้อ ๓๐ คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้รับ ใบอนุญาตทราบ ในกรณีที่ไม่พบผู้รับใบอนุญาต หรือผู้รับใบอนุญาตไม่ยอมรับคำสั่งดังกล่าว ให้ส่งคำสั่ง โดยทางไปรษณีย์ตอบรับ หรือให้ปิดคำสั่งนั้นไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงาน ของผู้รับใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นได้รับทราบคำสั่งแล้วตั้งแต่เวลาที่คำสั่งไปถึง หรือวันปิดคำสั่ง แล้วแต่กรณี ข้อ ๓๑ ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจะขอรับ ใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการที่ถูกเพิกถอน ใบอนุญาตอีกไม่ได้จนกว่าจะพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ข้อ ๓๒ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ในเขตอำนาจ ขององค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา ในเรื่องใดหรือทุกเรื่องก็ได้ ข้อ ๓๓ ผู้ใดฝ๋าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในบทกำหนดโทษ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๓๔ ผู้รับใบอนุญาตประกอบการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจ ข้อ ๓๕ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตให้ประกอบการค้า ตามอัตราท้ายข้อบัญญัตินี้ ข้อ ๓๖ ใบอนุญาตอย่างหนึ่งใช้สำหรับการค้าประเภทเดียวและสำหรับสถานที่เดียว ถ้าประกอบการซึ่งให้ควบคุมหลายประเภทในลักษณะ และสถานที่ เดียวกัน ให้เก็บค่าธรรมเนียมในอัตรา สูงเต็มอัตราแต่ประเภทเดียวกัน ประเภทอื่นให้เก็บเพียงกึ่งอัตรา ข้อ ๓๗ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญาเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไป ตามข้อบัญญัตินี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ณรงค์ศักดิ์ เลิศสิทธิพันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา ค่าธรรมเนียม (บาท) 1. กิจการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง 1.1การเพาะพันธุ์ เลี้ยง และการอนุบาลสัตว์ทุกชนิด 1.1.๑ การเพาะพันธุ์และการอนุบาลสัตว์ทุกชนิด ก. การเพาะพันธุ์สัตว์บก เช่น สุนัข สุกร โค กระบือ แพะ แกะ เป็นต้น - จำนวน ๑๐ - ๒๐ ตัว 200 - จำนวน ๒๐ ตัวขึ้นไป 500 ข. การเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เช่น ปลา กุ้ง กบ เป็นต้น - พื้นที่ไม่เกิน ๑๐๐ ตารางเมตร 100 - พื้นที่ตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๐๐ ตารางเมตร 200 - พื้นที่ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป 500 ค. การเพาะพันธุ์สัตว์ปีก เช่น นก ไก่ เป็ด ห่าน เป็นต้น - จำนวน ๕๐ - ๑๐๐ ตัว 100 - จำนวน ๑๐๐ - ๒๐๐ ตัว 200 - จำนวน ๒๐๐ ตัวขึ้นไป 500 ๑.๑.๒ การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด ก. การเลี้ยงสัตว์บก เช่น สุนัข สุกร โค กระบือ แพะ แกะ เป็นต้น - การเลี้ยงสุนัข ม้า โค กระบือ จำนวนเกินกว่า 5 ตัว แต่ไม่เกิน 20 ตัว 100 - การเลี้ยงสุนัข ม้า โค กระบือ จำนวนเกินกว่า 20 ตัว แต่ไม่เกิน 40 ตัว 100 - การเลี้ยงสุนัข ม้า โค กระบือ จำนวนเกินกว่า 40 ตัวขึ้นไป 400 - การเลี้ยงสุกร จำนวนเกินกว่า 20 ตัว แต่ไม่เกิน 50 ตัว 200 - การเลี้ยงสุกร จำนวนเกินกว่า 50 ตัว แต่ไม่เกิน 100 ตัว 300 - การเลี้ยงสุกร จำนวนเกินกว่า 100 ตัว แต่ไม่เกิน 500 ตัว 500 - การเลี้ยงสุกร จำนวนเกินกว่า 500 ตัว แต่ไม่เกิน 1,000 ตัว 1,000 - การเลี้ยงสุกร จำนวนเกินกว่า 1,000 ตัว แต่ไม่เกิน 2,000 ตัว 2,000 - การเลี้ยงสุกร จำนวนเกินกว่า 2,000 ตัวขึ้นไป 6,000 - การเลี้ยงแพะ แกะ จำนวนไม่เกิน 20 ตัว 300 - การเลี้ยงแพะ แกะ จำนวนเกินกว่า 20 ตัว แต่ไม่เกิน 50 ตัว 800 - การเลี้ยงแพะ แกะ จำนวนเกินกว่า 50 ตัวขึ้นไป 1,500 ข. การเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลา กุ้ง กบ หอย หรือสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอื่น ๆ - การเลี้ยงปลา กุ้ง พื้นที่ตั้งแต่ ๕ ไร่ - ๑๐ ไร่ 1,000 - การเลี้ยงปลา กุ้ง พื้นที่ตั้งแต่ ๑๐ ไร่ - ๒๐ ไร่ 2,000 - การเลี้ยงปลา กุ้ง พื้นที่ตั้งแต่ ๒๐ ไร่ขึ้นไป 3,000 - การเลี้ยงกบ หอย หรือสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอื่น ๆ - ขนาดบ่อตั้งแต่ 50 ตารางวา แต่ไม่เกิน 100 ตารางวา 200 - ขนาดบ่อเกินกว่า 100 ตารางวา แต่ไม่เกิน 400 ตารางวา 500 - ขนาดบ่อเกินกว่า ๔๐๐ ตารางวา แต่ไม่เกิน 800 ตารางวา 700 - ขนาดบ่อเกินกว่า 8๐๐ ตารางวา แต่ไม่เกิน 1,600 ตารางวา 1,000 - ขนาดบ่อเกินกว่า 1,6๐๐ ตารางวาขึ้นไป 1,200บัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา เรื่อง การควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ .ศ. ๒๕๕๙ ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -2 ค่าธรรมเนียม (บาท) ค. การเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน เช่น จระเข้ เต่า งู ตะพาบน้ำ หรือสัตว์เลื้อยคลานอื่น ๆ - จำนวนตั้งแต่ 5 ตัว แต่ไม่เกิน 20 ตัว 100 - จำนวนเกินกว่า 20 ตัว แต่ไม่เกิน 50 ตัว 200 - จำนวนเกินกว่า 50 ตัวขึ้นไป 500 ง. การเลี้ยงสัตว์ปีก เช่น นก นกกระทำ เป็ด ไก่ห่าน เป็นต้น - การเลี้ยงเป็ด ไก่ห่าน จำนวน 100 ตัว แต่ไม่เกิน ๒๐๐ ตัว 200 - การเลี้ยงเป็ด ไก่ห่าน จำนวน ๒ ตัวขึ้นไป 500 - การเลี้ยงนก นกกระทำ จำนวน ๓๐๐ ตัว แต่ไม่เกิน ๕,๐๐๐ ตัว 300 - การเลี้ยงนก นกกระทำ จำนวน ๕,๐๐๑ ตัว แต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ตัว 500 - การเลี้ยงนก นกกระทำ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ตัวขึ้นไป 1,000 จ. การเลี้ยงแมลง แมงดำนา ตั๊กแตน ผึ้งรัง ผีเสื้อไหม จิ้งหรีดหรือแมลง อื่น ๆ - จำนวนตั้งแต่ 5 ตัว แต่ไม่เกิน 2,000 ตัว 100 - จำนวนเกินกว่า 2, 000 แต่ไม่เกิน 5,000 ตัว 200 - จำนวนเกินกว่า 5, 000 ตัวขึ้นไป 300 ฉ. การเลี้ยงสัตว์เพื่อรีดเอานม - จำนวนเกินกว่า 5 ตัว แต่ไม่เกิน 20 ตัว 100 - จำนวนเกินกว่า 20 ตัว แต่ไม่เกิน 40 ตัว 200 - จำนวนเกินกว่า 40 ตัวขึ้นไป 400 1.2การประกอบกิจการเลี้ยง รวบรวมสัตว์ หรือธุรกิจอื่นใดอันมีลักษณะทำนองเดียวกัน 1,000 เพื่อให้ประชาชนเข้าชม หรือเพื่อประโยชน์ของกิจการนั้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีการเรียกเก็บค่าดู หรือค่าบริการไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ก็ตาม 2. กิจการที่เกี่ยวกับสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ 2.1การฆ่า หรือชำแหละสัตว์ ยกเว้นในสถานที่จำหน่ายอาหาร เร่ขาย หรือขายในตลาด ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 1,000 ข. โดยใช้เครื่องจักร 2,000 2.๒ การหมัก ฟอก ตาก หรือสะสมหนังสัตว์ ขนสัตว์ 2,000 ๒.3การสะสมเขา กระดูก หรือชิ้นส่วนสัตว์ที่ยังมิได้แปรรูป 2,000 ๒.4การเคี่ยวหนัง เอ็น หรือไขสัตว์ 1,000 2.5การผลิตสิ่งของเครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากเปลือก กระดอง กระดูก เขา หนัง ขนสัตว์หรือส่วนอื่น ๆ ของสัตว์ด้วยการต้ม นึ่ง ตาก เผาหรือกรรมวิธีใด ๆ ซึ่งมิใช่เพื่อเป็นอาหาร ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 500 ข. โดยใช้เครื่องจักร 3,000 ๒.๖ การผลิต โม่ป๋น บด ผสม บรรจุ สะสม หรือกระทำอื่นใดต่อสัตว์หรือพืชหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดของสัตว์หรือพืชเพื่อเป็นอาหารสัตว์หรือส่วนประกอบของอาหารสัตว์ ก. พื้นที่ต่ำกว่า ๒๐๐ ตารางเมตร 500 ข. พื้นที่ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป 1,000 ๒.๗ การผลิต แปรรูป สะสม หรือล้างครั่ง 2,000ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -3 ค่าธรรมเนียม (บาท) 3. กิจการที่เกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม น้ำดื่ม ยกเว้นในสถานที่จำหน่ายอาหาร การเร่ขาย การขายในตลาด และการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน ๓.1การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำพริกแกง น้ำพริกปรุงสำเร็จ เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว น้ำจิ้ม หรือซอสปรุงรสชนิดต่าง ๆ ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 200 ข. โดยใช้เครื่องจักร 1,000 ๓.๒ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุอาหารหมัก ดอง จากสัตว์ ได้แก่ปลาร้า ปลาเจ่า กุ้งเจ่า ปลาส้ม ปลาจ่อม แหนม หม่ำ ไส้กรอก กะปิ น้ำปลา หอยดอง น้ำเคย น้ำบูดู ไตปลา หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 200 ข. โดยใช้เครื่องจักร 1,000 ๓.๓ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ อาหารหมัก ดอง แช่อิ่ม จากผัก ผลไม้หรือพืชอย่างอื่น ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 200 ข. โดยใช้เครื่องจักร 1,000 ๓.๔ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ อาหารจากพืชหรือสัตว์โดยการตาก บด นึ่ง ต้ม ตุน เคี่ยว กวน ฉาบ ทอด อบ รมควัน ปิ้ง ย่าง เผา หรือวิธีอื่นใด ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 200 ข. โดยใช้เครื่องจักร 1,000 ๓.๕ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุลูกชิ้น ก. กำลังตั้งแต่ 5 แรงม้าลงมา 600 ข. กำลังตั้งแต่ 5 แรงม้าขึ้นไป 1,200 ๓.๖ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ เส้นหมี่ขนมจีน กวยเตี๋ยว เต้าฮวย เต้าหู้วุ้นเส้น เกี้ยมอี๋ เนื้อสัตว์เทียม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 600 ข. โดยใช้เครื่องจักร 2,400 ๓.๗ การผลิตบะหมี่มักกะโรนีสปาเกตตีพาสต้า หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆที่คล้ายคลึงกัน ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 1,000 ข. โดยใช้เครื่องจักร 5,000 ๓.๘ การผลิต ขนมป้งสด ขนมป้งแห้ง จันอับ ขนมเปียะ ขนมอบอื่น ๆ ก. โดยใช้เครื่องจักรต่ำกว่า 5 แรงม้าลงมา 500 ข. โดยใช้เครื่องจักรตั้งแต่ 5 แรงม้า แต่ไม่ถึง 500 แรงม้า 1,500 ค. โดยใช้เครื่องจักรตั้งแต่ 500 แรงม้าขึ้นไป 3,000 ๓.๙ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำนม หรือผลิตภัณฑ์จากน้ำนมสัตว์ 2,400 ๓.๑๐ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ เนย เนยเทียม เนยผสม ผลิตภัณฑ์เนย ผลิตภัณฑ์เนยเทียม 2,000 และผลิตภัณฑ์เนยผสม ๓.๑๑ การผลิตไอศกรีม ยกเว้นการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือน ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 1,000 ข. โดยใช้เครื่องจักร 2,000 ๓.๑๒ การคั่ว สะสม หรือแบ่งบรรจุกาแฟ ก. การคั่วกาแฟเพื่อขายปลีก 200 ข. การคั่วกาแฟเพื่อขายส่ง 2,000หมายเหตุ ประเภทการค้า ลำดับที่ -4 ค่าธรรมเนียม (บาท) ๓.๑๓ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ ใบชาแห้ง ชาผง หรือเครื่องดื่มชนิดผงอื่น ๆ ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 350 ข. โดยใช้เครื่องจักร 1,200 ๓.๑๔ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ เอทิลแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ ไวน์ น้ำส้มสายชู ข้าวหมาก น้ำตาลเมา ก. เอทิลแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ ไวน์ 5,000 ข. น้ำส้มสายชู 1,000 ค. ข้าวหมาก น้ำตาลเมา 500 ๓.๑๕ การผลิตน้ำกลั่น น้ำบริโภค น้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ ก. การผลิตน้ำกลั่น น้ำบริโภค 1,000 ข. การผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติตู้ละ 100 ๓.๑๖ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ หรือขนส่งน้ำแข็ง ก. เครื่องทำน้ำแข็งไม่ถึง 5 แรงม้า 350 ข. เครื่องทำน้ำแข็งตั้งแต่ 5 แรงม้า แต่ไม่ถึง 20 แรงม้า 2,000 ค. เครื่องทำน้ำแข็งตั้งแต่ 20 แรงม้าขึ้นไป 3,000 ๓.๑๗ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำโซดา น้ำจากพืชผัก ผลไม้ เครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ บรรจุกระปอง ขวดหรือภาชนะอื่นใด - โดยไม่ใช้เครื่องจักร 100 - โดยใช้เครื่องจักร 2,400 ๓.๑๘ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ อาหารบรรจุกระปอง ขวด หรือภาชนะอื่นใด ก. โดยใช้เครื่องจักรต่ำกว่า 500 แรงม้าลงมา 2,000 ข. โดยใช้เครื่องจักรตั้งแต่ 500 แรงม้าขึ้นไป 4,000 ค. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 200 ๓.๑๙ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ ผงชูรส หรือสารปรุงแต่งอาหาร - พื้นที่ต่ำกว่า ๕๐ ตารางเมตร 600 - พื้นที่ตั้งแต่ ๕๐ ตารางเมตรขึ้นไป 900 ๓.๒๐ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุ น้ำตาล น้ำเชื่อม ก. การผลิตจากมะพร้าว ตาล 100 ข. ผลิตมาจากสิ่งอื่น ๆ 1,200 ๓.๒๑ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุแบะแซ 4,000 ๓.๒๒ การแกะ ตัดแต่ง ล้างสัตว์น้ำ ที่ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของกิจการห้องเย็น 500 ๓.๒๓ การประกอบกิจการห้องเย็นแช่แข็งอาหาร 2,000 ๓.๒๔ การเก็บ การถนอมอาหารด้วยเครื่องจักร ก. กำลังเครื่องจักร ๕ - ๑๐ แรงม้า 1,000 ข. กำลังเครื่องจักร ๑๐ แรงม้าขึ้นไป 2,000 4. กิจการที่เกี่ยวกับยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ๔.๑ การผลิต โม่บด ผสม หรือบรรจุยา ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 200 ข. โดยใช้เครื่องจักร 1,000 4.2การผลิต บรรจุยาสีฟ้น แชมพู ผ้าเย็น กระดาษเย็น เครื่องสำอาง รวมทั้งสบู่ที่ใช้กับร่างกาย ก. โดยใช้เครื่องจักรไม่เกิน 5 แรงม้า 1,000 ข. โดยใช้เครื่องจักรตั้งแต่ 5 แรงม้าขึ้นไป 2,000ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -5 ค่าธรรมเนียม (บาท) 4.3การผลิต บรรจุสำลีผลิตภัณฑ์จากสำลี 4,000 4.4การผลิตผ้าพันแผล ผำปิดแผล ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ก. โดยใช้เครื่องจักร ไม่เกิน 200 แรงม้า 4,000 ข. โดยใช้เครื่องจักรตั้งแต่ ๒๐๐ แรงม้าขึ้นไป 5,000 4.5การผลิตผงซักฟอก สบู่น้ำยาทำความสะอาด หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 100 ข. โดยใช้เครื่องจักร 3,000 5. กิจการที่เกี่ยวกับการเกษตร ๕.๑ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุน้ำมันจากพืช 2,000 ๕.๒ การล้าง อบ รม หรือสะสมยางดิบ 1,000 ๕.๓ การผลิต หรือแบ่งบรรจุแป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคู แป้งจากพืช หรือแป้งอื่น ๆ 2,000 ในทำนองเดียวกัน ๕.๔ การสีข้าว นวดข้าวด้วยเครื่องจักร หรือแบ่งบรรจุข้าวด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม ก. การสีข้าว นวดข้าวด้วยเครื่องจักร - ใช้เครื่องจักรของชุมชน ๓๐๐ - ใช้เครื่องจักรไม่เกิน ๒๕ แรงม้า 500 - ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ ๒๕ แรงม้าขึ้นไป 3,000 ข. การแบ่งบรรจุข้าว - โดยไม่ใช้เครื่องจักร 300 - โดยใช้เครื่องจักร 1,000 ๕.๕ การผลิตยาสูบ ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 100 ข. โดยใช้เครื่องจักร 1,200 ๕.๖ การขัด กะเทาะ หรือบดเมล็ดพืช ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 500 ข. โดยใช้เครื่องจักร 2,000 ๕.๗ การผลิต สะสม หรือแบ่งบรรจุปุยหรือวัสดุที่นำไปผลิตปุย ก. การสะสมปุยพื้นที่น้อยกว่า 50 ตารางเมตร 600 ข. การสะสมปุยเนื้อที่ 50 - 100 ตารางเมตร 900 ค. การสะสมปุยเนื้อที่เกินกว่า 100 ตารางเมตร 1,200 ง. การทำปุยโดยใช้เครื่องจักร 2,000 จ. การทำปุยโดยวิธีการกองหมักซึ่งมีการใช้เครื่องจักรบ้างบางส่วน 1,000 หรือไม่ใช้เครื่องจักร ๕.๘ การผลิตเส้นใยจากพืช ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 300 ข. โดยใช้เครื่องจักร 500 ๕.๙ การตาก สะสม ขนถ่ายผลิตผลของมันสำปะหลัง ข้าวเปลือก อ้อย ข้าวโพด ก. การตาก สะสมมันสำปะหลัง ข้าวเปลือก อ้อย ข้าวโพด - พื้นที่ไม่เกิน ๒๐๐ ตารางเมตร 500 - พื้นที่ตั้งแต่ ๒๐๐ - ๕๐๐ ตารางเมตร 1,000 - พื้นที่ ๕๐๐ - ๑,๐๐๐ ตารางเมตร 2,000 - พื้นที่ ๑, ๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป 3,000 ข. การขนถ่ายผลิตผลของมันสำปะหลัง ข้าวเปลือก อ้อย ข้าวโพด 500ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -6 ค่าธรรมเนียม (บาท) 6. กิจการที่เกี่ยวกับโลหะหรือแร่ ๖.๑ การผลิตภาชนะ เครื่องประดับ เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ด้วยโลหะหรือแร่ ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 500 ข. โดยใช้เครื่องจักร 2,000 ๖.๒ การถลุงแร่การหลอม หรือหล่อโลหะทุกชนิด ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๖.๑ 1,500 ๖.๓ การกลึง เจาะ เชื่อม ตีตัด ประสาน รีด หรืออัดโลหะด้วยเครื่องจักรหรือก๊าซ 1,000 หรือไฟฟ้า ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๖.๑ ๖.๔ การเคลือบ ชุบโลหะด้วยตะกั่ว สังกะสีดีบุก โครเมียม นิกเกิล หรือโลหะอื่นใด 2,000 ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๖.๑ ๖.๕ การขัด ล้างโลหะด้วยเครื่องจักร หรือสารเคมียกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๖.๑ ก. โดยใช้เครื่องจักรไม่เกิน ๕ แรงม้า 500 ข. โดยใช้เครื่องจักรเกิน ๕ แรงม้า 1,000 ๖.๖ การทำเหมืองแร่สะสม แยก คัดเลือก หรือล้างแร่ ก. การสะสมแร่ 600 ข. การแยก คัดเลือกหรือล้างแร่ 2,000 7. กิจการที่เกี่ยวกับยานยนต์ เครื่องจักรหรือเครื่องกล ๗.1การต่อ ประกอบ เคาะ ปะผุ พ่นสี หรือพ่นสารกันสนิมยานยนต์ ก. การต่อ ประกอบหรือซ่อมเครื่องจักร เครื่องยนต์ 1,000 ข. การต่อ ประกอบหรือซ่อมเรือยนต์ เรือกล 2,000 ๗.๒ การผลิตยานยนต์ เครื่องจักร หรือเครื่องกล 5,000 ๗.๓ การซ่อม การปรับแต่งเครื่องยนต์ เครื่องจักร เครื่องกล ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ หรืออุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของยานยนต์ เครื่องจักร หรือเครื่องกล ก. สถานประกอบการ พื้นที่ไม่เกิน ๒๐๐ ตารางเมตร 500 ข. สถานประกอบการ พื้นที่ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป 1,000 ๗.๔ การประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ เครื่องจักรหรือเครื่องกล ซึ่งมีไว้บริการหรือจำหน่าย 8,000 และในการประกอบธุรกิจนั้นมีการซ่อมหรือปรับปรุงยานยนต์เครื่องจักรหรือเครื่องกล ดังกล่าวด้วย ๗.๕ การล้าง ขัดสี เคลือบสีหรืออัดฉีดยานยนต์ 1,000 ๗.๖ การผลิต สะสม จำหน่าย ซ่อม หรืออัดแบตเตอรี่ ก. การผลิต การสะสม และจำหน่ายแบตเตอรี่ 2,500 ข. การซ่อมและการอัดแบตเตอรรี่ 500 ๗.๗ การจำหน่าย ซ่อม ปะ เชื่อมยางยานยนต์ หรือตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ก. รถจักรยาน รถสามล้อ 100 ข. รถจักรยานยนต์ รถสามล้อเครื่อง 350 ค. รถยนต์ 1,000 ง. ประกอบกิจการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ 4,000 ๗.๘ การผลิต ซ่อม ประกอบ หรืออัดผำเบรก ผำคลัตช์ 1,000 ๗.๙ การสะสม การซ่อมเครื่องกล เครื่องจักรเก่าหรืออุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของยานยนต์ 500 เครื่องจักร หรือเครื่องกลเก่าลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -7 ค่าธรรมเนียม (บาท) 8. กิจการที่เกี่ยวกับไม้หรือกระดาษ ๘.1การผลิตไม้ขีดไฟ 2,000 ๘.2การเลื่อย ซอย ขัด ไส เจาะ ขุดร่อง ทำคิ้ว หรือตัดไม้ด้วยเครื่องจักร ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 500 ข. โดยใช้เครื่องจักร - กำลังไม่เกิน 5 แรงม้าลงมา 1,000 - กำลังตั้งแต่ 5 แรงม้าขึ้นไป 2,000 ๘.3การผลิต พ่น ทำสารเคลือบเงา หรือสีแต่งสำเร็จสิ่งของเครื่องใช้ผลิตภัณฑ์จากไม้ หวาย ชานอ้อย ก. พื้นที่ต่ำกว่า ๑๐๐ ตารางเมตร 500 ข. พื้นที่ตั้งแต่ ๑๐๐ - ๒๐๐ ตารางเมตร 800 ค. พื้นที่ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป 1,000 ๘.4การอบไม้ 4,000 ๘.5การผลิต สะสม แบ่งบรรจุธูป 300 ๘.6การผลิตสิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องเขียน หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดด้วยกระดาษ ก. โดยใช้เครื่องจักรไม่เกิน ๕ แรงม้า 1,000 ข. โดยใช้เครื่องจักรเกิน ๕ แรงม้า 2,000 ๘.7การผลิตกระดาษชนิดต่าง ๆ ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 500 ข. โดยใช้เครื่องจักร 5,000 ๘.8การเผาถ่าน หรือสะสมถ่าน ก. พื้นที่ไม่เกิน ๒๐๐ ตารางเมตร 200 ข. พื้นที่ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป 500 9. กิจการที่เกี่ยวกับการบริการ 9.1การประกอบกิจการสปาเพื่อสุขภาพ เว้นแต่เป็นการให้บริการในสถานพยาบาล 500 ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล 9.2การประกอบกิจการอาบ อบ นวด 4,000 9.3การประกอบกิจการนวดเพื่อสุขภาพ เว้นแต่เป็นการให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๙.๑ 500 หรือในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล 9.4การประกอบกิจการสถานที่อาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร เว้นแต่เป็นการให้บริการ 1,000 ที่ได้รับใบอนุญาตใน ๙.๑ หรือในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล 9.5การประกอบกิจการโรงแรม สถานที่พักที่มิใช่โรงแรมที่จัดไว้เพื่อให้บริการพักชั่วคราว สำหรับคนเดินทางหรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน หรือกิจการอื่นในทำนองเดียวกัน ก. มีห้องพักไม่เกิน ๒๐ ห้อง 1,000 ข. มีห้องพักตั้งแต่ ๒๑ - ๕๐ ห้อง 3,000 ค. มีห้องพักตั้งแต่ ๕๑ ห้องขึ้นไป 5,000 9.6การประกอบกิจการหอพัก อาคารชุดให้เช่า ห้องเช่า หรือห้องแบ่งเช่าหรือกิจการอื่นในทำนองเดียวกัน ก. กรณีนับเป็นห้อง - มีห้องพักตั้งแต่ ๑ - ๕ ห้อง 500 - มีห้องพักตั้งแต่ ๖ - ๑๐ ห้อง 800 - มีห้องพักตั้งแต่ ๑๑ - ๒๐ ห้อง 1,000ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -8 ค่าธรรมเนียม (บาท) - มีห้องพักตั้งแต่ ๒๑ - ๓๐ ห้อง 3,000 - มีห้องพักตั้งแต่ ๓๑ ห้องขึ้นไป 5,000 ข. กรณีเป็นหลัง คิดหลังละตามพื้นที่ดังนี้ - พื้นที่ไม่เกิน ๑๐๐ ตารางเมตร 1,500 - พื้นที่ตั้งแต่ ๑๐๐ - ๔๐๐ ตารางเมตร 2,000 - พื้นที่ตั้งแต่ ๔๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป 5,000 ๙.๗ การประกอบกิจการโรงมหรสพ 2,000 ๙.๘ การจัดให้มีมหรสพ การแสดงดนตรี เต้นรำ รำวง รองเง็ง ดิสโกเทก คาราโอเกะ หรือตู้เพลง 2,000 หรือการแสดงอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน ๙.๙ การประกอบกิจการสระว่ายน้ำ หรือกิจการอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน เว้นแต่เป็น 1,200 การให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๙ (๑) ๙.๑๐ การประกอบกิจการการเล่นสเกต หรือโรลเลอร์เบลด หรือการเล่นอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน 2,000 ๙.๑๑ การประกอบกิจการเสริมสวย หรือแต่งผม เว้นแต่กิจการที่อยู่ในบังคับตามกฎหมาย 200 ว่าด้วยการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ๙.๑๒ การประกอบกิจการสถานที่ออกกำลังกาย 1,000 ๙.๑๓ การประกอบกิจการให้บริการควบคุมน้ำหนัก 1,000 ๙.๑๔ การประกอบกิจการสวนสนุก โบว์ลิ่ง หรือตู้เกม ก. สวนสนุก โบว์ลิ่ง 2,000 ข. ตู้เกม หรือเครื่องเล่นเกม เครื่องละ 200 ๙.๑๕ การประกอบกิจการให้บริการคอมพิวเตอร์ เช่น ร้านอินเทอร์เน็ต ก. ไม่เกิน ๑๐ เครื่อง 1,000 ข. ตั้งแต่ ๑๐ เครื่องขึ้นไป 3,000 ๙.๑๖ การประกอบกิจการสนามกอล์ฟ หรือสนามฝกซ้อมกอล์ฟ 10,000 ๙.๑๗ การประกอบกิจการห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ การสาธารณสุข วิทยาศาสตร์ 2,000 หรือสิ่งแวดล้อม ๙.๑๘ การประกอบกิจการสักผิวหนัง หรือเจาะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย ก. การสักผิวหนัง 1,000 ข. การเจาะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 500 ๙.๑๙ การประกอบกิจการให้บริการเลี้ยงและดูแลเด็กที่บ้านของผู้รับบริการ 500 ๙.๒๐ การประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการ 500 ๙.๒๑ การประกอบกิจการให้บริการสปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์ชั่วคราว 500 10. กิจการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งทอ ๑๐.๑ การป้นด้าย กรอด้าย ทอผ้าด้วยเครื่องจักร หรือทอผ้าด้วยกี่กระตุก 3,000 ๑๐.๒ การสะสมปอ ป๋าน ฝ้าย นุ่น หรือใยสังเคราะห์ 1,200 ๑๐.๓ การป้นฝ้าย นุ่น ใยสังเคราะห์ด้วยเครื่องจักร 3,000 ๑๐.๔ การทอเสื่อ กระสอบ พรม หรือสิ่งทออื่น ๆ ด้วยเครื่องจักร 2,000 ๑๐.๕ การเย็บ ป้กผำ หรือสิ่งทออื่น ๆ ด้วยเครื่องจักร ก. เครื่องจักรจำนวน ๕ - ๑๐ เครื่อง 500 ข. เครื่องจักรจำนวน ๑๑ - ๒๐ เครื่อง 1,000 ค. เครื่องจักร ๒๑ เครื่องขึ้นไป 2,000 ๑๐.๖ การพิมพ์ผำ และสิ่งทออื่น ๆ 3,000ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -9 ค่าธรรมเนียม (บาท) ๑๐.๗ การซัก อบ รีด หรืออัดกลีบผำด้วยเครื่องจักร 1,000 ๑๐.๘ การย้อม ฟอก กัดสีผำหรือสิ่งทออื่น ๆ ก. โดยใช้เครื่องจักรกำลังไม่เกิน ๑๐๐ แรงม้า 2,000 ข. โดยใช้เครื่องจักรกำลังตั้งแต่ ๑๐๐ - ๕๐๐ แรงม้า 4,000 ค. โดยใช้เครื่องจักรกำลังตั้งแต่ ๕๐๐ แรงม้าขึ้นไป 5,000 11. กิจการที่เกี่ยวกับหิน ดิน ทราย ซีเมนต์หรือวัตถุที่คล้ายคลึง ๑๑.๑ การผลิตภาชนะดินเผาหรือผลิตภัณฑ์ดินเผา ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 400 ข. โดยใช้เครื่องจักร 3,000 ๑๑.๒ การระเบิด โม่บด หรือย่อยหิน ด้วยเครื่องจักร 2,000 ๑๑.๓ การผลิตสิ่งของ เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วยซีเมนต์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 1,000 ข. โดยใช้เครื่องจักร 3,000 ๑๑.๔ การสะสม ผสมซีเมนต์ หิน ดิน ทราย วัสดุก่อสร้าง รวมทั้งการขุด ตัก ดูด โม่บด หรือย่อย ด้วยเครื่องจักร ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๑๑.๒ ก. การผสมซีเมนต์ หิน ดิน ทราย - น้ำหนักน้อยกว่า ๑,๐๐๐ กิโลกรัม 500 - น้ำหนักตั้งแต่ ๑,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ กิโลกรัม 1,000 - น้ำหนักเกิน ๕,๐๐๐ กิโลกรัม 2,000 ข. การขุด ตัก ดูด โม่บด หรือย่อย หิน ดิน ทรายด้วยเครื่องจักร 3,000 ๑๑.๕ การเจียระไนเพชร พลอย หิน หรือกระจก หรือวัตถุที่คล้ายคลึง ก. ไม่เกิน ๕ เครื่อง 1,000 ข. จำนวน ๖ - ๑๕ เครื่อง 1,500 ค. ตั้งแต่ ๑๕ เครื่องขึ้นไป 2,000 ๑๑.๖ การเลื่อย ตัด หรือประดิษฐ์หินเป็นสิ่งของ เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 500 ข. โดยใช้เครื่องจักร ตั้งแต่ ๕ แรงม้าลงมา 1,000 ค. โดยใช้เครื่องจักร ตั้งแต่ ๕ แรงม้าขึ้นไป 2,000 ๑๑.๗ การผลิตชอล์ก ปูนปลาสเตอร์ ปูนขาว ดินสอพอง หรือเผาหินปูน 3,000 ๑๑.๘ การผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบหรือส่วนผสม เช่น ผำเบรก ผำคลัตช์ 2,000 ๑๑.๙ การผลิต ตัด บดกระจกหรือผลิตภัณฑ์แก้ว 1,000 ๑๑.๑๐ การผลิตกระดาษทราย หรือผำทราย 2,000 ๑๑.๑๑ การผลิตใยแก้ว หรือผลิตภัณฑ์จากใยแก้ว 2,000 ๑๑.๑๒ การล้าง การขัดด้วยการพ่นทรายลงบนพื้นผิวกระจก แก้ว หิน หรือวัตถุอื่นใด 1,000 ยกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๖.๕ 12. กิจการที่เกี่ยวกับปิโตรเลียม ถ่านหิน สารเคมี ๑๒.๑ การผลิต สะสม บรรจุ หรือขนส่งกรด ด่าง สารออกซิไดซ์ หรือสารตัวทำละลาย 3,000 ๑๒.๒ การผลิต สะสม บรรจุ หรือขนส่งก๊าซ 3,000 ๑๒.๓ การผลิต สะสม กลั่น หรือขนส่งปิโตรเลียมหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ก. จำนวนน้อยกว่า ๑๐๐ ลิตร 300 ข. จำนวนตั้งแต่ ๑๐๐ - ๑,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป 1,000 ค. จำนวนตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป 3,000ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ -10 ค่าธรรมเนียม (บาท) ๑๒.๔ การผลิต สะสม หรือขนส่งถ่านหิน หรือถ่านโค้ก ก. น้ำหนัก ๑ - ๒ ตัน 600 ข. น้ำหนักตั้งแต่ ๓ ตันขึ้นไป 1,200 ๑๒.๕ การพ่นสียกเว้นกิจการที่ได้รับใบอนุญาตใน ๗.๑ 3,000 ๑๒.๖ การผลิตสิ่งของเครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์ด้วยยางเทียม พลาสติก เซลลูลอยด์ เบเกอร์ไลท์ 1,000 หรือวัตถุที่คล้ายคลึง ๑๒.๗ การโม่สะสม หรือบดชัน 2,000 ๑๒.๘ การผลิตสีหรือน้ำมันผสมสี 3,000 ๑๒.๙ การผลิต ล้างฟิล์มรูปถ่ายหรือฟิล์มภาพยนตร์ ก. ฟิล์มรูปถ่าย 1,000 ข. ฟิล์มภาพยนตร์ 2,000 ๑๒.๑๐ การเคลือบ ชุบวัตถุด้วยพลาสติก เซลลูลอยด์ เบเกอร์ไลท์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง 1,000 ๑๒.๑๑ การผลิตพลาสติก เซลลูลอยด์ เบเกอร์ไลท์ หรือวัตถุที่คล้ายคลึง 2,000 ๑๒.๑๒ การผลิต หรือบรรจุสารเคมีดับเพลิง 1,200 ๑๒.๑๓ การผลิตน้ำแข็งแห้ง 5,000 ๑๒.๑๔ การผลิต สะสม ขนส่งดอกไม้เพลิงหรือสารเคมีอันเป็นส่วนประกอบในการผลิตดอกไม้เพลิง 1,000 ๑๒.๑๗ การผลิต สะสม หรือบรรจุกาว ก. โดยไม่ใช้เครื่องจักร 1,000 ข. โดยใช้เครื่องจักร 4,000 13. กิจการอื่น ๆ ๑๓.๑ การพิมพ์หนังสือหรือสิ่งพิมพ์อื่นที่มีลักษณะเดียวกันด้วยเครื่องจักร ก. กำลังเครื่องจักรตั้งแต่ ๕ แรงม้าลงมา 1,000 ข. กำลังเครื่องจักรตั้งแต่ ๕ แรงม้าขึ้นไป 1,500 ๑๓.๒ การผลิต ซ่อมเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า 700 ๑๓.๓ การผลิตเทียน หรือเทียนไข หรือวัตถุที่คล้ายคลึง 2,000 ๑๓.๔ การพิมพ์แบบ พิมพ์เขียว หรือถ่ายเอกสาร 1,000 ๑๓.๕ การสะสมวัตถุหรือสิ่งของที่ชำรุด ใช้แล้วหรือเหลือใช้ 2,000 ๑๓.๖ การประกอบกิจการโกดังสินค้า 5,000 ๑๓.๗ การล้างขวด ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วเพื่อนำไปใช้ใหม่หรือแปรสภาพ 1,000 เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๑๓.๘ การพิมพ์ เขียน พ่นสีหรือวิธีอื่นใดลงบนวัตถุที่มิใช่สิ่งทอ 1,000 ๑๓.๙ การประกอบกิจการท่าเทียบเรือประมง สะพานปลา หรือแพปลา 2,000 ๑๓.๑๐ การบรรจุหีบห่อสินค้าโดยใช้เครื่องจักร 1,000 ๑๓.๑๑ การให้บริการควบคุมป้องกันและกำจัดแมลง หรือสัตว์พาหะนำโรค 1,000 ๑๓.๑๒ การผลิตสิ่งของ เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์จากยาง 1,000 ๑๓.๑๓ การผลิต สะสม หรือขนส่งไบโอดีเซลและเอทานอล 500ลำดับที่ประเภทการค้า หมายเหตุ แบบ อภ.1 คำขอรับ ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เขียนที่.................................................................. วัน..................เดือน......................................พ.ศ. ............... ข้าพเจ้า  บุคคลธรรมดา  นิติบุคคล ชื่อ .................................. .............................. อายุ...................ปี สัญชาติ ...................... เลขประจำตัวประชาชนเลขที่              อยู่บ้านเลขที่............... .....หมู่ที่.................ตรอก/ซอย........ ..................................ถนน............... ........................................ ตำบล/แขวง............................................อำเภอ/เขต........ ..................................จังหวัด............ ........................................ โทรศัพท์................................................. ขอยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพต่อ เจ้าพนักงานท้องถิ่น ดังต่อไปนี้ 1. ชื่อสถานที่ประกอบกิจการว่า.......................................... .............................................................................. . 2. สถานที่ตั้ง เลขที่................ หมู่ที่...............ตรอก/ซอย...................................ถนน............ ......................... ตำบล/แขวง.......... ....................อำเภอ/เขต............. ...................จังหวัด..............................โทรศัพท์................................ 3. พื้นที่ประกอบกำร...................... ตารางเมตร กำลังเครื่องจักร..... ............แรงม้า จำนวนคนงาน.. ..........คน พร้อมคำขอนี้ข้าพเจ้าได้แนบเอกสารและ หลักฐานต่างๆ มาด้วย ดังนี้ (1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ (2) สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขอ รับใบอนุญาต (3) ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (4) .............................................................................................................. แผนที่ตั้งโดยสังเขป ขอรับรองว่า ข้อความในแบบคำขอนี้เป็นความจริงทุกประการ ลงชื่อ..............................................................ผู้ขอรับใบอนุญาต (................................................................) แบบ อภ.2 ใบอนุญาต ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เล่มที่ เลขที่ปี อนุญาตให้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล ชื่อ อายุ ปี สัญชาติ เลขประจำตัวประชาชนเลขที่อยู่บ้าน / สำนักงาน เลขที่ตรอก/ซอย ถนน หมู่ที่ตำบล/แขวง อำเภอ/เขต จังหวัด โทรศัพท์ โทรสาร ข้อ 1 ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภท ลำดับที่ค่าธรรมเนียม บาท ใบเสร็จรับเงินเล่มที่ เลขที่ลงวันที่ เดือน พ.ศ. โดยใช้ชื่อสถานประกอบการว่า พื้นที่ประกอบการ ตารางเมตร กำลังเครื่องจักร แรงม้า จำนวนคนงาน คน ตั้งอยู่ณ เลขที่ หมู่ที่ตรอก/ซอย ถนน ตำบล อำเภอ จังหวัด โทรศัพท์ โทรสาร ข้อ 2 ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยเฉพาะ ดังต่อไปนี้ (1) (2) ใบอนุญาตฉบับนี้ให้ใช้ได้จนถึงวันที่ เดือน พ.ศ. ออกให้ณ วันที่ เดือน พ.ศ. (ลายมือชื่อ) ( ) เจ้าพนักงานท้องถิ่น แบบ อภ.3 คำขอต่ออายุ ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เขียนที่.................................................... วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ................ ข้าพเจ้า  บุคคลธรรมดา  นิติบุคคล ชื่อ .......................................................... อายุ................ปี สัญชาติ ...................... เลขประจำตัวประชาชนเลขที่              อยู่บ้านเลขที่...............หมู่ที่.................ตรอก/ซอย.......... ...........................ถนน..................................................... ตำบล/แขวง............................อำเภอ/เขต.............................จังหวัด.........................โทรศัพท์.............................. ขอยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ดังต่อไปนี้ 1. ชื่อสถานที่ประกอบกิจการว่า....................................................................................................... 2. สถานที่ตั้ง เลขที่................ หมู่ที่...............ตรอก/ซอย...................................ถนน................. ตำบล/แขวง........................อำเภอ/เขต.....................จังหวัด....................................โทรศัพท์...................... 3. พื้นที่ประกอบกำร.......... ตารางเมตร กำลังเครื่องจักร................แรงม้า จำนวนคนงาน... ............คน พร้อมคำขอนี้ข้าพเจ้าได้แนบเอกสารและหลักฐานต่างๆ มาด้วย ดังนี้ (1) สำเนาใบอนุญาตเดิม (2) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ (3) สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขอรับใบอนุญาต (4) ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (5) ............................................................................................................. ขอรับรองว่า ข้อความในแบบคำขอนี้เป็นความจริงทุกประ การ ลงชื่อ..........................................................ผู้ขอต่อใบอนุญาต (..........................................................) แบบ อภ.4 คำขอรับใบแทน ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เขียนที่.................................................... วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ................ ข้าพเจ้า  บุคคลธรรมดา  นิติบุคคล ชื่อ ........................................................ อายุ...................ปี สัญชาติ ...................... เลขประจำตัวประชาชนเลขที่              อยู่บ้านเลขที่....................หมู่ที่.................ตรอก/ซอย.................................. ........ถนน........................................ ตำบล/แขวง...........................อำเภอ/เขต............... ....................จังหวัด................... .............โทรศัพท์............ ขอยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เนื่องจาก  สูญหาย  ถูกทำลาย  ชำรุดในสาระสำคัญ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ชื่อสถานที่ประกอบกิจการว่า.............................................................................................................. 2. สถานที่ตั้ง เลขที่................. หมู่ที่...............ตรอก/ซอย................................ถนน.............................. ตำบล/แขวง........................อำเภอ/เขต...............................จังหวัด ..............................โทรศัพท์................... 3. พื้นที่ประกอบกำร.......... ตารางเมตร กำลังเครื่องจักร.. ............แรงม้า จำนวนคนงาน................คน พร้อมคำขอนี้ข้าพเจ้าได้แนบเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ มาด้วย ดังนี้  1. สำเนาบันทึกการแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ (กรณีสูญหาย)  2. ใบอนุญาตเดิมเท่าที่เหลืออยู่ (กรณีถูกทำลายหรือชำรุด)  3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ  4. สำเนาทะเบียนบ้าน  5. .................................................................... ขอรับรองว่า ข้อความในแบบคำขอนี้เป็นความจริงทุกประการ ลงชื่อ .......................................................... ผู้ขอรับใบแทนใบอนุญาต (..........................................................) แบบ อภ.5 คำขออนุญาตการต่าง ๆ เกี่ยวกับการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เขียนที่........................................................ วันที่..............เดือน......................................พ.ศ. ............. ข้าพเจ้า  บุคคลธรรมดา  นิติบุคคล ชื่อ ..................................................... อายุ...................ปี สัญชาติ ...................... เลขประจำตัวประชาชนเลขที่              อยู่บ้านเลขที่.............หมู่ที่... ..............ตรอก/ซอย...............................................ถนน............................................ ตำบล/แขวง...................อำเภอ/เขต.......... .....................จังหวัด............ .......................โท รศัพท์........................... 1. ชื่อสถานที่ประกอบกิจการว่า............................................................................................................ 2. สถานที่ตั้ง เลขที่................ หมู่ที่...............ตรอก/ซอย...................................ถนน.......................... ตำบล/แขวง....................อำเภอ/เขต...............................จังหวัด..................................โทรศัพท์........................ 3. พื้นที่ประกอบการ................ ตารางเมตร กำลังเครื่องจักร..............แรงม้า จำนวนคนงาน... .......คน ขอยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ด้วยข้าพเจ้ามีความประสงค์ ........................... ............................... ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ขอรับรองว่า ข้อความในแบบคำขอนี้เป็นความจริงทุกประการ ลงชื่อ......................................................ผู้ขออนุญาต (.......................................................) เล่ม: ๑๓๓ หมวด: ๒๑๙ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙ หน้า: ๙๔
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:93033", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลลำพญา เรื่อง การควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/219/94.PDF", "year": null }
nonweb_145298
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2563 ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรตราข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง ว่าด้วยการควบคุม การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกอบมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ องค์การบริหาร ส่วนตำบลวังทอง โดยความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนตำบล วังทองและนายอำเภอนำวัง จึงตราข้อบัญญัติไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง เรื่อง การควบคุม การเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง ตั้งแต่เมื่อได้ประกาศไว้ โดยเปิดเผย ณ สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลวังทองแล้วเจ็ดวัน ข้อ ๓ บรรดาข้อบัญญัติ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่ได้ตราไว้แล้ว ในข้อบัญญัตินี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบัญญัตินี้ ให้ใช้ข้อบัญญัตินี้แทน ข้อ ๔ ในข้อบัญญัตินี้ “สัตว์” หมายความว่า สัตว์ทุกชนิดที่ผู้เลี้ยงได้เลี้ยงไว้ “การเลี้ยงสัตว์” หมายความว่า การเลี้ยงสัตว์ในสถานที่เลี้ยงสัตว์ “การปล่อยสัตว์” หมายความว่า การเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีการปล่อยให้อยู่นอก สถานที่เลี้ยงสัตว์ รวมทั้งการสละการครอบคร องสัตว์ “สถานที่เลี้ยงสัตว์” หมายความว่า คอกสัตว์ กรงสัตว์ ที่ขังสัตว์ หรือสถานที่ ในลักษณะอื่นที่ใช้ในการควบคุมสัตว์ที่เลี้ยง “เจ้าของสัตว์” หมายความรวมถึงผู้ครอบครองสัตว์ด้วย หน้า ๖๒ “ที่หรือทางสาธารณะ” หมายความว่า สถานที่หรือทางซึ่งไม่ใช่เป็นของเอกชน และประชาชนสามารถใช้ประโยชน์หรือใช้สัญจรได้ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง “เจ้าพนักงานสาธารณสุข” หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๕ ห้ามมิให้มีการเลี้ยงสัตว์ชนิดหรือประเภทเหล่านี้ในเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง โดยเด็ดขาด ได้แก่ (๑) งูพิษและงูที่อาจเกิดอันตรายแก่คนและสัตว์เลี้ยง (๒) ปลาปิรันยา (๓) คางคกไฟ (๔) สัตว์ดุร้ายต่าง ๆ (๕) สัตว์มีพิษร้ายอื่น ๆ (๖) สัตว์ต้องห้ามตามกฎหมายอื่น ๆ ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน ในท้องถิ่นหรือเพื่อป้องกันอันตรายจากเชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์ให้พื้นที่ในเขตอำนาจขององค์การบริหาร ส่วนตำบลวังทองเป็นเขตควบคุมการเลี้ยงหรือป ล่อยสัตว์ ดังนี้ (๑) ให้พื้นที่ต่อไปนี้เป็นเขตห้ามเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์โดยเด็ดขาด (๑.๑) ที่หรือทางสาธารณะเว้นแต่ที่สาธารณะนั้นเป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ (๑.๒) สถานที่ท่องเที่ยว (๑.๓) วัด โรงเรียน สถานที่ราชการ (๑.๔) พื้นที่ต้องห้ามในกฎหมายอื่น ๆ (๒) ให้พื้นที่นอกจากที่ระบุใน (๑) เป็นเขตเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ให้เลี้ยงสัตว์หรือปล่อยสัตว์ได้ ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๒.๑) ให้เลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ประเภทดังต่อไปนี้ได้ไม่เกินจำนวนที่กำหนด เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ดังนี้หน้า ๖๓ (ก) ช้าง ม้า ไม่เกิน ๑ ตัว (ข) สุกร โค กระบือ แพะ แกะ สุนัข ประเภทละ ไม่เกิน ๑๕ ตัว (ค) เป็ด ไก่นก ห่าน ประเภทละ ไม่เกิน ๒๐ ตัว (ง) จำนวนสัตว์อื่นนอกจาก (ก) - (ค) ต้องได้รับความเห็นชอบจาก เจ้าพนักงานท้องถิ่น (๒.๒) จัดให้มีสถานที่เลี้ยงสัตว์ที่มั่นคงแข็งแรง มีขนาดเหมาะสมตามประเภท หรือชนิดของสัตว์ มีระบบระบายน้ำและกำจัดสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ (๒.๓) รักษาสถานที่เลี้ยงสัตว์ให้สะอาดอยู่เสมอ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ เป็นประจำไม่ปล่อยให้เป็นที่สะสมจน เกิดกลิ่นเหม็นรบกวนผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง (๒.๔) เมื่อสัตว์ที่เลี้ยงตายลงเจ้าของสัตว์ต้องกำจัดซากสัตว์เพื่อป้องกันไม่ให้เป็น แหล่งแพร่เชื้อโรค โดยวิธีการที่ถูกสุขอนามัย (๒.๕) จัดให้มีภูมิคุ้มกันโรคในสัตว์ เช่น การฉีดวัคซีนให้สัตว์เลี้ยงเพื่อป้อง กัน เชื้อโรคที่เกิดจากสัตว์ (๒.๖) ให้เลี้ยงสัตว์ภายในสถานที่เลี้ยงสัตว์ของตนไม่ปล่อยให้สัตว์อยู่นอกสถานที่เลี้ยง โดยไม่มีการควบคุม กรณีเป็นสัตว์ดุร้ายจะต้องเลี้ยงภายในสถานที่หรือกรงที่บุคคลภายนอกเข้าไปไม่ถึงตัวสัตว์ และมีป้ายเตือนให้ระมัดระวังอันตรายจาก สัตว์นั้นที่มองเห็นได้ง่ายและชัดเจน (๒.๗) ควบคุมดูแลสัตว์เลี้ยงของตนไม่ให้ก่ออันตรายหรือสร้างความรำคาญต่อผู้อื่น หรือก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม (๒.๘) ปฏิบัติการอื่นใดตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น เจ้าพนักงานสาธารณสุข รวมทั้งระเบียบ ข้อบังคับและคำสั่งขององค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง ข้อ ๗ ในกรณีที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบสัตว์ในที่หรือทางสาธารณะอันเป็นการฝ๋าฝืนข้อ ๖ โดยไม่ปรากฏเจ้าของให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจกักสัตว์ดังกล่าวไว้เป็นเวลาอย่างน้อยสามสิบวัน เมื่อพ้นกำหนดแล้วยังไม่มีผู้ใดมาแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าของเพื่อรับสัตว์คืนให้สัตว์นั้นตกเป็นของ องค์การบริหารส่วนตำบลวังทองแต่ถ้าการกักสัตว์ไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่สัตว์นั้นหรือสัตว์อื่น หรือต้องเสียค่าใช่จ่ายเกินสมควร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะจัดการขายหรือขายทอดตลาดสัตว์นั้นตามควรแก่กรณี หน้า ๖๔ ก่อนถึงกำหนดเวลาดังกล่าวก็ได้เงินที่ได้จากการขายหรือขายทอดตลาดเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาด และค่าเลี้ยงดูสัตว์แล้วให้เก็บรักษาไว้แทนสัตว์ ในกรณีที่มิได้มีการขายหรือขายทอดตลาดตามวรรคหนึ่งและเจ้าของสัตว์มาขอรับสัตว์คืน ภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง เจ้าของสัตว์ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงดูสัตว์ให้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง ตามจำนวนที่ได้จ่ายจริงด้วย ในกรณีที่ปรากฏว่าสัตว์ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นพบนั้นเป็นโรคติดต่ออันจากเป็นอันตรายต่อประชาชน ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจทำลายหรือจัดการตามที่เห็นสมควรได้ ข้อ ๘ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ในเขตอำนาจของ องค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง ในเรื่องใดหรือทุกเรื่องก็ได้ ข้อ ๙ ผู้ใดฝ๋าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในบทกำหนดโทษ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๑๐ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังทองเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออก ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สุรจิตร เพ็งสา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง ปฏิบัติหน้าที่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง เล่ม: 140 หมวด: 217 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 06/09/2023 หน้า: 62
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:145299", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลวังทอง เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2563", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D217S0000000006200.pdf", "year": null }
nonweb_114538
คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม [คดีหมายเลขดำที่ อม. ๙/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโท ทักษิณ หรือ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลย] (อม.๒๙) คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่อม. ๙/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่อม. ๕/๒๕๕๑ ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ ๓๐ เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ อัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโท ทักษิณ หรือ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลย เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มีอำนาจหน้าที่กำหนดและกำกับนโยบายสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดินตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๘๘, ๒๑๑ และ ๒๑๒ จำเลยในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลทุกหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งองค์การของรัฐและรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและพนักงาน ในองค์การรัฐวิสาหกิจ มีอำนาจสั่งราชการที่เกี่ยวข้องกับภาษีสรรพสามิตผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑ ระหว่าง หน้า ๒๒ และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ จำเลยจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นอกจากนี้ จำเลยยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ หมวด ๙ ว่าด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม มาตรา ๑๐๐ ที่ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ สำหรับบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า บริษัท ชินคอร์ป ได้รับสัมปทาน โครงการดาวเทียมจากรัฐโดยตรง ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า บริษัท เอไอเอส เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐ ตามสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular Mobile Telephone) จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า ทศท. ปัจจุบันแปรสภาพและเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) โดยบริษัท เอไอเอส เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใน บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า บริษัท ดีพีซี เป็นผู้ได้รับสัมปทานดำเนินกิจการบริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า กสท. ปัจจุบันแปรสภาพ และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้บริษัท ชินคอร์ป ยังเป็นผู้ถือหุ้น ในบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐ ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ ๑) โดยบริษัท ชินคอร์ป ร่วมลงนามเป็นคู่สัญญาด้วย ก่อนจำเลยเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำเลยและ นางพจมาน ชินวัตร ภริยาจำเลย เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ป โดยจำเลยโอนหุ้นของตนบางส่วนให้บริษัท แอมเพิล ริช อินเวสท์เมนท์ จำกัด ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า บริษัท แอมเพิลริช เป็นบริษัทของจำเลย ต่อมาบริษัท แอมเพิลริช โอนหุ้น บริษัท ชินคอร์ป ทั้งหมดให้นายพานทองแท้ชินวัตร และ นางสาวพินทองทำ ชินวัตร บุตรจำเลยคนละครึ่ง และจำเลยกับ นางพจมาน ได้โอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ของตนส่วนที่เหลือทั้งหมดให้บุคคลต่าง ๆ ซึ่งเป็นบุตร น้องสาว และญาติจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นแทน รวมจำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๗๕ ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท คดีนี้ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น กล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๘ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน หน้า ๒๓ จำเลยอำพรางการถือหุ้น จำนวนดังกล่าวไว้ด้วยการให้บริษัท แอมเพิลริช บริษัท วินมาร์ค จำกัด นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทน เมื่อระหว่างวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยอำพรางการถือหุ้น จำนวนดังกล่าวไว้ด้วยการให้ นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทน และเมื่อระหว่างวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เวลากลางวัน และกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีหน้าที่ จัดการดูแลกิจการเกี่ยวกับโทรคมนาคมของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเกี่ยวกับภาษีของกระทรวงการคลัง จำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต เข้ามีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม ด้วยการสั่งการตามอำนาจหน้าที่ให้มีการแปลงค่าสัมปทาน ในกิจการโทรคมนาคมให้เป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อประโยชน์แก่ธุรกิจของบริษัท ชินคอร์ป โดยค่าสัมปทานดังกล่าว บริษัท เอไอเอส และบริษัท ดีพีซี มีหน้าที่จะต้องชำระให้แก่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาสัมปทาน โดยจำเลยมอบนโยบายและสั่งการให้ตราพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖๘) ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ กรณีที่เกี่ยวข้องกับ การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกิจการโทรคมนาคมและให้นำค่าสัมปทานหักกับภาษีสรรพสามิต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ กระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยทำให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่เป็นคู่สัญญา ต้องนำเงินค่าภาษีสรรพสามิตมาหักออกจากค่าสัมปทาน ทำให้เสียหายเป็นเงิน จำนวน ๔๑,๙๕๑.๖๘ ล้านบาท และ จำนวน ๒๕,๙๙๒.๐๘ ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้จำเลยไม่กำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ในกิจการดาวเทียมทั้งที่เป็นกิจการโทรคมนาคมและเป็นกิจการที่บริษัท ชินคอร์ป ได้รับสัมปทานจากรัฐ เช่นเดียวกับโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ถือเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการใช้อำนาจโดยไม่สุจริต เหตุเกิดที่แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และแขวงทุ่งสองห้อง หน้า ๒๔ เขตหลักสี่กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ ๑ ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐ , อม. ๑๐/๒๕๕๒ , อม. ๕๕/๒๕๕๘ และเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๑๕๒, ๑๕๗ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔, ๑๐๐, ๑๒๒ นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยที่ ๑ ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐, อม. ๑๐/๒๕๕๒, อม. ๕๕/๒๕๕๘ และต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๔/๒๕๕๑ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว แต่จำเลยไม่มาศาล จึงออกหมายจับจำเลยและมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว ต่อมามีพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ใช้บังคับ โดยมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ศาลพิจารณาคดีได้โดยไม่จำต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตนได้ โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลอนุญาตและส่งหมายเรียกกับสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบอีกครั้งโดยชอบแล้ว จำเลยไม่มา ศาลจึงออกหมายจับจำเลย แต่ไม่สามารถจับจำเลยได้ภายใน ๓ เดือน นับแต่วันออกหมายจับ ให้ถือว่าจำเลยหลบหนี จึงพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยและถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๘ วรรคหนึ่งและวรรคสอง และมาตรา ๓๓ วรรคสาม ระหว่างไต่สวนพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล แต่ตั้งทนายความมาดำเนินการแทน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๘ วรรคสอง ศาลอนุญาต พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประกอบรายงานการไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า คตส. รวมทั้งคำแถลงปิดคดีของโจทก์และทนายจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ๒ วาระ ต่อเนื่องกัน วาระที่ ๑ เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ถึงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๘ และวาระที่ ๒ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ หน้า ๒๕ นางพจมาน ชินวัตร เป็นภริยาจำเลย นายพานทองแท้ชินวัตร และ นางสาวพินทองทำ ชินวัตร เป็นบุตรจำเลยกับ นางพจมาน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นน้องสาวจำเลยและ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เป็นพี่ชาย นางพจมาน สำหรับบริษัท ชินคอร์ป เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เอไอเอส และบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) โดยบริษัท เอไอเอส เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ดีพีซี บริษัท ชินคอร์ป และบริษัทในเครือดังกล่าวต่างได้รับสัมปทานและเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ ดังนี้บริษัท ชินคอร์ป ได้รับสัมปทานโครงการดาวเทียมจากรัฐโดยตรง ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๔ เอกสารหมาย จ. ๑๔๒ ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาให้บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด เข้าร่วมเป็นคู่สัญญาด้วย ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสาร ภายในประเทศ (ฉบับที่ ๑) ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๓๕ เอกสารหมาย จ. ๑๔๔ บริษัท เอไอเอส ได้รับสัมปทานให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จาก ทศท. ตามสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular Mobile Telephone) ลงวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๓ เอกสารหมาย จ. ๑๔๓ และบริษัท ดีพีซี ได้รับสัมปทานให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จาก กสท. ตามสัญญาให้ดำเนินการ ให้บริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูล่า DIGITAL PCN (PERSONAL COMMUNICATION NETWORK) ๑๘๐๐ ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ เอกสารหมาย จ. ๑๘๓ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑/๒๕๕๓ ระหว่าง อัยการสูงสุด ผู้ร้อง พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกกล่าวหา (จำเลยคดีนี้) คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ ๑ กับพวก รวม ๒๒ คน ผู้คัดค้าน วินิจฉัยว่า จำเลยและ คุณหญิงพจมาน ยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น โดยให้นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ นายบรรณพจน์ และบริษัท แอมเพิลริช เป็นผู้ถือหุ้นแทนในระหว่างที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองวาระ พิพากษาให้เงินที่ได้จากการขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๓๙,๔๗๔,๙๖๕,๓๒๕.๗๐ บาท และเงินปันผลหุ้น จำนวน ๖,๘๙๘,๗๒๒,๑๒๙ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๖,๓๗๓,๖๘๗,๔๕๔.๗๐ บาท พร้อมดอกผลเฉพาะดอกเบี้ยที่ได้รับจากบัญชีเงินฝาก นับตั้งแต่วันฝากเงินจนถึงวันที่ธนาคารส่งเงินจำนวนดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ตามเอกสารหมาย จ. ๑๖๖ ภายหลังจากจำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวาระที่ ๑ แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ จำเลยเรียกประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานราชการ หน้า ๒๖ และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง ทศท. และ กสท. ที่ประชุมมอบหมาย ให้ผู้เกี่ยวข้องศึกษาแนวทางการแปรสภาพ ทศท. และ กสท. เป็นบริษัทเอกชน รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ ของการนำระบบภาษีสรรพสามิตมาใช้แก่ธุรกิจโทรคมนาคม กระทรวงคมนาคมจึงมีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารกิจการร่วมคำ (Steering Committee) มี นายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธาน จากนั้น คณะกรรมการบริหารกิจการร่วมคำมีคำสั่งที่ ๑/๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๔๕ แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาทรัพย์สิน หนี้สิน และภาระผูกพันของ ทศท. และ กสท. (ด้านโทรคมนาคม) ที่จะโอนไปยังบริษัทที่ตั้งใหม่มี นายสมหมาย ภาษี เป็นประธานคณะทำงาน และคณะทำงานดังกล่าว มีคำสั่งที่ ๒/๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๕ แต่งตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมในการแปลงส่วนแบ่งรายได้จากสัญญาร่วมการงานให้เป็นภาษีสรรพสามิต มี นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เป็นประธานคณะทำงานย่อย และมอบหมายให้กรมสรรพสามิตดำเนินการศึกษา เรื่องดังกล่าวควบคู่กันไปด้วย ต่อมาคณะทำงานพิจารณาทรัพย์สินฯ จัดทำรายงานผลการศึกษาสรุปว่า กรณีข้อกฎหมายการจัดตั้งบริษัทใหม่สามารถดำเนินการได้ส่วนกรณีแปลงส่วนแบ่งรายได้ ของสัญญาร่วมการงานเป็นภาษีสรรพสามิตต้องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคณะทำงานย่อยจัดทำรายงาน ผลการศึกษาสรุปว่า สามารถนำภาษีสรรพสามิตมาใช้กับกิจการโทรคมนาคมได้โดยต้องแก้ไขกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ และพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ส่วนกรมสรรพสำมิตดำเนินการศึกษาโดยมีคำสั่งที่ ๑๗๑/๒๕๔๕ ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๔๕ แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกิจการโทรคมนาคม มี นางสิรินุช พิศลยบุตร เป็นประธานคณะทำงาน จัดทำรายงานผลการศึกษาสรุปว่า การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต จากกิจการโทรคมนาคมจะต้องแก้กฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเช่นกันโดยตราเป็นพระราชบัญญัติ แต่เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงสามารถตราเป็นพระราชกำหนดได้โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๑๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และออกประกาศกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดอัตราภาษีสำหรับกิจการโทรคมนาคม ที่จะใช้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตต่อไป ต่อมาเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๕ มีการจัดตั้งกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร มีภารกิจกำกับดูแลด้านโทรคมนาคม โดย นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๕ นายสุรพงษ์ แถลงข่าวเรื่องการแปรสัญญาร่วมการงาน หน้า ๒๗ ด้านกิจการโทรคมนาคมต่อผู้ประกอบการว่าจะนำมาตรการแปลงค่าสัมปทานมาเป็นเครื่องมือ ในการแปรสัญญาโทรคมนาคมแทนการเจรจาแปรสัญญาสัมปทาน ซึ่งสอดคล้องกับเอกสารวิจัยส่วนบุคคล ของ นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริษัท ชินคอร์ป ในฐานะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ ๑๔ ปีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๔๕ ต่อมา นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต มีบันทึกข้อความที่กค ๐๖๒๓ /๐๑๐๑๗ ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๖ เสนอร่างพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... (ปรับปรุงคำนิยามสถานบริการ) ต่อปลัดกระทรวงการคลังเพื่อให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องเร่งดำเนินการสร้างความชัดเจนในการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตโดยทันที จึงมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อแก้ไขรูปแบบการตรากฎหมาย เป็นพระราชกำหนด ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีหนังสือแจ้งกระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิตว่า การแก้ไขพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ จำเป็นต้องแก้ไข บทนิยาม คำว่า “บริการ” และ “สถานบริการ” ของพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ให้สอดคล้องกันด้วย โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ. .... เสนอไปยังสำนักงานเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแล้ว วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีประชุมมีมติเห็นชอบร่างกฎหมาย ทั้งสองฉบับ แล้วนำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ. ๒๕๔๖ ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ โดยให้มีผลใช้บังคับนับแต่วันประกาศ เพื่อจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกิจการที่ได้รับอนุญาตหรือสัมปทานจากรัฐ ในวันเดียวกันคณะรัฐมนตรี ประชุมมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่...) และมอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปดำเนินการให้มีการหักภาษีสรรพสามิต หน้า ๒๘ ที่ชำระออกจากค่าสัมปทาน จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖๘) ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ ให้ลดพิกัดอัตรา และยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากอัตราร้อยละ ๕๐ เหลือร้อยละ ๑๐ ตามบัญชีท้ายประกาศ ต่อมาวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีประชุมมีมติเห็นชอบ แนวทางการดำเนินการเพื่อหักค่าภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ที่คู่สัญญาจะต้องนำส่งให้คู่สัญญาภาครัฐ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สำหรับ ทศท. แปรสภาพและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ส่วน กสท. แปรสภาพ และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๖ ต่อมาวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีหนังสือร้องเรียนไปยัง คตส. ขอให้ตรวจสอบการตราพระราชกำหนดทั้งสองฉบับดังกล่าว เนื่องจากทำให้เกิด ความเสียหายต่อกิจการโทรคมนาคมของชาติ และส่งผลให้บริษัทเอกชนที่เป็นกิจการในครอบครัวของจำเลย ได้รับประโยชน์อย่างมาก คตส. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าว คณะอนุกรรมการ ไต่สวนดำเนินการไต่สวนและแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยว่า เมื่อครั้งจำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในสองวาระ จำเลยและคู่สมรสยังคงถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐ อันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม และจำเลยกระทำการทุจริต ต่อตำแหน่งหน้าที่แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต จำเลยมีหนังสือชี้แจงปฏิเสธข้อกล่าวหา คตส. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของจำเลยมีมูลความผิดตามข้อกล่าวหา และมีมติให้ส่งรายงาน เอกสาร หลักฐานพร้อมความเห็นไปยังโจทก์เพื่อยื่นฟ้องเป็นคดีนี้จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ ๑ ในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑/๒๕๕๐ , อม. ๑๐/๒๕๕๒ และ อม. ๕๕/๒๕๕๘ และเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลย ในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๔/๒๕๕๑ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ อันฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตรา ๑๐๐ (๒) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือไม่ เห็นว่า บทบัญญัติมาตรา ๑๐๐ (๒) ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นหุ้นส่วน หน้า ๒๙ หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติออกประกาศ เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามความในมาตรา ๑๐๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. ๒๕๔๔ กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามความในบทบัญญัติดังกล่าว ดังต่อไปนี้ ๑. นายกรัฐมนตรี และ ๒. รัฐมนตรี มีเจตนารมณ์เพื่อป้องปรามการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้แสวงหาประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐ ที่อยู่ในอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของตน เพราะการปฏิบัติหน้าที่หรือวินิจฉัยสั่งการ หรือใช้อำนาจที่ตนมีอยู่เหนือหน่วยงานของรัฐ อาจส่งผลกระทบหรือมีอิทธิพลต่อการใช้ดุลพินิจ หรือการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ อันจะก่อให้เกิดการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ของตน กับผลประโยชน์ของรัฐ หรือก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ของตนได้ ข้อจำกัดสิทธิตามบทบัญญัติดังกล่าวมิได้ใช้บังคับแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกตำแหน่ง หากแต่ใช้เฉพาะตำแหน่ง ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ดังกล่าว ประกอบประกาศของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการ ตามมาตรา ๑๐๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดห้ามไว้เฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเท่านั้น ย่อมแสดงให้เห็นได้ว่า บทบัญญัตินี้มีวัตถุประสงค์ให้ใช้บังคับแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดำรงตำแหน่งในทางบริหารราชการแผ่นดินระดับสูง โดยมิได้จำกัดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นจะต้องมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ในหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ โดยตรง ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามความหมายในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว โดยจำเลยมีอำนาจหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินร่วมกับรัฐมนตรีอื่นตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมายและนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา และต้องรับผิดชอบร่วมกันต่อรัฐสภาในนโยบายทั่วไป ของคณะรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติมาตรา ๒๐๑ และ ๒๑๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ในการบริหารราชการแผ่นดินมีพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร หน้า ๓๐ ราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จัดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ การบริหารราชการส่วนกลาง การบริหารราชการส่วนภูมิภาค และการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งความในมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ กำหนดให้นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล และมีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปในการบริหารราชการแผ่นดินสั่งให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และส่วนราชการซึ่งมีหน้าที่ควบคุมราชการส่วนท้องถิ่น ชี้แจง แสดงความคิดเห็น ทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ ในกรณีจำเป็นจะยับยั้งการปฏิบัติราชการใด ๆ ที่ขัดต่อนโยบาย หรือมติคณะรัฐมนตรีก็ได้มีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่งซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม รวมทั้งดำเนินการอื่น ๆ ในการปฏิบัติ ตามนโยบาย จึงแสดงให้เห็นถึงอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดิน ว่ามีขอบเขตอย่างกว้างขวาง มีอำนาจเหนือข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่งในทุกกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทบวงต่าง ๆ เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารราชการกระทรวง และทบวงนั้น ๆ โดยนายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลตามลำดับผ่านรัฐมนตรี จำเลยจึงมีอำนาจกำกับ ดูแล สั่งการเกี่ยวกับการบริหารราชการของกระทรวงคมนาคมผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดังนั้น จำเลยจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบราชการของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นคู่สัญญากับบริษัท ชินคอร์ป ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสาร ภายในประเทศ เอกสารหมาย จ. ๑๔๒ และ จ. ๑๔๔ ได้ความจากทางไต่สวนโดย นายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ เบิกความว่า ตามบัญชีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชินคอร์ป ณ วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๑ ระบุว่า จำเลยถือหุ้น จำนวน ๓๒,๙๒๐,๐๐๐ หุ้น นางพจมาน ถือหุ้น จำนวน ๓๔,๖๕๐,๐๐๐ หุ้น และ นายบรรณพจน์ ถือหุ้น จำนวน ๖,๘๔๗,๓๙๕ หุ้น วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ ผู้ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ป มีมติให้เปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วของบริษัทด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากหุ้นที่ยังมิได้จัดสรร เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำเลย นางพจมาน และ นายบรรณพจน์ ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนโดย นางพจมาน เป็นผู้ชำระค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุนให้นายบรรณพจน์ หลังจากบริษัท ชินคอร์ป เพิ่มทุนแล้ว จำเลยถือหุ้น จำนวน ๖๕,๘๔๐,๐๐๐ หุ้น นางพจมาน ถือหุ้น จำนวน ๖๙,๓๐๐,๐๐๐ หุ้น และ นายบรรณพจน์ ถือหุ้น จำนวน ๑๓,๖๑๘,๐๓๐ หุ้น วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ จำเลยโอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๓๒,๙๒๐,๐๐๐ หุ้น ในราคา หุ้นละ ๑๐ บาท ให้แก่บริษัท แอมเพิลริช โดย นางพจมาน เป็นผู้ชำระค่าซื้อหุ้น วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๓ จำเลยและ นางพจมาน โอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ทั้งหมด ให้แก่ผู้ซื้อโดยตรงในราคา หุ้นละ ๑๐ บาท โดยจำเลยขายให้แก่นายพานทองแท้จำนวน ๓๐,๙๒๐,๐๐๐ หุ้น และขายให้แก่นางสาวยิ่งลักษณ์ จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น ส่วน นางพจมาน ขายให้แก่นายพานทองแท้จำนวน ๔๒,๔๗๕,๐๐๐ หุ้น และขายให้แก่นายบรรณพจน์ จำนวน ๒๖,๘๒๕,๐๐๐ หุ้น โดย นายพานทองแท้นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ ต่างออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระค่าซื้อหุ้น มีกำหนดใช้เงินเมื่อทวงถามโดยไม่มีดอกเบี้ยมอบให้แก่จำเลย และ นางพจมาน วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๔ บริษัท ชินคอร์ป เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ได้ตราไว้ จากหุ้นละ ๑๐ บาท เป็นหุ้นละ ๑ บาท เป็นผลให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐ เท่า โดยบัญชีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชินคอร์ป ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๔๔ ระบุว่า นายพานทองแท้ ถือหุ้น จำนวน ๗๓๓,๙๕๐,๒๒๐ หุ้น นายบรรณพจน์ ถือหุ้น จำนวน ๔๐๔,๔๓๐,๓๐๐ หุ้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ถือหุ้น จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น และบริษัท แอมเพิลริช ถือหุ้น จำนวน ๒๒๙,๒๐๐,๐๐๐ หุ้น ต่อมา นายพานทองแท้ โอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป บางส่วนให้แก่นางสาวพินทองทำ โดยตรง เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๕ จำนวน ๓๖๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท และวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖ อีก จำนวน ๗๓,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น ในราคา หุ้นละ ๑ บาท ทำให้นายพานทองแท้คงเหลือหุ้นอยู่ จำนวน ๒๙๓,๙๕๐,๒๒๐ หุ้น และ นางสาวพินทองทำ ถือหุ้น จำนวน ๔๔๐,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๙ บริษัท แอมเพิลริช โอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ทั้งหมดให้แก่นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทำ โดยตรง คนละ ๑๖๔,๖๐๐,๐๐๐ หุ้น ในราคา หุ้นละ ๑ บาท และวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๔๙ นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ โอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ที่ตนมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้แก่กลุ่มเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์ โดยมีบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้ซื้อ รวม จำนวน ๑,๔๘๗,๗๔๐,๑๒๐ หุ้น ในราคา หุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท รวมเป็นเงิน ๗๓,๐๗๕,๒๐๐,๘๔๗.๕๖ บาท โดยจำนวนหุ้นที่ขายไปเป็นหุ้นที่รับโอนมาจากจำเลยและ นางพจมาน กับหุ้นเพิ่มทุนที่นายบรรณพจน์ ซื้อโดยใช้เงินของ นางพจมาน ชำระค่าหุ้น และหุ้นที่นายพานทองแท้หน้า ๓๒ กับ นางสาวพินทองทำ รับโอนมาจากบริษัท แอมเพิลริช รวมอยู่ด้วย จำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น ซึ่งหุ้นจำนวนนี้หลังหักค่านายหน้าร้อยละ ๐.๒๕ และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗ แล้ว คงเหลือค่าหุ้น เป็นเงินสุทธิ ๖๙,๗๒๒,๘๘๐,๙๓๒.๐๕ บาท ซึ่งหุ้นดังกล่าวได้รับเงินปันผลระหว่างปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๔๘ รวม ๖ ครั้ง เป็นเงิน ๖,๘๙๘,๗๒๒,๑๒๙ บาท ตามเอกสารหมาย จ. ๓๓ ถึง จ. ๓๖ โดยบุคคลดังกล่าว ได้รายงานการจำหน่ายหลักทรัพย์ตามแบบ ๒๔๖ - ๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ทราบแล้ว คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ก่อนจำเลยจะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสองวาระ จำเลยโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ให้แก่นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ นายบรรณพจน์ และบริษัท แอมเพิลริช ไปแล้วก็ตาม แต่จำเลยยังคงไว้ซึ่งอำนาจต่าง ๆ และมีพฤติการณ์อันแสดงว่าจำเลย และ นางพจมาน ยังเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง โดยให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นแทน เห็นว่า แม้การโอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ดังกล่าว ทั้งผู้โอนและผู้รับโอนได้รายงานการจำหน่ายหลักทรัพย์ ตามแบบ ๒๔๖ - ๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ทราบแล้วก็ตาม แต่รายงานดังกล่าว ไม่ใช่หลักฐานแสดงการโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นจำนวนที่รายงาน ดังนั้น ในปัญหาว่าจำเลยและ นางพจมาน มีพฤติการณ์คงถือไว้ซึ่งหุ้นบริษัท ชินคอร์ป หรือไม่จึงต้องวินิจฉัยจากพฤติการณ์ระหว่างจำเลย และ นางพจมาน กับ นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ นายบรรณพจน์ และบริษัท แอมเพิลริช ตั้งแต่มีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ชินคอร์ป การโอนหุ้นระหว่างกัน และการถือครองหุ้นตั้งแต่มีการโอนให้แก่กันจนมีการขายหุ้นทั้งหมดให้แก่กลุ่มเทมาเส็กเป็นสำคัญ ได้ความต่อมาว่า วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๕ นายพานทองแท้ โอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๓๖๗,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น ในราคา ๑ บาท ให้แก่นางสาวพินทองทำ ซึ่งเป็นน้องสาว ร่วมบิดามารดาเดียวกันและบรรลุนิติภาวะแล้ว โดย นางพจมาน ซึ่งเป็นมารดาเป็นผู้ชำระค่าซื้อหุ้น และได้ความจำกคำเบิกความของ นายอเนก พนาอภิชน ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการเงินและบัญชี ของบริษัท ชินคอร์ป ว่า ภายหลังปี ๒๕๔๐ บริษัท ชินคอร์ป งดจ่ายเงินปันผล และเริ่มจ่ายเงินปันผล ในปี ๒๕๔๖ ปีละ ๒ งวด งวดแรกเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๖ สำหรับเงินปันผลหุ้นจำนวนที่โอนมาจากจำเลย และ นางพจมาน และหุ้นเพิ่มทุนที่นายบรรณพจน์ ซื้อโดยใช้เงินของ นางพจมาน ชำระนั้น บริษัท ชินคอร์ป จ่ายเงินปันผลหุ้นดังกล่าวให้แก่นายพานทองแท้จำนวน ๑๖๕,๑๒๗,๕๐๐ บาท นางสาวพินทองทำ จำนวน ๑๖๕,๑๕๐,๐๐๐ บาท นางสาวยิ่งลักษณ์ จำนวน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท หน้า ๓๓ นายบรรณพจน์ จำนวน ๑๕๑,๓๕๓,๐๖๗ บาท และบริษัท แอมเพิลริช จำนวน ๑๔๘,๑๔๐,๐๐๐ บาท เมื่อได้รับเงินปันผลงวดแรกแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ ก็เริ่มชำระเงินตามตั๋วสัญญา ใช้เงินให้แก่จำเลยและ นางพจมาน วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖ นายพานทองแท้ โอนขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ป ให้แก่นางสาวพินทองทำ อีก จำนวน ๗๓,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น โดย นางสาวพินทองทำ ใช้เงินปันผลที่ได้รับจากบริษัท ชินคอร์ป มาชำระค่าหุ้นให้แก่นายพานทองแท้นอกจากนี้ยังได้ความ จากสำนวนไต่สวนของ คตส. ว่า นางสาวพินทองทำ นำเงินปันผลที่ได้รับมา จำนวน ๔๘๕,๘๒๙,๘๐๐ บาท ไปซื้อหุ้นบริษัท อสังหาริมทรัพย์ ๕ บริษัท คืนจากบริษัท วินมาร์ค จำกัด ซึ่งเป็นหุ้นที่จำเลย และ นางพจมาน ขายให้แก่บริษัท วินมาร์ค จำกัด ไปก่อนหน้า สำหรับ นายพานทองแท้ เมื่อได้รับเงินปันผล จากบริษัท ชินคอร์ป แล้วก็ได้ทยอยโอนเงินเข้าบัญชี นางพจมาน จนถึงเดือนมกราคม ๒๕๔๙ ส่วน นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้รับเงินปันผลรวม ๖ งวด เป็นเงิน ๙๗,๒๐๐,๐๐๐ บาท แล้วได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ ให้แก่จำเลยรวมเป็นเงิน ๒๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท แม้จะได้ความว่า นายพานทองแท้นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ ต่างออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระค่าหุ้นมีกำหนดใช้เงินเมื่อทวงถามโดยไม่มีดอกเบี้ย มอบให้แก่จำเลยและ นางพจมาน ก็ตาม แต่จำเลยและ นางพจมาน ก็ไม่ได้ทวงถามให้บุคคลดังกล่าว ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน แต่อย่างใด จนกระทั่ง นายพานทองแท้นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ ได้รับเงินปันผลหุ้นแล้วจึงมีการโอนเงินชำระคืนให้แก่จำเลยและ นางพจมาน แต่จำนวนเงินที่โอนชำระคืนนั้น กลับไม่ตรงกับจำนวนเงินที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงน่าเชื่อว่า การโอนซื้อขายหุ้น ให้แก่กันระหว่างบุคคลดังกล่าวไม่มีการโอนซื้อขายและไม่มีการชำระราคากันจริง สำหรับบริษัท แอมเพิลริช และบริษัท วินมาร์ค จำกัด ได้ความจากสำนวนไต่สวนของ คตส. ว่า บริษัท แอมเพิลริช มีจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นเพียงผู้เดียว บริษัท แอมเพิลริช รับโอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป มาจากจำเลย จำนวน ๓๒,๙๒๐,๐๐๐ หุ้น ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๔ บริษัท ชินคอร์ป เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากหุ้นละ ๑๐ บาท เป็นหุ้นละ ๑ บาท มีผลทำให้ผู้ถือหุ้นเดิม มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น ๑๐ เท่า แต่ตามบัญชีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชินคอร์ป ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๔๔ กลับระบุว่า บริษัท แอมเพิลริช ถือหุ้นเพียง ๒๒๙,๒๐๐,๐๐๐ หุ้น โดยขาดจำนวนที่รับโอนมาจาก จำเลย ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น ข้อนี้ได้ความจากสำนวนไต่สวนของ คตส. ว่า ธนาคาร ยูบีเอส เอจี ประเทศสิงคโปร์ เข้ามาเปิดบัญชีหลักทรัพย์ไว้กับธนาคารซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพ จำนวน ๓ บัญชี หน้า ๓๔ ได้แก่บัญชีเลขที่ ๘๐๐๒๒๔๘๐๐๐๒ บัญชีเลขที่ ๘๐๐๒๔๘๐๐๖ ซึ่งระบุเป็นบัญชีหลักทรัพย์ ของบริษัท วินมาร์ค จำกัด และบัญชีเลขที่ ๘๐๐๒๔๘๐๐๐๗ ซึ่งระบุเป็นบัญชีหลักทรัพย์ของบริษัท แอมเพิลริช ได้ความคำเบิกความของ นายสัญญา วรัญญู นิติกรธนาคารซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพ ว่า ธนาคารซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพ ได้รับคำสั่งจากธนาคารยูบีเอส เอจี ประเทศสิงคโปร์ ให้โอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ไปมาระหว่างบัญชีหลักทรัพย์ ๓ บัญชีดังกล่าว ตามคำสั่ง S.W.I.F.T. Incoming Messages Log ของธนาคารซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพ เอกสารหมาย จ. ๗๕ ในช่วงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๘ มีการโอนย้ายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ไปมาระหว่างบัญชีหลักทรัพย์ ๓ บัญชี โดยไม่มีการชำระราคา และได้ความจำกคำเบิกความของ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในขณะนั้น และคำเบิกความของ นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ พนักงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่า พยานทั้งสองเป็นผู้ตรวจสอบกรณีจำเลยขายหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้บริษัท วินมาร์ค จำกัด เกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยประสานขอข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท วินมาร์ค จำกัด จากธนาคารกลางประเทศสิงคโปร์พบว่า จำเลยและ นางพจมาน เป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว พยานทั้งสองปากเบิกความประกอบเอกสาร ที่ได้รับมาจากธนาคารกลางประเทศสิงคโปร์และเป็นพยานหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ ดังนี้จึงแสดงว่า ในช่วงเวลาที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวาระที่ ๑ บริษัท แอมเพิลริช ได้โอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป บางส่วนไปอยู่ในความครอบครองของบริษัท วินมาร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของจำเลยและ นางพจมาน ทำให้จำนวนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ของบริษัท แอมเพิลริช ตามบัญชีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ชินคอร์ป ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๔๔ ขาดจำนวนที่รับโอนมาจากจำเลย ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น แล้วต่อมา บริษัท วินมาร์ค จำกัด ก็ได้โอนหุ้นดังกล่าวกลับคืนมาให้บริษัท แอมเพิลริช ทำให้บริษัท แอมเพิลริช มีหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๓๒๙,๒๐๐,๐๐๐ หุ้น ครบถ้วนตามจำนวนที่ได้รับโอนมาจากจำเลย หลังจากนั้น บริษัท แอมเพิลริช ได้โอนหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ทั้งหมดให้แก่นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทำ คนละ ๑๖๔,๖๐๐,๐๐๐ หุ้น แล้ว นายพานทองแท้ และ นางสาวพินทองทำ ได้โอนขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ทั้งหมดให้แก่กลุ่มเทมาเส็ก หน้า ๓๕ ในการบริหารจัดการบริษัท ชินคอร์ป ได้ความว่า จำเลยและ นางพจมาน มีสิทธิออกเสียงรวมกัน ทั้งทางตรงและทำงอ้อมเกินกว่ากึ่งหนึ่งของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง ถือเป็นผู้มีอำนาจในการควบคุมนโยบาย และการดำเนินงานของบริษัท ชินคอร์ป แสดงให้เห็นว่าจำเลยและ นางพจมาน เป็นผู้ควบคุมนโยบาย และการดำเนินงานของบริษัท ชินคอร์ป ผ่านทางคณะกรรมการของบริษัท เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ ระหว่างจำเลยและ นางพจมาน กับ นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ นายบรรณพจน์ บริษัท แอมเพิลริช และบริษัท วินมาร์ค จำกัด ตั้งแต่มีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ชินคอร์ป การโอนหุ้นระหว่างกัน และการถือครองหุ้นตั้งแต่มีการโอนให้แก่กัน จนมีการขายหุ้นให้แก่กลุ่มเทมาเส็ก ตามที่วินิจฉัยมาข้างต้น ประกอบกับในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑/๒๕๕๓ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โจทก์เป็นผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ริบทรัพย์สินของจำเลยตกเป็นของแผ่นดิน โดยกล่าวหาว่าจำเลยและ นางพจมาน ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงในหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น โดยใช้ชื่อ นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ นายบรรณพจน์ และบริษัท แอมเพิลริช เป็นผู้ถือหุ้นแทน ขอให้ยึดเงินที่ได้จากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป ให้แก่กลุ่มเทมาเส็ก ของประเทศสิงคโปร์ และเงินปันผลพร้อมดอกผลให้ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากการร่ำรวยผิดปกติ และมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ คดีดังกล่าวจำเลยซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา นางพจมาน นายพานทองแท้ นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ เป็นผู้คัดค้านที่ ๑ ถึงที่ ๕ ตามลำดับ ต่างยื่นคำคัดค้านต่อสู้คดีในชั้นศาล ศาลไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยและ นางพจมาน ยังคงถือไว้ ซึ่งหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น โดยให้บุคคลต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นแทน ในระหว่างที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสองวาระตามคำร้อง คดีนี้พยานหลักฐานของโจทก์ ตามที่ได้วินิจฉัยมาจึงรับฟังได้ว่า ขณะที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสองวาระ จำเลยเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ชินคอร์ป จำนวน ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น โดยให้บริษัท แอมเพิลริช บริษัท วินมาร์ค จำกัด นายพานทองแท้นางสาวพินทองทำ นางสาวยิ่งลักษณ์ และ นายบรรณพจน์ เป็นผู้ถือหุ้นแทน เมื่อบริษัท ชินคอร์ป เป็นคู่สัญญากับกระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ตามสัญญาดำเนินกิจการ ดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ โดยจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบกระทรวงคมนาคม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๐๐ (๒) จำเลยให้บุคคลต่าง ๆ เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ป แทนจำเลยต่อเนื่องมาโดยตลอด เพียงแต่ในช่วงเวลาดังกล่าว หน้า ๓๖ จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสองวาระติดต่อกันเท่านั้น ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาเดียวกระทำการฝ่าฝืน บทบัญญัติมาตรา ๑๐๐ (๒) องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า จำเลยกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ และเป็นความผิดกรรมเดียว อันฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา ๑๐๐ (๒) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งต้องรับโทษตามมาตรา ๑๒๒ ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองเนื่องด้วยกิจการนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๒ และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา ๑๕๗ หรือไม่ ตามทางไต่สวนได้ความจำกคำเบิกความของ นายแก้วสรร อติโพธิ ว่า ประธาน คตส. มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการไต่สวน ซึ่งมี นายกล้าณรงค์ จันทิก เป็นประธานอนุกรรมการ พยานเป็นอนุกรรมการ และเลขานุการ ผลการตรวจสอบปรากฏว่า ในระหว่างที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสองวาระ จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการแปลงค่าสัมปทานในกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพสามิต เพื่อประโยชน์แก่บริษัท ชินคอร์ป ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เอไอเอส และบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานที่ต้องชำระค่าสัมปทานให้แก่ทศท. และ กสท. โดยให้คณะรัฐมนตรี ตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ. ๒๕๔๖ ขยายฐานภาษีสรรพสามิตให้รวมถึงกิจการที่ได้รับอนุญาตหรือสัมปทานจากรัฐ สำหรับกิจการโทรคมนาคม กำหนดพิกัดอัตราภาษีร้อยละ ๕๐ โดยให้ลดลงหรืองดเว้นภาษีได้ แล้วคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ให้ออกประกาศกระทรวงการคลังลดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตดังกล่าวลง สำหรับกิจการโทรศัพท์พื้นฐาน เหลือร้อยละ ๒ กิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่เหลือร้อยละ ๑๐ และมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เห็นชอบให้คู่สัญญาภาคเอกชนที่ต้องชำระภาษีสรรพสามิตมีสิทธินำภาษีสรรพสามิต ที่ชำระให้แก่กรมสรรพสามิตแล้วมาหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องชำระให้แก่คู่สัญญาภาครัฐได้ และได้ข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ รองประธานมูลนิธิสถาบัน เพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือเรียกโดยย่อว่า สถาบันทีดีอาร์ไอ ว่า เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ คณะรัฐมนตรีชุดที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบกับแผนแม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม รวมทั้งการแปรรูป ทศท. และ กสท. โดยจัดตั้งองค์กรขึ้นกำกับดูแล ต่อมาวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๑ หน้า ๓๗ คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงคมนาคมเสนอแผนในการแปรรูป ทศท. และ กสท. กำหนดโครงสร้าง การแปรรูปสัญญาร่วมการงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน ในการประกอบธุรกิจโทรคมนาคมอย่างเสรี ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้บริการโทรคมนาคม โดยกระทรวงคมนาคมได้ว่าจ้างบริษัท ที่ปรึกษา รวม ๓ บริษัท ดำเนินการศึกษาแนวทางในการแปรรูป ทศท. และ กสท. เพื่อเสนอความเห็นต่อกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ประชุม และมีมติครั้งที่ ๑/๒๕๔๑ ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้ด้วย แต่ปรากฏว่าความเห็น ของบริษัท ที่ปรึกษาทั้งสามบริษัทกับความเห็นของคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวแตกต่างกันบางส่วน คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจจึงมีมติให้ว่าจ้างสถาบันทีดีอาร์ไอศึกษาและเสนอความเห็น ต่อกระทรวงการคลัง นายสมเกียรติ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ และนักวิชาการอีกหลายคน ได้ร่วมกันศึกษาแล้ว มีความเห็นว่าการแปรหรือไม่แปรสัญญาสัมปทานหรือการแก้ไขสัญญาสัมปทาน ต้องเป็นไปตามความสมัครใจของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แต่ละฝ่ายจะได้รับจากการแปร หรือไม่แปรสัญญาสัมปทานว่าแตกต่างกันหรือไม่ เพราะไม่มีเหตุผลที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จะได้รับผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้นจากการแปรสัญญาสัมปทาน กรณีการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ และพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ. ๒๕๔๖ นั้น ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยที่ ๓๒/๒๕๔๘ ว่า กระบวนการตราพระกำหนดทั้งสองฉบับชอบด้วยกฎหมายตามเอกสารหมาย จ. ๓๒ เห็นว่า จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินและบังคับบัญชาข้าราชการซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไป ตามอำนาจหน้าที่จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการโทรคมนาคม ทั้งในขณะนั้น จำเลยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ป โดยให้บุคคลอื่นมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทนตามที่วินิจฉัยไว้แล้ว โดยบริษัท ชินคอร์ป เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เอไอเอส ซึ่งได้รับสัมปทานดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จาก ทศท. และบริษัท เอไอเอส เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ดีพีซี ซึ่งได้รับสัมปทานดำเนินกิจการบริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่จาก กสท. แม้จะได้ความว่าจำเลยมอบหมายให้มีการศึกษาการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต จากกิจการโทรคมนาคม เพื่อทราบถึงประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นก่อนมีการตราพระราชกำหนด ทั้งสองฉบับก็ตาม โดย นายสุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในขณะนั้น เบิกความเป็นพยานว่า เหตุที่นำแนวคิดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมาใช้กับกิจการโทรคมนาคม หน้า ๓๘ เนื่องจากเมื่อปี ๒๕๔๕ คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การแปรสภาพ ทศท. และ กสท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจไปเป็นบริษัทจำกัด และมีการหารือกันว่าเมื่อแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดแล้ว จะนำหุ้นไปกระจายให้แก่ผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รัฐบาลจึงพิจารณาเรื่องรายได้ ของ ทศท. และ กสท. ที่ดำเนินการด้วยการใช้อำนาจรัฐ โดย ทศท. และ กสท. มีรายได้ ๒ ทาง คือ รายได้จากการดำเนินการของตัวเอง เช่น การให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และรายได้ที่เกิดจาก การที่กระทรวงการคลังมอบหมายให้ทศท. และ กสท. เป็นผู้ให้สัมปทานแก่เอกชน เมื่อเอกชน ได้รับสัมปทานแล้วจะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้แก่ทศท. และ กสท. โดยส่วนแบ่งรายได้ดังกล่าว รวมกับรายได้ส่วนที่เป็นกำไรต้องนำส่งให้กระทรวงการคลัง ณ สิ้นปี หาก ทศท. และ กสท. แปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดแล้วนำไปกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยที่รัฐบาลไม่ดำเนินการ กับส่วนแบ่งรายได้นี้ก่อน ส่วนแบ่งรายได้นี้ก็จะกลายเป็นรายได้ของบริษัทซึ่งไม่ใช่รายได้ที่เกิดจาก การดำเนินงานอย่างแท้จริงของบริษัท กระทรวงการคลังกังวลต่อปัญหาดังกล่าว จึงมีการศึกษา และนำระบบภาษีสรรพสามิตมาจัดเก็บ เพื่อนำรายได้ส่วนนี้กลับคืนให้กระทรวงการคลัง แต่เนื่องจาก การดำเนินงานของ ทศท. และ กสท. กับเอกชนคู่สัญญาต้องมีค่าเชื่อมต่อโครงข่ายด้วย จึงมีการพิจารณา ให้แบ่งส่วนแบ่งรายได้ออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งให้กระทรวงการคลังในรูปภาษีสรรพสามิต อีกส่วนหนึ่งให้ทศท. และ กสท. หลังจากนั้น ได้มีการศึกษาและออกพระราชกำหนด ประกาศกระทรวงการคลัง และมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เมื่อแปรสภาพ ทศท. และ กสท. เป็นบริษัทแล้ว เกิดกระแสประชาชนไม่เห็นด้วย ต่อการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ แนวคิดเรื่องดังกล่าวจึงหยุดชะงักไป แต่เมื่อพิจารณาตามหลักการ และเหตุผลที่จำเลยกับคณะรัฐมนตรีตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๔๖ และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๒๗ พ.ศ. ๒๕๔๖ แล้ว เป็นเหตุผลที่แสดงว่าประสงค์จะหารายได้เข้ารัฐ แต่คณะรัฐมนตรีชุดของจำเลย กลับมีมติยอมให้ภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจในด้านกิจการโทรคมนาคมซึ่งชำระภาษีสรรพสามิต สามารถนำภาษีที่ชำระให้แก่กรมสรรพสามิตไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องชำระให้แก่หน่วยงานของรัฐได้ ย่อมทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้อันเป็นการขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ในการตราพระราชกำหนดทั้งสองฉบับ มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวย่อมขัดแย้งกับเจตนารมณ์ในการตราพระราชกำหนดทั้งสองฉบับอย่างเห็นได้ชัด เพราะหากรัฐประสงค์จะเก็บภาษีสรรพสามิตจากการให้บริการโทรศัพท์เพื่อหารายได้เข้าสู่รัฐจริง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะยอมให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ทำสัญญาสัมปทานกับ ทศท. และ กสท. หน้า ๓๙ มีสิทธินำภาษีสรรพสามิตไปหักออกจากค่าสัมปทานได้มติคณะรัฐมนตรีชุดของจำเลยที่ออกมาเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ ทศท. และ กสท. ซึ่งจำเลยย่อมคาดหมายได้ว่าจะทำให้ทศท. และ กสท. ได้รับความเสียหาย แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้สั่งการใด ๆ เพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ทศท. และ กสท. โดย นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในขณะนั้น ซึ่งมี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากจำเลย เบิกความเป็นพยานว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ที่ให้ผู้ประกอบการมีสิทธินำภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ชำระแล้วไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ผู้ประกอบการดังกล่าว ต้องนำส่งให้แก่คู่สัญญาภาครัฐตามสัญญาสัมปทานนั้น มีผลเป็นการคืนเงินภาษีสรรพสามิต ให้แก่ผู้ประกอบการ และรัฐไม่ได้รับรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดังกล่าวเลยซึ่งพยานคิดคำนวณแล้ว ปรากฏว่า มีภาษีสรรพสามิตขาดหายไปเป็นเงินประมาณ ๖๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท คณะรัฐมนตรีชุดต่อมา ซึ่งมี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงมีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ และต่อมาเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๐ คณะรัฐมนตรีชุดดังกล่าว เห็นชอบให้กระทรวงการคลังออกประกาศลดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจการโทรคมนาคมลงเหลือ ร้อยละ ๐ โดยพยานเบิกความต่อไปว่า ภายหลังจากมีการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ จนถึงวันออกประกาศกระทรวงการคลังลดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตลงเหลือ ร้อยละ ๐ ปรากฏว่า รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นเงินประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับผลกระทบจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ได้ความจำกคำเบิกความของ นายหรรสา ชีวะพฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ว่า กสท. ขาดรายได้จากส่วนแบ่งรายได้เป็นเงิน ๒๕,๙๙๒,๐๘๑,๑๘๒.๕๓ บาท โดย กสท. ไม่ได้รับการชดเชยเป็นอย่างอื่นในส่วนของรายได้ที่ขาดไป ส่วน ทศท. ได้ความจำกคำเบิกความของ นางชัชนีย์ โสตถิสิริ ผู้จัดการส่วนจัดการงานผลประโยชน์ ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ว่า ทศท. ขาดรายได้จากส่วนแบ่งรายได้เป็นเงิน ๓๑,๔๖๒,๕๑๑,๒๐๔.๗๓ บาท ประกอบกับในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑/๒๕๕๓ ของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า การที่คณะรัฐมนตรีซึ่งมีจำเลยดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ดำเนินการตราพระราชกำหนดทั้งสองฉบับสำหรับกิจการโทรคมนาคมกับอนุมัติ ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖๘) ลงวันที่หน้า ๔๐ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ และมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ให้คู่สัญญา ภาคเอกชนนำภาษีสรรพสามิต สำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ชำระให้แก่กรมสรรพสามิต ตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวมาหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องชำระให้แก่หน่วยงานภาครัฐได้นั้น เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ดำเนินการดังกล่าว อันเป็นการกีดกันผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายใหม่ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท ชินคอร์ป จนเป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย เมื่อพิเคราะห์ พฤติการณ์ทั้งปวงของจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยมอบนโยบายและสั่งการให้ตราพระราชกำหนด ทั้งสองฉบับ สำหรับกิจการโทรคมนาคม ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๖๘) ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๖ และมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ เห็นชอบแนวทางให้คู่สัญญาภาคเอกชนนำภาษีสรรพสามิตมาหักออกจากส่วนแบ่งรายได้ที่คู่สัญญาภาคเอกชน จะต้องนำส่งให้คู่สัญญาภาครัฐได้ เป็นการกระทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท เอไอเอส ซึ่งได้รับสัมปทานจาก ทศท. และบริษัท ดีพีซี ซึ่งได้รับสัมปทานจาก กสท. โดยทั้งสองบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ชินคอร์ป ซึ่งจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ให้ได้รับคืนเงินภาษีสรรพสามิตที่ชำระแล้ว โดยมีสิทธินำไปหักออกจากส่วนแบ่งรายได้หรือค่าสัมปทานที่ต้องนำส่งให้ทศท. และ กสท. ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นผลให้ทศท. และ กสท. ได้รับความเสียหายต้องขาดรายได้ จำนวนดังกล่าวข้างต้น เมื่อจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการโทรคมนาคม และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในบริษัท ชินคอร์ป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเข้ามีส่วนได้เสียในการดำเนินการดังกล่าว และเป็นผลให้บริษัท ที่จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ได้รับประโยชน์ อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า การกระทำของจำเลย ตามฟ้องเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๒ ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วจึงไม่ต้องปรับบททั่วไป ตามมาตรา ๑๕๗ อีก ส่วนที่โจทก์มีคำขอให้นับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยที่ ๑ ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. ๑/๒๕๕๐, อม. ๑๐/๒๕๕๒, อม. ๕๕/๒๕๕๘ และต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๔/๒๕๕๑ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เห็นว่า สำหรับคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑/๒๕๕๐ ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ จำคุก ๒ ปี เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ แต่จำเลยที่ ๑ หลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาเพื่อรับโทษนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดจนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ เกินกำหนดเวลาสิบปี เป็นอันล่วงเลยการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ (๓) แล้ว หน้า ๔๑ แม้ต่อมาจะมีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเพิ่มมาตรา ๗๔/๑ ที่มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และมีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ โดยมาตรา ๒๕ วรรคสาม บัญญัติว่า “ในกรณีมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติมาตรา ๙๘ แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ” ก็ตาม แต่บทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งสองฉบับดังกล่าวมีผลทำให้กำหนดเวลาที่บุคคลอาจต้องรับโทษอาญาขยายออกไปเป็นไม่มีกำหนดเวลา ล่วงเลยการลงโทษ อันเป็นบทบัญญัติที่เป็นโทษแก่จำเลยที่ ๑ จึงไม่อาจนำมาใช้บังคับย้อนหลัง กับโทษตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑/๒๕๕๐ ซึ่งถึงที่สุดไปก่อนที่กฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับ เมื่อโทษจำคุกในคดีดังกล่าวล่วงเลยการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๘ (๓) แล้ว จึงไม่อาจนับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยที่ ๑ ในคดีดังกล่าวได้ ส่วนคดีหมายเลขแดงที่อม. ๕๕/๒๕๕๘ ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ จึงไม่มีโทษจำคุกให้นับต่อ ดังนั้น ให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อโทษจำคุกของจำเลย ในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๔/๒๕๕๑ และโทษจำคุกของจำเลยที่ ๑ ในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑๐/๒๕๕๒ เท่านั้น อนึ่ง ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๗ ให้ยกเลิกอัตราโทษ ในมาตรา ๑๕๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญาและให้ใช้อัตราโทษใหม่แทน แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ ไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายเดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐ วรรคหนึ่ง (๒) และมาตรา ๑๒๒ วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๒ (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ โดยองค์คณะผู้พิพากษา มีมติเสียงข้างมาก ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญา กับหน่วยงานของรัฐ จำคุก ๒ ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์ หน้า ๔๒ สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก ๓ ปี รวมเป็นจำคุก ๕ ปี ให้นับโทษจำคุกจำเลย ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๔/๒๕๕๑ และต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ ๑ ในคดีหมายเลขแดงที่อม. ๑๐/๒๕๕๒ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. นายดิเรก อิงคนินันท์ นายธีระพงศ์ จิระภาค นายประทีป ดุลพินิจธรรมา นายนพพร โพธิรังสิยากร นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง นายโสภณ โรจน์อนนท์ นายพิศล พิรุณ นายชัยยุทธ ศรีจำนงค์ เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๒ ก ประกาศ ณ: ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๒๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:114539", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม [คดีหมายเลขดำที่ อม. ๙/๒๕๕๑ คดีหมายเลขแดงที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ พันตำรวจโท ทักษิณ หรือ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลย]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/002/T_0022.PDF", "year": null }
nonweb_117060
ประกาศสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาพระโขนง เรื่อง การจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด [เดอะรูม สุขุมวิท ๓๘] ประกาศสำนักงานที่ดิน กรุงเทพมหานคร สาขาพระโขนง เรื่อง การจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด ด้วย ผู้ขอจดทะเบียนอาคารชุดชื่อ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และผู้ซื้อห้องชุด รายแรกชื่อ นา งธันยวรรณ รักษ์วนิชพงศ์ ได้ยื่นขอจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางและให้มีอำนาจกระทำการใด ๆ ทั้งนี้ตามมติของเจ้าของร่วม ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้ เพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวของอาคารชุดชื่อ “เดอะรูม สุขุมวิท 38” พนักงานเจ้าหน้าที่ได้พิจารณา แล้วเห็นว่าถูกต้อง จึงรับจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดชื่อ “เดอะรูม สุขุมวิท 38” ทะเบียนเลขที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ โดยให้มีอำนาจ กระทำการใด ๆ เพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ตามวรรคแรก จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ไตรรัตน์ เทพบริรักษ์ พนักงานเจ้าหน้าที่ เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๓๖ ง ประกาศ ณ: ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๒๓๕
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:117061", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาพระโขนง เรื่อง การจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด [เดอะรูม สุขุมวิท ๓๘]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/D/036/T_0235.PDF", "year": null }
nonweb_142709
ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และค่าธรรมเนียมการตรวจและการออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก พ.ศ. 2566 [เล่มที่ 1] ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และค่าธรรมเนียมการตรวจ และการออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก พ.ศ. 2566 โดยที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) ได้กำหนดไว้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. ๑๙๗๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974 (SOLAS), as amended) บทที่ XIV Safety Measures for Ships Operating in Polar Waters ให้ใช้ประมวลข้อบังคับระหว่างประเทศว่าด้วยเรือเดินเขตขั้วโลก (International Code for Ships Operating in Polar Waters) กับเรือเดินเขตขั้วโลก ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติตามพันธกรณี ระหว่างประเทศ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจและการออกใบสำคัญรับรอง ระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลกเพื่อปฏิบัติตา มอนุสัญญาและประมวลข้อบังคับดังกล่าว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๖๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือใน น่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ เจ้าท่า โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกข้อบังคับกรมเจ้าท่าไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และค่าธรรมเนียมการตรวจและการออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก พ.ศ. 2566” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดากฎข้อบังคับ ข้อบังคับ ระเบียบ และประกาศในส่วนที่บัญญัติไว้แล้วซึ่งขัด หรือแย้งกับข้อบังคับนี้ ให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน ข้อ ๔ ข้อบังคับนี้ให้ใช้กับเรือเดินเขตขั้วโลก ดังนี้ (๑) เรือเดินเขตขั้วโลกที่ต่อขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) ภายหลังจากวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เรือเดินเขตขั้วโลกที่ต่อก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ จะต้องเป็นไปตามข้อบังคับนี้ตั้งแต่การตรวจช่วงกลางอายุ (Intermediate survey) หรือการตรวจเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ (Renewal survey) แล้วแต่ว่าการตรวจใดจะเกิดขึ้นก่อน ข้อบังคับนี้ไม่ใช้กับเรือเดินเขตขั้วโลกของรัฐบาลที่มิได้ใช้เพื่อการพาณิชย์ อย่างไรก็ตามให้เรือนั้นปฏิบัติ ตามข้อบังคับนี้อย่างเหมาะสมและสามารถปฏิบัติได้หน้า ๖ (เล่มที่ ๑) ข้อ ๕ ในข้อบังคับนี้ “เรือเดินเขตขั้วโลก” (Polar ship) หมายถึง เรือที่ต่อหรือดัดแปลงเพื่อเดินเขตขั้วโลก “ประมวลข้อบังคับ” หมายถึง ประมวลข้อบังคับระหว่างประเทศว่าด้วยเรือเดินเขตขั้วโลก (International Code for Ships Operating in Polar Waters) ที่รับรองโดยมติคณะกรรมการ ความปลอดภัยทางทะเลขององค์การทางทะเลระหว่าง ประเทศ ที่ ๓๘๕ (๙๔) และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดย องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขว่าการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวถูกรับรองและมีผลใช้บังคับ ตามบทบัญญัติของข้อ ๘ ว่าด้วยเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัย แห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. ๑๙๗๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในเรื่องที่เกี่ยวกับขั้นตอนแก้ไขเพิ่มเติมที่ใช้บังคับ กับภาคผนวกนอกเหนือจากบทที่ I รวมถึงที่อาจมีการแก้ไขปรับปรุงในอนาคต “ต่อเรือ” หมายถึง การต่อเรือที่ได้วางกระดูกงูแล้ว หรืออยู่ในขั้นตอนการต่อเรือที่คล้ายคลึงกัน “การต่อเรือที่คล้ายคลึงกัน” หมายถึง (1) การต่อเรือที่มีการระบุประเภทเรือตั้งแต่เริ่มต้น และ (2) การต่อเรือลำนั้นได้ดำเนินการไปแล้วอย่างน้อย ๕๐ ตันหรือร้อยละ ๑ ของมวลประมาณ ของวัสดุโครงสร้างทั้งหมด แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า “เขตน่านน้ำขั้วโลก” (Polar waters) หมายถึง บริเวณเขตน่านน้ำอาร์กติก หรือบริเวณพื้นที่ เขตแอนตาร์กติก หรือทั้งสองบริเวณ “เขตน่านน้ำอาร์กติก” (Arctic waters) หมายถึง พื้นที่ทางเหนือของเส้นละติจูด 58º 00΄.0 เหนือ และลองจิจูด 042º 00΄.0 ตะวันตก ถึงละติจูด 64 º 37΄.0 เหนือ, ลองจิจูด 035º 27΄.0 ตะวันตก และจากเส้น rhumb ถึงละติจูด 67º 03΄.9 เหนือ, ลองจิจูด 026º 33΄.4 ตะวันตก และจากเส้น rhumb ถึงละติจูด 70๐ 49΄.56 เหนือ และลองจิจูด 008º 59΄.61 ตะวันตก (เขตน่านน้ำซอลแคป แจนไมเอน (Sørkapp, Jan Mayen)) และทางชายฝั่งทางใต้ของเขตน่านน้ำ (Jan Mayen) ถึง 73º 31 ' .6 เหนือ และ 019º01'.0 ตะวันออก โดยเกาะบีโอโนย่า (Bjørnøya) จากนั้นเป็นเส้นเดินวงใหญ่ถึงละติจูด 68º38΄.29 เหนือ และลองจิจูด 043º 23΄.08 ตะวันออก (เขตน่านน้ำ Cap Kanin Nos) และทางชายฝั่ง ทางตอนเหนือของทวีปเอเชียไปทางตะวันออกจนถึงช่องแคบแบริ่งจากนั้นจากช่องแคบแบริ่งไปทาง ทิศตะวันตกถึงละติจูด 60º เหนือ ถึงเขตน่านน้ำอิลเพิร์สกี้ (Il'pyrskiy) และตามเส้นขนานที่ 60º เหนือ ไปทางทิศตะวันออกจนถึงช่องแคบอิโตลิน (Etolin) และจากนั้นไปทางชายฝั่งทางเหนือ ของทวีปอเมริกาเหนือไกลออกไปทางใต้ละติจูด 60º เหนือ และจากนั้นไปทางตะวันออก ตามแนวขนานของละติจูด 60º เหนือถึงลองจิจูด 056º 37΄.1 ตะวันตก และจากนั้นไปถึงละติจูด 58º 00΄.0 เหนือ, ลองจิจูด 042º 00΄.0 ตะวันตก “พื้นที่เขตแอนตาร์กติก” (Antarctic area) หมายถึง พื้นที่ทางทะเลที่อยู่ตั้งแต่ละติจูด 60๐ ใต้ จนถึงขั้วโลกใต้หน้า ๗ (เล่มที่ ๑) ข้อ ๖ การตรวจเรือเดินเขตขั้วโลก ให้ตรวจตามข้อ ๗ หรือข้อ ๘ ประกอบกับข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ของกฎข้อบังคับสำหรับการตรวจเรือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออก ใบสำคัญรับรองเกี่ยวกับความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ เรือเดินเขตขั้วโลกต้องปฏิบัติตามประมวลข้อบังคับตามภาคผนวก 1 ที่แนบท้าย ข้อบังคับนี้หรือตามที่อธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนด ข้อ 8 เรือเดินเขตขั้วโลกต้องจัดให้มีคู่มือการใช้งาน โดยคู่มือต้องมีรายละเอียดและคำแนะนำ ในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลบนเรือทุกคนที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการใช้เรือเดินเขตขั้วโลก (Polar Water Operational Manual (PWOM)) ให้มีความปลอดภัย สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน เมื่อเรือจัดให้มีคู่มือการใช้งานตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้กรมเจ้าท่าหรือสถาบันการตรวจเรือ เป็นผู้อนุมัติคู่มือการใช้งานและให้สำเนาคู่มือเก็บไว้บนเรือ ตลอดจนปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเสมอ ข้อ ๙ เรือเดินเขตขั้วโลกต้องมีใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก (Polar Ship Certificate) ตามแบบที่ปรากฏในภาคผนวก 2 ที่แนบท้ายข้อบังคับนี้หรือตามที่ อธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนด ข้อ ๑๐ เจ้าของเรือหรือตัวแทนเจ้าของเรือที่มีความประสงค์จะให้เจ้าพนักงานตรวจเรือ ดำเนินการตรวจเรือเพื่ออ อกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก ต้องยื่นคำร้อง ตามแบบ ก.๕ ล่วงหน้าก่อนวันนัดหมายตรวจเรือไม่น้อยกว่า ๓ วัน สำหรับการตรวจเรือภายในประเทศ และไม่น้อยกว่า ๒๑ วันสำหรับการตรวจเรือในต่างประเทศ เมื่อพบว่าเรือเดินเขตขั้วโลกเป็นไปตาม ข้อบังคับนี้ ให้เจ้าพนักงานตรวจเรือดำเนินการออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดิน เขตขั้วโลกภายใน ๓ วันทำการ นับตั้งแต่กลับจากการตรวจเรือ ข้อ ๑๑ อายุและการมีผลของใบสำคัญรับรอง (Duration and validity of certificate) (๑) ใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก ต้องออกให้เป็นระยะเวลา ตามที่กรมเจ้าท่าระบุ ซึ่งต้องไม่เกิน ๕ ปี (๒) การตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ (๒.๑) นอกเหนือจากกรณีข้อ ๑๑ (๑) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่ เสร็จสิ้นภายใน ๓ เดือนก่อนวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม ใบสำคัญรับรองใหม่ให้มีผลใช้ได้ ตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือจนถึงกำหนดไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม (๒.๒) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้นหลังจากวันหมดอายุ ของใบสำคัญรับรอ งเดิม ให้ใบสำคัญรับรองใหม่มีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือ ทั้งนี้ ใบสำคัญรับรองใหม่ต้องมีอายุไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม (๒.๓) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้นก่อนวันหมดอายุของ ใบสำคัญรับรองเดิมเกินกว่า ๓ เดือน ให้ใบสำคัญรับรองใหม่มีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือ ทั้งนี้ ใบสำคัญรับรองต้องมีอายุไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือ หน้า ๘ (เล่มที่ ๑) (๓) กรณีใบสำคัญรับรองที่ออกให้มีอายุน้อยกว่า ๕ ปี เจ้าพนักงานตรวจเรือสามารถ ขยายวันหมดอายุของ ใบสำคัญรับรองออกไปจนถึงระยะเวลาตามที่กำหนดในข้อ ๑๑ (๑) ได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องดำเนินการตรวจเรือตามประมวลข้อบังคับแล้ว (๔) กรณีใบสำคัญรับรองของเรือลำใดหมดอายุลง ในขณะที่เรือนั้นไม่อยู่ในเมืองท่าที่สามารถ ทำการตรวจเรือได้ เจ้าพนักงานตรวจเรือสามารถขยายอายุ ใบสำคัญรับรองออกไปเพื่อให้เรือเดินทาง ไปยังเมืองท่าที่สามารถรับการตรวจเรือได้ในกรณีที่มีเหตุอันควรเท่านั้น โดยให้การขยายอายุ ใบสำคัญ รับรองข้างต้นมีระยะเวลาไม่เกิน ๓ เดือน เมื่อเรือลำดังกล่าวเดินทางถึงเมืองท่าที่สามารถทำการตรวจ เรือได้แล้ว ให้เข้ารับการตรวจเรือโดยพลัน และห้ามมิให้อาศัยประโยชน์จากการขยายอายุ ใบสำคัญ รับรองนี้เดินทางออกจากเมืองท่าจนกว่าจะได้รับ ใบสำคัญรับรองใหม่ทั้งนี้ ใบสำคัญรับรองใหม่ ให้มีกำหนดอายุไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันหมดอายุของ ใบสำคัญรับรองเดิมก่อนมีการขยายอายุ (๕) กรณีใบสำคัญรับรองที่ออกให้แก่เรือที่เดินทางระยะสั้น ซึ่งไม่เคยได้รับการขยายอายุ ใบสำคัญรับรองตามข้อกำ หนดข้างต้น เจ้าพนักงานตรวจเรือสามารถขยายอายุ ใบสำคัญรับรองออกไปได้ ไม่เกิน ๑ เดือน ทั้งนี้ เมื่อการตรวจเรือเพื่อออก ใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้น ให้ออกใบสำคัญรับรองใหม่ โดยมีกำหนดอายุไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันหมดอายุของ ใบสำคัญรับรองเดิม (๖) ในสถานการณ์พิเศษ (Special circumstances) ที่เจ้าพนักงานตรวจเรือเห็นว่าไม่จำเป็น ต้องออกใบสำคัญรับรองใหม่โดยใช้วันหมดอายุของ ใบสำคัญรับรองเดิมตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๑ (๒) (๒.๒) ข้อ ๑๑ (๔) และข้อ ๑๑ (๕) ให้ออกใบสำคัญรับรองใหม่โดยกำหนดอายุไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันเสร็จสิ้นการตรวจเรือเพื่อออก ใบสำคัญรับรองใหม่ (๗) หากการตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองใหม่เสร็จสิ้นลงแต่ไม่สามารถออกใบสำคัญ รับรองใหม่ได้หรือไม่สามารถนำใบสำคัญรับรองไปไว้บนเรือได้ก่อนวันหมดอายุของใบสำคัญรับรองเดิม เจ้าพนักงานตรวจเรือหรือสถาบันการตรวจเรือสามารถสลักหลังใบสำคัญรับรองเดิมเพื่อให้ใบสำคัญ รับรองนั้นมีผลต่อไปอีกไม่เกิน ๕ เดือนนับจากวันหมดอายุ (๘) การตรวจเรือประจำปีหรือการตรวจเรือตามกำหนดช่วงกลางอายุของใบสำคัญรับรอง ให้ดำเนินการ ดังนี้ (๘.๑) การตรวจเรือประจำปี (Annual survey) ให้กระทำทุกปีในช่วงเวลาก่อนหน้า ๓ เดือน หรือหลัง ๓ เดือน ของวันครบรอบปีของใบสำคัญรับรอง (๘.๒) การตรวจเรือตามกำหนดช่วงกลางของใบสำคัญรับรอง ให้กระทำได้ก่อนหน้า ๖ เดือน หรือหลัง ๖ เดือน ของวันที่ใบสำคัญรับรองครบรอบปีที่ ๒ หรือปีที่ ๓ ของใบสำคัญรับรอง ให้กระทำแทนที่การตรวจครั้งใดครั้งหนึ่งของการตรวจเรือประจำปีตามข้อ ๑๑ (๘.๑) หน้า ๙ (เล่มที่ ๑) (๙) กรณีการตรวจเรือประจำปี การตรวจเรือช่วงกลางอายุ หรือการตรวจเรือตามรอบ ระยะเวลาเสร็จสิ้นก่อนช่วงเวลาที่ระบุไว้ในข้อบังคับนี้ ให้ดำเนินการ ดังนี้ (๙.๑) แก้ไขวันครบรอบปีที่แสด งไว้ในใบสำคัญรับรองที่เกี่ยวข้องด้วยการสลักหลัง และลงวันที่ซึ่งต้องไม่เกิน ๓ เดือน หลังจากวันที่เสร็จสิ้นการตรวจเรือ (๙.๒) ทำการตรวจเรือประจำปี การตรวจเรือช่วงกลางอายุ การตรวจเรือตามรอบ ระยะเวลาโดยใช้วันครบรอบปีที่กำหนดขึ้นใหม่ (๙.๓) หากมีการตรวจเรือประจำปี หรือการตรวจเรือช่วงกลางอายุ หรือการตรวจเรือ ตามรอบระยะเวลาอย่างน้อย ๑ ครั้ง ซึ่งมีช่วงห่างระหว่างการตรวจเรือไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ใน ข้อบังคับนี้ ให้คงวันหมดอายุเดิมได้ (๑๐) ให้ใบสำคัญรับรองที่ออกให้ภายใต้ข้อบังคับนี้สิ้นสุดลงในกรณี ดังนี้ (๑๐.๑) ไม่ได้ทำการตรวจเรือตามช่วงเวลาที่กำหนดในข้อ ๑๑ (๘) (๑๐.๒) เมื่อเรือมีการเปลี่ยนสัญชาติ ข้อ ๑๒ อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการตรวจเรือเพื่อออกหรือสลักหลังใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศ สำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก ให้เป็นไปตามภาคผนวก ๓ ที่แนบท้ายข้อบังคับนี้ ข้อ ๑๓ ให้อธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นผู้รักษาการตามข้อบังคับนี้ และมีอำนาจออกประกาศเพื่อกำหนด รายละเอียดการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้ ประกาศ ณ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖ สรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมเจ้าท่า หน้า ๑๐ (เล่มที่ ๑) ภาคผนวก ๑ ประมวลข้อบังคับระหว่างประเทศว่าด้วย เรือเดินเขตขั้วโลก (International Code for Ships Operating in Polar Waters) ภาคผนวก ๒ ใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำ หรับเรือเดินเขตขั้วโลก (Polar Ship Certificate) ภาคผนวก ๓ อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจเรือ เพื่อออกหรือสลักหลังใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก (Polar Ship Certificate) ขนาดตันกรอส ตรวจเรือเพื่อออก ใบสำคัญรับรองฯ ครั้งละ (บาท) ตรวจเรือเพื่อสลักหลัง ครั้งละ (บาท) ขนาดต่ากว่า ๕๐๐ 500 250 ขนาดตั้งแต่ ๕๐๐ แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ 1,๐๐๐ 500 ขนาดตั้งแต่ ๑,๐๐๐ แต่ไม่ถึง ๑,๕๐๐ ๒,๐๐๐ 1,000 ขนาดตั้งแต่ ๑,๕๐๐ แต่ไม่ถึง ๕,๐๐๐ 3,๐๐๐ 1,5๐๐ ขนาดตั้งแต่ ๕,๐๐๐ แต่ไม่ถึง ๑๐,๐๐๐ 5,๐๐๐ 2,๕๐๐ ขนาดตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ แต่ไม่ถึง ๑๐๐,๐๐๐ 1๐,๐๐๐ ๕,๐๐๐ ขนาดตั้งแต่ ๑๐๐,๐๐๐ ขึ้นไป ๒0,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ เล่ม: 140 หมวด: 145 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 21/06/2023 หน้า: 6
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:142710", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบังคับกรมเจ้าท่า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และค่าธรรมเนียมการตรวจและการออกใบสำคัญรับรองระหว่างประเทศสำหรับเรือเดินเขตขั้วโลก พ.ศ. 2566 [เล่มที่ 1]", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D145S0000000000600.pdf", "year": null }
nonweb_83640
ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดราชบุรี เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม [สมาคมนวดแผนไทยคนตาบอด (จังหวัดราชบุรี)] ประกาศนายทะเบียนสมาคม ประจำจังหวัดราชบุรี เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม ด้วย คณะกรรมการของสมาคมนวดแผนไทยคนตาบอดจังหวัดราชบุรี ดังต่อไปนี้ (๑) นายเสน่ห์ อ่อนแช่ม นายกสมาคม (๒) นายบุญทวี สุขประคอง อุปนายก (๓) นายสมบัติ พวงทอง เลขานุการ (๔) นางสาวอรพินท์ ฮั่วจั่น เหรัญญิก (๕) นางสาวยุพิน แจ้งจิต ทะเบียน (๖) นางสาวรำ บัวทอง ประชาสัมพันธ์ (๗) นางสาวสมศรี แก้วประดิษฐ์ ปฏิคม ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมนวดแผนไทยคนตาบอด จังหวัดราชบุรี ทะเบียนเลขที่ ๒/๒๕๔๕ ซึ่งได้รับจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตั้งแต่วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๕ โดยมีใจความสำคัญ ดังนี้ หมวด ๑ ความทั่วไป ข้อ ๓ สำนักงานของสมาคม ตั้งอยู่ณ เลขที่ ๒๒/๓ หมู่ที่ ๔ ตำบลลาดบัวขาว อำเภอบ้านโป๋ง จังหวัดราชบุรี นายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดราชบุรี ได้มีคำสั่งให้รับจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ของสมาคมรายนี้แล้ว เลขทะเบียนที่ ๓/๒๕๕๓ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๒ และมาตรา ๘๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เจน รัตนพิเชฏฐชัย ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดราชบุรี เล่ม: ๑๒๗ หมวด: ๖๔ ง ประกาศ ณ: ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ หน้า: ๗๙
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:83641", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำจังหวัดราชบุรี เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม [สมาคมนวดแผนไทยคนตาบอด (จังหวัดราชบุรี)]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2553/D/064/79.PDF", "year": null }
nonweb_92047
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ [นายจำเนียร ยศราช] ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง นายจำเนียร ยศราช ให้ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ นั้น เนื่องจาก นายจำเนียร ยศราช ได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนด ตามวาระแล้ว และที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ครั้งที่ ๔/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอขอพระราชทานโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง นายจำเนียร ยศราช ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ต่อไปอีกวาระหนึ่ง และได้ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งบุคคลดังกล่าว ให้ดำรงตำแหน่ง อธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ประกาศ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เล่ม: ๑๓๒ หมวด: ๘๓ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ หน้า: ๔
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:92048", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ [นายจำเนียร ยศราช]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/083/4.PDF", "year": null }
nonweb_120200
กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทู้ถามที่ ๑๖๖ ร. เรื่อง ขอให้รัฐบาลจัดค่าตอบแทนวิชาชีพให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนเช่นเดียวกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ [ของ นายบัญญัติ เจตนจันทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์] กระทู้ถามที่ 166 ร. สภาผู้แทนราษฎร 2 กันยายน ๒๕ เรื่อง ขอให้รัฐบาลจัดค่าตอบแทนวิชาชีพให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนเช่นเดียวกับ ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ กราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ข้าพเจ้าขอตั้งกระทู้ถาม ถามนายกรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ ปัจจุบันผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็นข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอื่น ๆ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา นับสิบวิชาชีพ อาทิ ผู้ประกอบ วิชาชีพเวชกรรม ได้แก่ แพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ได้แก่พยาบาลวิชาชีพ ผู้ประกอบ วิชาชีพทันตกรรม ได้แก่ทันตแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ได้แก่ เภสัชกร ผู้ประกอบวิชาชีพ เทคนิคการแพทย์ ได้แก่นักเทคนิคการแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพกายภาพบำบัด ได้แก่นักกายภาพบำบัด ผู้ประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิค ได้แก่นักรังสีการแพทย์ ฯลฯ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทั้งหลายข้างต้น รัฐบาลได้จัดค่าตอบแทนวิชาชีพให้กรณีปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่ตรงกับสาขาวิชาชีพนั้น แต่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ได้แก่นักสาธารณสุขชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เกือบหมื่นแห่งทั่วทุกภูมิภาค ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอื่น ๆ รวมถึงหน่วยงานในท้องถิ่น โดยปฏิบัติงานในตำแหน่ง นักวิชาการสาธารณสุข เจ้าพนักงานสาธารณสุข ซึ่งรัฐบาลยังไม่เคยจัดค่าตอบแทนวิชาชีพ ให้แก่ ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนแต่อย่างใดทั้ง ๆ ที่พระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 ประกาศใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และมีผู้ประกอบวิชาชีพที่สอบขึ้นทะเบียนไว้แล้วกว่า ๒๕,000 คน ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนเกิดความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำถูกเลือกปฏิบัติระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพสุขภาพที่ร่วมทำงานเป็นทีมผู้ให้บริการ ประชาชนด้วยกัน ทำให้ขาดขวัญกำลังใจ จึงขอเรียนถามว่า ๑. กรณีรัฐบาลไม่ได้จัดค่าตอบแทนให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ซึ่งเป็น ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอื่น ๆ รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นต่าง ๆ ขณะที่จัดให้แก่ ผู้ประกอบวิชาชีพอื่น ๆ ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำเลือกปฏิบัติระหว่างผู้ประกอบ วิชาชีพด้านสุขภาพด้วยกันตั้งแต่มีพระราชบัญญัติผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 ประกาศใช้ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นมา มีความล่าช้าเกิดจากสาเหตุใด รัฐบาลได้รับเรื่องร้องเรียน้หนา ๕๙ กรณีนี้บ้างหรือไม่ถ้ำมีการร้องเรียน ผลการพิจารณาเป็นอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร ขอทราบ รายละเอียด ๒. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รัฐบาลมีนโยบายแผนงานโครงการจัดค่าตอบแทนวิชาชีพ ให้แก่ข้าราชการผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เช่นเดียวกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่เลือกปฏิบัติระหว่างวิชาชีพสุขภาพด้วยกัน หรือไม่ถ้ามี มีเมื่อใด อัตราค่าตอบแทนเท่าใด จัดให้ตำแหน่งใดบ้าง ไม่จัดให้ตำแหน่งใดบ้าง ใช้งบประมาณส่วนใด เท่าใด ขอทราบรายละเอียด 3. ถ้างบประมาณ พ.ศ. 2564 รัฐบาลไม่มีแผนงานโครงการจัดค่าตอบแทนให้แก่ ข้าราชการผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ให้เท่าเทียมกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ รัฐบาลจะชี้แจงต่อผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนกรณีรัฐบาลไม่สามารถให้ความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำไม่เลือกปฏิบัติระหว่างวิชาชีพสุขภาพด้วยกัน เพื่อไม่ส่งผลให้ขาดขวัญกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างไร ขอทราบรายละเอียด 4. กรณีรัฐบาลขาดแคลนงบประมาณในหมวดค่าตอบแทนวิชาชีพ รัฐบาลมีนโยบายปรับลด หรือปรับเกลี่ยให้ทุกวิชาชีพหรือยกเลิกค่าตอบแทนวิชาชีพทุกวิชาชีพหรือไม่อย่างไร ขอทราบ รายละเอียด ขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง บัญญัติ เจตนจันทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดระยอง คำตอบกระทู้ถามที่ ๑๖๖ ร. ของ นายบัญญัติ เจตนจันทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง ขอให้รัฐบาลจัดค่าตอบแทนวิชาชีพให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เช่นเดียวกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ ข้าพเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอตอบกระทู้ถาม เรื่อง ขอให้รัฐบาล จัดค่าตอบแทนวิชาชีพให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนเช่นเดียวกับผู้ประกอบวิชาชีพ ด้านสุขภาพอื่น ๆ ของท่านสมาชิกผู้มีเกียรติตามที่ได้รับรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ดังนี้ คำตอบข้อที่ ๑ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนได้กำหนดค่าตอบแทนผู้ประกอบวิชาชีพ การสาธารณสุขชุมชน ซึ่งดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขและตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ดังนี้ ๑. ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข เป็นตำแหน่งประเภทวิชาการ มีลักษณะงานโดยทั่วไป เกี่ยวกับการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย วินิจฉัยปัญหา พัฒนาทางด้านสาธารณสุข เช่น การสุขศึกษา การส่งเสริมสุขภาพ การสุขาภิบาล และการควบคุมโรค เป็นต้น เพื่อเสนอนโยบาย วางแผนงาน และดำเนินงานด้านการสาธารณสุข วัดและประเมินผล กำหนดระบบและวิธีการด้านนิเทศ นิเทศควบคุมติดตามผลและประเมินผลงานด้านการสาธารณสุข การสอนและอบรมด้านการสาธารณสุข และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องโดยคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้กำหนดคุณสมบัติเฉพาะ สำหรับตำแหน่งของตำแหน่งดังกล่าวไว้ว่า จะต้องเป็นผู้ได้รับปริญญา หรือคุณวุ ฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ ในระดับเดียวกันในสาขาวิชาใดสาขาวิชาหนึ่งทางจิตวิทยา สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ สาขาวิชา พยาบาลศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ สาขาวิชาแพทยศาสตร์ สาขาวิชาทันตแพทยศาสตร์ สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ สาขาวิชาวิท ยาศาสตร์ประยุกต์ สาขาวิชา วิทยาศาสตร์การแพทย์ สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ สาขาวิชาสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม สาขาวิชาวิทยาการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ สาขาวิชาคณิตศาสตร์และสถิติ สาขาวิชา ศึกษาศาสตร์ ทางพลศึกษาหรือทางสุขศึกษา หรือสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ทางวิศวกรรมสิ่ง แวดล้อม หรือทางวิศวกรรมสุขาภิบาล สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข หรือสาขาวิชาใด สาขาวิชาหนึ่ง หรือหลายสาขาวิชาและทางใดทางหนึ่งหรือหลายทางดังกล่าว ที่ส่วนราชการเจ้าสังกัด เห็นว่าเหมาะสมกับหน้าที่ความรับผิดชอบและลักษณะงานที่ปฏิบัติ หรือสาขาวิชาอื่นที่ก.พ. กำหนด ว่าใช้เป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนี้ได้หน้า ๖๑ ๒. ตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข เป็นตำแหน่งประเภททั่วไป มีลักษณะงานโดยทั่วไป เกี่ยวกับสาธารณสุขแบบผสมผสาน ทั้งการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การฟื้นฟูสุขภาพ การควบคุม ป้องกันโรคการส่งเสริมสุขภาพ และอนามัย งานสุขาภิบาล ซึ่งรวมถึงการวางแผนครอบครัว งานอนามัย แม่และเด็กงานอนามัยโรงเรียน งานอนามัยสิ่งแวดล้อม งานให้สุขศึกษาและภูมิคุ้มกันโรค งานโภชนาการ และงานทันตสาธารณสุข ปฏิบัติงานทางด้านระบาดวิทยา งานเผยแพร่อบรม สาธิต ให้ความรู้ด้านสาธารณ สุขมูลฐานแก่เจ้าหน้าที่ผู้นำท้องถิ่น ชุมชน ประชาชน และอาสาสมัคร ที่ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข หรือปฏิบัติงานในลักษณะส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงาน สาธารณสุขในระดับต่าง ๆ ประสานงานให้ความร่วมมือกับแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาพยาบาล ในงานสาธารณสุข รวมทั้งร่วมปฏิบัติงานศึกษา วิจัย สำรวจ และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง โดย ก.พ. ได้กำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของตำแหน่งดังกล่าวไว้ว่าจะต้องเป็นผู้ได้รับ ประกาศนียบัตรที่มีระยะเวลาการศึกษาไม่น้อยกว่าที่กำหนดหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้น สูงทาง การสาธารณสุข การพยาบาล โภชนาการ การแพทย์แผนไทย พยาธิวิทยา เซลล์วิทยา เวชกิจฉุกเฉิน หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในระดับเดียวกัน หรือสาขาวิชาใดสาขาวิชาหนึ่งดังกล่าว หรือสาขาวิชาอื่น ที่ก.พ. กำหนดว่าใช้เป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนี้ ได้ ปัจจุบันมีข้าราชการพลเรือนสามัญที่ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข และตำแหน่ง เจ้าพนักงานสาธารณสุข รวมกันเป็นจำนวนประมาณ ๓๐,๐๐๐ คน แบ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการ สาธารณสุขประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน และเจ้าพนักงานสาธารณสุขประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน โดยผู้ดำรง ตำแหน่งดังกล่าวมีพื้นที่ปฏิบัติงานกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งหน่วยงานในราชการบริหารส่วนกลาง เช่น กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ หน่วยงานในราชการบริหารส่วนภูมิภาค เช่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาล ศูนย์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ทั้งนี้ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบและ ปฏิบัติงานในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามอำนาจหน้าที่และภารกิจของหน่วยงานที่สังกัด โดยมิได้มี หน้าที่จำกัดเฉพาะด้านการสาธารณสุขชุมชนเท่านั้น ทั้งนี้หลักการกำ หนดค่าตอบแทนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน นอกจาก เงินเดือนซึ่งถือเป็นค่าตอบแทนพื้นฐานที่จ่ายให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญทุกประเภทและระดับ ตำแหน่งแล้ว พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้กำหนดเกี่ยวกับค่าตอบแทนอื่น ของข้าราชการพลเรือนสามัญไว้อีก ๓ ประเภท ได้แก่ เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินเพิ่ม การครองชีพชั่วคราว โดยมิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนด “ค่าตอบแทนวิชาชีพ” ไว้เป็นการเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ก.พ. ได้กำหนดเกี่ยวกับการได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพไว้เป็นส่วนหนึ่งข องหลักเกณฑ์ การพิจารณากำหนดตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง กล่าวคือ ตำแหน่งประเภทวิชาการ (ระดับชำนาญการและชำนาญการพิเศษ) ที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งจะต้องเป็นตำแหน่ง ที่มีลักษณะงานวิชาชีพที่ต้องปฏิบัติโดยผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาที่ไม่อาจมอบหมายให้หน้า ๖๒ ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อย่างเห็นได้ชัด โดยมีองค์กรตามกฎหมายทำหน้าที่ตรวจสอบกลั่นกรองและรับรองการประกอบวิชาชีพ รวมทั้งลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพดังกล่าว ตัวอย่างตำแหน่งที่ก.พ. กำหนดให้เป็นตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งตามหลักการดังกล่าว เช่น ตำแหน่งนายแพทย์ มีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งไว้ว่า จะต้องได้รับปริญญาในสาขาวิชาแพทย์ศาสตร์ หรือ คุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ และได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทย์สภา ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ มีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งไว้ว่า จะต้องได้รับปริญญา หรือคุณวุฒิอย่างอื่นที่เทียบได้ในสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ การพยาบาลชั้นหนึ่ง หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง เป็นต้น ดังนั้น การกำหนดค่าตอบแทนวิชาชีพให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ซึ่งดำรงตำแหน่ง นักวิชาการสาธารณสุขและตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข เมื่อกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน มิได้บัญญัติเกี่ยวกับการกำหนด “ค่าตอบแทนวิชาชีพ” ไว้เป็นการเฉพาะ การพิจารณากำหนด ค่าตอบแทนให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน ซึ่งดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข และตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข จึงต้องพิจารณาตามหลักการกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าวข้างต้น และเมื่อพิจารณาจากมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขที่กำหนด คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไว้โดยสามารถแต่งตั้ง จากผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาในสาขาวิชาที่หลากหลายมากถึง ๒๔ สาขาวิชา และมิได้มี การกำหนดเงื่อนไขว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่งไว้ เป็นการเฉพาะ ดังนั้น จึงพิจารณาได้ว่า การกำหนดค่าตอบแทนวิชาชีพให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพ การสาธารณสุขชุมชน ยังไม่สอดคล้องตามหลักการการกำหนดค่าตอบแทนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการพลเรือน ทั้งนี้หากจะมีการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพ การสาธารณสุข จะต้องพิจารณาในภาพรวมโดยคำนึงถึงตำแหน่งที่มีลักษณะเป็นงานวิชาชีพทั้งด้าน การสาธารณสุขและด้านอื่น ๆ ซึ่งกำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับ ตำแหน่งไว้ในทำนองเดียวกัน โดยสามารถแต่งตั้งจากผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาที่หลากหลายต่อไปด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุข จึงมีนโยบายในการจัดค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรทุกประเภทโดยอาศัยข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๒ และข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอ บแทนเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานให้กับหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๔๔ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทนทั้งภายในวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข และระหว่างวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งนี้ เพื่อความโป ร่งใสและเกิดความชอบธรรม หน้า ๖๓ ในทุกระดับ กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้กลไกการดำเนินงานผ่านคณะกรรมการโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง จำนวน ๒ ชุด ได้แก่ ๑. คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทน ประกอบด้วย ๑.๑ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นประธาน ๑.๒ หัวหน้าหน่วยบริการทุกระดับไม่เกิน ๑๕ คน เป็นกรรมการ ๑.๓ หัวหน้าฝ่ายบริหาร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการจ่ายค่าตอบแทน จะรายงานผลการประเมิน ให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด และปลัดกระทรวงสาธารณสุขทราบปีละ ๑ ครั้ง นอกจากนั้นเมื่อตรวจสอบข้อมูลเรื่องการร้องเรียนในกรณีดังกล่าวข้างต้น ปัจจุบันไม่พบว่า มีเรื่องร้องเรียนแต่ประการใด คำตอบข้อที่ ๒ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายในการจัดค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรทุกประเภท โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ โดยปัจจุบันมีการออกข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการจ่ายเงิน ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ๑๒ ฉบับ แต่ละฉบับจะมีรายละเอียดข้อบังคับ ที่แตกต่างกัน แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บุคลากรสาธารณสุขในทุกสาขา ทุกวิชาชีพและทุกระ ดับ ได้รับผลประโยชน์สูงสุดเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกับบุคลากรทุกคน ตัวอย่างข้อบังคับดังกล่าว ดังนี้ ๑. ข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับ หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๒ มีเจตนารมณ์ในการจ่าย ค่าตอบแทนสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการในช่วงนอกเวลาราชการ และเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานนอกหน่วยบริการ หรือต่างหน่วยบริการ ทั้งในและนอกเวลาราชการ ประกอบด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการทางด้าน สาธารณสุข พยาบาลเทคนิค เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานเทคนิค เจ้าหน้าที่พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่เทคนิค เจ้าหน้าที่อื่น ๆ เช่น เจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าที่เวชระเบียน เป็นต้น และลูกจ้างตำแหน่งอื่น ๆ ๒. ข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุ ขว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้กับ หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๔๔ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๙ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทนทั้งภายในวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข และ ระหว่างวิชาชีพ รวมทั้งสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ปฏิบัติงานมากและปฏิบัติงานหนักในพื้นที่ เฉพาะและขาดแคลนบุคลากรได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม และสร้างให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนา ระบบการจ่ายเงินค่าตอบแทนเป็นการชดเชยค่าเสียโอกาสในการดำรงชีวิตที่สะดวกสบายและโอกาส แสวงหารายได้จากการ ประกอบวิชาชีพอิสระในพื้นที่ที่เจริญหรือพื้นที่ในเมืองใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการและความเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนสร้างขวัญกำลังใจและลดการลาออก ของเจ้าหน้าที่ในหน่วยบริการที่จำเป็นต้องปฏิบัติงานในหน่วยบริการที่ยังมีปัญหาสภาพความไม่พร้อม้หนา ๖๔ สมบูรณ์ของทรัพยากรและสิ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานอย่างเต็มศักยภาพ บุคลากรที่ได้รับสิทธิ์ ประกอบด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุข สหสาขาวิชาชีพ ๗ สาขา ที่ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านการสาธารณสุข (พ.ต.ส.) (นักเทคนิคการแพทย์ นักรังสีการแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักแก้ไขความผิดปกติของการสื่อความหมาย นักกิจกรรมบำบัด นักจิตวิทยา นักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก) ผู้ที่ปฏิบัติงานให้บริการผู้ป่วย สายงานระดับปริญญาตรี และต่ำกว่าระดับปริญญาตรี คำตอบข้อที่ ๓ รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขเห็นความสำคัญของบุคลากรทุกสายงานและทุกประเภท โดยไม่เลือกปฏิบัติ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานอย่างทุ่มเทของบุคลากรทุกสายงาน กระทรวงสาธารณสุขได้ออกข้อบังคับกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานให้กับหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ฉบับ โดยครอบคลุม เป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพ คำตอบข้อที่ ๔ รัฐบาลไม่มีนโยบายในการยกเลิกค่าตอบแทนวิชาชีพ เนื่องจากค่าตอบแทนวิชาชีพเป็นเครื่องมือ ของรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขที่จะทำให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมีแรงจูงใจ เป็นขวัญ กำลังใจ ของผู้ปฏิบัติงาน ที่ต้องเสียสละการปฏิบัติงานที่แตกต่างจากวิชาชีพอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่ ปฏิบัติงานในช่วงเวลาที่ไม่ปกติในการดำรงชีวิต แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความ สำคัญแก่ทุกวิชาชีพ และ เป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรสาธารณสุขได้ตามหลักการการบริหารงานทรัพยากรบุคคล เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๑๕๒ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๕๙
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:120201", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทู้ถามที่ ๑๖๖ ร. เรื่อง ขอให้รัฐบาลจัดค่าตอบแทนวิชาชีพให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนเช่นเดียวกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ๆ [ของ นายบัญญัติ เจตนจันทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/152/T_0059.PDF", "year": null }
nonweb_101650
ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดทางน้ำชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ (ฉบับที่ ๑๘/๒๕๖๑) ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดทำงน้าชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ (ฉบับที่ 18/๒๕๖๑) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดให้ทาง น้าในเขตโครงการชลประทานตรัง เป็นทำงน้า ชลประทานประเภท 1 จ้านวน 1 ทำงน้า และเป็นทำงน้าชลประทานประเภท 4 จ้านวน 3 ทำงน้า และกำหนดให้ทำงน้าในเขตโครงการชลประทานพะเยา เป็นทำงน้าชลประทานประเภท ๔ จ้านวน 1 ทำงน้า ตามบัญชีและแผนที่แนบท้ายประกาศ ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน้า ๓ -๑- บัญชีทำงน้าชลประทานโครงการชลประทานตรัง (แนบท้ายประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 18/๒๕๖๑) เลขที่ชื่อทำงน้า กำหนดเขต จาก ถึง ทำงน้าชลประทานประเภท 1 ๑ 1 2 3 ท่อส่งน้าสายที่ 4 อ่างเก็บน้าคลองท่างิว (ยาว 4.200 กิโลเมตร) ทำงน้าชลประทานประเภท 4 คลองปอน (ยาว 6.350 กิโลเมตร) คลองยางยวน (ยาว 26.480 กิโลเมตร) คลองหินขวาง (ยาว 12.350 กิโลเมตร) กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ต้าบลท่างิว อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ต้าบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ต้าบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ต้าบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง กิโลเมตรที่ 4.200 ต้าบลหนองปรือ อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง กิโลเมตรที่ 6.350 ต้าบลนาตาล่วง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง กิโลเมตรที่ 26.480 ต้าบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง กิโลเมตรที่ 12.350 ต้าบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง -๒- บัญชีทำงน้าชลประทานโครงการชลประทานพะเยา (แนบท้ายประกาศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 18/๒๕๖1) เลขที่ชื่อทำงน้า กำหนดเขต จาก ถึง ทำงน้าชลประทานประเภท ๔ ๑ อ่างเก็บน้าห้วยทราย ศูนย์กลางเขื่อนดิน อ่างเก็บน้าห้วยทราย ขึนไปตามล้าห้วยป่ากล้วย ต้าบลปง ต้าบลปง อำเภอปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา จังหวัดพะเยา (ตามแผนที่ที่แนบท้ายนี้) เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๒๗๑ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:101651", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดทางน้ำชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช ๒๔๘๕ (ฉบับที่ ๑๘/๒๕๖๑)", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/271/T_0003.PDF", "year": null }
nonweb_113839
กระทู้ถามของสมาชิกวุฒิสภา กระทู้ถามที่ ๐๑๐ (ร.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ [ของ รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ สมาชิกวุฒิสภา] กระทู้ถามที่ 010 (ร.) วุฒิสภา 2 กรกฎาคม ๒๕ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ กราบเรียน ประธานวุฒิสภา ข้าพเจ้าขอตั้งกระทู้ถาม ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดังต่อไปนี้ ตามที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ได้มีประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ซึ่งประกาศ ก.พ.อ. นี้ ได้ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ และได้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา คือในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งในข้อ ๑๕ ของบทเฉพาะกาลของประกาศ ก.พ.อ. ฉบับนี้กำหนดว่า การพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการที่สภาสถาบันอุดมศึกษา ได้รับเรื่องไว้แล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศ นี้มีผลใช้บังคับให้ดำเนินการ พิจารณากำหนดตำแหน่ง ตามประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และแก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไปจนแล้วเสร็จ จากบทเฉพาะกาลดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า การพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการที่ได้มีการดำเนินการอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ มีผลใช้บังคับ ให้ดำเนินการพิจารณากำหนดตำแหน่ง ตามประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำ แหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไปจนแล้วเสร็จ แต่ไม่ได้มีการกำหนดให้ คณาจารย์ที่มีการวางแผนในเรื่องของการกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ และได้มีการเตรียมความพร้อม ในการทำผลงานทำ งวิชาการไว้แล้ว สามารถยื่นผลงานทางวิชาการตามประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ส่งผลให้มีคณาจารย์ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก จึงขอเรียนถามว่า - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีแนวทางในการแก้ไข ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยเพิ่มเติมในบทเฉพาะกาลให้คณาจารย์ ที่ได้มีการวางแผนในเรื่องของการกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ และได้มีการเตรียมความพร้อม หน้า ๒๓ ในการทำผลงานทางวิชาการไว้แล้วสามารถยื่นผลงานทางวิชาการได้ โดยให้มีระยะเวลาในการจัดทำ ผลงานทางวิชาการเป็นเวลาอย่างน้อย ๑ ปีหรือไม่อย่างไร ขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ สมาชิกวุฒิสภา ้หนา ๒๔ คำตอบกระทู้ถามที่ 010 (ร.) ของ รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ สมาชิกวุฒิสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ข้าพเจ้า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขอตอบกระทู้ถามของท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ กรณีหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณา แต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ดังนี้ คำตอบ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ในการประชุม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ได้พิจารณาประเด็นปัญหาที่จะเกิดจากประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๓ แล้ว จึงได้ออกประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยได้แก้ไขเพิ่มเติม หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งวิชาการเพื่อเพิ่มช่องทางในการใช้เกณฑ์ พิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์มากขึ้น และเตรียมความพร้อมของผู้ขอเสนอผลงานวิชาการในการจัดเตรียมผลงานให้สอดคล้องกับประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ พิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยผู้ขอสามารถยื่นเสนอขอกำหนดตำแหน่ง ทางวิชาการได้เป็นระยะเวลา ๒ ปี คือ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ คู่ขนานกับประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. ๒๕๖๓ และเมื่อพ้นกำหนดดังกล่าวแล้วให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ตามประกาศ ก.พ.อ. นี้ทั้งนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการประกาศเรื่องดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา เล่ม: ๑๓๗ หมวด: ๒๕๘ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ หน้า: ๒๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:113840", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "กระทู้ถามของสมาชิกวุฒิสภา กระทู้ถามที่ ๐๑๐ (ร.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ [ของ รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ สมาชิกวุฒิสภา]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/258/T_0023.PDF", "year": null }
nonweb_118587
ประกาศองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ เรื่อง โครงสร้างอำนาจหน้าที่ วิธีการดำเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อรับข้อมูลข่าวสารขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ ประกาศองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ เรื่อง โครงสร้างอำนาจหน้าที่วิธีการดำเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อรับ ข้อมูลข่าวสารขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่จะให้ประชาชนมีสิทธิเข้าถึง และได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานต่าง ๆ ของทางราชการ และสามารถแสดงความคิดเห็น และใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องกับสภาพความเป็นจริงจึงสมควรประกาศโครงสร้างและจัดองค์กร ในการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ และสถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร ในองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ดังนี้ ๑. การจัดโครงสร้างองค์กรในการดำเนินการ อำนาจหน้าที่ที่สำคัญขององค์การบริหาร ส่วนตำบลเสม็ดใต้เป็นไปตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และแก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้จัดโครงสร้างและองค์กรในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 2.1 สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล 2.๒ กองคลัง ๒.๓ กองช่าง ๒.๔ กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ๒.๕ กองสวัสดิการสังคม ๒.๖ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ๒.๗ หน่วยตรวจสอบภายใน ๓. การบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้จะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุข ของประชาชน เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจภารรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ การลดขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน การอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมีผู้รับผิดชอบผลของงานในการ ปฏิบัติหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตามตรวจสอบและประเมินผลการ ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ตามความเหมาะสมของแต่ภารกิจและให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ๔. อำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ประกอบด้วย ๔.๑ พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และแก้ไข เพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ สรุปได้ดังนี้หน้า ๓๔ (๑) จัดให้มีและบำรุงรักษาทางน้ำและทางบก (๒) รักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดิน และที่สาธารณะ รวมทั้ง กำจัดมูลฝอยและสิ่งปฎิกูล (๓) ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ (๔) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (๕) ส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (๖) ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็กเยาวชน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ (๗) คุ้มครอง ดูแล และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๘) บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดี ของท้องถิ่นตามความจำเป็นและสมควร (๙) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ทางราชการมอบหมายโดยจัดสรรงบประมาณ หรือบุคลากรให้ตามความจำเป็นและสมควร นอกจากนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลอาจจัดทำกิจการในเขต อบต. ดังต่อไปนี้ (๑) ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร (๒) ให้มีและบำรุงการไฟฟ้าหรือแสงสว่างโดยวิธีอื่น (๓) ให้มีและบำรุงรักษาทางระบายน้ำ (๔) ให้มีและบำรุงสถานที่ประชุม การศึกษา การพักผ่อนหย่อนใจและสวนสาธารณะ (๕) ให้มีและส่งเสริมกลุ่มเกษตรและกิจการสหกรณ์ (๖) ส่งเสริมให้มีอุตสาหกรรมในครอบครัว (๗) บำรุงและส่งเสริมการประกอบอาชีพของราษฎร (๘) การคุ้มครองดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (๙) หาผลประโยชน์จากทรัพย์สินขององค์การบริหารส่วนตำบล (๑๐) ให้มีตลาด ท่าเทียบเรือ และท่าข้าม (๑๑) กิจการเกี่ยวกับการพาณิชย์ (๑๒) การท่องเที่ยว อาจทำกิจการนอกเขตองค์การบริหารส่วนตำบล หรือร่วมกับสภาตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่นอื่น เพื่อกระทำการร่วมกันได้ โครงสร้างการบริหารขององค์การบริหารส่วนตำบล ๑. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ๑ คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ของประชาชน ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารเท่านั้น โดยการกำหนดนโยบาย ควบคุม และรับผิดชอบ การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล หน้า ๓๕ และสามารถแต่งตั้งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลช่วยบริหารงานได้โดยในส่วนของ องค์การบริหารส่วนตำบลมีรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน ๒ คน และนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลจะมีวาระการทำงาน ๔ ปี ๒. สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต มีวาระทำงาน ๔ ปี เช่นเดียวกันกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ๔.๒ พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดให้องค์การบริหารส่วนตำบล มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบ บริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง ดังนี้ (๑) การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง (๒) การจัดให้มี และบำรุงรักษาทางบกทางน้ำ และทางระบายน้ำ (๓) การจัดให้มีและควบคุมตลาด ท่าเทียบเรือ ท่าข้าม และที่จอดรถ (๔) การสาธารณูปโภค และการก่อสร้างอื่น ๆ (๕) การสาธารณูปโภค (๖) การส่งเสริม การฝึก และการประกอบอาชีพ (๗) คุ้มครอง ดูแล และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (๘) การส่งเสริมการท่องเที่ยว (๙) การจัดการศึกษา (๑๐) การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส (๑๑) การบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดี ของท้องถิ่น (๑๒) การปรับปรุงแหล่งชุมชนแออัด และการจัดการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย (๑๓) การจัดให้มี และบำรุงรักษาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ (๑๔) การส่งเสริมกีฬา (๑๕) การส่งเสริมประชาธิปไตย ความเสมอภาค และสิทธิเสรีภาพของประชาชน (๑๖) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของราษฎรในการพัฒนาท้องถิ่น (๑๗) การรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (๑๘) การกำจัดมูลฝอย สิ่งปฎิกูล และน้ำเสีย (๑๙) การสาธารณสุข การอนามัยครอบครัวและการรักษาพยาบาล (๒๐) การจัดให้มี และควบคุมสุสาน และฌาปนสถาน (๒๑) การควบคุมการเลี้ยงสัตว์ (๒๒) การจัดให้มี และควบคุมการฆ่าสัตว์ หน้า ๓๖ (๒๓) การรักษาความปลอดภัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการอนามัย โรงมหรสพและสาธารณสถานอื่น ๆ (๒๔) การจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ที่ดินทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๒๕) การผังเมือง (๒๖) การขนส่ง และการวิศวกรรมจราจร (๒๗) การดูแลรักษาที่สาธารณะ (๒๘) การควบคุมอาคาร (๒๙) การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (๓๐) การรักษาความสงบเรียบร้อย การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและ รักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน (๓๑) กิจการอื่นใด ที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามที่คณะกรรมการ ประกาศกำหนด ๕. วิธีการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ แบ่งออกเป็นกรณี คือ ๕.๑ กรณีที่เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการภายในองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ ให้ประชาชนสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ เลขที่ ๑๑๑ หมู่ที่ ๔ ตำบลเสม็ดใต้อำเภอบางคลำ จังหวัดฉะเชิงเทรา ๒๔๑๑๐ ๕.๒ กรณีที่เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ ให้ประชาชนสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ทำการของแต่ละสถานที่ตามแต่กรณี ๖. สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับส่วนราชการ ภายในองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ ได้ที่ศูนย์ข่าวสารองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ ตั้งอยู่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ เลขที่ ๑๑๑ หมู่ที่ ๔ ตำบลเสม็ดใต้อำเภอบางคลำ จังหวัดฉะเชิงเทรา ๒๔๑๑๐ ประกาศ ณ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖ กิตติพงศ์ สีเหลือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๑๔๕ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๓๔
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:118588", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศองค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้ เรื่อง โครงสร้างอำนาจหน้าที่ วิธีการดำเนินงาน และสถานที่ติดต่อเพื่อรับข้อมูลข่าวสารขององค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ดใต้", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/145/T_0034.PDF", "year": null }
nonweb_115957
ประกาศสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย เรื่อง กำหนดห้วงเวลาให้ผู้ประสงค์ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมายื่นคำขอรับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย เรื่อง กำหนดห้วงเวลาให้ผู้ประสงค์ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมายื่นคำขอรับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕6๔ ตามที่ได้มีกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 21 เมษายน 2563 กำหนดให้ประมงจังหวัด ประกาศกำหนดห้วงเวลาที่จะให้ผู้ประสงค์จะทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินมายื่นคำขอรับใบอนุญาต ตามประกาศกรมประมง เรื่อง แบบคำขอรับใบอนุญาต ใบรับคำขอ ใบอนุญาต คำขอโอนใบอนุญาต และคำขอรับใบแทนใบอนุญาต ให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และประกาศคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดเชียงราย เรื่อง กำหน ดเขตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สำหรับกิจการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม ประเภท การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕ นั้น อาศัยอำนาจตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๙ ประมงจังหวัดเชียงราย ออกประกาศกำหนดห้วงเวลา ให้ผู้ประสงค์ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมายื่นคำขอรับ ใบอนุญาต ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ เมื่อพ้นกำหนด 2 ๐ วัน นับแต่วันที่ประ กาศนี้มีผลบังคับใช้ ให้ผู้ประสงค์ทำการ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมายื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นระยะเวลา ๖๐ วัน ข้อ ๒ สถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาต การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในจังหวัดเชียงราย ให้ยื่น ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนัก งานประมงอำเภอ แห่งท้องที่ที่ประสงค์จะทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ข้อ ๓ เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ (1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่หมดอายุของผู้ยื่นคำขอ (2) สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หนังสือบริคณห์สนธิ และหลักฐาน แสดงวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการประมง ซึ่งออกให้ไม่เกิน ๖ เดือน (กรณีเป็นนิติบุคคล) (3) เอกสารหรือหลักฐานการได้รับอนุญาตจากกรมประมงล่าสุด (ถ้ามี) หน้า ๓๐ (4) เอกสารหรือหลักฐานการได้รับอนุญาตของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะกรณี การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง) (5) หนังสือยินยอมของผู้ปกครอง (กรณีเป็นผู้เยาว์) (6) สำเนาหนังสือเดินทางหรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (เฉพาะกรณี คนต่างด้าว ที่ได้รับการยกเว้น ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒) (7) หลักฐานการได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว (เฉพาะกรณี คนต่างด้าวที่ได้รับการยกเว้น ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจ ของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒) (8) ใบอนุญาตประกอบธุรกิจตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจ ของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ (เฉพาะกรณี คนต่างด้าวที่ได้รับการยกเว้น ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒) (9) หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ ปิดอากรแสตมป์ ๑๐ บาท (กรณีมอบอำนาจ) (10) แผนผังหรือแผนที่โดยสังเขปแสดงที่ตั้งสถานที่ที่จะขออนุญาตทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖ อาคม ชุ่มธิ ประมงจังหวัดเชียงราย เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๖๔ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๓๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:115958", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย เรื่อง กำหนดห้วงเวลาให้ผู้ประสงค์ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมายื่นคำขอรับใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๔", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/064/T_0030.PDF", "year": null }
nonweb_138107
ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรื่อง การอนุญาตตั้งเต็นท์บนผิวการจราจรในถนนบางสายเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 1/2566) ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรื่อง การอนุญาตตั้งเต็นท์บนผิวการจราจรในถนนบางสายเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 1/2566) ตามหนังสือสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา ที่ 0016.645/477 ลงวันที่ 23 มกราคม 2566 ท้ายหนังสือประธานผู้จัดงานศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่าสถานีรถไฟอยุธยา ลงวันที่ 6 มกราคม 2566 เรื่อง ขออนุญาตใช้พื้นผิวจราจรจัดงานมหรสพงิ้วประจำปี โดยได้ขออนุญาตใช้ผิวการจราจรถนนทางหลวง หมายเลข 3053 (สถานีรถไฟ - ช่างแสง) ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟอยุธยา ตั้งแต่จุดกลับรถหน้าร้าน สะดวกซื้อเทสโก้โลตัส สาขา 2566 ถึงจุดกลับรถหน้าสถานีรถไฟเพื่อตั้งเต็นท์อำนวยการ และ จัดกิจกรรมงานประจำปี ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566 เวลา 12.00 น. ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 12.00 น. นั้น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัด พระนครศรีอยุธยา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 139 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ประกอบคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 62/2566 เรื่อง แต่งตั้งหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 จึงได้ออกข้อบังคับไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรื่อง การอนุญาตตั้งเต็นท์บนผิวการจราจรในถนนบางสายเป็นการชั่วคราว” (ฉบับที่ 1/2566) ข้อ 2 อนุญาตให้ใช้ผิวการจราจรถนนทางหลวงหมายเลข 3053 (สถานีรถไฟ - ช่างแสง) ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟอยุธยา ตั้งแต่จุดกลับรถหน้าร้านสะดวกซื้อเทสโก้โลตัส สาขา 2566 ถึงจุดกลับรถหน้าสถานีรถไฟ เพื่อตั้งเต็นท์อำนวยการ และจัดกิจกรรมงานป ระจำปี ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566 เวลา 12.00 น. ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 12.00 น. ข้อ 3 ห้ามรถทุกชนิดเดินบนถนนทางหลวงหมายเลข 3053 (สถานีรถไฟ - ช่างแสง) ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟอยุธยา ตั้งแต่จุดกลับรถหน้าร้านสะดวกซื้อเทสโก้โลตัส สาขา 2566 ถึงจุดกลับรถ หน้าสถานีรถไฟ ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566 เวลา 12.00 น. ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 12.00 น. ข้อ 4 กำหนดให้รถทุกชนิดเดินรถสวนทางกันบนถนนทางหลวงหมายเลข 3053 (สถานีรถไฟ - ช่างแสง) ฝั่งสถานีรถไฟอยุธยา ตั้งแต่จุดกลับรถหน้าร้านสะดวกซื้อเทสโก้โลตัส สาขา 2566 ถึงจุดกลับรถ หน้าสถานีรถไฟ ระหว่างวันที่ 31 มกราคม 2566 เวลา 12.00 น. ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 12.00 น. ประกาศ ณ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. ๒๕ พลตำรวจตรีชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัว เล่ม: 140 หมวด: 22 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 31/01/2023 หน้า: 10
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:138108", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรื่อง การอนุญาตตั้งเต็นท์บนผิวการจราจรในถนนบางสายเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 1/2566)", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D022S0000000001002.pdf", "year": null }
nonweb_90809
ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนประจำจังหวัดปทุมธานี ที่ ๑/๒๕๕๖ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน [สหภาพแรงงานเทสโก้ โลตัส ดีซี สามโคก] ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียน ประจำจังหวัดปทุมธานี ที่ ๑/๒๕๕๖ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน ขอประกาศว่า นายทะเบียนสำนักงานทะเบียนประจำจังหวัด ปทุมธานี ได้รับจดทะเบียน สหภาพแรงงานเทสโก้ โลตัส ดีซี สามโคก ตามความในมาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ เลขทะเบียนที่ปท ๒๓๕ วันรับจดทะเบียน ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ชื่อ สหภาพแรงงาน เทสโก้ โลตัส ดีซี สามโคก วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้าง ๒. ส่งเสริมความสัมพันธ์ อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และระหว่างลูกจ้างด้วยกัน ที่ตั้งสำนักงาน ๖/๒ หมู่ที่ ๕ ตำบลคลองควาย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ผู้เริ่มก่อการ ๑. นายศุภศิษฎ์ มีมากบาง ๒. นายเสกสรรค์ สิงห์ทอง ๓. นายณัฐพงศ์ บุญพลอย ๔. นายณรงค์ พงษ์สุภาพ ๕. นายสำรวย ฉันกระโทก ๖. นายกสิกร สารา ๗. นายสุขเสมอ พิกุลแกม ๘. นายนที อยู่ศรี ๙. นายสุพจน์ คงคำป้น ๑๐. นายบุญเลิศ รุ่งเรือง ๑๑. นายสมศักดิ์ ฉิมกลับ ๑๒. นางสาวประภา จิณะชัย ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖ พงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายทะเบียนสำนักงานทะเบียนประจำจังหวัด ปทุมธานี เล่ม: ๑๓๑ หมวด: ๘ ง ประกาศ ณ: ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ หน้า: ๑๓๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:90810", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนประจำจังหวัดปทุมธานี ที่ ๑/๒๕๕๖ เรื่อง การจดทะเบียนสหภาพแรงงาน [สหภาพแรงงานเทสโก้ โลตัส ดีซี สามโคก]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2557/D/008/136.PDF", "year": null }
nonweb_88225
กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทู้ถามที่ ๖๓๖ ร. เรื่อง การสร้างอ่างเก็บน้ำและขุดลอกคลองดงน้อย อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี [ของ นายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร] กระทู้ถามที่ ๖๓๖ ร. สภาผู้แทนราษฎร ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง การสร้างอ่างเก็บน้ำและขุดลอกคลองดงน้อย อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี กราบเรียน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ข้าพเจ้าขอตั้งกระทู้ถาม ถามนายกรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่มีอ่างเก็บน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งและเมื่อถึงฤดู น้ำหลากไม่มีอ่างเก็บน้ำเพื่อรองรับและกักเก็บน้ำเป็นการป้องกันน้ำท่วมให้ราษฎร ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวยัง ไม่มีอ่างเก็บน้ำ จึงไม่มีน้ำเพื่อใช้ทำการเกษตรและแหล่งน้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภค บริโภคมีก็อยู่ห่างไกล ไม่มีแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และพืชน้ำซึ่งเป็นแหล่งอาหารโปรตีนสำคัญของคนยากคนจน ส่วนการเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ สุกร เป็ด ไก่ ไม่ได้ผลเพราะขาดแคลนน้ำ จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการกรมชลประทานเร่งก่อสร้างให้เพราะว่าทางชลประทานได้มาประกาศไว้หลายครั้งแล้ว แต่จนบัดนี้ ก็ยังมิได้สร้างทำให้สูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก จึงขอเรียนถามว่า ๑. รัฐบาลมีแผนและนโยบายจะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าวข้างต้นเมื่อใด มีการออกแบบไว้ หรือไม่ แต่ถ้ายังไม่มีการออกแบบจะขอให้เร่งออกแบบสำรวจให้จะได้หรือไม่ขอทราบรายละเอียด ๒. หากมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแล้ว จะเสร็จเมื่อใด เสียค่าใช้จ่ายเท่าใด บรรจุได้ปริมาณเท่าใด ช่วยส่งน้ำให้แก่ราษฎรเพื่อใช้ในการเกษตรได้ในพื้นที่จำนวนกี่ไร่ขอทราบรายละเอียด ๓. ขอให้ขุดลอกคลองดงน้อยและสร้างอ่างเก็บน้ำคลองดงน้อย เพื่อให้ราษฎรมีน้ำใช้ใน การอุปโภค บริโภค และเกษตรกรรม เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและพืชน้ำเป็นอาหารโปรตีนในการดำรงชีวิตของคนยาก คนจนได้หรือไม่ประการใด ถ้าไม่ได้เพราะเหตุใด ถ้าได้จะดำเนินการได้เมื่อใด ขอทราบรายละเอียด ขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง นิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย คำตอบกระทู้ถามที่ ๖๓๖ ร. ของ นายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง การสร้างอ่างเก็บน้ำและขุดลอกคลองดงน้อย อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ข้าพเจ้า นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้ตอบกระทู้ถาม เรื่อง การสร้างอ่างเก็บน้ำและขุดลอกคลองดงน้อย อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ข้าพเจ้าขอตอบกระทู้ถามของท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ ดังนี้ คำตอบข้อที่ ๑ ข้อที่ ๒ และข้อที่ ๓ ขอเรียนว่า คลองดงน้อย เป็นคลองธรรมชาติไหลผ่านบ้านดงน้อย ตำบลศิลาทิพย์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบให้กรมชลประทาน ได้พิจารณา ในเบื้องต้นแล้ว มีความเหมาะสมที่จะดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำดังกล่าวลักษณะฝายทดน้ำ โดยใช้ชื่อ โครงการว่า “โครงการฝายบ้านดงน้อย” หมู่ ๒ ตำบลศิลาทิพย์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ประกอบด้วยกิจกรรมก่อสร้างอาคารฝายและท่อส่งน้ำพร้อมขุดลอกคลอง เพื่อทดและเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและเสริมน้ำฝนเพื่อการเกษตร ทั้งนี้กรมชลประทาน จะได้เร่งรัดพิจารณาจัดเตรียมความพร้อมด้านสำรวจ ออกแบบ การใช้ที่ดิน ซึ่งเมื่อได้จัดเตรียมความพร้อม ดังกล่าวแล้ว จึงสามารถกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่าย ระยะเวลาก่อสร้าง เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อมีความพร้อมทุกด้านแล้ว และไม่ติดภารกิจถ่ายโอนตามระเบียบกรมชลประทำนว่าด้วยการถ่ายโอนภารกิจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๓ จะได้พิจารณาจัดเข้าแผนงานก่อสร้างตามความเหมาะสม กับงบประมาณที่ได้รับต่อไป เล่ม: ๑๓๐ หมวด: ๑๑๗ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ หน้า: ๓๗
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:88226", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "กระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทู้ถามที่ ๖๓๖ ร. เรื่อง การสร้างอ่างเก็บน้ำและขุดลอกคลองดงน้อย อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี [ของ นายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2556/E/117/37.PDF", "year": null }
nonweb_119206
กฎกระทรวงการขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืน พ.ศ. ๒๕๖๔ กฎกระทรวง การขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืน พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๕๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ นายกรัฐมนตรี ออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ผู้มีสิทธิขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืน ได้แก่บุคคล ดังต่อไปนี้ (๑) เจ้าของเดิม ในกรณีที่มีเจ้าของเดิมหลายคน เจ้าของเดิมคนใดคนหนึ่งมีสิทธิขอคืนได้ (๒) ทายาทของเจ้าของเดิมที่ตาย ทายาทนั้นต้องเป็นทายา ทที่มีสิทธิได้รับมรดกของ เจ้าของเดิมตามกฎหมาย ในกรณีที่มีทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกหลายคน ทายาทคนใดคนหนึ่งนั้นมีสิทธิ ขอคืนได้ แต่ในกรณีที่มีเจ้าของเดิมหลายคน เจ้าของเดิมคนใดคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ทายาทของ เจ้าของเดิมที่ตายนั้นจะขอคืนได้เมื่อมีหลักฐานแสดงได้ว่าเจ้าของเดิมที่ยังมีชีวิตอยู่รับทราบการขอคืน หรือได้ร่วมขอคืนด้วย ข้อ ๒ ผู้มีสิทธิขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืนผู้ใดประสงค์จะขอคืนที่ดิน ให้ยื่นคำร้อง พร้อมเอกสารหรือหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตามแบบ ขค. ๑ ท้ายกฎกระทรวงนี้ภายในสามปีนับแต่ วันพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๕๑ หรือมาตรา ๖๗ แล้วแต่กรณี การยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง จะยื่น ณ ที่ทำการของเจ้าหน้าที่หรือโดยวิธีส่งทางไปรษณีย์ ตอบรับ หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ในกรณีการยื่นคำร้องโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าไม่มีแบบ ขค. ๑ อยู่ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ยื่นคำร้องจะจัดพิมพ์ให้มีข้อความตรงตามแบบ ขค. ๑ ก็ได้ ผู้ยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง จะขอคืนที่ดินทั้งหมดหรือเฉพาะบางส่วนก็ได้ ในกรณีการขอคืน ที่ดินเฉพาะบางส่วนนั้น การจะคืนที่ดินส่วน ใดให้เป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่เห็นสมควร โดยคำนึงถึงประโยชน์ ของทางราชการด้วย ข้อ ๓ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับคำร้องตามข้อ ๒ แล้ว ให้ออกใบรับคำร้องเบื้องต้นให้แก่ ผู้ยื่นคำร้องโดยพลัน ใบรับคำร้องเบื้องต้นต้องระบุระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่จะใช้ในการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของเอกสารหรือหลักฐานไว้ด้วย ซึ่งต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้อง ในกรณีที่พบว่า เอกสารหรือหลักฐานที่ได้รับยังไม่ถูกต้องครบถ้วน ให้แจ้งผู้ยื่นคำร้องดำเนินการแก้ไข พร้อมทั้งกำหนด ระยะเวลาที่ผู้ยื่นคำร้องจะต้องดำเนินการ และแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบภายในสิบห้าวันนับแต่ วันที่ตรวจสอบแล้วเสร็จหรือต้องแล้วเสร็จเพื่อให้ผู้ยื่นคำร้องดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วนภายใน ระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปด สิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากผู้ยื่นคำร้อง ไม่ดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าผู้ยื่นคำร้องไม่ประสงค์จะดำเนินการตามคำร้องนั้น ต่อไป และให้เจ้าหน้าที่ยุติเรื่องและแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบถึงเหตุแห่งการยุติเรื่องนั้น เมื่อผู้ยื่นคำร้อง ได้ยื่นคำร้องถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้ออกใบรับคำร้องให้แก่ผู้ยื่นคำร้อง โดยพลัน ในกรณีการยื่นคำร้องโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ได้ออกใบรับคำร้อง เบื้องต้นตามวรรคหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่นั้นได้รับคำร้องเบื้องต้นตามวันและเวลาที่ปรากฏในระบบ อิเล็กทรอนิกส์ของเจ้าหน้าที่นั้น เพื่อประโยชน์ในการนับระยะเวลาในการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการคืน อสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา ๕๕ ให้วันที่ได้รับคำร้องขอคืนที่ดินหมายถึงวันที่ผู้ยื่นคำร้องได้ยื่นเอกสาร หรือหลักฐานถูกต้องครบถ้วนแล้ว ข้อ ๔ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับคำร้องถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ส่งคำร้องนั้น ให้คณะกรรมการตามมาตรา ๕๕ เพื่อพิจารณาโดยเร็ว ข้อ ๕ ให้เจ้าหน้าที่คืนที่ดินแก่เจ้าของเดิมหรือทายาทที่ยื่นคำร้อง ในกรณีที่มีผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืนหลายคน แต่ผู้มีสิทธิทุกคนมิได้ร่วมยื่น คำร้องด้วย การที่เจ้าหน้าที่คืนที่ดินให้แก่ผู้ยื่นคำร้องคนใดคนหนึ่ง ไม่เป็นการตัดสิทธิที่พึงมีตามกฎหมาย ในที่ดินที่ได้รับคืนของเจ้าของเดิมหรือทายาทคนอื่นที่มิได้ร่วมยื่นคำร้อง ผู้ได้รับที่ดินคืนยังคงมีสิทธิ และหน้าที่ต่อผู้มีสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว จะอ้างการที่เจ้าหน้าที่คืนที่ดินให้ตนเป็นข้ออ้างในการตัดสิทธิ บุคคลอื่นมิได้ ในการคืนที่ดิน หากมีความจำเป็นต้องรังวัดที่ดินก่อน ให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในการรังวัดที่ดินนั้น ข้อ ๖ บรรดาคำร้องขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืนที่ยื่นไว้แล้วในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้รับคำร้องนั้นไว้พิจารณาต่อไปตามกฎกระทรวงนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องได้เอกสารหรือหลักฐาน เพิ่มเติม เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ผู้ยื่นคำร้องส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนด ก็ได้ ระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าวต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ให้ไว้ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หน้า ๒๑ แบบ ขค. ๑ คำร้องขอคืนที่ดิน ที่ถูกเวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เขียนที่ ..................................................... วันที่ ............ เดือน ................................. พ.ศ. ................... ๑. ข้าพเจ้า ................................................................................................... ............................. (ถ้าเป็นบุคคลต่างด้าวให้แจ้งเป็นภาษาอังกฤษ)  เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติ .................................. อายุ ......................ปี เลขประจำตัวประชาชน/เลขหนังสือเดินทาง/เลขใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว/(อื่น ๆ.......................) ………………………………………….....……… อยู่บ้านเลขที่ ............... ตรอก/ซอย .. ....................................... ถนน ................................................. หมู่ที่ ........... ตำบล/แขวง ......................................... ......... อำเภอ/เขต ..................................จังหวัด ............................. ...... รหัสไปรษณีย์ .................................. โทรศัพท์ ................................................…..... โทรสารหรือ e-mail ......................................................  เป็นนิติบุคคลประเภท ........................................ ........................................... สัญชาติ ................................………………………………… จดทะเบียนเมื่อ ....................................... เลขที่ทะเบียน ............................………................. (ออกให้โดย ............................. ................................) สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ ..................... ตรอก/ซอย ..................................... ถนน ............................. ........ หมู่ที่ ........... ตำบล/แขวง ......................................... อำเภอ/เขต ...... ................................................ จังหวัด ................................................................ รหัสไปรษณีย์ ....................................... .................... โทรศัพท์ ................................................…... .. โทรสารหรือ e-mail ...................................................... โดยมี…………………………………………………….. เป็นผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันนิติบุคคล สัญชาติ ........................ อายุ ........... ปี เลขประจำตัวประชาชน/เลขหนังสือเดินทาง/เลขใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว/ (อื่น ๆ...........................) ……………....................................…… อยู่บ้านเลขที่ ...................... ตรอก/ซอย ....................................................... ถนน .. .................................................หมู่ที่ ........... ตำบล/แขวง ....................................................... อำเภอ/เขต ................................................. ............. จังหวัด ........................................ ........................ รหัสไปรษณีย์ ........................................................... โทรศัพท์ ................................................…..... โทรสารหรือ e-mail ...................................................... /๒. ... เลขที่รับ ...................................... วันที่ ............................................ ลงชื่อ ........................ ผู้รับคำร้อง - ๒ - ๒. ข้าพเจ้าขอยื่นคำร้องขอคืนที่ดินตามมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน และการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในฐานะ  ๒.๑ เจ้าของเดิม  กรณีเป็นเจ้าของเดิมแต่เพียงผู้เดียว โดยมีหลักฐานการเป็นเจ้าของเดิม คือ ................................. .....................................................................................................  กรณีเจ้าของเดิมมีหลายคน เจ้าของเดิมมีจำนวน ......... คน ได้แก่ ................................................ ................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ..................... .............................................................................. .................................................................................. ซึ่งข้าพเจ้าเป็นเจ้าของเดิมคนหนึ่ง โดยมีหลักฐานการเป็นเจ้าของเดิม คือ ............................................  ๒.๒ ทายาทของเจ้าของเดิมที่ตาย  กรณีเป็นทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกของเจ้าของเดิมตามกฎหมาย แต่เพียงผู้เดียว โดยมีหลักฐาน ของเจ้าของเดิมที่ตาย คือ ........................................ ............................... และหลักฐานการเป็นทายาท คือ .............................................. ..............................................................  กรณีทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกของเจ้าของเดิมตามกฎหมาย มีหลายคน ทายาทมีจำนวน ............ คน ได้แก่ ................................................................. ........................ ............................................................................................................................. ........... ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ..................... ..................................................... ........................................................................................................... ซึ่งข้าพเจ้าเป็นทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกของเจ้าของเดิมตามกฎหมายคนหนึ่ง โดยมีหลักฐาน ของ เจ้าของเดิมที่ตาย คือ ......................................................................................................................... ... และหลักฐานการเป็นทายาท คือ .......................... .................................................................................. หากเจ้าของเดิมคนใดคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่  เจ้าของเดิมที่ยังมีชีวิตอยู่รับทราบการขอคืน โดยมีหลักฐานแสดง การรับทราบการขอคืน คือ .........................................................................................................................  เจ้าของเดิมที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ร่วมขอคืนด้วย โดยมีหลักฐานแสดงการร่วมขอคืน คือ ......................................................................................................................... .............. ๓. ที่ดินที่ขอคืนถูกเวนคืนโดย โครงการที่ถูกเวนคืน ชื่อ .......................... ............... ............................................................................................................................. ................................... ............................ ............................................................................................................................. ....... ........................................................................................................................... ..................................... ตามพระราชกฤษฎีกา/พระราชบัญญัติ ............................................................................................ ............................................................................................. ................................................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... (ถ้าทราบชื่อโครงการที่ถูกเวนคืนหรือ พระราชกฤษฎีกา/พระราชบัญญัติ) /๔. ... - ๓ - ๔. รายละเอียดของที่ดินที่ประสงค์จะขอคืน  โฉนดที่ดิน  น.ส. ๓  น.ส. ๓ ก. เลขที่ .......................................... เลขที่ดิน .................................... ระวาง ...................... .................... ตำบล ............................ ............. อำเภอ ....................................... จังหวัด ........................................ จำนวนเนื้อที่ ................ ไร่ ................. งาน ............... ตารางวา ถูกเวนคืนตามผลการจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรมจำนวนเนื้อที่ ........ ........ ไร่ ................. งาน ............... ตารางวา  ข้าพเจ้าประสงค์จะขอคืนที่ดินทั้งหมด โดยมีหลักฐานแสดงตำแหน่งที่ดินที่ประสงค์ จะขอคืน (ถ้ามี) คือ ................................................................................................ ...............  ข้าพเจ้าประสงค์จะขอคืนที่ดินเฉพาะบางส่วน จำนวนเนื้อที่ ............ ........ ไร่ .............. งาน ............... ตารางวา หรือจำนวน ................. ส่วนของที่ดินทั้งหมด โดยมีหลักฐาน แสดงตำแหน่งที่ดินส่วนที่ประสงค์จะขอคืน (ถ้ามี) คือ .......................................................................... . ๕. เหตุผลในการขอคืนที่ดิน เนื่องจาก  เป็นที่ดินที่ได้มาตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนภายในระยะเวลาเริ่มดำเนินการหรือภายใน กำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๕๑ หรือมาตรา ๖๗  เป็นที่ดินที่ได้มาตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ที่เหลือจากการใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน  เป็นที่ดินที่ได้จากการซื้อขายตามมาตรา ๓๔ รวมเป็นแปลงเดียวกันกับที่ดิน ที่ขอคืน และเจ้าหน้าที่ยังมิได้นำที่ดินนั้นไปใช้ประโยชน์ ๖. ข้อมูลอื่น ๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา (ถ้ามี) ......................................... …………………………………………………………………………… ………………………………………………………………...…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………................................. ............................................................................................................................. ..... ......................................................................................................................................... ....................... ........................................................................................................... ..................................................... ๗. พร้อมคำร้องนี้ข้าพเจ้าได้แนบเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามที่ได้ระบุไว้ ใน ๒. ถึง ๔. มาด้วยแล้ว คือ ๗.๑ ............................................................................................................................ ๗.๒ ......................................................................................................................... ... ๗.๓.......................................................................................................................... ... ๗.๔ ....................................................................................................................... ..... ๗.๕ ......................................................................................................................... ... ๗.๖ ................................................................................................................. ........... ๗.๗ ......................................................................................................................... ... ๗.๘ ........................................................................................................... ................. ๗.๙ ......................................................................................................................... ... ๗.๑๐ .................................................................................................... ...................... /ข้าพเจ้า ... - ๔ - ข้าพเจ้ารับทราบถึงสิทธิของผู้มีสิทธิขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืนคนอื่นที่มิได้ร่วมยื่น คำร้องด้วย ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่คืนที่ดินให้แก่ข้าพเจ้านั้น ไม่เป็นการตัดสิทธิที่พึงมีตามกฎหมายในที่ดิน ที่ได้รับคืนของเจ้าของเดิมหรือทายาทคนอื่นที่มิได้ร่วมยื่นคำร้อง และข้าพเจ้ายังคงมีสิทธิและหน้าที่ ต่อผู้มีสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว โดยข้าพเจ้าจะอ้างการที่เจ้าหน้าที่คืนที่ดินให้แก่ข้าพเจ้าเป็นข้ออ้าง ในการตัดสิทธิบุคคลอื่นมิได้ ข้าพเจ้าขอรับรองว่า ข้อความ เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ที่ยื่นตามคำร้องข้างต้น เป็นความจริงทุกประการ ลงชื่อ .............................. .................... ผู้ยื่นคำร้อง (.................................................) หมายเหตุ ๑. เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาขอคืนที่ดินกรุณากรอกข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน ๒. ข้อความใดที่ไม่ต้องการให้ขีดฆ่า ๓. ให้ทำเครื่องหมาย √ ในช่อง  หน้าข้อความที่ต้องการ ๔. ในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องขอคืนที่ดิน ที่ถูกเวนคืนเป็นนิติบุคคล จะต้องประทับตรา (บริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วน) ให้ถูกต้องตามที่กำหนดด้วย ๕. กรุณาจัดส่งเอกสาร และหลักฐานให้ถูกต้องครบถ้วน ๖. กรณีผู้ยื่นคำร้องไม่สามารถจัดส่งเอกสาร หรือหลักฐานตามที่กำหนดไว้ได้ถ้าสมัครใจที่จะ จัดส่งสำเนาของเอกสาร หรือหลักฐานดังกล่าวโดยรับรองความถูกต้องก็ให้สามารถกระทำได้ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้คือ โดยที่มาตรา ๕๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติให้การขอคืนที่ดิน ที่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนภายในระยะเวลาตามมาตรา ๕๑ หรือเหลือจาก การใช้ประโยชน์ และในกรณีที่เจ้าของเดิมหรือทายาทมีที่ดินที่มีการซื้อขายตามมาตรา ๓๔ รวมเป็นแปลงเดียวกัน กับที่ดินที่ขอคืน และเจ้าหน้าที่ยังมิได้นำที่ดินนั้นไปใช้ประโยชน์ เป็นไปตามแบบและวิธีการที่กำหนดใน กฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๔๔ ก ประกาศ ณ: ๐๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๒๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:119207", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "กฎกระทรวงการขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืน\tพ.ศ. ๒๕๖๔", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/044/T_0020.PDF", "year": null }
nonweb_126823
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดสุพรรณบุรี เรื่อง จดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงกรรมการของ "มูลนิธิการศึกษาเพื่อโรงเรียนศรีประจันต์ "เมธีประมุข"" ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ จังหวัดสุพรรณบุรี เรื่อง จดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงกรรมการของ “มูลนิธิการศึกษาเพื่อโรงเรียนศรีประจันต์ “เมธีประมุข”” ด้วย นายอำนวย ปานนุ้ย ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิการศึกษา เพื่อโรงเรียนศรีประจันต์ “เมธีประมุข” ซึ่งสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ณ เลขที่ ๔๐๖ หมู่ที่ ๓ ตำบลศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ โดยถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ดังต่อไปนี้ ๑. นายอำนวย ปานนุ้ย ประธานกรรมการ ๒. นายแพทย์สุธน ยุวศิรินันท์ รองประธานกรรมการ ๓. นายกอบชัย พลเสน รองประธานกรรมการ ๔. นางทิพย์รดา จำปาเงิน รองประธานกรรมการ ๕. นายอนุสรณ์ สุพรรณโรจน์ กรรมการ ๖. นายสงบ ลาภป้ญญา กรรมการ ๗. นายบุญมา มะลิวัลย์ กรรมการ ๘. นายสมพงษ์ อินทรใจเอื้อ กรรมการ ๙. นายศุภทิน จำปาเงิน กรรมการ ๑๐. นายสรวิชญ์ เกียรติอภิวสุ กรรมการ ๑๑. นางชุติมา ปานนุ้ย เหรัญญิก ๑๒. ว่าที่ร้อยตรี รังสี วิบูลย์อรรถกร กรรมการและเลขานุการ ๑๓. นางสาวอนุรักษ์ สังข์ทอง กรรมการผู้ช่วยเลขานุการ ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ปิยะพงษ์ บุญส่ง นายอำเภอศรีประจันต์ ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดสุพรรณบุรี เล่ม: ๑๓๙ หมวด: ๓๗ ง ประกาศ ณ: ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ หน้า: ๑๓๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:126824", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดสุพรรณบุรี เรื่อง จดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงกรรมการของ "มูลนิธิการศึกษาเพื่อโรงเรียนศรีประจันต์ "เมธีประมุข""", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/D/037/T_0131.PDF", "year": null }
nonweb_97457
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ "มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม" ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ “มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม” ด้วย นางสาววารุณี ขันตรี ผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ของมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ข้อ ๓ มีใจความ ดังนี้ ข้อ ๓ สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิตั้งอยู่เลขที่ ๙๓๑/๘ ซอยลาดพร้าว ๘๗ (จันทราสุข) แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๔๐ นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิรายนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เล่ม: ๑๓๕ หมวด: ๕๘ ง ประกาศ ณ: ๐๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ หน้า: ๖๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:97458", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ \"มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม\"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/D/058/68.PDF", "year": null }
nonweb_137481
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 6840 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงขยะ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 6840 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เชื้อเพลิงขยะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เชื้อเพลิงขยะ มาตรฐานเลขที่มอก. 3460 - 2565 ไว้ดังมีรายละเอียดต่อท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. ๒๕ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หน้า ๓๘ ข้อมูลมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 6840 (พ.ศ.2565) ชื่อมาตรฐาน : เชื้อเพลิงขยะ REFUSE DERIVED FUEL มาตรฐานเลขที่ : มอก. 3460-2565 ผู้จัดทำ : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กรรมการวิชาการ : คณะอนุกรรมการวิชาการรายสาขา คณะที่ 28/5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์ เชื้อเพลิงชีวมวล เชื้อเพลิงขยะ และก๊าซชีวภาพ ขอบข่าย : มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนี้ - ครอบคลุมเชื้อเพลิงที่ทำจากขยะมูลฝอยจากชุมชนหรือกากอุตสาหกรรม ไม่อันตราย เช่น บรรจุภัณฑ์ เศษผ้า เศษยาง เศษพลาสติก กระดาษ เปลือกผลไม้กากตะกอน แต่ไม่รวมถึง ขยะอันตราย และขยะติดเชื้อ เนื้อหาประกอบด้วย : ขอบข่าย บทนิยาม ชั้นคุณภาพ ขนาด คุณลักษณะที่ต้องการ การบรรจุ เครื่องหมายและฉลาก การชักตัวอย่างและเกณฑ์ตัดสิน และการทดสอบ จำนวนหน้า : 8 หน้า ISBN : 978-616-580-989-4 ICS : 75.160.10 สถานที่จัดเก็บ : ห้องสมุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 02 430 6834 ต่อ 2440-2441 สถานที่จำหน่าย : สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพมหานคร 10400 https://www.tisi.go.th เล่ม: 140 หมวด: 5 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 09/01/2023 หน้า: 38
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:137482", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 6840 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงขยะ", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/17236450.pdf", "year": null }
nonweb_83451
ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม [สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย] ประกาศนายทะเบียนสมาคม ประจำกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม ด้วย นางประณีต ถาวร ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมสันนิบาต เทศบาลแห่งประเทศไทย โดยมีใจความสำคัญ ดังนี้ แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับข้อ ๔, ๕, ๑๘, ๑๙, ๒๔, ๓๐, ๔๒ และข้อ ๕๓ ความว่า ข้อ ๔ ให้สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Municipal League of Thailand” ข้อ ๕ ในข้อบังคับนี้ ฯลฯ “เลขาธิการ” หมายความถึง เลขาธิการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย “รองเลขาธิการ” หมายความถึง รองเลขาธิการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ข้อ ๑๘ ให้มีสันนิบาตเทศบาลจังหวัด สันนิบาตเทศบาลภาค และคณะกรรมาธิการบริหาร แต่ละคณะให้มีองค์ประกอบ ดังนี้ ฯลฯ ๑๘.๓ คณะกรรมาธิการบริหาร ประกอบด้วย (๑) นายกสมาคม จำนวน ๑ คน (๒) อุปนายก จำนวน ๑ คน (๓) คณะกรรมาธิการบริหารที่เป็นสมาชิกสามัญ จำนวน ๕๕* คน ซึ่งได้รับเลือกมาจาก ๓.๑ ผู้แทนซึ่งเป็นนายกเทศมนตรี ภาคละ * ๘ คน จำนวน ๔๐ คน ๓.๒ ผู้แทนซึ่งเป็นปลัดเทศบาล ภาคละ * ๓ คน จำนวน ๔๐* คน (๔) ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑ คน (๕) ผู้แทนกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ คน (๖) เลขาธิการ จำนวน ๑ คน (๗) รองเลขาธิการ จำนวนไม่เกิน ๒ คน ข้อ ๑๙ ให้นายกสมาคมเป็นประธานคณะกรรมาธิการบริหารโดยตำแหน่ง ถ้านายกสมาคม ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อุปนายกตามลำดับอาวุโสปฏิบัติหน้าที่แทน กรณีที่นายกสมาคมและอุปนายกไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมาธิการบริหาร เลือกกรรมาธิการบริหารคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน ให้เลขาธิการสมาคมเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการบริหารโดยตำแหน่ง ถ้าเลขาธิการสมาคม ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองเลขาธิการตามลำดับอาวุโสปฏิบัติหน้าที่แทน กรณีที่เลขาธิการและรองเลขาธิการไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมาธิการ บริหารเลือกกรรมาธิการบริหารคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน ข้อ ๒๔ กรรมาธิการบริหารต้องออกจากตำแหน่งด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ในสถาบันตามข้อ ๑๐ (๒) ลาออก โดยยื่นใบลาออกต่อนำยกสมาคม และให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ อนุญาตเป็นต้นไป (๓) ครบวาระการดำรงตำแหน่งตามข้อ ๒๒ และข้อ ๒๓ (๔) ขาดการประชุมติดต่อกัน ๓ ครั้ง โดยไม่มีเหตุผลอันควร *การพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ในสถาบันตามวรรคหนึ่ง (๑) อันเนื่องจากต้องมี การเลือกตั้งใหม่ตามวาระของนายกเทศมนตรี ถ้าผู้นั้นได้รับเลือกให้กลับมาดำรงตำแหน่งเดิม ในเทศบาลเดียวกัน ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยพ้นจากตำแหน่ง และให้นับเวลาที่ว่างลงชั่วคราวเป็นระยะเวลา ของวาระการดำรงตำแหน่งตามข้อบังคับนี้* ข้อ ๓๐ เลขาธิการมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ ฯลฯ (๗) ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการของคณะกรรมาธิการบริหาร (๘) เป็นผู้บังคับบัญชาลูกจ้างสำนักงาน โดยมี รองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยสั่งการและ ปฏิบัติงาน ข้อ ๔๒ ให้นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลเป็นประธานในการประชุมทั่วไปและ การประชุมธุรกิจ โดยมีอุปนายกเป็นรองประธาน ถ้าหากนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติ หน้าที่ประธานแทน กรณีที่นายกสมาคมและอุปนายกไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้สมาชิกเลือก สมาชิกคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่ประธานในการประชุมคราวนั้น ให้เลขาธิการสมาคมเป็นเลขานุการในการประชุมทั่วไปและการประชุมธุรกิจ โดยมี รองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ถ้าเลขาธิการสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองเลขาธิการตามลำดับอาวุโสปฏิบัติหน้าที่แทน กรณีที่เลขาธิการสมาคมและรองเลขาธิการสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้สมาชิกเลือกสมาชิกคนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่เลขานุการในการประชุมคราวนั้น ข้อ ๕๓ สำนักเลขาธิการบริหารจะเก็บเงินสดไว้ได้ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เกิน นำฝากไว้ที่ธนาคารตามข้อ ๕๑ นายทะเบียนสมาคมประจำกรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งให้รับจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ของสมาคมรายนี้แล้ว เลขทะเบียนที่จ. ๖๔๓ /๒๕๕๒ ตั้งแต่วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๒ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๒ และมาตรา ๘๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ สมคิด ใจยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง นายทะเบียนสมาคมประจำกรุงเทพมหานคร เล่ม: ๑๒๗ หมวด: ๙ ง ประกาศ ณ: ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ หน้า: ๒๑๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:83452", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนสมาคมประจำกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม [สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2553/D/009/213.PDF", "year": null }
nonweb_115811
ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. ๑๒/๒๕๖๔ เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม เพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ ๓) ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ทน. 12/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม เพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ 3) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 16/6 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 และมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการกำกับตลาดทุนออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า “ประกาศที่สน. 87/2558” ในข้อ 1 แห่งประกาศ คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ทน. 41/2562 เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการจัดตั้ง และจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่ เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลงวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ข้อ 2 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามคำว่า “ประกาศที่ทน. 11/2564” ต่อจาก บทนิยามคำว่า “ประกาศที่ทน. 88/2558” ในข้อ 1 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ทน. 41/2562 เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุน ที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลงวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ““ประกาศที่ทน. 11/2564” หมายความว่า ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ทน. 11/2564 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุน ที่มิใช่รายย่อย กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนประเภทสถาบัน และกองทุนส่วนบุคคล ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564” ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 3 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ทน. 41/2562 เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลงวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 3 มิให้นำหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้มาใช้บังคับกับกองทุนรวมตามประกาศนี้ (1) ข้อ 29 แห่งประกาศที่ทน. 88/2558 และข้อ 29 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งประกาศที่ทน. 11/2564 (2) ข้อ 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่งประกาศที่ทน. 88/2558 และข้อ 20 แห่งประกาศ ที่ทน. 11/2564 โดยให้บริษัทจัดการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในข้อ 6 และข้อ 7 แทน” ข้อ 4 ให้ยกเลิกข้อ 8 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ทน. 41/2562 เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลงวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562 หน้า ๖๓ ข้อ 5 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. ๒๕ รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับตลาดทุน เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๔๖ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๐๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๖๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:115812", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. ๑๒/๒๕๖๔ เรื่อง หลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม เพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ ๓)", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/046/T_0063.PDF", "year": null }
nonweb_115634
ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดไปประเทศญี่ปุ่น ภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) ปีที่ ๑๕ ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดไปประเทศญี่ปุ่น ภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) ปีที่ ๑๕ ตามกรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) ในปีที่ ๑๕ ประเทศญี่ปุ่น จัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดให้แก่ประเทศไทย จำนวน ๘,๐๐๐ ตัน ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ เพื่อให้การจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดให้กับผู้ส่งออกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการพืชสวน ครั้งที่ ๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหา รราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรมวิชาการเกษตรจึงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ดังต่อไปนี้ ๑. ผู้มีสิทธิได้รับการจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสด (๑) ต้องเป็นนิติบุคคล และเป็นผู้ประกอบการกิจการค้าสินค้ากล้วย (๒) ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ส่งออก ตามประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนผู้ส่งออก เพื่อขอรับการจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดไปประเทศญี่ปุ่น ภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) ลงวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๑ (๓) ต้องสมัครเข้าร่วมโครงการ การจัดการสารเคมีในกล้วยเพื่อการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น (Control Measures for Pesticide Management in Banana Export to Japan) ตามข้อตกลง ระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับกระทรวงสาธารณสุขแรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น ในการแก้ไขปัญหา ประเทศญี่ปุ่นกักกันกล้วยนำเข้าจากไทยทุกรุ่นเพื่อตรวจความปลอดภัยจากสารเคมีก่อนการอนุญาต นำเข้าทุกครั้ง (๔) การส่งออกกล้วยสดต้องใช้กล้วยสดที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย ๒. การจัดสรรโควตา แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ดังนี้ (๑) ร้อยละ ๑๕ เป็นโควตากลาง (๒) ร้อยละ ๑๕ เป็นโควตาสำหรับผู้ส่งออกรายใหม่ (๓) ร้อยละ ๗๐ เป็นโควตาสำหรับจัดสรรให้ผู้ส่งออกรายเก่าที่มีประวัติส่งออก ไปประเทศญี่ปุ่นเฉลี่ย ๓ ปี ย้อนหลัง โดยจะต้องแสดงประวัติการส่งออก ๓ ปี ย้อนหลัง ประกอบการพิจารณา กรณีปริมาณการส่งออกเฉลี่ยแต่ละรายรวมกันเกินปริมาณโควตา จะปรับปริมาณลดลง ตามสัดส่วน หน้า ๓๓ ๓. ผู้ได้รับการจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว หากไม่มีการส่งออกภายใน ระยะเวลา ๓ เดือน นับแต่วันที่ได้รับการจัดสรร กรมวิชาการเกษตรจะยกเลิกโควตาสำหรับบุคคลดังกล่าว แล้วนาส่วนที่จัดสรรสำหรับบุคคลนั้น ส่งคืนเป็นโควตากลาง ๔. ผู้ได้รับการจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดแล้ว สามารถส่งออกได้ทั้งหมด หากมีกล้วยสด เหลืออยู่และประสงค์จะส่งออกให้ทำเรื่องเสนอ กรมวิชาการเกษตร เพื่อขอใช้โควตากลาง ๕. ห้ามผู้ที่ได้รับการจัดสรรโอนสิทธิที่ได้รับให้แก่ผู้อื่น ๖. ผู้ที่ได้รับการจัดสรรโควตาทั้งรายเก่าและรายใหม่ เมื่อมีการส่งออกแล้วต้องรายงานผล การดำเนินงานให้กรมวิชาการเกษตรทราบ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการจัดสรรโควตาปีต่อไป ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันส่งออก ผู้สนใจขอรับการจัดสรรโควตากล้วยสดไปประเทศญี่ปุ่น ภายใต้กรอบ JTEPA โปรดแจ้ง ความจำนงขอรับการจัดสรรที่กลุ่มจดทะเบียนและออกใบรับรอง กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐาน สินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร เลขที่ ๕๐ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๗๙ ๖๑๓๓ โทรสาร ๐ ๒๕๗๙ ๖๑๓๔ e-mail : ccgdoa@gmail .com ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖ พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๔๕ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๓๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:115635", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การจัดสรรโควตาส่งออกกล้วยสดไปประเทศญี่ปุ่น ภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) ปีที่ ๑๕", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/045/T_0033.PDF", "year": null }
nonweb_106579
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลำปาง [นายสมศักดิ์ เมดาน] ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การประกาศรายชื่อ ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลำปาง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เรื่อง การประกาศรายชื่อ ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลำปาง โดยมี นายธนชาติ ดวงบัณ ฑิตสุข เป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลำปาง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ แล้ว นั้น ต่อมาจังหวัดลำปางแจ้งว่า นายธนชาติ ดวงบัณฑิตสุข กรรมการอิสลามประจำจังหวัดลำปาง ขอลาออก เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ และกระทรวงมหาดไทยมีประกาศรายชื่อ ผู้พ้นจากตำแหน่ง กรรมการอิสลามประจำจังหวัดแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งจังหวัดลำปางดำเนินการคัดเลือกกรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดแทนตำแหน่งที่ว่าง ด้วยแล้ว ซึ่งจังหวัดลำปางดำเนินการจัดประชุมอิหม่ามประจำมัสยิด เพื่อคัดเลือกกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามมาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารองค์ กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. ๒๕๔๐ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว ปรากฏว่า นายสมศักดิ์ เมดาน ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลำปางแทนตำแหน่งที่ว่าง อาศัยความตามมาตรา ๒๓ วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. ๒๕๔๐ จึงประกาศว่า นายสมศักดิ์ เมดาน ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ลำปาง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เล่ม: ๑๓๖ หมวด: ๔๘ ง ประกาศ ณ: ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ หน้า: ๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:106580", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลำปาง [นายสมศักดิ์ เมดาน]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/D/048/T_0003.PDF", "year": null }
nonweb_116105
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรตราข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย ว่าด้วยการจัดการมูลฝอย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา ๒๐ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๕ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๓ และมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ องค์การบริหาร ส่วนตำบลเขาทราย โดยความเห็นชอบของสภาองค์ การบริหารส่วนตำบลเขาทราย และนายอำเภอทับคล้อ จึงตราข้อบัญญัตินี้ไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย ตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๓ ให้ยกเลิกข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูล และมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๔ บรรดาข้อบัญญัติ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่ได้ตราไว้แล้ว ในข้อบัญญัตินี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบัญญัตินี้ ให้ใช้ข้อบัญญัติตำบลนี้แทน ข้อ ๕ ในข้อบัญญัตินี้ “มูลฝอย” หมายความว่า เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร เศษสินค้า เศษถุงพลาสติก ภาชนะที่ใส่อาหาร เถ้า มูลสัตว์ ซากสัตว์ หรือสิ่งอื่นใดที่เก็บกวาดจากถนน ตลาด ที่เลี้ยงสัตว์ หรือที่อื่น และหมายความรวมถึงมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย “เจ้าพนักงานสาธารณสุข” หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หน้า ๒๔๐ “อาคาร” หมายความว่า ตึก บ้าน เรือน โรง ร้าน แพ คลังสินค้า สำนักงาน หรือสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ “ที่หรือทางสาธารณะ” หมายความว่า สถานที่หรือทางซึ่งมิใช่เป็นของเอกชนและประชาชน สามารถใช้ประโยชน์หรือใช้สัญจรได้ ข้อ ๖ การเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย ให้เป็นอำนาจ ขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย อาจร่วมกับหน่วยงานของรัฐ หรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่นดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมกันก็ได้ ในกรณีที่มีเหตุอันสมค วรองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย อาจมอบให้บุคคลใดดำเนินการ ตามวรรคหนึ่งแทนภายใต้การควบคุมดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย หรืออาจอนุญาตให้บุคคลใด เป็นผู้ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการก็ได้ บทบัญญัติตามข้อนี้ และข้อ ๑๐ มิให้ใช้บังคับกับการจัดการของเสียอันตรายตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงงาน แต่ให้ผู้ดำเนินกิจการโรงงานที่มีของเสียอันตราย และผู้ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขนหรือกำจัดของเสียอันตรายดังกล่าว แจ้งการดำเนินกิจการเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ข้อ ๗ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกำหนดเขตพื้นที่การให้บริการเก็บ ขนหรือกำจัดมูลฝอย หรือมูลฝอย หรือเขตพื้นที่ที่องค์การบริหารส่วนตำ บลเขาทรายมอบให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนหรือเขตพื้นที่ การอนุญาตให้บุคคลใดดำเนินกิจการโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ ในเขตอำนาจขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย และระเบียบปฏิบัติได้ตามความจำเป็น ข้อ ๘ เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่การให้บริการเก็บ ขนหรือกำจัดมูลฝอยหรือมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย หรือเขตพื้นที่ที่องค์การบริหาร ส่วนตำบลเขาทราย มอบให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการให้บริการแก่องค์การบริหาร ส่วนตำบลเขาทราย ตามอัตราที่กำหนดไว้ท้ายข้อบัญญัติ ทั้งนี้การจะกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการกำจัด มูลฝอยองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะตามที่กำหนด ในกฎกระทรวง หน้า ๒๔๑ ข้อ ๙ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสะอาดและการจัดระเบียบในการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอย ในกรณีที่ยังไม่มีกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการมูลฝอยหรือมูลฝอยใช้บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย การจัดการมูลฝอยหรือมูลฝอยให้ปฏิบัติตาม ข้อบัญญัติ ดังต่อไปนี้ (๑) ห้ามมิให้ผู้ใดทำการถ่าย เท ทิ้ง กอง หรือทำให้มีขึ้นซึ่งมูลฝอยในที่หรือทางสาธารณะ นอกจากในที่ที่องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทรายจัดไว้ให้ (๒) เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ใด ๆ ต้องจัดให้มีที่รองรับมูลฝอย ที่ถูกสุขลักษณะอย่างเพียงพอและเหมาะสมตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ประกาศกำหนด (๓) ห้ามมิให้ผู้ใดลักลอบ หรือทำการถ่าย เท ทิ้ง กอง หรือทำให้มีขึ้นซึ่งมูลฝอย ในอาคาร สถานที่หรือที่ดินว่างอันเป็นของเอกชนทั้งของตนเอง หรือบุคคลอื่น (๔) ห้ามมิให้ผู้ใดทำการขน คุ้ย เขี่ย หรือขุดมูลฝอยในที่รองรับ รถขน เรือขน หรือสถานที่สาธารณะอื่นใดของ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย เว้นแต่จะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย ในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย (๕) หากผู้ครอบครองอาคาร สถานที่หรือที่ดินว่างเปล่าปล่อยให้มีมูลฝอยสะสม จนก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ ผู้ครอบครองอาคารหรือที่ดินว่างเปล่านั้นจะต้องทำการจัดเก็บ ขน และกำจัดตามคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข หรือคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในระยะเวลาที่กำหนด เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากผู้ครอบครองอาคาร สถานที่หรือที่ดินว่างเปล่านั้นยังคงเพิกเฉย ละเลย หรือกระทำการไม่แล้วเสร็จโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือไม่เป็นไปตามคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุข หรือคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ให้เจ้าหน้าที่ข ององค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย ทำการเก็บขน มูลฝอยหรือมูลฝอยอันเป็นเหตุเดือดร้อนรำคำญจากสถานที่ดังกล่าว และผู้ครอบครองอาคาร สถานที่ หรือที่ดินว่างเปล่านั้น ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดท้ายข้อบัญญัตินี้ (๖) ห้ามเจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงงานอุตสาหกรรม ทิ้งกากอุตสาหกรรม และของเสียอันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานปะปนรวมไปกับมูลฝอยทั่วไป ข้อ ๑๐ ห้ามมิให้ผู้ใดดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หน้า ๒๔๒ ข้อ ๑๑ ผู้ใดประสงค์จะเป็นผู้ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูล ฝอยหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย จะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามแบบที่กำหนดไว้พร้อมกับเอกสารและหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ (๒) สำเนาทะเบียนบ้าน (๓) สำเนาใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร หรือใบอนุญาตตามกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้อง (๔) เอกสารหรือหลักฐานแสดงสถานที่รับกำจัดมูลฝอยทั่วไปที่ได้รับใบอนุญาต และมีการดำเนินกิจการที่ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลโดยมีหลักฐาน สัญญาว่าจ้างระหว่างผู้ขนกับผู้กำจัดมูลฝอย (๕) เสนอแผนการดำเนินงานในการเก็บขนมูลฝอยที่แสดงรายละเอียดขั้นตอน การดำเนินงาน ความพร้อมดำนกำลังคน งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการบริหารจัดการ (๖) เอกสารและหลักฐานอื่น ๆ ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทรายกำหนด ประกาศกำหนด ข้อ ๑๒ ผู้ขอรับใบอนุญาตตาม ข้อ ๑๐ จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ขอรับใบอนุญาตดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขนมูลฝอย (๑.๑) หลักเกณฑ์ด้านยานพาหนะขนมูลฝอย ต้องมีลักษณะ ดังนี้ (๑.๑.๑) ตัวถังบรรจุมูลฝอ ยมีความแข็งแรงทนทาน ไม่รั่วซึม มีลักษณะปกปิด เป็นแบบที่ง่ายต่อการบรรจุ ขนถ่าย และทำความสะอาดง่าย (๑.๑.๒) มีการป้องกันหรือมีการติดตั้งภาชนะรองรับน้ำจากมูลฝอย เพื่อมิให้รั่วไหลตลอดการปฏิบัติงาน และนำน้ำเสียจากมูลฝอยไปบำบัดในระบบบำบัดน้ำเสีย (๑.๑.๓) มีสัญลักษณ์หรือสัญญาณไฟวับวาบติดไว้ประ จำยานพาหนะ ชนิดไม่ก่อให้เกิดความรำคาญและสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เปิดให้สัญญาณขณะปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ (๑.๑.๔) ยานพาหนะขนมูลฝอยต้องมีความปลอดภัยสำหรับการปฏิบัติงาน ระดับที่ขนถ่ายมูลฝอยใส่ในตัวถังยานพาหนะต้องไม่สูงเกินไป หรืออยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ของผู้ปฏิบัติงานในขณะปฏิบัติงาน หน้า ๒๔๓ (๑.๒) หลักเกณฑ์ด้านผู้ขับขี่และผู้ปฏิบัติงานประจำยานพาหนะขน (๑.๒.๑) ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี (๑.๒.๒) ต้องจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม สำหรับผู้ปฏิบัติงาน ในขณะทำหน้าที่เกี่ยวกับเก็บ ขนมูลฝอย (๒) ผู้ขอรับใบอนุญาตดำเนินกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอย (๒.๑) มีเอกสารสิทธิในที่ดินที่ใช้กำจัดมูลฝอย (๒.๒) หลักเกณฑ์ด้านสุขลักษณะการกำจัดมูลฝอย ต้องกำจัดมูลฝอยโดยวิธีใด วิธีหนึ่งหรือหลายวิธีดังต่อไปนี้ แต่วิธีการนี้ไม่นำไปใช้กับมูลฝอยติดเชื้อ มูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตราย จากชุมชนและของเสียอันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน หรือเว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น (๒.๒.๑) การฝ้งกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล (๒.๒.๒) การเผาในเตาเผา (๒.๒.๓) การหมักทำปุยและการหมักทำก๊าซชีวภาพ (๒.๒.๔) การจัดการแบบผสมผสาน (๒.๒.๕) วิธีอื่นตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา (๒.๓) ต้องทำการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นก่อนทำการก่อสร้าง ระบบกำจัดมูลฝอย และมีมาตรการควบคุมกำกับการดำเนินงานกำจัดมูลฝอยในแต่ละวิธีให้เป็นไป ตามสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยเพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (๒.๔) การกำจัดมูลฝอยต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีวิธีดำเนินการ ดังนี้ (๒.๔.๑) การกำจัดมูลฝอย ด้วยวิธีการฝ้งกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ต้องดำเนินการให้ถูกสุขลักษณะและมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑) สถานที่ตั้งเหมาะสม ไม่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ และชั้นที่ ๒ ห่างจากสนามบิน บ่อน้ำดื่ม โรงงานผลิตน้ำประปา สถานศึกษา ศาสนสถาน โบราณสถาน หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในกรณีเป็นพื้นที่ลุ่มที่มีโอกาสเกิดน้ำท่วมฉับพลัน หรือน้ำป๋าไหลหลากต้องมี มาตรการป้องกันและแก้ไขเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม หน้า ๒๔๔ ๒) มีพื้นที่ฉนวนโดยรอบภายในอาณาเขตของสถานที่ฝ้งกลบ จัดเป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้น ไม้ถนน รางระบายน้ำผิวดิน เพื่อลดป้ญหาด้านทัศนียภาพจากการฝ้งกลบ และป้ญหากลิ่นรบกวน ๓) มีระบบป้องกันการปนเปื้อนของน้ำใต้ดินจากน้ำชะมูลฝอย โดยมีการบดอัดก้นบ่อด้านล่างและด้านข้างให้แน่นและปูด้วยแผ่นวัสดุกันซึม ๔) มีระบบรวบรวมน้ำชะมูลฝอยจากก้นบ่อเพื่อส่งไปยังระบบ บำบัดน้ำเสียที่สามารถป้องกันการปนเปื้อนน้ำใต้ดิน และมีกระบวนการบำบัดน้ำชะมูลฝอย ให้ได้มาตรฐานน้ำทิ้ง ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๕) มีการกลบทับหน้ามูลฝอยรายวันด้วยดินหรือวัสดุกลบทับอื่น และปิดการฝ้งกลบเมื่อบ่อฝ้งกลบเต็ม โดยปิดทับหน้าบ่อฝ้งกลบด้วยดินหน้าอย่างน้อย ๖๐ เซนติเมตร หรือวัสดุอื่นที่เหมาะสม เพื่อป้องกันกลิ่น การปลิวของมูลฝอย ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลง พาหะนำโรครวมทั้ง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ๖) มีการป้องกันกลิ่น การปลิวของมูลฝอย ฝุ๋นละออง จากการดำเนินงาน ความสั่นสะเทือน เสียงดังรบกวน เหตุรำคาญและผลกระทบอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ต่อชุมชนตลอดจนไม่เป็น แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงพาหะนำโรค ๗) ต้องมีระบบรวบรวมและระบายก๊าซออกจากหลุมฝ้งกลบ และมีระบบเผาทำลายก๊าซ หรือมีระบบการนำก๊าซไปใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น ๘) มีบ่อสำหรับตรวจสอบการปนเปื้อนของน้ำใต้ดิน และในระหว่าง การดำเนินการฝ้งกลบให้รายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำทุก ๖ เดือน กรณีที่มีการปิดบ่อฝ้งกลบ แล้วให้มีการตรวจสอบปีละ ๑ ครั้ง ติดต่อกันเป็นระยะเวลา ๕ ปี (๒.๔.๒) การกำจัดมูลฝอยด้วยวิธีการเผาในเตาเผา ต้องดำเนินการ ให้ถูกสุขลักษณะและมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑) สถานที่ตั้งเหมาะสม ให้เป็นไปตามผลการศึกษาในข้อ ๒.๓ มีขนาดพื้นที่เหมาะสมกับกระบวนการเผามูลฝอย มีการระบายอากาศและแสงสว่างที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน หน้า ๒๔๕ ๒) มีที่พักรวมมูลฝอย ที่ถูกต้องด้วยสุขลักษณะ ดังนี้ (ก) เป็นอาคารหรือเป็นห้องแยกเป็นสัดส่วนเฉพาะ สามารถบรรจุมูลฝอยได้ ไม่น้อยกว่า ๒ วัน มีการแยกเก็บมูลฝอยเป็นสัดส่วน ตั้งอยู่ในสถานที่สะดวก ต่อการเก็บรวบรวม ขนถ่าย อยู่ห่างจากแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและสถานที่ประกอบอาหาร (ข) พื้น ผนัง เรียบ ทำด้วยวัสดุที่ทนทาน ทำความสะอาดง่าย มีลักษณะ ปิดมิดชิด สามารถป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรค การระบายอากาศดี (ค) มีรางหรือท่อระบายน้ำทิ้ง เชื่อมต่อกับระบบบำบัดน้ำเสีย เว้นแต่อาคารไม่ถูกบังคับให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย (ง) ประตูกว้างเพียงพอให้สามารถเคลื่อนย้ายมูลฝอยได้ โดยสะดวก (จ) มีการกำหนดขอบเขตบริเวณที่ตั้งสถานที่พักรวมมูลฝอย มีข้อความที่มีขนาดเห็นได้ชัดเจนว่า “ที่พักรวมมูลฝอยทั่วไป” และมีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง ๓) มีพื้นที่ฉนวนโดยรอบภายในอาณาเขตของสถานที่เผามูลฝอย จัดเป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ถนน รางระบายน้ำผิวดิน เพื่อลดป้ญหาด้านทัศนียภาพจากการเผาและป้ญหา กลิ่นรบกวน ๔) ต้องเผามูลฝอยที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า ๘๕๐ องศาเซลเซียส และมีระบบควบคุมคุณภาพอากาศที่ปล่อยออกจากปล่องเตาเผามูลฝอยให้ได้มาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้ง อากาศเสียจากเตาเผามูลฝอยตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๕) มีการป้องกันกลิ่น การปลิวของมูลฝอย ฝุ๋นละอองจาก การดำเนินงาน ความสั่นสะเทือน เสียงดังรบกวน เหตุรำคาญและผลกระทบอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชน ตลอดจนไม่เป็น แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงพาหะนำโรค ๖) มีการบำบัดน้ำเสียจากระบบกำจัด และน้ำเสียใด ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในสถานที่กำจัดให้ได้มาตรฐานตา มกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๗) มีการกำจัดเถ้าหนักโดยใช้วิธีการฝ้งกลบอย่างถูกหลัก สุขาภิบาลที่มีการป้องกันน้ำชะขี้เถ้าปนเปื้อนแหล่งน้ำผิวดินและใต้ดิน และต้องมีพื้นที่สำหรับเก็บขี้เถ้าหนัก ที่มีการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีมาตรการในการนำขี้เถ้าหนัก ออกไปกำจัดเป็นประจำ หน้า ๒๔๖ ๘) มีการกำจัดขี้เถ้าเบาโดยใช้วิธีการฝ้งกลบอย่างปลอดภัย ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และต้องมีพื้นที่สำหรับเก็บขี้เถ้าเบาที่มีการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีมาตรการในการนำขี้เถ้าเบาออกไปกำจัดเป็นประจำ (๒.๔.๓) การกำจัดมูลฝอย ด้วยวิธีการหมักทำปุยและการหมักทำก๊าซชีวภาพ จะต้องดำเนินการให้ต้องด้วยสุขลักษณะและหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑) สถานที่ตั้งเหมาะสม ให้เป็นไปตามผลการศึกษาในข้อ ๒.๓ ๒) อาคารคัดแยกมูลฝอย มีขนาดพื้นที่เหมาะสมกับปริมาณ มูลฝอยที่นำมาหมักทำปุยหรือทำก๊าซชีว ภาพ มีการระบายอากาศและแสงสว่างในอาคารคัดแยกมูลฝอย ที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ๓) มีระบบบำบัดกลิ่นจากมูลฝอยในอาคารคัดแยกมูลฝอย และอาคารระบบหมักทำปุย ๔) มีระบบป้องกันการปลิวของมูลฝอย ฝุ๋นละอองจาก การดำเนินงาน ความสั่นสะเทือน เสียงดังรบกวน เหตุรำคาญและผลกระทบอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชน ตลอดจนไม่เป็น แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงพาหะนำโรค ๕) มูลฝอยจากการคัดแยกส่วนที่หมักทำปุยหรือหมักทำก๊าซชีวภาพ ไม่ได้ต้องมีระบบกำจัดหรือส่งไปกำจัดโดยวิธีการฝ้งกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล หรือการเผาในเตาเผา หรืออาจมีการนำ มูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ได้ไปใช้ประโยชน์ ๖) ต้องบำบัดน้ำชะมูลฝอย น้ำเสียจากสถานที่คัดแยกและสถานที่ หมักทำปุยหรือทำก๊าซชีวภาพให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๗) กรณีหมักทำก๊าซชีวภาพ บ่อหมักต้องเป็นระบบปิด มีการนำก๊าซชีวภาพไปใช้ประโยชน์ และมีระบบเผาก๊าซทิ้งกรณีระบบการใช้ประโยชน์จากก๊าซชีวภาพหยุดการทำงาน (๒.๔.๔) การกำจัดมูลฝอยด้วยวิธีการแบบผสมผสาน ซึ่งระบบกำจัด ใช้วิธีการกำจัดมากกว่า ๑ วิธีตามข้อ ๒.๔.๑ ต้องดำเนินการให้ถูกสุขลักษณะและมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑) สถานที่ตั้งเหมาะสม มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณมูลฝอย ที่กำจัด หน้า ๒๔๗ ๒) ในกรณีที่มีอาคารคัดแยกมูลฝอย และอาคารอื่น ๆ ของระบบกำจัดมูลฝอยต้องมีการระบายอากาศและแสงสว่างในอาคาร ที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ๓) ต้องมีระบบบำบัดกลิ่นจากมูลฝอยในอาคารคัดแยกมูลฝอย และอาคารอื่น ๆ ๔) มีระบบป้องกันการปลิวของมูลฝอย ฝุ๋นละอองจาก การดำเนินงาน ความสั่นสะเทือน เสียงดังรบกวน เหตุรำคาญและผลกระทบอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชน ตลอดจนไม่เป็น แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์และแมลงพาหะนำโรค ๕) ในกรณีที่มีหรือใช้ระบบ กำจัดโดยการเผาในเตาเผา ดำเนินการเผาให้ถู กต้องด้วยสุขลักษณะและหลักเกณฑ์ ตามข้อ ๒.๔.๒ ๖) ในกรณีที่มีหรือใช้ระบบกำจัดโดยการหมักทำปุยหรือทำ ก๊าซชีวภาพจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องด้วยสุขลัก ษณะและหลักเกณฑ์ ตามข้อ ๒.๔.๓ (๒.๕) หลักเกณฑ์ด้านคุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้ (๒.๕.๑) ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ควบคุม กำกับในการจัดการมูลฝอย อย่างน้อย ๒ คน โดยคนหนึ่งต้องมีคุณสมบัติสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ในด้านสาธารณสุข ด้านสุขาภิบาล หรือด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ด้านใดด้านหนึ่ง ส่วนอีกคนหนึ่งต้องมีคุณสมบัติสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่าในสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ในด้านสุขาภิบาล วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม หรือวิศวกรรมเครื่องกลด้านใดด้านหนึ่ง เว้นแต่จะมีกฎหมาย บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น (๒.๕.๒) ผู้ปฏิบัติงานที่ทำหน้าที่กำจัดมูลฝอย ต้องได้รับการตรวจสุขภาพ ประจำปีและผ่านการฝกอบรมให้มีความรู้ด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยจากการทำงาน (๒.๕.๓) ต้องจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสม สำหรับผู้ปฏิบัติงานกำจัดมูลฝอย รวมทั้งอุปกรณ์หรือเครื่องมือป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน มีอุปกรณ์และเครื่องมือป้องกันอัคคีภัย ตลอดจนเครื่องมือปฐมพยาบาลติดตั้งไว้ในบริเวณสถานที่กำจัด มูลฝอยด้วย หน้า ๒๔๘ ข้อ ๑๓ เมื่อได้รับคำขอรับใบอนุญาตหรือคำขอต่ออายุใบอนุญาต ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ตรวจความถูกต้องและควา มสมบูรณ์ของคำขอ ถ้าปรากฏว่าคำขอดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นรวบรวมความไม่ถูกต้อง หรือความไม่สมบูรณ์นั้นทั้งหมด และแจ้งให้ผู้ขออนุญาตแก้ไขให้ถูกต้องและสมบูรณ์ในคราวเดียวกัน และในกรณีจำ เป็นที่จะต้องส่งคืนคำขอแก่ผู้ขออนุญาตก็ให้ส่งคืนคำขอพร้อมทั้งแจ้งความไม่ถูกต้อง หรือความไม่สมบูรณ์ให้ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันได้รับคำขอ เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องออกใบอนุญาตหรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผล ให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับคำขอซึ่งมีรายละเอียดถูกต้องหรือครบถ้วนตามที่ กำหนดในข้อบัญญัตินี้ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่อาจออกใบอนุญาตหรือยังไม่อาจมีคำสั่งไม่อนุญาตได้ ภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน แต่ต้องมีหนังสือแจ้งการขยายเวลาและเหตุจำเป็นแต่ละครั้งให้ผู้ขออนุญาตทราบก่อนสิ้นกำหนดเวลา ตามวรรคสองหรือตามที่ได้ขยายเวลาไว้แล้วนั้น แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๔ ผู้ได้รับอนุญาตต้องมารับใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง การอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หากไม่มารับภายในกำหนดเวลาดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าสละสิทธิ์ ข้อ ๑๕ ในการดำเนินกิจการผู้ได้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ผู้ได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขนมูลฝ อย (๑.๑) ขณะทำการเก็บ ขนมูลฝอยต้องควบคุมให้ผู้ปฏิบัติงานสวมเสื้อคลุม ถุงมือยาง และรองเท้าหนังยางหุ้มสูงถึงแข้ง และทำความสะอาดเสื้อคลุม ถุงมือยาง และรองเท้าหนังยาง หลังจากเสร็จสิ้น การปฏิบัติงานประจำวัน (๑.๒) ทำความสะอาดพาหนะเก็บ ขนมูลฝอย อย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง หลังจากที่ออกปฏิบัติงานเก็บ ขนมูลฝอยแล้ว สำหรับน้ำเสียที่เกิดจากการล้างต้องได้รับการบำบัด หรือกำจัดด้วยวิธีการที่ถูกสุขลักษณะก่อนปล่อยทิ้งสู่แหล่งน้ำสาธารณะ หน้า ๒๔๙ (๑.๓) กรณีที่มีมูลฝอยตกหล่นบนทางสาธารณะให้จัดการเก็บให้เรียบร้อย (๑.๔) มีการตรวจสุขภาพ แก่ผู้ปฏิบัติงานเก็บ ขนมูลฝอย อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง (๒) ผู้ได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอย (๒.๑) ดำเนินงานระบบกำจัดมูลฝอยตามหลักสุขาภิบาลตามประเภทของระบบกำจัด (๒.๒) ต้องควบคุมให้ผู้ปฏิบัติงานสวมเสื้อคลุ ม ถุงมือยาง และรองเท้าหนังยาง หุ้มสูงถึงแข้ง และทำความสะอาดเสื้อคลุม ถุงมือยาง และรองเท้าหนังยางหลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติงาน ประจำวัน (๒.๓) มีการตรวจสุขภาพแก่ผู้ปฏิบัติงานกำจัดมูลฝอยอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง (๒.๔) ให้นำความในข้อ ๑๑ (๔) มาบัง คับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๑๖ บรรดาใบอนุญาตที่ออกให้ตามข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลนี้ให้มีอายุหนึ่งปี นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต และให้ใช้ได้เพียงในเขตอำนาจข ององค์การบริหารส่วนตำ บลเขาทรายเท่านั้น การขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอพร้อมกับ เสียค่าธรรมเนียมแล้วให้ประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตให้นำความในข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๔ และข้อ ๑๕ ให้นำมาบังคับใช้โดยอนุโลม ข้อ ๑๗ ผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตตามอัตราที่กำหนดไว้ ท้ายข้อบัญญัตินี้ในวันที่มารับใบอนุญาตสำหรับกรณีที่เป็นการขอรับใบอนุญาตครั้งแรก หรือก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุสำหรับกรณีที่เป็นการขอต่ออายุใบอนุญาตตลอดเวลาที่ยังดำเนินกิจการนั้น ถ้ามิได้เสียค่าธรรมเนียมภายในเวลาที่กำหนด ให้ชำระค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าธรรมเนียม ที่ค้างชำระ เว้นแต่ผู้ได้รับใบอนุญาตจะได้บอกเลิกการดำเนินกิจการนั้นก่อนถึงกำหนดการเสียค่าธรรมเนียมครั้งต่อไป ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามวรรคห นึ่งค้างชำระค่าธรรมเนียมติดต่อกันเกินกว่า สองครั้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดการดำเนินกิจการไว้จนกว่าจะได้เสียค่าธรรมเนียม และค่าปรับจนครบจำนวน หน้า ๒๕๐ ข้อ ๑๘ บรรดาค่าธรรมเนียมและค่าปรับตามข้อบัญญัตินี้ให้เป็นรายได้ขององค์การบริหาร ส่วนตำบลเขาทราย ข้อ ๑๙ ผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ดำเนินกิจการตามข้อบัญญัตินี้จะพึงเรียกเก็บค่าบริการ จากผู้ใช้บริการได้ไม่เกินอัตราค่าบริการขั้นสูงตามที่กำหนดไว้ท้ายนี้ข้อบัญญัตินี้ ข้อ ๒๐ ผู้ได้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบกิจการตลอดเวลาที่ประกอบกิจการ ข้อ ๒๑ ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระที่สำคัญ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาต ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุด ตามแบบที่กำหนดไว้นี้ การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีใบอนุญาตสูญหาย ให้ผู้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตนำสำเนาบันทึก การแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แห่งท้องที่ที่ใบอนุญาตสูญหายมาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นประกอบด้วย (๒) ในกรณีใบอนุญาตถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระที่สำคัญ ให้ผู้ยื่นคำขอรับใบแทน ใบอนุญาต นำใบอนุญาตเดิมเท่าที่เหลืออยู่มาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นประกอบด้วย ข้อ ๒๒ ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติ ไม่ถูกต้อง ตามบทแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือข้อบัญญัตินี้หรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน ใบอนุญาตในเรื่องที่กำหน ดไว้เกี่ยวกับการประกอบกิจการ ตามที่ได้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้ภายในเวลาที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินสิบห้าวัน ข้อ ๒๓ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อปรากฏว่าผู้รับ ใบอนุญาต (๑) ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปและมีเหตุที่จะต้องถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตอีก (๒) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หน้า ๒๕๑ (๓) ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือข้อบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเรื่องที่กำหนดไว้เกี่ยวกับการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาต ตามข้อบัญญัตินี้ และการไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องนั้นก่อให้ เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ ของประชาชน หรือมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน ข้อ ๒๔ คำสั่งพักใช้ใบ อนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้รับ ใบอนุญาตทราบ ในกรณีที่ไม่พบผู้รับใบอนุญาต หรือผู้รับใบอนุญาตไม่ยอมรับคำสั่งดังกล่าว ให้ส่งคำสั่ง โดยทางไปรษณีย์ตอบรับ หรือให้ปิดคำสั่งนั้นไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงาน ของผู้รับใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นได้รับทราบคำสั่งแล้วตั้งแต่เวลาที่คำสั่งไปถึง หรือวันปิดคำสั่ง แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๕ ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการที่ถูกเพิกถอน ใบอนุญาตอีกไม่ได้จนกว่าจะพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ข้อ ๒๖ เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ใด ๆ ที่อยู่นอกเขตพื้นที่การให้บริการเก็บ ขน มูลฝอยขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย หรือเขตพื้นที่การให้บริการของผู้ได้รับใบอนุญาต ดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขนมูลฝอยหรือมูลฝอยโดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน ด้วยการคิดค่าบริการต้องดำเนินการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอยหรือมูลฝอยให้ถูกต้อ งด้วยสุขลักษณะ ตามวิธีการที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุขประกาศกำหนด ข้อ ๒๗ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการหรือพนัก งานส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ในเขตอำนาจ ขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย ในเรื่องใดหรือทุกเรื่องก็ได้ ข้อ ๒๘ ผู้ใดฝ๋าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในบทกำหนดโทษ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒๙ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาท รายเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไป ตามข้อบัญญัตินี้หน้า ๒๕๒ บทเฉพาะกาล ข้อ ๓๐ ผู้ใดที่รับอนุญาตเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยก่อนวันที่ข้อบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ดำเนินการไปจนกว่าใบอนุญาตจะสิ้นอายุ เมื่อต่ออายุใบอนุญาต ให้ปฏิบัติให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัตินี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ชินวัตร เมฆรุ่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย หน้า ๒๕๓ บัญชีอัตราค่าธรรมเนียม ท้ายข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๒ ลำดับที่รายการ อัตราค่าธรรมเนียม (บาท) 1 1.1 อัตราค่าเก็บและขนมูลฝอยประจำเดือน ก. อัตราค่าเก็บและขนมูลฝอยประจำเดือน ที่มีปริมาณมูลฝอย วันหนึ่งไม่เกิน ๕๐๐ ลิตร วันหนึ่งไม่เกิน ๒๐ ลิตร เดือนละ 30 2 อัตราค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตประกอบกิจการรับทำการเก็บ ขนมูลฝอยโดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยรับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิด ค่าบริการ ก. รับทำการเก็บและขนมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจ หรือได้รับผลประโยชน์ ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ ฉบับละ ข. รับทำการกำจัดมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจ หรือได้รับผลประโยชน์ ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการ ฉบับละ 1,500 2,500 3 อัตราค่าออกใบแทน (กรณีต้นฉบับสูญหายหรือถูกทำลาย) ฉบับละ 200 เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๕๙ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๒๔๐
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:116106", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลเขาทราย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๒", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/059/T_0240.PDF", "year": null }
nonweb_83238
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ "มูลนิธิเราจะเป็นคนดี" ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ “มูลนิธิเราจะเป็นคนดี” ด้วย นาวาอากาศเอก นิพนธ์ หรั่งมี ผู้รับมอบอำนาจ ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม ข้อบังคับของมูลนิธิเราจะเป็นคนดี ข้อ ๓ มีใจความ ดังนี้ ข้อ ๓ สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๖๔ /๘๗ ถนนบางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร ได้อนุญาตให้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ มูลนิธิรายนี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นิรันดร์ กัลยาณมิตร รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เล่ม: ๑๒๗ หมวด: ๑๙๓ ง ประกาศ ณ: ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ หน้า: ๑๙๗
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:83239", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ \"มูลนิธิเราจะเป็นคนดี\"", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2553/D/193/197.PDF", "year": null }
nonweb_113624
ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงราย เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิ [มูลนิธิพัฒนาอิ้วเมี่ยนไทย] ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิ จังหวัดเชียงราย เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ “มูลนิธิพัฒนาอิ้วเมี่ยนไทย” ด้วย นายมนตรี สัตตาปาระมี ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิ พัฒนาอิ้วเมี่ยนไทย ดังนี้ ข้อบังคับ มูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ แนวคิดในการจัดตั้งองค์กรของอิ้วเมี่ยนในประเทศ ที่เป็นองค์กรสำหรับกลุ่ม ชาติพันธุ์ของตนเอง ไว้คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ รวมถึง ประเพณีและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ อิ้วเมี่ยนในประเทศ และเป็นองค์กรของกลุ่ม ชาติพันธุ์ เพื่อประสานความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชนในทุกระดับ ดังนั้น คณะผู้นำชาวอิ้วเมี่ยนในภาคเหนือ ได้เล็งเห็น ถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้มีมติตกลงกันเพื่อยื่นจดทะเบียนจัดตั้งองค์กรของอิ้วเมี่ยนเพื่อเป็นมูลนิธิ ซึ่งจะเป็นองค์กรนิติบุคคล ไว้สำหรับประสานงานและปฏิบัติงานร่วมกัน เป็นศูนย์กลางจุดเกาะเกี่ยว และเกื้อกูลกันในกลุ่มพี่น้องอิ้วเมี่ยน และติดต่อประสานงานกันระหว่างมูลนิธิกับบุคคลและองค์กรภายนอกมูลนิธิ เพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวอิ้วเมี่ยนอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ ดังต่อไปนี้ หมวดที่ ๑ ชื่อ เครื่องหมายและสำนักงานที่ตั้ง ๑. มูลนิธินี้มีชื่อว่า “มูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย” มีชื่อย่อว่า มอ. เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “IU MIEN THAI FOUNDATION” ย่อว่า IMTF ๒. เครื่องหมายของมูลนิธิ มีลักษณะเป็น รูปทรงเหมือนดังเพชรที่ได้รับการเจียระ ไน บ่งบอกถึงความอดทนแข็งแกร่งและมั่นคง แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนเห็นได้จากใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มีรอยยิ้มที่มุมปากและดวงตา มีความสุขทั้งใบหน้า อีกทั้งบ่งบอกถึงศิลปะในการโพกผำทั้งสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี เพื่อความสง่างาม รวมถึงความสวยงามให้กับผู้พบเห็น มีการติดเครื่องประดับตุ้มหู ของสตรีทั้งสองข้างและเส้นรอบวงบ่งบอกถึงความสามัคคี และความเป็นหนึ่งเดียวของพวกเราชาวอิ้วเมี่ยน หน้า ๘๒ ๓. สำนักงานของมูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย ตั้งอยู่ณ บ้านเลขที่ ๑๐๐๕/๒๒ ถนนเจ็ดยอด ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย รหัสไปรษณีย์ ๕๗๐๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๕๓-๗๑๑-๐๗๕ หมวดที่ ๒ วัตถุประสงค์ ๔. วัตถุประสงค์ของมูลนิธินี้ เพื่อ (๑) คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ รวมถึงการส่งเสริม การอนุรักษ์ ภาษา ประเพณี และวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน (๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัยและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน แก่สาธารณชนเครือข่าย และหน่วยงานทั้ง ภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้อง (๓) ส่งเสริมและให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่เป็นกลุ่มสมาชิกชนชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน (๔) ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอิ้วเมี่ยน ผู้นำ องค์กรชุมชน เครือข่าย สมาชิกอิ้วเมี่ยน บุคลากรมูลนิธิ ให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ (๕) ส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อม รวมทั้งระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืนแก่กลุ่มชาติพัน ธุ์อิ้วเมี่ยน (๖) เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสานความร่วมมือกับองค์กร เครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนในทุกระดับ (๗) เพื่อดำเนินการ หรือให้ความร่วมมือกับองค์การการกุศลอื่น ๆ เพื่อการกุศล และองค์การสาธารณประโยชน์ เพื่อสาธารณประโยชน์อื่น (๘) ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด หมวดที่ ๓ ทุนทรัพย์ ทรัพย์สิน และการได้มาซึ่งทรัพย์สิน ๕. ทรัพย์สินของมูลนิธิมีทุนเริ่มแรก คือ เงินสด จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท (สองแสนบาทถ้วน) ๖. มูลนิธิอาจได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยวิธีต่อไปนี้ (๑) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้ (๒) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้ยกให้โดยพินัยกรรมหรือนิติกรรมอื่น ๆ โดยมิได้มีเงื่อนไขผูกพัน ให้มูลนิธิต้องรับผิดชอบในหนี้สิน หรือภาระติดพันอื่นใด (๓) ดอกผลซึ่งเกิดจากทรัพย์สินของมูลนิธิ (๔) รายได้อันเกิดจากการจัดกิจกรรมของมูลนิธิ (๕) ทรัพย์สินและกิจกรรมต่าง ๆ ของมูลนิธิ ให้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบและการบริหารงาน ของคณะกรรมการเพื่อการนี้คณะกรรมการมีอำนาจตราระเบียบหรือข้อบังคับใด ๆ โดยไม่ขัดหรือแย้ง กับกฎหมายหรือข้อบังคับนี้ได้ หมวดที่ ๔ คุณสมบัติและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ ๗. กรรมการของมูลนิธิต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ (๑) มีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี บริบูรณ์ (๒) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ (๓) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก เว้นแต่ได้กระทำโดยประมาทหรือควา มผิดลหุโทษ (๔) เป็นชนชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ๘. กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (๑) ถึงคราวออกตามวาระ (๒) ตายหรือลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับข้อ ๗ (๔) เป็นผู้มีความประพฤติและปฏิบัติตนเป็นที่เสื่อมเสียและคณะกรรมการมูลนิธิมีมติให้ออก โดยมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของคณะกรรมการมูลนิธิ หมวดที่ ๕ คณะกรรมการมูลนิธิ ๙. มูลนิธินี้ดำเนินการโดยคณะกรรมการ มีจำนวนไม่น้อยกว่า ๕ คน แต่ไม่เกิน ๑๕ คน ประกอบด้วยประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ เลขานุการ เหรัญญิก และตำแหน่งอื่น ๆ ตามแต่คณะกรรมการมูลนิธินี้จะเห็นสมควร โดยให้คณะกรรมการมูลนิธิเลือกกันเอง เพื่อดำรงตำแหน่งอื่น ๆ ได้ ตามความจำเป็น หน้า ๘๔ ๑๐. ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการผู้เริ่มจัดตั้งมูลนิธิเป็นผู้เลือกคณะกรรมการดำเนินงาน ของมูลนิธิขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธานกรรมการมูลนิธิ และกรรมการอื่น ๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควร ตามข้อบังคับข้อ ๙ ๑๑. การเลือกกรรมการมูลนิธิ ให้ปฏิบัติ ดังนี้ ให้คณะกรรมการมูลนิธิชุดที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เลือกกรรมการมูลนิธิตามจำนวนที่เห็นสมควร ตามข้อบังคับข้อ ๙ โดยถือเสียงข้างมา กของที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ เป็นมติที่ประชุม ๑๒. กรรมการมูลนิธิ มีวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี นับแต่วันที่ได้รับการจดทะเบียน การแต่งตั้งเป็นกรรมการของมูลนิธิจากนายทะเบียนมูลนิธิและให้ดำรงตำแหน่งได้เพียง ๒ วาระ ติดต่อกันได้ ๑๓. ในกรณีที่กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้กรรมการของมูลนิธิที่พ้นจาก ตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมีกรรมการของมูลนิธิใหม่ทดแทน ๑๔. ในระหว่างที่กรรมการพ้นจากตำแหน่ง และยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้คณะกรรมการ เท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ แต่ถ้ามีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึงสามคน ให้กระทำได้ เฉพาะการที่จำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ๑๕. ในกรณีที่กรรมการของมูลนิธิจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการสรรหา หรือคัดเลือกกรรมการของมูลนิธิใหม่ภายใน ๖๐ วัน ก่อนวันที่กรรมการครบวาระ แต่ถ้ากรรมการ พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นนอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการสรรหาหรือคัดเลือกกรรมการ ภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง หมวดที่ ๖ การสรรหาคณะกรรมการมูลนิธิ ๑๖. เมื่อมีกรณีที่จะต้องสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตามข้อ ๙ ให้เป็นหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการสรรหา ซึ่งประกอบด้วย (๑) ประธานคณะกรรมการมูลนิธิ เป็นประธาน (๒) บุคคลที่ประธานกรรมการมูลนิธิแต่งตั้งจาก ผู้มีคุณสมบัติ เป็นกรรมการ ตามข้อ ๗ โดยอนุโลม และไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เป็นคณะกรรมการมูลนิธิ จำนวน ๕ คน โดยความเห็นชอบมติเสียงข้างมากจากคณะกรรมการมูลนิธิ (๓) เลขานุการคณะกรรมการมูลนิธิ เป็นเลขานุการ หน้า ๘๕ ๑๗. ให้คณะกรรมการสรรหาตามข้อ ๑๖ อยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งจนถึงวันก่อนวันที่มี กรณีต้องสรรหากรรมการใหม่ ให้กรรมการสรรหาดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเมื่อ ตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติตามข้อ ๗ ๑๘. ในการสรรหากรรมการ มูลนิธิให้คณะกรรมการสรรหาปรึกษาหารือเพื่อคัดสรรให้ได้บุคคล ซึ่งมีความรับผิดชอบสูง มีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่มีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นตัวอย่างที่ดี ของสังคมมีทัศนะคติที่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลสำเร็จ โดยนอกจากการประกาศรับสมัคร แล้วให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการสรรหาจากบุคคลซึ่งมีความเหมาะสมทั่วไปได้ด้วย แต่ต้องได้รับ ความยินยอมของบุคคลนั้น ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความหลากหลายของประสบการณ์ ความหลากหลาย ของพื้นที่ภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ที่มีพี่น้องชาวอิ้วเมี่ยนอาศัยอยู่ ในแต่ละจังหวัด ประกอบด้วย และเพื่อประโยชน์แห่งการนี้ให้คณะกรรมการสรรหาใช้วิธีการอื่นใดที่เหมาะสม แล้วรวบรวมรายละเอียด เสนอให้คณะกรรมการมูลนิธิตามข้อ ๙ เพื่อพิจารณาเลือกกรรมการชุดใหม่ตามข้อ ๑๑ ตามลำดับต่อไป หมวดที่ ๗ อำนาจหน้าที่คณะกรรมการมูลนิธิ ๑๙. คณะกรรมการมูลนิธิมีอำนาจห นำที่ในการดำเนินการกิจกรรมของมูลนิธิตามวัตถุประสงค์ ของมูลนิธิและภายใต้ข้อบังคับนี้ให้มีอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ (๑) กำหนดนโยบายของมูลนิธิ และดำเนินงานตามนโยบายนั้น (๒) ควบคุมการเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ ของมูลนิธิ (๓) เสนอรายงานกิจการ รายงานการเงิน และบัญชีงบดุล รายรับ – รายจ่าย ต่อนายทะเบียน (๔) ดำเนินการให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ และวัตถุประสงค์มูลนิธินี้ (๕) ตราระเบียบเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของมูลนิธิ (๖) แต่งตั้งหรือถอดถอนคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่งหรือหลายคณะเพื่อดำเนินการ เฉพาะอย่างของมูลนิธิภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการมูลนิธิ มติ ๒ ใน ๓ ของกรรมการที่มาประชุม (๗) เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ หรือบุคคลที่ทำประโยชน์ให้มูลนิธิเป็นพิเศษ เป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ (๘) เชิญผู้ทรงเกียรติเป็นผู้อุปถัมภ์มูลนิธิ (๙) เชิญผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการมูลนิธิ หน้า ๘๖ (๑๐) มติให้ดำเนินการตามข้อ ๑๙ (๗), ๑๙ (๘), และ ๑๙ (๙) ต้องเป็นมติเสียงข้างมาก ของที่ประชุมและที่ปรึกษาตามข้อ ๑๙ (๙) ย่อมเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการมูลนิธิที่เชิญเท่านั้น (๑๑) แต่งตั้งหรือถอดถอนเจ้าหน้าที่ประจำของมูลนิธิ โดยความเห็นชอบมติเสียงข้างมาก จากคณะกรรมการมูลนิธิฯ (๑๒) กรรมการมูลนิธิจะรับประโยชน์หรือบำเหน็จใด ๆ ในทางทรัพย์สินเป็นการตอบแทน การจัดการหรือปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ของมูลนิธิมิได้ เว้นแต่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการ หรือปฏิบัติหน้า ที่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามระเบียบของมูลนิธิ (๑๓) เป็นผู้แทนของมูลนิธิในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก ๒๐. ประธานกรรมการมูลนิธิมีอำนาจหน้าที่ดังนี้ (๑) เป็นประธานของการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ (๒) สั่งเรียกประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ (๓) เป็นผู้แทนของมูลนิธิในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและในการทำนิติกรรมใด ๆ ของมูลนิธิ หรือลงลายมือชื่อในเอกสาร ข้อบังคับ และสรรพหนังสืออันเป็นหลักฐานของมูลนิธิ และในทางอรรถคดี เมื่อประธานกรรมการมูลนิธิหรือกรรมการมูลนิธิผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำการแทนได้ลงลายมือชื่อแล้วจึงเป็นอันใช้ได้ (๔) ปฏิบัติการอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ หรือระเบียบ หรือมติของคณะกรรมการมูลนิธิ ประธานกรรมการอาจมอบหมายเป็นหนังสือให้กรรมการอื่น ๆ ปฏิบัติหน้าที่แทนตามที่เห็นสมควรได้ ๒๑. รองประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ตามที่ประธานกรรมการมูลนิธิมอบหมาย ในกรณีที่ประธานกรรมการไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการตามลำดับ เป็นผู้ทำการแทนประธานกรรมการ ๒๒. ถ้าประธานกรรมการมูลนิธิและรองประธานกรรมการมูลนิธิไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการประชุม คราวหนึ่งคราวใดให้ที่ประชุมเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิคนใดคนหนึ่ง เป็นประธานสำหรับการประชุมคราวนั้น ๒๓. เลขานุการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้ (๑) ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ประจำประจำสำนักงานของมูลนิธิ (๒) ควบคุมรับผิดชอบในงานธุรการทั่วไปของมูลนิธิ (๓) ควบคุมดูแลรับผิดชอบทรัพย์สินของมูลนิธิหน้า ๘๗ (๔) ควบคุมการงบประมาณของมูลนิธิ (๕) ปฏิบัติการอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือระเบียบหรือมติของคณะกรรมการมูลนิธิ (๖) เชิญคณะกรรมการประชุมตามคำสั่งของประธานกรรมการมูลนิธิ จัดเตรียมห้องประชุม จัดทำรายงานการประชุมตลอดจนรายงานกิจการของมูลนิธิ ผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ตามที่เลขานุการ มอบหมายและเป็นผู้ทำการแทนเล ขานุการเมื่อเลขานุการไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ๒๔. เหรัญญิก มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบการเงิน การบัญชี การงบประมาณของมูลนิธิ และรายงานสถานะทางการเงิน ให้ถูกต้องตา มระเบียบ แจ้งให้คณะกรรมการมูลนิธิทราบทุกครั้งที่มีการประชุม คณะกรรมการ ผู้ช่วยเหรัญญิก มีอำนาจหน้าที่ตามที่เหรัญญิกมอบหมายและเป็นผู้ทำการแทนเหรัญญิก เมื่อเหรัญญิกไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ๒๕. สำหรับกรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ให้มีหน้าที่ตามที่คณะกรรมการมูลนิธิกำหนด โดยทำเป็นคำสั่งระบุอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน หมวดที่ ๘ อนุกรรมการ ๒๖. คณะกรรมการมูลนิธิอาจแต่งตั้งหรือถอดถอนอนุกรรมการได้ตามความเหมาะสม โดยจะแต่งตั้งให้เป็นอนุกรรมการประจำ หรือเพื่อการใดเป็นกรณีพิเศษเฉพาะคราวได้ และในกรณีที่ คณะกรรมการมูลนิธิไม่ได้แต่งตั้ง ประธานอนุกรรมการ เลขานุการหรืออนุกรรมการในตำแหน่งอื่นไว้ ให้อนุกรรมการแต่งตั้งกันเองดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ ๒๗. คณะกรรมการมูลนิธิมีสิทธิเข้าร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานต่าง ๆ ของมูลนิธิได้ ๒๘. อนุกรรมการเฉพาะกิจ อยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะเสร็จงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำ ส่วนคณะอนุกรรมการประจำ ให้อยู่ในตำแหน่งตามเวลาที่คณะกรรมการมูลนิธิกำหนด ซึ่งถ้ามิได้กำหนดไว้ ให้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงวาระของคณะกรร มการมูลนิธิซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง และอนุกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง อาจได้รับการแต่งตั้งอีกก็ได้ (๑) อนุกรรมการมีหน้าที่ดำเนินการตามที่คณะกรรมการมูลนิธิมอบหมาย (๒) อนุกรรมการมีหน้าที่เสนอความคิดเห็นต่อคณะกรรมการมูลนิธิเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมาย หน้า ๘๘ หมวดที่ ๙ การประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ ๒๙. คณะกรรมการมูลนิธิจะต้องจัดให้มีการประชุมสามัญประ จำปีทุก ๆ ปี ภายในเดือนกุมภาพันธ์ หรือตามที่คณะกรรมการมูลนิธิมีมติเสียงข้างมากพิจารณาเป็นอย่างอื่น ๆ และจะต้องมีกรรมการ เข้าประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม เพื่อพิจารณาในเรื่อง ดังต่อไปนี้ (๑) พิจารณารายงานกิจการที่ล่วงมาแล้ว (๒) พิจารณาบัญชีงบดุล (๓) เลือกผู้สอบบัญชี (๔) ปรึกษากิจการอื่น ๆ ของมูลนิธิ ๓๐. การประชุมวิสามัญ ให้ประธานกรรมการมูลนิธิเรียกประชุมอย่างน้อยทุก ๆ สามเดือน หรือตามที่เห็นสมควรหรือเมื่อมีคณะกรรมการมูลนิธิตั้งแต่หำคนขึ้นไป แสดงความประสงค์ไปยัง ประธานกรรมการมูลนิธิ หรือผู้ทำการแทน ขอให้มีการประชุมก็ให้เรียกประชุมวิสามัญได้สำหรับองค์ประชุม ให้ใช้ข้อบังคับข้อ ๒๙ โดยอนุโลม ๓๑. กำหนดการประชุ มและองค์ประชุมของคณะอนุกรรมการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการมูลนิธิ กำหนดไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชุมให้คณะอนุกรรมการตกลงกันเองและในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ องค์ประชุมให้ใช้ข้อ ๒๙ บังคับโดยอนุโลม ๓๒. ในการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิหรือคณะอนุกรรมการ หากมิได้มีข้อบังคับกำหนดไว้ เป็นอย่างอื่นมติของที่ประชุมให้ถือเอาคะแนนเสียงข้างมาก ในกรณีที่มีคะแนนเสียง เท่ากันให้ประธาน ในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด กิจการใดที่เป็นงานประจำ หรือเป็นกิจการเล็กน้อย ประธานกรรมการของมูลนิธิ มีอำนาจสั่งให้ใช้วิธีสอบถามมติทางหนังสือแทนการเรียกประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ แต่ประธานกรรมการมูลนิธิ ต้องรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิในคราวต่อไป ถึงมติและกิจการที่ได้ดำเนินการไปตามมตินั้น กิจการใดเป็นงานประจำหรือ เป็นกิจการเล็กน้อยหรือไม่ย่อมอยู่ในดุลยพินิจของประธานกรรมการมูลนิธิ ๓๓. ในการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิหรือคณะอนุกรรมการ ประธานกรรมการมูลนิธิ หรือประธานที่ประชุมมีอำนาจเชิญห รืออนุญาตให้บุคคลที่เห็นสมควรเข้าร่วมประชุมในฐานะแขกผู้มีเกียรติ หรือผู้สังเกตการณ์หรือเพื่อชี้แจงหรือเพื่อให้คำปรึกษาแก่ที่ประชุมได้หน้า ๘๙ ๓๔. ในการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิหรือคณะอนุกรรมการ สามารถประชุมผ่านทางระบบเทคโนโลยี หรือโปรแกรมที่เกี่ยวกับการประชุมในช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ได้สำ หรับองค์ประชุมให้ใช้ข้อบังคับ ข้อ ๒๙ บังคับโดยอนุโลม ส่วนมติของที่ประชุมให้ถือเอาคะแนนเสียงข้างมาก ในกรณีที่มีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด หมวดที่ ๑๐ การเงิน ๓๕. ประธานกรรมการมูลนิธิ หรือรองประธานกรรมการมูลนิธิใน กรณีทำหน้าที่แทน มีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้คราวละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท (หำหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินจำนวนดังกล่าว ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการมูลนิธิโดยเสียงข้างมาก เว้นแต่กรณีจำเป็นและเร่งด่วน ให้อยู่ในดุลยพินิจ ของประธานกรรมการมูลนิธิที่จะอนุมัติให้จ่ายได้แล้วต้องรายงานให้คณะกรรมการมูลนิธิทราบ ในการประชุมคราวต่อไป (ตามระเบียบการเงินของมูลนิธิ) ๓๖. เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินได้ครั้งละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ๓๗. เงินสดของมูลนิธิหรือเอกสารสิทธิ ต้องฝากไว้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงินอื่น ใด ที่รัฐให้การค้ำประกันแล้วแต่คณะกรรมการมูลนิธิจะเห็นสมควร ๓๘. การถอนเงินจากธนาคาร การสั่งจ่ายเงินโดยเช็คหรือตั๋วแลกเงิน จะต้องมีลายมือชื่อ ของประธานกรรมการมูลนิธิ หรือรองประธานมูลนิธิ หรือผู้ทำการแทน กับเลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการ หรือเหรัญญิกหรือผู้ช่วยเหรัญญิกลงนามทุกครั้งจึงจะเบิกจ่ายได้ ๓๙. การใช้จ่ายเงินตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ รวมทั้งค่าใช้จ่ายประจำสำนักงาน ให้จ่ายเพียงดอกผล อันเกิดจากทรัพย์สินที่เป็นทุน เงินที่ผู้บริจาคมิได้แสดงเจตนาให้เป็นเงินสมทบทุนโดยเฉพาะและรายได้ อันเกิดจากการจัดกิจกรร มของมูลนิธิ ๔๐. ให้คณะกรรมการมูลนิธิวางระเบียบเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีและทรัพย์สินของมูลนิธิ ตลอดจนกำหนดอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ เกี่ยวกับการรับและจ่ายเงินนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ๔๑. ให้คณะกรรมการมูลนิธิจัดทำรายงานสถานะการเงินของมูลนิธิในรอบระยะเว ลาบัญชีที่ผ่านมา ซึ่งสิ้นสุดตามปีปฏิทิน และเมื่อผู้สอบบัญชีได้รับรองแล้วให้เสนอต่อที่ประชุมในการประชุมสามัญประจำปี ๔๒. ผู้สอบบัญชี (๑) ผู้สอบบัญชีของมูลนิธิต้องไม่เป็นกรรมการหรือลูกจ้างของมูลนิธิหน้า ๙๐ (๒) ผู้สอบบัญชีของมูลนิธิมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของมูลนิธิและรับรองบัญชีงบดุลประจำปี ที่คณะกรรมการมูลนิธิจะต้องรายงานต่อที่ประชุมในการประชุมสามัญประจำปี ผู้สอบบัญชีมีสิทธิ ตรวจสอบบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสอบถามกรรมการมูลนิธิ และเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ในเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และเอกสารดังกล่าวได้ หมวดที่ ๑๑ การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ๔๓. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับจะกระทำได้ โดยเฉพาะที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ ซึ่งต้องมีคณะกรรมการมูลนิธิ เข้าประชุมไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการทั้งหมด และการอนุมัติให้แก้ไข หรือเพิ่มเติมข้อบังคับต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการที่เข้าประชุม หมวดที่ ๑๒ การเลิกมูลนิธิ ๔๔. ถ้ามูลนิธิต้องเลิกล้มไปโดยมติของคณะกรรมการหรือโดยเหตุใดก็ตาม ทรัพย์สินทั้งหมด ของมูลนิธิที่เหลืออยู่ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ แก่สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขา ในประเทศไทย (ศ.ว.ท.) ๔๕. การสิ้นสุดของมูลนิธินั้น นอกจากที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ให้มูลนิธิเป็นอันสิ้นสุดลง โดยมิต้องให้ศาลสั่ง ให้เลิกด้วยเหตุต่อไปนี้ (๑) เมื่อมูลนิธิได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้วไม่ได้รับทรัพย์สิน ตามคำมั่นเต็มจำนวน (๒) เมื่อกรรมการมูลนิธิจำนวนสองในสาม มีมติให้ยกเลิก (๓) เมื่อมูลนิธิไม่อาจหากรรมการได้ครบตามจำนวนกรรมการที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ (๔) เมื่อมูลนิธิไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ หมวดที่ ๑๓ บทเบ็ดเตล็ด ๔๖. การตีความในข้อบังคับของมูลนิธิ หากเป็นที่สงสัยให้คณะกรรมการมูลนิธิ โดยเสียงข้างมาก ของจำนวนกรรมการที่มีอยู่เป็นผู้ชี้ขาด หน้า ๙๑ ๔๗. ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยมูลนิธิมาใช้บังคับ ในเมื่อข้อบังคับของมูลนิธิมิได้กำหนดไว้ ๔๘. มูลนิธิต้องไม่ดำเนินการหาผลประโยช น์มาแบ่งป้นกันหรือเพื่อบุคคลใด นอกจากเพื่อดำเนินการ ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงราย ได้จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิรายนี้แล้ว ตามทะเบียนเลขที่ชร ๑๑/๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๓ ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมา ตรา ๑๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ปลัดจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงราย เล่ม: ๑๓๗ หมวด: ๙๒ ง ประกาศ ณ: ๐๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หน้า: ๘๒
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:113625", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดเชียงราย เรื่อง จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมูลนิธิ [มูลนิธิพัฒนาอิ้วเมี่ยนไทย]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/D/092/T_0082.PDF", "year": null }
nonweb_143354
ประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ฉบับที่ ป. 97/2566 เรื่อง การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ฉบับที่ป. ๙๗/๒๕๖๖ เรื่อง การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ขอประกาศว่า ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ตามรายชื่อแนบท้ายประกาศนี้ขอจดทะเบียน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓ ลักษณะ ๒๒ หุ้นส่วนและบริษัท และนายทะเบียน หุ้นส่วนบริษัทได้รับจดทะเบียนแล้ว ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ รชนีกร ดำเด่นงาม ผู้อำนวยการกองทะเบียนธุรกิจ นายทะเบียน หน้า ๑๑ ลำดับที่ชื่อนิติบุคคล เลขทะเบียนวันที่รับ จดทะเบียนหมายเหตุ ๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอเชีย บิลเลียด ๐๑๐๓๕๕๙๐๑๐๑๕๑ ๓ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส .เค.ที. โปรเกรส ๐๑๐๓๕๕๒๐๒๔๑๕๗ ๓ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไตรอินสเปคชั่น ๐๑๐๓๕๖๔๐๑๒๘๕๐ ๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๔ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ณัชชนนต์ ๐๑๐๓๕๔๘๐๓๙๘๔๖ ๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๕ ห้างหุ้นส่วนจำกัด รมิดา เดอะ ริชเชส ๐๑๐๓๕๖๕๐๐๕๒๙๖ ๕ เม .ย. ๒๕๖๖ ๖ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บลูคาโน ๐๑๐๓๕๖๖๐๐๑๕๒๙ ๕ เม .ย. ๒๕๖๖ ๗ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดาวคอม ๐๑๐๓๕๔๔๐๓๑๓๙๕ ๕ เม .ย. ๒๕๖๖ ๘ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สยาม วรรณกร ๐๑๐๓๕๖๕๐๑๓๐๖๐ ๗ เม .ย. ๒๕๖๖ ๙ ห้างหุ้นส่วนจำกัด วิท เวลท์ ๑๙๖๗ (ประเทศไทย) ๐๑๐๓๕๖๒๐๑๐๕๑๕ ๗ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๐ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เสาหลักเมืองคนดงบัง ไทย -จีน เฮิร์บ๐๑๐๓๕๖๔๐๐๖๔๙๓๗ เม.ย. ๒๕๖๖ ๑๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส .อี.บูคารี ๐๑๐๓๕๕๒๐๐๔๑๘๑ ๑๐ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไรคิงส์ ๐๑๐๓๕๔๔๐๑๗๔๐๖ ๑๐ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๓ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คำเมืองรักษ์ ๐๑๐๓๕๕๔๐๓๔๔๒๗ ๑๐ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๔ ห้างหุ้นส่วนจำกัด รัตติยาพร การ์เด้น ๐๑๐๓๕๖๕๐๐๒๖๓๗ ๑๐ เม .ย. ๒๕๖๖ รายละเอียดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด แนบท้ายประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ฉบับที่ป . 97/2566 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 1 ลำดับที่ชื่อนิติบุคคล เลขทะเบียนวันที่รับ จดทะเบียนหมายเหตุ ๑๕ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สยามธุรกิจวัฒนา ๐๑๐๓๕๔๔๐๒๗๙๓๒ ๑๑ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๖ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เสกข์ชณัฐ ๐๑๐๓๕๕๓๐๐๕๔๐๗ ๑๑ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๗ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธีระประเสริฐ ๐๑๐๓๕๒๒๐๑๓๑๔๙ ๑๑ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๘ ห้างหุ้นส่วนจำกัด มัสเซิล แล็บ ยิม ๐๑๐๓๕๕๘๐๐๔๕๗๓ ๑๑ เม .ย. ๒๕๖๖ ๑๙ ห้างหุ้นส่วนจำกัด วริศมน ๐๑๐๓๕๕๔๐๕๐๓๘๔ ๑๒ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๐ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พงศาวกุล ๐๑๐๓๕๕๓๐๔๗๗๒๐ ๑๘ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงงานสตาร์รับเบอร์ ๐๑๐๓๕๑๗๐๐๑๓๒๔ ๑๘ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด มาสเตอร์ คอมมูนิเคชั่น ๐๑๐๓๕๓๖๐๑๔๓๒๑ ๑๘ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๓ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อาร์แอนด์ซีโอโซนคลีน ๐๑๐๓๕๖๓๐๑๒๘๘๑ ๑๙ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๔ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส .สมจิตรมอเตอร์ ๐๑๐๓๕๔๕๐๑๐๒๖๐ ๑๙ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๕ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อันซีน คอนสตัคชั่น ๐๑๐๓๕๕๐๐๒๒๗๒๖ ๑๙ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๖ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พรอธิษ ทรูดีล ๐๑๓๓๕๖๒๐๐๓๖๖๗ ๒๐ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๗ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุดมภัทรโชค ๒๕๕๘ ๐๑๐๓๕๕๘๐๒๓๙๐๐ ๒๐ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๘ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พีแอลฟาร์มา ๐๑๐๓๕๖๕๐๑๒๙๓๔ ๒๑ เม .ย. ๒๕๖๖ ๒๙ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ตลาดใหม่กีบหมู ๐๑๐๓๕๖๒๐๑๖๒๖๒ ๒๑ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๐ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำเงินช่วยชาติ ๐๑๐๓๕๖๓๐๑๓๒๙๑ ๒๔ เม .ย. ๒๕๖๖ 2 ลำดับที่ชื่อนิติบุคคล เลขทะเบียนวันที่รับ จดทะเบียนหมายเหตุ ๓๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กรินยา ซัพพลาย ๐๑๐๓๕๖๔๐๑๒๗๘๗ ๒๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บีอิ้ง ๒๓ ๐๑๐๓๕๖๔๐๑๐๙๓๘ ๒๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๓ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดับบลิวเอ็นเอส ทรานสปอร์ต ๐๑๐๓๕๖๒๐๑๓๑๕๘ ๒๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๔ ห้างหุ้นส่วนจำกัด แล็บ เมนเทนแนนซ์ แอนด์ เทรดดิ้ง ๐๑๐๓๕๖๒๐๑๖๖๐๒ ๒๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๕ ห้างหุ้นส่วนจำกัด มุกดามณี ๔๒๒ ๐๑๐๓๕๕๖๐๔๖๓๘๔ ๒๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๖ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ้านดินเผา ๐๑๐๓๕๕๔๐๕๗๙๗๔ ๒๔ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๗ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ ดีไซน์ เฟอร์นิเจอร์ ๐๑๐๓๕๖๑๐๑๗๗๖๑ ๒๕ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๘ ห้างหุ้นส่วนจำกัด รุ่งณภา เทรดดิ้ง ๐๑๐๓๕๖๓๐๑๖๘๓๕ ๒๖ เม .ย. ๒๕๖๖ ๓๙ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ่อนจันทร์ รับทรัพย์ ๐๑๐๓๕๕๖๐๓๒๔๔๘ ๒๖ เม .ย. ๒๕๖๖ ๔๐ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อริส ๒๙๒๙ ๐๑๐๓๕๖๒๐๐๕๑๖๓ ๒๗ เม .ย. ๒๕๖๖ ๔๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุทธิวัสส์ คำภา ๐๑๐๓๕๕๗๐๐๓๐๖๙ ๒๗ เม .ย. ๒๕๖๖ ๔๒ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เมจิค โดโจ ๐๑๐๓๕๖๒๐๐๘๓๔๑ ๒๘ เม .ย. ๒๕๖๖ ๔๓ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไตรมิตรรุ่งเรืองขนส่งและบริการ ๐๑๐๓๕๖๓๐๑๖๙๗๕ ๒๘ เม .ย. ๒๕๖๖ 3 เล่ม: 140 หมวด: 51 ค ประกาศ ณ: 09/08/2023 หน้า: 11
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:143355", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ฉบับที่ ป. 97/2566 เรื่อง การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140C051N0000000001100.pdf", "year": null }
nonweb_84283
ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง ยกเลิกการล้มละลาย [ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ ล. ๒๓๔/๒๕๓๙ นายวินิจ พงษ์พิกุล ลูกหนี้] ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง ยกเลิกการล้มละลาย คดีหมายเลขแดงที่ล. ๒๓๔ /๒๕๓๙ กองบังคับคดีล้มละลาย ๔ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ขอแจ้งให้ทราบทั่วกันว่า ตามประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๐ ว่าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำพิพากษาให้นายวินิจ พงษ์พิกุล ลูกหนี้ เป็นบุคคลล้มละลาย นั้น บัดนี้ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของ นายวินิจ พงษ์พิกุล ลูกหนี้ ตามมาตรา ๑๓๕ (๔) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ นับแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ แล้ว ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ อุเทน อุปมัย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เล่ม: ๑๒๗ หมวด: ๖๙ ง ประกาศ ณ: ๐๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ หน้า: ๔๓
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:84284", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง ยกเลิกการล้มละลาย [ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ ล. ๒๓๔/๒๕๓๙ นายวินิจ พงษ์พิกุล ลูกหนี้]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2553/D/069/43.PDF", "year": null }
nonweb_84789
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ชาวต่างประเทศ [นายฟีลิป ลีก นางสาวโซฟี เรอโน] ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ชาวต่างประเทศ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ เจ้าหน้าที่การทูต ในสถานเอกอัครราชทูตสาธา รณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ ในโอกาส ครบวาระการปฏิบัติหน้าที่จำนวน ๒ ราย ดังนี้ ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.) นายฟีลิป ลีก (Mr. Philippe Liege) ที่ปรึกษา จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.) นางสาวโซฟี เรอโน (Miss Sophie Renaud) เลขานุการโท ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เล่ม: ๑๒๘ หมวด: ๒๗ ข ประกาศ ณ: ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หน้า: ๖
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:84790", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ชาวต่างประเทศ [นายฟีลิป ลีก นางสาวโซฟี เรอโน]", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/B/027/6.PDF", "year": null }
nonweb_117706
ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ มีคณะกรรมการบริหาร พรรคเพื่อชาติ จำนวน ๑๕ คน นั้น บัดนี้หัวหน้าพรรคเพื่อชาติได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณี นายวิโชติ วัณโณ ลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติตามหนังสือลาออก ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ซึ่งพรรคเพื่อชาติได้รับทราบการลาออกดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ จึงทำให้ความ เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามข้อบังคับพรรคเพื่อชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๑๕ วรรคหนึ่ง (๒) ดังนั้น จึงทำให้มีคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ คงเหลือจำนวน ๑๔ คน ได้แก่ ๑. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค ๒. นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรค ๓. นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันท์ รองหัวหน้าพรรค ๔. นางลลิตา ฤกษ์สำราญ รองหัวหน้าพรรค ๕. นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองหัวหน้าพรรค ๖. นางลินดา เชิดชัย เลขาธิการพรรค ๗. นางณัฏฐพิชา มีกองทรัพย์ รองเลขาธิการพรรค ๘. นางสาวกิ่งดาว สุจริต เหรัญญิกพรรค ๙. นายองอาจ คำทอง นายทะเบียนสมาชิกพรรค ๑๐. นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรค ๑๑. นายธีระพงษ์ เผ่ากำรองโฆษกพรรค ๑๒. นายเทวกฤต พรหมมา ผู้อำนวยการพรรค ๑๓. นางสาววารีรัตน์ สิริธัญญ์สกุล กรรมการบริหารพรรค ๑๔. นายภูมิพัฒน์ บุตุธรรม กรรมการบริหารพรรค จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา นายทะเบียนพรรคการเมือง เล่ม: ๑๓๘ หมวด: ๔๕ ง ประกาศ ณ: ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ หน้า: ๒๒๑
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:117707", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/D/045/T_0221.PDF", "year": null }
nonweb_142372
ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา เรื่อง การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ พ.ศ. 2563 ข้อบัญญัติองค์การบริหาร ส่วนตำบลสะเดา เรื่อง การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป็นการสมควรตราข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา ว่าด้วยการจำหน่ายสินค้า ในที่หรือทางสาธารณะ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบ ลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบมาตรา ๔๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๓ และมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา โดยได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาและนายอำเภอพลับพลาชัย จึงตราข้อบัญญัติไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบัญญัตินี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา เรื่อง การจำหน่ายสินค้า ในที่หรือทางสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ข้อบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ได้ประกาศไว้โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการองค์การบริหาร ส่วนตำบลสะเดาแล้วเจ็ดวันเป็นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาข้อบัญญัติ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งอื่นใดที่ได้ตราไว้แล้วในข้อบัญญัตินี้ ให้ใช้ข้อบัญญัตินี้แทน ข้อ ๔ ในข้อบัญญัตินี้ “สินค้า” หมายความว่า สิ่งของที่ซื้อขายกัน “อาหาร” หมายความว่า อาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร “ที่หรือทางสาธารณะ” หมายความว่า สถานที่หรือทางซึ่งมิใช่เป็นของเอกชนและประชาชน สามารถใช้ประโยชน์หรือใช้สัญจรได้ “เร่ขาย” หมายความว่า การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะโดยมิได้จัด วางอยู่ ในที่หนึ่งที่ใดเป็นปกติไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางน้ำ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา หน้า ๒๑๙ “เจ้าพนักงานสาธารณสุข” หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๕ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหน้าที่ควบคุมดูแลที่หรือทางสาธารณะเพื่อประโยชน์ใช้สอย ของประชาชนทั่วไป ห้ามมิให้ผู้ใดจำ หน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายโดยลักษณะวิธีการ จัดวางสินค้าในที่หนึ่งที่ใดเป็นปกติหรือเร่ขาย เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ในการออกใบอนุญาตตามวรรคสอง ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นระบุชนิด หรือประเภทของสินค้า ลักษณะวิธีการจำหน่ายสินค้า และสถานที่ที่จะจัดวางสินค้าเพื่อจำหน่ายในกรณีที่จะมีการจัดวางสินค้า ในที่หนึ่งที่ใดเป็นปกติ รวมทั้งจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดตามที่เห็นส มควรไว้ในใบอนุญาตด้วยก็ได้ การเปลี่ยนแปลงชนิดหรือประเภทของสินค้า ลักษณะวิธีการจำหน่ายสินค้าหรือสถานที่จัดวางสินค้า ให้แตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้รับใบอนุญาตได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้จดแจ้งการเปลี่ยน แปลงดังกล่าวไว้ในใบอนุญาตแล้ว ข้อ ๖ ในการจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะโดยลักษณะวิธีการจัดวางสินค้าในที่หนึ่งที่ใดเป็นปกติ ผู้จำหน่ายและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) แต่งกายสะอาดและสุภาพเรียบร้อย (๒) ให้จัดวางสินค้า ที่จำหน่ายบนแผงวางสินค้าหรือจัดวางในลักษณะอื่นตามที่ เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุขประกาศกำหนด (๓) แผงวางสินค้าทำด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรงและมีความสูงตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุขกำหนด (๔) จัดวางสินค้าและสิ่งของใด ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ยื่นล้ำออกนอกบริเวณ ที่กำหนด ทั้งนี้รวมทั้งตัวของผู้จำหน่ายและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าด้วย (๕) ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณที่จำหน่ายสินค้าในระหว่างการจำหน่ายอยู่เสมอ (๖) ห้ามกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดเหตุรำ คาญแก่ผู้อื่น เช่น การใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องขยายเสียงหรือเปิดวิทยุเทป เป็นต้น หน้า ๒๒๐ (๗) เมื่อเสร็จสิ้นการจำหน่ายทุกครั้งต้องเก็บสินค้าและสิ่งของใด ๆ ที่เกี่ยวข้องจาก บริเวณที่จำหน่ายให้เรียบร้อยโดยไม่ชักช้า (๘) หยุดการจำหน่ายสินค้าเพื่อสาธารณ ประโยชน์หรือประโยชน์ของทางราชการ ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาประกาศกำหนด (๙) การอื่นที่จำเป็นเพื่อการรักษาความสะอาดและป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ รวมทั้งการป้องกันมิให้เกิดเหตุรำคาญและการป้องกันโรคติดต่อตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยคำแนะนำ ของเจ้าพนักงานสาธารณสุขประกาศกำหนด ข้อ ๗ ในการจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารในที่หรือทางสาธารณะโดยลักษณะวิธีการจัดวางสินค้า ในที่หนึ่งที่ใดเป็นปกติ ผู้จำหน่ายและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) แผงจำหน่ายอาหารทำจากวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย มีสภาพดี เป็นระเบียบ อยู่สูงจากพื้นอย่างน้อย ๖๐ เซนติเมตร (๒) อาหารปรุงสุกมีการปกปิด หรือมีการป้องกันสัตว์แมลงนำโรค (๓) สารปรุงแต่งอาหารต้องมีเลขสารบบอาหาร (อย.) (๔) น้ำดื่มต้องเป็นน้ำที่สะอาด ใส่ในภาชนะที่สะอาด มีการปกปิด มีก๊อกหรือทางเทรินน้ำ (๕) เครื่องดื่มต้องใส่ภาชนะที่สะอาด มีการปกปิด และมีที่ตักที่มีด้ามยาวหรือมีก๊อก หรือมีทางเทรินน้ำ (๖) น้ำแข็งที่ใช้บริโภค (๖.๑) ต้องสะอาด (๖.๒) เก็บในภาชนะที่สะอาด มีฝาปิด อยู่สูงจากพื้นอย่างน้อย ๖๐ เซนติเมตร (๖.๓) ที่ตักน้ำแข็งมีดำ มยาว (๖.๔) ต้องไม่นำอาหารหรือสิ่งของอย่างอื่นไปแช่ไว้ในน้ำแข็ง (๗) ล้างภาชนะด้วยน้ำยาล้างภาชนะ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ๒ ครั้ง หรือล้างด้วยน้ำไหล และอุปกรณ์การล้างต้องวางสูงจากพื้นอย่างน้อย ๖๐ เซนติเมตร (๘) ช้อน ส้อม ตะเกียบ วางตั้งเอาด้ามขึ้นในภาชนะโปร่งสะอาดหรือวางเป็นระเบียบ ในภาชนะโปร่งสะอาด และมีการปกปิด เก็บสูงจากพื้นอย่างน้อย ๖๐ เซนติเมตร หน้า ๒๒๑ (๙) มีการรวบรวมมูลฝอยและเศษอาหารเพื่อนำไปกำจัด (๑๐) ผู้สัมผัสอาหารแต่งกายสะอาด สวมเสื้อมีแขน ผู้ปรุงต้องผูกผ้ากันเปื้อน และสวมหมวก หรือเน็ตคลุมผม (๑๑) ใช้อุปกรณ์ในการหยิบจับอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้ว (๑๒) ผู้สัมผัสอาหารที่มีบาดแผลที่มือต้องปกปิดแผลให้มิดชิด ข้อ ๘ ในการจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะโดยลักษณะวิธีการเร่ขาย ผู้จำหน่าย และผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) แต่งกายสะอาดและสุภาพเรียบร้อย (๒) ไม่ทิ้งมูลฝอยลงในที่หรือทางสาธารณะ (๓) ห้ามกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดเหตุรำคาญแก่ผู้อื่น เช่น การใช้เครื่องขยายเสียง เป็นต้น (๔) หยุดการจำหน่ายสินค้าเพื่อสาธารณ ประโยชน์ หรือประโยชน์ของทางราชการ ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาประกาศกำหนด (๕) การอื่นที่จำเป็นเพื่อการรักษาความสะอาดและป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ รวมทั้งการป้องกันมิให้เกิดเหตุรำคาญและการป้องกันโรคติดต่อตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นโดยคำแนะนำ ของเจ้าพนักงานสาธารณสุขประกาศกำหนด ข้อ ๙ ในการจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารในที่หรือทางสาธารณะโดยลักษณะวิธีการ เร่ขาย ผู้จำหน่ายและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (๑) ปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในข้อ ๘ (๒) สวมเสื้อที่มีแขน ใช้ผ้ากันเปื้อนที่สะอาด สวมรองเท้าหุ้มส้น มีสิ่งปกปิดป้องกัน เส้นผมมิให้ตกลงไปในอาหาร (๓) รักษาความสะอาดมือและเล็บ ถ้ามีบาดแผลบริเวณมือต้องทำแผลให้เรียบร้อย (๔) ไม่สูบบุหรี่ในขณะเตรียม ทำ ประกอบ ปรุงหรือจำหน่าย (๕) ไม่ไอ หรือจามรดบนอาหาร หน้า ๒๒๒ (๖) ที่เตรียม ทำ ประกอ บ ปรุง และแผงวางจำหน่ายอาหาร ต้องสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า ๖๐ เซนติเมตร (๗) ไม่เททิ้งเศษอาหาร หรือน้ำที่มีเศษอาหาร หรือไขมันลงบนพื้นหรือทางระบายน้ำ สาธารณะ (๘) ใช้ภาชนะบรรจุอาหาร เครื่องมือ เครื่องใช้และอุปกรณ์ในการจำหน่ายอาหาร ที่สะอาด (๙) ปกปิดอาหาร เครื่องปรุงอาหาร ภาชนะบรรจุอาหาร เครื่องมือเครื่องใช้ และอุปกรณ์ ในการจำหน่ายอาหาร เพื่อป้องกันฝุ๋นละออง แมลงวันและสัตว์พาหะนำโรคอื่น ๆ (๑๐) ใช้น้ำที่สะอาดในการทำ ประกอบ ปรุง แช่หรือล้างอาหาร ภาชนะบรรจุอาหาร เครื่องมือเครื่องใช้และอุปกรณ์ในการจำหน่ายอาหาร (๑๑) จัดให้มีที่รับรองมูลฝอยที่ถูกสุขลักษณะอย่างเพียงพอ และไม่เททิ้งมูลฝอยลงในท่อ หรือทางระบายน้ำสาธารณะ ข้อ ๑๐ ห้ามจำหน่ายและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าประกอบกิจการเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าเป็นโรคติดต่อ หรือเป็นพาหะของโรคติดต่อ ดังต่อไปนี้ (๑) วัณโรค (๒) อหิวาตกโรค (๓) ไข้รากสาดน้อย (ไทฟอยด์) (๔) โรคบิด (๕) ไข้สุกใส (๖) โรคคางทูม (๗) โรคเรื้อน (๘) โรคผิวหนังที่น่ารังเกียจ (๙) โรคตับอักเสบที่เกิดจากไวรัส (๑๐) โรคโควิด - ๑๙ (๑๑) โรคติดต่ออื่น ๆ ที่ทางราชการกำหนด หน้า ๒๒๓ ข้อ ๑๑ ผู้ใดประสงค์จะจำ หน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาต ตามแบบที่กำหนดไว้ท้ายข้อบัญญัตินี้พร้อมกับเอกสารและหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ (๒) สำเนาใบอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (๓) อื่น ๆ ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาประกาศกำหนด ข้อ ๑๒ ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องไม่เป็นโรคติดต่อหรือพาหะของโรคติดต่อ ดังต่อไปนี้ (๑) วัณโรค (๒) ไข้หวัดใหญ่ (๓) ไข้ทรพิษ (๔) กามโรคชนิดต่าง ๆ (๕) โรคแอนแทรกซ์ (๖) กาฬโรค (๗) ไข้สุกใส (๘) โรคเรื้อน (๙) โรคผิวหนังที่น่ารังเกียจ (๑๐) โรคตับอักเสบที่เกิดจากไวรัส (๑๑) โรคโควิด - ๑๙ ข้อ ๑๓ ผู้ได้รับการอนุญาตต้องมารับใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งหนังสือ แจ้งการอนุญาตจากพนักงานท้องถิ่น หากไม่มารับภายในกำหนดเวลาดังกล่าวโดยไม่มีเหตุ ผลอันสมควร ให้ถือว่าสละสิทธิ์ ข้อ ๑๔ เมื่อได้รับคำขอรับใบอนุญาตหรือคำขอต่อใบอนุญาตให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ตรวจความถูกต้องและความสมบูรณ์ของคำขอ ถ้าปรากฏว่าคำขอดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นรวบรวมความไม่ถูกต้อง หรือความไม่สมบูรณ์นั้นทั้งหมด และแจ้งให้ผู้ขออนุญาตแก้ไขให้ถูกต้องและสมบูรณ์ในคราวเดียวกัน และในกรณีที่จำเป็นที่จะต้องส่งคืนคำขอแก่ผู้ขออนุญาต ก็ให้ส่งคืนคำขอพร้อมทั้งแจ้งความไม่ถูก ต้อง หรือความไม่สมบูรณ์ให้ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันได้รับคำขอ หน้า ๒๒๔ เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องออกใบอนุญาตหรือมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผล ให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับคำขอซึ่งมีรายละเอียดถูกต้องหรือครบถ้วน ตามที่กำหนดในข้อบัญญัตินี้ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่อาจออกใบอนุญาตหรือยังไม่อาจมีคำสั่งไม่อนุญาตได้ ภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินสิบห้าวัน แต่ต้องมีหนังสือแจ้งการขยายเวลาและเหตุจำเป็นแต่ละครั้งให้ผู้ขออนุญาตทราบก่อนสิ้นกำหนดเวลา ตามวรรคสองหรือตา มที่ได้ขยายเวลาไว้แล้วนั้น แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๕ ผู้ได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ จะต้องมีบัตรประจำตัวตามแบบที่องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาประกาศกำหนด และจะต้องติดบัตรประจำตัว ไว้ที่อกเสื้อด้านซ้ายตลอดเวลาที่ประกอบกิจการ ข้อ ๑๖ ใบอนุญาตให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต และให้ใช้ได้เพียงในเขตอำนาจ ขององค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาเท่านั้น การขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขออนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอพร้อมกับเสียค่าธรรมเนียมแล้ว ให้ประกอบกิจการต่อไปจนกว่าเจ้าพนัก งานท้องถิ่นจะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ ด้วย ข้อ ๑๗ ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตตามอัตราที่กำหนดไว้ ท้ายข้อบัญญัตินี้ในวันที่มารับใบอนุญาตสำหรับกรณีที่เป็นการขอรับใบอนุญาตครั้งแรก หรือก่อนใบอนุญาต สิ้นอายุสำหรับกรณีที่เป็นการขอต่ออายุใบอนุญาต ตลอดเวลาที่ยังดำเนินกิจการนั้น ถ้ามิได้เสียค่าธรรมเนียม ภายในเวลาที่กำห นดให้ชำระค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละยี่สิบของ จำนวนค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ เว้นแต่ผู้ได้รับใบอนุญาตจะได้บอกเลิกการดำเนินกิจการนั้นก่อนถึงกำหนดการเสียค่าธรรมเนียมครั้งต่อไป ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่งค้างชำระค่าธรรมเนียมติดต่อกันเกินกว่า สองครั้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนา จสั่งให้ผู้นั้นหยุดการดำเนินกิจการไว้จนกว่าจะได้เสียค่าธรรมเนียม และค่าปรับจนครบจำนวน หน้า ๒๒๕ ข้อ ๑๘ บรรดาค่าธรรมเนียมและค่าปรับตามข้อบัญญัตินี้ให้เป็นรายได้ขององค์การบริหาร ส่วนตำบลสะเดา ข้อ ๑๙ ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้โดยเปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ ประกอบกิจการตลอดเวลาที่ประกอบกิจการ ข้อ ๒๐ ในกรณีที่ใบอนุญาตสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาต ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบถึงการสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุด ตามแบบที่องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดากำหน ดไว้ การขอรับใบแทนใบอนุญาตและการออกใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีใบอนุญาตสูญหาย ให้ผู้ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตนำสำเนาบันทึก การแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แห่งท้องที่ที่ใบอนุญาตสูญหายมาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นประกอบด้วย (๒) ในกรณีใบอนุญาตถูก ทำลาย หรือชำรุดในสาระที่สำคัญ ให้ผู้ยื่นคำขอรับ ใบแทนใบอนุญาต นำใบอนุญาตเดิมเท่าที่เหลืออยู่มาแสดงต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นประกอบด้วย ข้อ ๒๑ ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือข้อบัญญัตินี้หรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเรื่องที่กำหนดไว้เกี่ยวกับการประกอบกิจการ ตามที่ได้รับใบอนุญาตตามข้อบัญญัตินี้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้ภายในเวลา ที่เห็นสมควรแต่ต้องไม่เกินสิบห้าวัน ข้อ ๒๒ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาต (๑) ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปและมีเหตุที่จะต้องถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตอีก (๒) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ (๓) ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือข้อบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเรื่องที่กำหนดไว้เกี่ยวกับการประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาต้หนา ๒๒๖ ตามข้อบัญญัตินี้และการไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องนั้นก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ ของประชาชนหรือมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของประชาชน ข้อ ๒๓ คำสั่งพักใช้ใบ อนุญาตและคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้รับ ใบอนุญาตทราบ ในกรณีที่ไม่พบผู้รับใบอนุญาต หรือผู้รับใบอนุญาตไม่ยอมรับคำสั่งดังกล่าว ให้ส่งคำสั่ง โดยทางไปรษณีย์ตอบรับ หรือให้ปิดคำสั่งนั้นไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำงาน ของผู้รับใบอนุญาต และให้ถือว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นได้รับทราบคำสั่งแล้วตั้งแต่เวลาที่คำสั่งไปถึง หรือวันปิดคำสั่ง แล้วแต่กรณี ข้อ ๒๔ ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจะขอรับใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการที่ถูกเพิกถอน ใบอนุญาตอีกไม่ได้จนกว่าจะพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ข้อ ๒๕ ผู้ใดฝ๋าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในบทกำหนดโทษ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒๖ ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาเป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อบัญญัตินี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ สมศักดิ์ ทะนวนรัมย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา หน้า ๒๒๗ อัตราค่าธรรมเนียม ท้ายข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา เรื่อง การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ พ.ศ. 2563 ลำดับที่รายการ อัตราค่าธรรมเนียม (บาท) หมายเหตุ 1 ใบอนุญาตจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ ก. จำหน่ายโดยลักษณะวิธีจัด วางสินค้าในที่หนึ่ง ที่ใดเป็นปกติ 1. พื้นที่ประกอบการ น้อยกว่า 5 ตารางเมตร 100 2. พื้นที่ประกอบการ ตั้งแต่ 5 – 10 ตารางเมตร 200 3. พื้นที่ประกอบการ ตั้งแต่ 11 – 20 ตารางเมตร 300 4. พื้นที่ประกอบการ เกินกว่า 20 ตารางเมตรขึ้นไป 500 ข. จำหน่ายโดยลักษณะ วิธีการเร่ขาย (แผงลอย ล้อเลื่อน) 100 ค. จำหน่ายโดยลักษณะการตั้ง วาง ขายเป็นครั้งคราว (งาน เทศกาล งานแสดงสินค้าและอื่น ๆ ) ครั้งละไม่เกิน 30 วัน 1. พื้นที่ประกอบการ ตั้งแต่ 10 – 20 ตารางเมตร รายละ 100 2. พื้นที่ประกอบการ ตั้งแต่ 21 – 30 ตารางเมตร รายละ 200 3. พื้นที่ประกอบการ เกินกว่า 30 ตารางเมตร ขึ้นไป รายละ 300 คำขอรับใบอนุญาต จำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ เขียนที่................................................................... วันที่.............เดือน............................พ.ศ. .............. ข้าพเจ้า........................................................................อายุ..........................ปี สัญชาติ............................... อยู่บ้านเลขที่..........................หมู่ที่..............................ตรอก/ซอย.............................ถนน........ ................................. แขวง/ตำบล........................................เขต /อำเภอ................................................จังหวัด........................................... โทรศัพท์.................................................................. ขอยื่นคำขอรับใบอนุญาตจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ ประเภท (ระบุชนิด/ประเภทสินค้า) ............................................................................................................................. ...................................................... บริเวณที่จำหน่ายสินค้า......................................................................หมู่ที่.............ถนน.........................ตำบลสะเดา อำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ จำหน่ายตั้งแต่เวลา.........................................น. ถึงเวลา............................น. โดยมีผู้ช่วยจำหน่าย จำนวน........................คน ประกอบด้วย ............................................................................................................................. ...................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... ................................................................................................................................................................................... พร้อมคำขอนี้ข้าพเจ้าได้แนบเอกสารต่าง ๆ ประกอบการพิจารณา ดังนี้ 1. รูปถ่ายหน้าตรงครึ่งตัวไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตาดำ ขนาด 1/2 นิ้ว ของผู้ขอรับใบอนุญาตและผู้ช่วยจำหน่าย จำนวนคนละ 3 รูป 2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอ รับใบอนุญาต 3. สำเนาบัตรประ จำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ช่วยจำหน่าย 4. ใบรับรองแพทย์ของผู้ขอรับใบอนุญาตและผู้ช่วยจำหน่าย ข้าพเจ้าจะรักษาความสะอาดบริเวณสถานที่จำหน่ายสินค้าและปฏิบัติตามที่องค์การบริหารส่วนตำบล สะเดากำหนดทุกประการ แผนที่ตั้งสถานประกอบกิจการโดยสังเขป ข้าพเจ้าขอรับรองว่า ข้อความในแบบคำขอนี้เป็นจริงทุกประการ (ลงชื่อ)..................................................... (...................................................) ผู้ขอรับใบอนุญาต คำขอต่ออายุใบอนุญาต จำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ เขียนที่................................................................... วันที่.............เดือน............................พ.ศ. .............. ข้าพเจ้า........................................................................อายุ..........................ปี สัญชาติ............................... อยู่บ้านเลขที่..........................หมู่ที่..............................ตรอก/ซอย.............................ถนน........ ................................. แขวง/ตำบล........................................เขต/อำเภอ................................................จังหวัด............ ............................... โทรศัพท์.................................................................. ขอยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ ประเภท (ระบุชนิด/ประเภทสินค้า) ............................................................................................................................. ...................................................... บริเวณที่จำหน่ายสินค้า......................................................................หมู่ที่.............ถนน.........................ตำบลสะเดา อำเภอพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ จำหน่ายตั้งแต่เวลา.........................................น. ถึงเวลา............................น. โดยมีผู้ช่วยจำหน่าย จำนวน........................คน ประกอบด้วย ............................................................................................................................. ...................................................... ............................................................................................................................. ...................................................... ................................................................................................................................................................................... พร้อมคำขอนี้ข้าพเจ้าได้แนบเอกสารต่าง ๆ ประกอบการพิจารณา ดังนี้ 1. รูปถ่ายหน้าตรงครึ่งตัวไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตาดำ ขนาด 1/2 นิ้ว ของผู้ขอรับใบอนุญาตและผู้ช่วยจำหน่าย จำนวนคนละ 3 รูป 2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับใบอนุญาต 3. สำเนาบัตรประ จำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ช่วยจำหน่าย 4. ใบรับรองแพทย์ของผู้ขอรับใบอนุญาตและผู้ช่วยจำหน่าย ข้าพเจ้าจะรักษาความสะอาดบริเวณสถานที่จำหน่ายสินค้าและปฏิบัติตามที่องค์การบริหารส่วนตำบล สะเดากำหนดทุกประการ ข้าพเจ้าขอรับรองว่า ข้อความในแบบคำขอนี้เป็นจริงทุกประการ (ลงชื่อ)..................................................... (...................................................) ผู้ขอ ต่ออายุใบอนุญาต เลขที่รับ..................../.................... คำขอรับใบแทนใบอนุญาต จำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ เขียนที่................................................................... วันที่.............เดือน............................พ.ศ. .............. ข้าพเจ้า (นาย / นาง / นางสาว)......................................................อายุ.............ปี สัญชาติ........................ เลขหมายประจำตัวประชาชนเลขที่      อยู่บ้านเลขที่.................หมู่ที่............. ตรอก/ซอย.....................ถนน...........................แขวง/ตำบล...................................เขต/อำเภอ................................ จังหวัด..................................โทรศัพท์................................................ ได้ขออนุญาตเป็นผู้จำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ ใบอนุญาตเล่มที่................................................ เลขที่............... ...............................ปี.............................................. ขอยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตจำ หน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เนื่องจากใบอนุญาตของข้าพเจ้าดังกล่าวข้างต้น  สูญหาย  ถูกทำลาย  ชำรุดในสาระสำคัญ พร้อมได้แนบหลักฐานที่นำมาประกอบการพิจารณา ดังนี้  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับใบแทนใบอนุญาต  2. ใบอนุญาตเดิม กรณีที่ชำรุดในสาระสำคัญ  3. สำเนาบันทึกการแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แห่งท้องที่ที่ใบอนุญาตสูญหาย กรณีใบอนุญาต เดิมสูญหาย ขอรับรองว่า ข้อความในแบบคำขอนี้เป็นจริงทุกประการ (ลงชื่อ).......................................................... (...........................................................) ผู้ขอรับใบแทนใบอนุญาต คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น  อนุมัติออกใบแทนใบอนุญาตได้  ไม่อนุมัติออกใบแทนใบอนุญาต (ลงชื่อ).....................................................เจ้าพนักงานท้องถิ่น (....................................................) ส่วนของเจ้าหน้าที่ ใบรับคำขอรับ ใบแทนใบอนุญาต เลขที่................................... ได้รับเรื่องเมื่อวันที่................. เดือน.................................. พ.ศ. ....................... ตรวจสอบแล้ว เอกสารหลักฐาน □ ครบ □ ไม่ครบ คือ (1) ..................................................... (2) ..................................................... (3) ..................................................... (ลงชื่อ) .............................................................. (.............................................................) ตำแหน่ง ................................................ .................................................................................................................................................................................... ส่วนของผู้ขอรับ ใบแทนใบอนุญาต ใบรับคำขอรับ ใบแทนใบอนุญาต เลขที่................................... ได้รับเรื่องเมื่อวันที่................. เดือน.................................. พ.ศ. ....................... ตรวจสอบแล้ว เอกสารหลักฐาน □ ครบ □ ไม่ครบ คือ (1) ..................................................... (2) ..................................................... (3) ..................................................... ดังนั้น กรุณานำเอกสารหลักฐานที่ยังไม่ครบทั้งหมดมายื่นต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายใน วันที่ ........... เดือน .........................พ.ศ. ............... นับแต่วันนี้เป็นต้นไป (ลงชื่อ) .............................................................. (.............................................................) ตำแหน่ง ................................................ ใบอนุญาต ประกอบกิจการ................................................................................... เล่มที่ ........................... เลขที่ .................../................... (๑) เจ้าพนักงานท้องถิ่นอนุญาตให้ ....................................................อายุ..............ปีสัญชาติ ….................. อยู่บ้านเลขที่.................หมู่ที่ ........ ตรอก/ซอย................ถนน ..............................ตำบล/แขวง............................... อำเภอ/เขต............................... จังหวัด ..................................โทรศัพท์ ................................................................... ชื่อสถานประกอบกิจการ................................................... ประเภท ........................................................... ตั้งอยู่เลขที่ ...................หมู่ที่..............ตรอก/ซอย................ถนน .................................. ตำบล ............................... อำเภอ ...................................... จังหวัด .............. ...................... โทรศัพท์ .............................................................. อัตราค่าธรรมเนียมปีละ................................ (บาท) (...................................................) ตามใบเสร็จรับเงิน เล่มที่..................... .......... เลขที่.............................................. ลงวันที่...................................................................... (๒) ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ครบถ้วน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดใน ข้อบัญญัติองค์การบริหาร ส่วนตำบลสะเดา เรื่อง การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ พ.ศ. 2563 (๓) หากปรากฏในภายหลังว่าการประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาตนี้เป็นการขัดต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมิอาจแก้ไขได้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจพิจารณาให้เพิกถอนการอนุญาตนี้ได้ (๔) ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเฉพาะดังต่อไปนี้อีกด้วย คือ (๔.๑)............................................................................................................................................. (๔.๒)............................................................................................................................................. (๕) ใบอนุญาตฉบับนี้ออกให้เมื่อวันที่............. เดือน.................................... พ.ศ. .......................... (๖) ใบอนุญาตฉบับนี้สิ้นอายุวันที่................ เดือน ................................. พ.ศ. .............................. (ลงชื่อ) .......................................................... (...........................................................) ตำแหน่ง .............................................. เจ้าพนักงานท้องถิ่น คำเตือน (๑) ผู้รับใบอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตนี้ไว้โดยเปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบกิจการ ตลอดเวลาที่ประกอบกิจการ หากฝ๋าฝืนมีโทษปรับไม่เกินหำร้อยบาท (๒) หากประสงค์จะประกอบกิจการในปีต่อไปต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต ก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เล่ม: 140 หมวด: 133 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 08/06/2023 หน้า: 219
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:142373", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา เรื่อง การจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาธารณะ พ.ศ. 2563", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D133S0000000021900.pdf", "year": null }
nonweb_80262
ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. ๑๘/๒๕๕๑ เรื่อง การยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่กจ. ๑๘/๒๕๕๑ เรื่อง การยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๖๓ (๕) และมาตรา ๖๔ (๒) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัด สิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ มาตรา ๔๓ มาตรา ๔๔ และมาตรา ๖๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัย อำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นไป ข้อ ๒ ให้ยกเลิกหมวด ๑ แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่กจ.๓๒/๒๕๔๙ เรื่อง การยื่นและการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๓ เว้นแต่ได้กำหนดไว้เป็นประการอื่น ให้นำบทนิยามที่กำหนดไว้ในประกาศ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการกำหนดบทนิยามในประกาศเกี่ยวกับ การออกและเสนอขายหลักทรัพย์มาใช้กับประกาศนี้ ข้อ ๔ ให้ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือ ชี้ชวนต่อสำนักงานก่อนการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ตามประกาศนี้ ผู้ที่ไม่ได้รับยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามวรรคหนึ่ง ให้ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนว่าด้วยการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขาย หลักทรัพย์ ข้อ ๕ การยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขาย ใบสำคัญแสดงสิทธิ ให้หมายความรวมถึงการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือ ชี้ชวนสำหรับหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นที่รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิด้วย หมวด ๑ หลักทรัพย์ที่ได้รับการยกเว้น ข้อ ๖ มิให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ในหมวด ๓ ว่าด้วยการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนมาใช้บังคับกับหลักทรัพย์ ดังต่อไปนี้ (๑) หน่วยลงทุนที่เสนอขายโดยผู้ถือหน่วยลงทุน โดยหน่วยลงทุนดังกล่าวต้องออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม (๒) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุน ซึ่งมีลักษณะและการเสนอขายในลักษณะใด ลักษณะหนึ่งดังนี้ (ก) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนซึ่งเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกใหม่และ เสนอขายพร้อมหน่วยลงทุนที่ออกใหม่ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ หลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม (ข) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนซึ่งเสนอขายโดยผู้ถือหลักทรัพย์ และใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวได้เสนอขายครั้งแรกพร้อมหน่วยลงทุนที่ออกใหม่ของบริษัทหลักทรัพย์ ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม (๓) หลักทรัพย์ที่เสนอขายโดยบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ หลักทรัพย์ประเภทการค้าหลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์ที่เคยเสนอขาย ต่อประชาชนซึ่งเข้าลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังนี้ (ก) ผู้ออกหลักทรัพย์เป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และผู้ออกหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีหน้าที่ต้องจัดทำและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ออกตามความในมาตรา ๕๖ (ข) ผู้ออกหลักทรัพย์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเฉพาะที่ได้ทำข้อตกลงไว้กับ สำนักงานซึ่งยินยอมที่จะปฏิบัติดังนี้ ๑. จัดทำและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการ ดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ออกตามความในมาตรา ๕๖ ๒. รายงานต่อสำนักงานโดยไม่ชักช้าเมื่อมีเหตุการณ์ตามมาตรา ๕๗ หมวด ๒ ลักษณะการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ได้รับยกเว้น ข้อ ๗ การยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ตามหมวดนี้ ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ (๑) ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ต้องไม่โฆษณาการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นการทั่วไป (๒) ในกรณีที่ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ประสงค์จะแจกจ่ายเอกสารเกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่จะเสนอ ขายหรืออยู่ระหว่างเสนอขาย ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ต้องแจกจ่ายเอกสารดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะเจาะจงเท่านั้น ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับกรณีการเสนอขายหลักทรัพย์ที่เข้าลักษณะตามข้อ ๘ และข้อ ๑๑ (๒) (ข) ข้อ ๘ การเสนอขายหลักทรัพย์ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นการยื่นแบบแสดง รายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน (๑) การเสนอขายที่กระทำโดยการเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเสนอราคา (๒) มีการกำหนดเงื่อนไขไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ได้รับคัดเลือกให้ซื้อหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัท แต่ละแห่งต้องเป็นบุคคลเพียงหนึ่งรายหรือหนึ่งกลุ่ม และ (๓) ในกรณีที่ผู้ได้รับเลือกเป็นกลุ่มบุคคล กลุ่มดังกล่าวต้องประกอบด้วยบุคคลจำนวน ไม่เกินสิบราย ข้อ ๙ ให้การเสนอขายหุ้นที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นการยื่นแบบ แสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน (๑) การเสนอขายหุ้นต่อผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงซึ่งมีจำนวนไม่เกินห้าสิบราย ในรอบ ระยะเวลาสิบสองเดือน (๒) การเสนอขายหุ้นที่มีมูลค่ารวมกันไม่เกินยี่สิบล้านบาทภายในรอบระยะเวลาสิบสองเดือน ทั้งนี้การคำนวณมูลค่ารวมของหุ้นดังกล่าว ให้ถือเอาราคาเสนอขายหุ้นนั้นเป็นเกณฑ์ (๓) การเสนอขายหุ้นต่อผู้ลงทุนสถาบัน (๔) การเสนอขายหุ้นที่ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ออกหุ้นนั้น และไม่มี ลักษณะเป็นการเสนอขายโดยทั่วไป (๕) การเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่บุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ของบริษัทตามแผนฟื้นฟูกิจการ ที่ศาลให้ความเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้ เจ้าหนี้ต้องรับหุ้นที่ออกใหม่ดังกล่าวแทนการรับชำระหนี้ (๖) การเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่เพื่อรองรับใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ ข้อ ๑๐ ให้การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการหรือพนักงานที่เข้าลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน (๑) การเสนอขายต่อกรรมการหรือพนักงานตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนว่าด้วย การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ต่อกรรมการหรือพนักงาน ไม่ว่าเป็นการเสนอขายโดยตรงหรือ ผ่านผู้รับช่วงซื้อหลักทรัพย์ (๒) การเสนอขายต่อกรรมการหรือพนักงานตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนว่าด้วย การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทต่างประเทศให้แก่กรรมการหรือพนักงานของบริษัท ต่างประเทศหรือบริษัทในเครือ ในประเทศไทย ข้อ ๑๑ ให้การเสนอขายหลักทรัพย์ในกรณีอื่นใดที่นอกเหนือจากกรณีตามข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ซึ่งมีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ ได้รับยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือ ชี้ชวนต่อสำนักงาน (๑) การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อผู้ลงทุนสถาบัน (๒) การเสนอขายหลักทรัพย์ในทอดต่อ ๆ ไป ซึ่งเข้าลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้ (ก) การเสนอขายหลักทรัพย์ที่มีข้อจำกัดการโอน และเสนอขายโดยไม่ขัดกับข้อจำกัด การโอนดังกล่าว (ข) การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่มีข้อจำกัดการโอน และได้มีการยื่นแบบแสดง รายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหลักทรัพย์ดังกล่าวไว้แล้วตั้งแต่การเสนอขาย ในครั้งแรก โดยผู้ออกหลักทรัพย์ยังมีการนำส่งงบการเงินหรือรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการ ดำเนินงานตามหน้าที่ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ออกตามความในมาตรา ๕๖ หรือผู้ออกหลักทรัพย์ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับสำนักงานตามข้อ ๖ (๓) (ข) ในหมวด ๑ โดยอนุโลม แล้วแต่กรณี (๓) การเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ต่อผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงซึ่งเมื่อนับรวมกับ ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ทุกรุ่นทุกลักษณะที่ออกโดยบริษัทที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ดังกล่าวแล้วมีจำนวนไม่เกินสามสิบห้าราย ณ ขณะใดขณะหนึ่ง (๔) การเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่ออกใหม่และหุ้นรองรับต่อผู้ลงทุน โดยเฉพาะเจาะจงซึ่งเมื่อนับรวมกับผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิทุกรุ่นทุกลักษณะที่ออกโดยบริษัทที่ออก ใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวแล้ว มีจำนวนไม่เกินห้าสิบราย ณ ขณะใดขณะหนึ่ง (๕) การเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่ออกใหม่และหุ้นรองรับต่อผู้ลงทุนซึ่งมี มูลค่ารวมกันไม่เกินยี่สิบล้านบาท ภายในรอบระยะเวลาสิบสองเดือน ทั้งนี้การคำนวณมูลค่ารวมของ ใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวให้ถือเอาราคาเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิรวมกับราคาใช้สิทธิซื้อหุ้น รองรับนั้นเป็นเกณฑ์ (๖) การเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่ออกใหม่ซึ่งเสนอขายหุ้นรองรับต่อผู้ถือ หุ้นของบริษัทที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวตามสัดส่วนการถือหุ้นแต่เมื่อมีการใช้สิทธิแล้ว ผู้ที่จะ ใช้สิทธิเพื่อซื้อหุ้นรองรับนั้นอาจไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ข้อ ๑๒ การคำนวณมูลค่าการเสนอขายหรือการนับจำนวนผู้ลงทุนตามข้อ ๙ และข้อ ๑๑ ให้เป็นดังนี้ (๑) การคำนวณมูลค่าการเสนอขายหุ้นตามข้อ ๙ (๒) ไม่ให้นับรวมส่วนที่เสนอขายต่อ ผู้ลงทุนสถาบันตามข้อ ๙ (๓) และที่เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นตามข้อ ๙ (๔) (๒) การคำนวณมูลค่าการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นตามข้อ ๑๑ (๕) ไม่ให้ นับรวมส่วนที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบันตามข้อ ๑๑ (๑) (๓) การนับจำนวนผู้ลงทุนในหุ้นตามข้อ ๙ (๑) หรือจำนวนผู้ลงทุนในหลักทรัพย์ตามข้อ ๑๑ (๓) หรือข้อ ๑๑ (๔) ไม่ให้นับรวมส่วนที่เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันตามข้อ ๙ (๓) หรือข้อ ๑๑ (๑) ตามแต่กรณี การคำนวณมูลค่าการเสนอขายหรือการนับจำนวนผู้ลงทุนตาม (๑) (๒) หรือ (๓) ไม่จำต้อง คำนึงว่าการเสนอขายดังกล่าวจะกระทำในเวลาเดียวกันหรือต่างเวลากัน ข้อ ๑๓ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณมูลค่าการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือการนับจำนวน ผู้ลงทุนตามข้อ ๙ และข้อ ๑๑ ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้ (๑) ในกรณีเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์โดยผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์หรือตัวแทน การจำหน่ายหลักทรัพย์ของผู้ออกหลักทรัพย์หรือผู้ถือหลักทรัพย์ ให้นับรวมการเสนอขายหลักทรัพย์ ของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์หรือตัวแทนการจำหน่ายหลักทรัพย์นั้นทุกรายเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ ของผู้ออกหลักทรัพย์หรือผู้ถือหลักทรัพย์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์หรือตัวแทน จำหน่ายหลักทรัพย์ดังกล่าวจะซื้อหลักทรัพย์ที่เสนอขายนั้นเข้าบัญชีของตนเองก่อนหรือไม่ (๒) ในกรณีที่มีผู้ถือหลักทรัพย์หลายรายร่วมกันเสนอขายหลักทรัพย์ประเภทเดียวกันซึ่งออกโดย บริษัทเดียวกัน หรือเสนอขายในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ให้นับรวมการเสนอขายของผู้ถือหลักทรัพย์ ทุกราย เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์โดยผู้ถือหลักทรัพย์เพียงหนึ่งราย ทั้งนี้การร่วมกันเสนอขาย หลักทรัพย์ดังกล่าวให้รวมถึงพฤติการณ์ ดังต่อไปนี้ด้วย (ก) ผู้ถือหลักทรัพย์แต่ละรายเสนอขายหลักทรัพย์ในราคาและระยะเวลาเดียวกันหรือ ใกล้เคียงกัน และ (ข) ปรากฏข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ๑. ผู้ถือหลักทรัพย์แต่ละรายเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ๒. ผู้ถือหลักทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัทผู้ออก หลักทรัพย์หรือบริษัทย่อย หรือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว ๓. เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหลักทรัพย์ของผู้ถือหลักทรัพย์แต่ละรายในที่สุด ไปสู่บุคคลเดียวกัน ๔. เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ผู้ถือหลักทรัพย์แต่ละรายใช้ใบจองซื้อหลักทรัพย์ หรือตัวแทนรับจองซื้อหลักทรัพย์ร่วมกัน โดยมีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้จองซื้อหลักทรัพย์มิได้ คำนึงว่าตนได้จองซื้อหลักทรัพย์จากผู้ถือหลักทรัพย์รายใด (๓) ในกรณีผู้ลงทุนที่จองซื้อหลักทรัพย์เป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ผู้รับฝากทรัพย์สิน นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ผู้ค้าหลักทรัพย์ หรือบุคคลอื่นใดที่มีการถือครองหลักทรัพย์แทนบุคคลอื่น ให้นับจำนวนผู้ลงทุนหรือประเภทผู้ลงทุนจากบุคคลที่เป็นผู้ถือหลักทรัพย์ที่แท้จริง ข้อ ๑๔ ในกรณีที่เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนหรือบุคคลใด ๆ ซึ่งผู้ถือ หลักทรัพย์มีเหตุจำเป็นและสมควรที่ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยื่นแบบแสดงรายการ ข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานได้ และผู้ถือหลักทรัพย์ดังกล่าวเข้าถือหลักทรัพย์ที่จะเสนอ ขายเนื่องจากการปฏิบัติตามนโยบายของทางการเพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงินหรือรักษาความมั่นคง ของระบบสถาบันการเงิน หรือในกรณีอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องยื่นแบบแสดง รายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (๑) เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อผู้ลงทุนซึ่งรู้หรือควรได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงินหรือ ผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นได้ (๒) มีความเพียงพอของการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์และผู้ออกหลักทรัพย์ต่อผู้ลงทุน ข้อ ๑๕ การเสนอขายหลักทรัพย์แก่กองทุนรวมใดกองทุนรวมหนึ่งที่จัดตั้งขึ้น หรือมีการ ลงทุนในลักษณะที่เป็นเครื่องมือเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยื่นแบบแสดง รายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนว่าด้วยการยื่นแบบ แสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ไม่ได้รับการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและ ร่างหนังสือชี้ชวนตามหมวดนี้ เว้นแต่กรณีที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานตามวรรคสาม การเสนอขายหลักทรัพย์ แก่กองทุนรวมใดกองทุนรวมหนึ่งในลักษณะดังต่อไปนี้ ไม่ได้รับการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการ ข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามหมวดนี้ (๑) กองทุนรวมนั้นมิได้จำกัดการเสนอขายหน่วยลงทุนเฉพาะแก่ผู้ลงทุนสถาบัน (๒) การเสนอขายหลักทรัพย์ให้กองทุนรวมนั้นเป็นไปตามข้อตกลงหรือสัญญาระหว่าง ผู้เสนอขายหลักทรัพย์กับบริษัทจัดการ โดยบริษัทจัดการดังกล่าวไม่ต้องใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจ ลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายนั้น ในระดับเดียวกับการบริหารกองทุนรวมทั่วไป และ (๓) มีการลงทุนของกองทุนรวมในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (ก) ลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายของบริษัทใดบริษัทหนึ่งในแต่ละครั้งมีมูลค่า เกินกว่าร้อยละห้าสิบของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมนั้น หรือ (ข) ลงทุนในหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งเกินกว่าร้อยละห้าสิบ ของมูลค่ารวมของหลักทรัพย์ที่เสนอขายในแต่ละครั้ง ในกรณีที่ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ประสงค์จะเสนอขายหลักทรัพย์แก่กองทุนรวมที่มีลักษณะ ตามที่กำหนดในวรรคสอง โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้การเสนอขายหลักทรัพย์แก่กองทุนรวมนั้นเป็น การเสนอขายหลักทรัพย์แก่ผู้ลงทุนสถาบัน ให้ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ดังกล่าวยื่นคำขอความเห็นชอบ ต่อสำนักงาน พร้อมทั้งคำชี้แจงและเอกสารหลักฐานประกอบ และให้สำนักงานมีอำนาจให้ความ เห็นชอบ ให้ผู้เสนอขายหลักทรัพย์สามารถเสนอขายหลักทรัพย์แก่กองทุนรวมในฐานะเป็นผู้ลงทุน สถาบันในครั้งนั้นได้ เพื่อประโยชน์ตามความในข้อนี้ “กองทุนรวม” หมายความว่า กองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจ เงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ซึ่งจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม “บริษัทจัดการ” หมายความว่า บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ประเภทการจัดการกองทุนรวม ข้อ ๑๖ ให้ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ตามหมวดนี้รายงานผลการขายหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ ต่อไปนี้ (๑) ในกรณีเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ที่เข้าลักษณะตามข้อ ๘ ข้อ ๙ (๖) ข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑ (๒) (ข) และ (๖) ให้ผู้เสนอขายรายงานผลการขายหลักทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ ที่สำนักงานประกาศกำหนดตามความในมาตรา ๘๑ ในส่วนที่ใช้บังคับกับการรายงานผลการขาย หลักทรัพย์ประเภทดังกล่าวต่อประชาชน โดยอนุโลม (๒) ในกรณีอื่นนอกจาก (๑) ให้ผู้เสนอขายหลักทรัพย์รายงานผลการขายหลักทรัพย์ ต่อสำนักงานภายในสิบห้าวันนับแต่วันปิดการเสนอขาย โดยให้แสดงรายละเอียดดังต่อไปนี้ (ก) วันที่เสนอขายหลักทรัพย์ (ข) ประเภท ลักษณะ และชื่อเฉพาะของหลักทรัพย์ (ถ้ามี) (ค) จำนวนหลักทรัพย์ที่เสนอขายทั้งหมด และจำนวนหลักทรัพย์ที่ขายได้ทั้งหมด (ง) ราคาของหลักทรัพย์ที่เสนอขาย ราคาและอัตราใช้สิทธิ (กรณีที่เป็นการเสนอขาย ใบสำคัญแสดงสิทธิ) และในกรณีหลักทรัพย์ที่เสนอขายหรือหุ้นรองรับหลักทรัพย์ที่เสนอขายเป็นหุ้น ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ระบุราคาตลาดของหุ้นนั้น วันที่ใช้ในการ คำนวณแหล่งอ้างอิงของราคาตลาด พร้อมทั้งวิธีการคำนวณราคาตลาดดังกล่าวด้วย (จ) ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อหลักทรัพย์ และจำนวนที่ผู้ซื้อหลักทรัพย์แต่ละรายได้รับจัดสรร (ฉ) ชื่อ สถานที่ติดต่อ และหมายเลขโทรศัพท์ ของผู้รายงานผลการขาย ในกรณีเป็นรายงานผลการขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการหรือพนักงานตามข้อ ๑๐ วันปิด การเสนอขายให้หมายความรวมถึงวันดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่กรรมการหรือพนักงานสามารถใช้สิทธิซื้อหลักทรัพย์ได้เฉพาะตามระยะเวลา ที่กำหนดไว้เป็นรอบ ๆ ให้ถือว่าวันสุดท้ายของระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละรอบนั้นเป็นวันปิด การเสนอขาย (๒) ในกรณีที่กรรมการหรือพนักงานสามารถใช้สิทธิซื้อหลักทรัพย์ได้ในวันใด ๆ ในรอบ ปีปฏิทินปีหนึ่งปีปฏิทินใด ให้ถือว่าวันสิ้นปีปฏิทินของแต่ละปีปฏิทินนั้นเป็นวันปิดการเสนอขาย ข้อ ๑๗ ให้ผู้ออกหลักทรัพย์รายงานผลการขายหลักทรัพย์รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญ แสดงสิทธิ ซึ่งเสนอขายโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน ตามหมวดนี้ โดยมีรายละเอียดตามข้อ ๑๖ โดยอนุโลม ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นสุดการใช้สิทธิ ตามใบสำคัญแสดงสิทธิ ในแต่ละครั้ง ในกรณีที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ อาจใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิในลักษณะต่อเนื่อง ได้ตั้งแต่วันที่กำหนดให้ใช้สิทธิ ให้ผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวยื่นรายงานตามวรรคหนึ่ง ต่อสำนักงานภายในสิบห้าวันนับแต่วันสุดท้ายของทุกเดือนที่มีการใช้สิทธิ ข้อ ๑๘ การยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามที่กำหนดไว้ใน ประกาศนี้มิให้ใช้กับการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ผู้ออกหลักทรัพย์ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและ ร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ เว้นแต่ผู้ออกหลักทรัพย์จะได้แสดง เจตนาเป็นหนังสือเพื่อขอถอนหรือยกเลิกการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนดังกล่าว ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ วิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หมายเหตุ :- เหตุผลในการออกประกาศฉบับนี้คือ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยกเว้นการยื่นแบบ แสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน ทั้งนี้ ได้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการยกเว้น การยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน ไว้สำหรับกรณีที่บริษัท เสนอขายหลักทรัพย์ต่อบุคคลในวงจำกัด ผู้ถือหุ้นเดิม หรือกรรมการและพนักงาน อันเป็นการสอดคล้องกับ การผ่อนปรนหลักเกณฑ์การอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ต่อบุคคลในลักษณะดังกล่าวได้โดยถือว่าได้รับ อนุญาตจากสำนักงานแล้ว จึงจำเป็นต้องออกประกาศนี้ เล่ม: ๑๒๕ หมวด: ๑๙๖ ง พิเศษ ประกาศ ณ: ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ หน้า: ๘
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:80263", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. ๑๘/๒๕๕๑ เรื่อง การยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์", "url": "http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/196/8.PDF", "year": null }
nonweb_141397
ประกาศนายทะเบียน เรื่อง การขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ครั้งที่ 4/2566 ประกาศนายทะเบียน เรื่อง การขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ 4/2566 โดยที่เป็นการสมควรขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ และข้อ ๑๘ แห่งระเบียบกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒ นายทะเบียน จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามระเบียบกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อ พิพาทภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และกำหนดเลขทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน และเลขประจำของเจ้าของเรื่องของศูนย์ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ดังต่อไปนี้ ลำดับ ชื่อศูนย์ ที่ตั้ง เลขทะเบียน ศูนย์ไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท ภาคประชาชน เลขประจำของ เจ้าของเรื่องของ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน 1 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงคลองเตย (04) เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ เลขที่ 229 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 330104 ยธ 0403 (กท 330104) 2 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงคลองสาน (03) เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลสมเด็จพระยา เลขที่ 1421 ซอยลาดหญ้า 21 ถนนลาดหญ้า แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 180203 ยธ 0403 (กท 180203) 3 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงสามวาตะวันออก (02) เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลนิมิตใหม่ เลขที่ 99 ซอยไมตรีจิต 2 ถนนไมตรีจิต แขวงสามวา ตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 460202 ยธ 0403 (กท 460202) 4 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงสีกัน (04) เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง เลขที่ 210 ถนนเดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 360204 ยธ 0403 (กท 360204) หน้า ๑๘ ลำดับ ชื่อศูนย์ ที่ตั้ง เลขทะเบียน ศูนย์ไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท ภาคประชาชน เลขประจำของ เจ้าของเรื่องของ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน 5 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงรัชดาภิเษก (03) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร เลขที่ 225 ถนนรัชดาภิเษก แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 260203 ยธ 0403 (กท 260203) 6 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงบางขุนนนท์ (04) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ เลขที่ 258/14 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 30/1 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 200604 ยธ 0403 (กท 200604) 7 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงคลองจั่น (03) เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เลขที่ 1 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 060103 ยธ 0403 (กท 060103) 8 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงบางไผ่ (02) เขตบางแค กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลศาลาแดง เลขที่ 128 ซอยบางแวก 158 ถนนบางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 400302 ยธ 0403 (กท 400302) 9 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงบางซื่อ (05) เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลบางโพ เลขที่ 109 ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 290105 ยธ 0403 (กท 290105) 10 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงลุมพินี (02) เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เลขที่ 139 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 070402 ยธ 0403 (กท 070402) 11 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวง บางหว้า (03) เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ เลขที่ 48 ซอยเพชรเกษม 54 ถนนเพชรเกษม แขวง บางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 221003 ยธ 0403 (กท 221003) 12 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงพลับพลา (04) เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง เลขที่ 289 รามคำแหง 21 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 450404 ยธ 0403 (กท 450404) หน้า ๑๙ ลำดับ ชื่อศูนย์ ที่ตั้ง เลขทะเบียน ศูนย์ไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท ภาคประชาชน เลขประจำของ เจ้าของเรื่องของ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน 13 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงสะพานสอง (02) เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย เลขที่ 2115/1 ถนนลาดพร้าว 53 แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 450202 ยธ 0403 (กท 450202) 14 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงพระโขนงเหนือ (02) เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง เลขที่ 2007 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 390302 ยธ 0403 (กท 390302) 15 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงทุ่งมหาเมฆ (02) เขตสาทร กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลบางโพงพาง เลขที่ 505 ซอยสวนพลู ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 280302 ยธ 0403 (กท 280302) 16 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงสายไหม (02) เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลสายไหม เลขที่ 9 ซอยสายไหม 43 ถนนสายไหม แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 420102 ยธ 0403 (กท 420102) 17 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ภาคประชาชน แขวงหนองจอก (02) เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาลหนองจอก เลขที่ 152 ถนนผดุงพันธ์ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ศกช.กท 030202 ยธ 0403 (กท 030202) ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕ เรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายทะเบียน เล่ม: 140 หมวด: 109 ง พิเศษ ประกาศ ณ: 11/05/2023 หน้า: 18
https://ratchakitcha.soc.go.th
{ "Filename": null, "author": null, "channel_name": null, "domain": "government document", "is_subtitle_generated": null, "license": "CC0", "provenance": "data_14_35_2025_03_11.jsonl.gz:141398", "revid": null, "src": null, "ticker": null, "title": "ประกาศนายทะเบียน เรื่อง การขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ครั้งที่ 4/2566", "url": "https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/140D109S0000000001800.pdf", "year": null }